Masukจากหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่มีต้นทุนอะไรเลยในชีวิต เธอเติบโตมากับความฝันเรียบง่าย เรียนให้จบปริญญา หางานดีๆเพื่อดูแลครอบครัว แต่แล้วเส้นทางที่วาดหวังไว้กลับเปลี่ยนไป เพราะผู้ชายคนนั้น คนที่ทิ้งสิ่งมีชีวิตเล็กๆเอาไว้ในตัวเธอ ถึงแม้เขาจะไม่เคยมองเห็นคุณค่า แต่สำหรับเธอแล้ว เด็กน้อยคนนี้คือสิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิต เป็นกำลังใจเดียวที่ทำให้เธอเลือกจะยืนหยัด
จุดเริ่มต้นของชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยวคือการขายของมือสองเล็กๆในเพจออนไลน์ พอเริ่มมีคนติดตามมากขึ้น เพื่อนๆก็นำของมาฝากขายพร้อมค่าตอบแทนเล็กน้อย เมื่อมีเงินเก็บ เธอตัดสินใจลงทุนในสิ่งที่รักอาหาร สุดท้ายเลือกเปิดร้านขายยำในห้องเช่าเล็กๆที่เพื่อนช่วยหาให้ แต่เส้นทางกลับไม่ง่ายเหมือนความฝัน วันแรกๆ แทบไม่มีลูกค้า ความเงียบเหงาทำให้หลายครั้งคิดจะล้มเลิก หากแต่ทุกครั้งที่นึกถึงลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลก เธอก็เตือนตัวเองว่า “จะล้มไม่ได้ ต้องสู้” เพราะเธอรู้ดีว่าการเกิดมาแล้วต้องเจอกับความลำบากมันเป็นอย่างไร และเธอจะไม่มีวันยอมให้ลูกต้องลำบากแบบนั้น ด้วยความพยายาม เธอลองทำทุกวิถีทางเพื่อให้ร้านเป็นที่รู้จัก จากวันที่ทำทุกอย่างคนเดียวเสิร์ฟอาหาร ล้างจาน รับออเดอร์ และลงมือทำเองทั้งหมดพอมีรายได้ เธอก็เริ่มจ้างพนักงานเพิ่ม จากหนึ่งเป็นสอง และในที่สุดปัจจุบันร้านเล็กๆ มีลูกน้องถึงห้าคน แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังไม่ละทิ้งการขายออนไลน์ เพราะนั่นช่วยต่อยอดและเป็นรายได้เสริมให้กับร้าน ทุกครั้งที่เหนื่อยล้า เธอมักวางมือจากงานเพื่อลูบหน้าท้อง พูดคุยกับลูกน้อยในครรภ์ ขอเพียงกำลังใจเล็กๆเพื่อก้าวต่อไป เวลาล่วงเลยจนท้องโตเข้าเดือนที่เก้า เพื่อนสนิทก็มักแวะมาที่ร้านเสมอเพื่อช่วยเหลือและคอยห่วงใย “มิ้ง ท้องแกโตขนาดนี้ยังมาทำงานอีกหรอ” “ก็ฉันเสียดายเวลาอ่ะแก อีกตั้งเดือนนึงกว่าจะคลอด” “แกคิดจะทำงานจนถึงวันคลอดเลยรึไง” “ไม่ขนาดนั้นหรอก แค่อยากทำอีกสักหน่อยค่อยหยุด” “ไม่ได้นะ ช่วงเวลาใกล้คลอดแกต้องพักผ่อน ระมัดระวังตัว เดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแย่เลยนะ ไม่เป็นห่วงตัวเองก็เป็นห่วงลูกบ้าง” “ก็ได้ๆ นี่ฉันถือว่าเห็นแก่คำเตือนเพื่อนละกัน” “ก็ดี แล้วนี่จะเอายังไงต่ออ่ะ ร้านแกคนก็เริ่มเยอะขึ้นทุกวัน” “ก็ว่าจะหาผู้จัดการมาช่วยดูร้านให้ก่อนช่วงนี้ จนกว่าจะคลอด พอลูกสามเดือนว่าจะจ้างพี่เลี้ยง แล้วก็ค่อยหาทำเลที่จะเพิ่มสาขา” “มันจะเหนื่อยนะ ฉันว่าแค่ร้านเดียวแกกับลูกก็อยู่กันได้โดยที่ไม่ต้องลำบากอะไร” “ในอนาคตมันไม่แน่ไม่นอน ฉันอยากให้ลูกได้เรียนโรงเรียนดีๆ มีชีวิตที่ดี อยากสร้างบ้านไว้อยู่กับลูกสองคน ฉันไม่อยากอยู่ในห้องเช่าสี่เหลี่ยมกับลูกไปตลอดชีวิตหรอกนะ” “อืมๆ เอาที่แกว่าเลย ฉันจะคอยเป็นกำลังใจให้นะ” “ถ้าไม่มีแกก็คงไม่มีฉันในวันนี้ ขอบใจนะที่หาร้านเช่าให้” “ขอบคุณอะไรหล่า ที่แกมีวันนี้ก็เพราะตัวแกนั่นแหละ ฉันแค่ช่วยหาร้านให้เฉยๆ” “เอาหน่า ยังไงก็ขอบคุณละกันนะ” “จร้า ยังไงก็สู้ๆนะ เพื่อลูก” “ฉันจะสู้เพื่อลูกจนกว่าจะหมดลมหายใจ” “นี่ฉันไม่คิดเลยนะว่าการมีลูก จะทำให้แกยอมเหนื่อยยอมสู้ได้ขนาดนี้” “แกก็ลองมีสิจะได้เข้าใจความรู้สึกว่า การสู้เพื่อคนที่รักถึงมันจะเหนื่อยแต่ก็มีความสุข” “ตอนนี้อย่าพูดถึงเรื่องมีลูกเลย แค่แฟนฉันยังหาไม่ได้เลย 555” “แล้วคนนั้นหล่ะ คนที่ไปส่งแกที่มหาลัยวันนั้น” “บ้า แค่เพื่อนเฉยๆ พอดีวันนั้นรถฉันเสียอ่ะ พี่เขาเลยอาสาไปส่ง” “แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรไปมากกว่าแค่เพื่อน” “ไม่มีจริงๆ สาบานได้เลย” “ค่ะ เชื่อแล้วค่ะ” “แกอ่ะไปพักได้แล้ว เดี๋ยวฉันช่วยดูร้านให้” คำพูดยังไม่ทันจบ สีหน้าของหญิงท้องเริ่มเปลี่ยนไปทันที ความเจ็บปวดแผ่ซ่านทั่วร่างจนเพื่อนรีบสังเกตเห็น “นี่แกเป็นอะไรหรือเปล่าอ่ะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น” “แก…ฉันรู้สึกปวดท้อง เหมือนจะคลอดเลย” “แต่มันยังไม่ถึงเวลาคลอดนี่” “ฉันไม่รู้เหมือนกัน แค่รู้สึกว่าตอนนี้มันปวดมากๆ” “มาฉันเดี๋ยวฉันช่วยประคอง แกไปนั่งพักก่อน เผื่อสักพักมันจะดีขึ้น” เวลาผ่านไปสิบนาที อาการกลับไม่ดีขึ้น ตรงกันข้าม ความเจ็บกลับรุนแรงขึ้นกว่าเดิม “โอ้ยย ฉันไม่ไหวแล้ว แกเรียกรถพยาบาลมาเลย” “ได้ๆ” ทุกคนในร้านต่างหันมามองด้วยความตกใจ เสียงร้องของหญิงท้องดังสะท้อนอยู่ในบรรยากาศ ก่อนที่รถพยาบาลจะมาถึงและรีบนำเธอขึ้นรถไปทันที…เมื่อลูกทุกคนนอนหลับกันแล้วเขาและเธอก็พากันอาบน้ำเตรียมเข้านอน เธอนั้นออกมาจากห้องน้ำก่อนแล้วนุ่งเพียงผ้าเช็ดตัวปกปิดเรือนร่างไว้ เธอนั่งตรงปลายเตียงแล้วจ้องมองสามีที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวไว้ ภาพตรงหน้าที่เธอเห็นตอนนี้คือร่างกำยำของสามีนั้นเต็มไปด้วยหยดน้ำที่เกาะตามตัว ส่วนเขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังโดนจ้องอยู่ เขาเดินตรงไปยังหน้ากระจกบานใหญ่แล้วใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมต่อ เมื่อผมแห้งแล้วเขาหันหน้าไปทางเตียงแล้วพบกับเธอที่นั่งจ้องเขาด้วยท่าทางเย้ายวน น้องชายของเขาค่อยๆขยายใหญ่แล้วชี้ตั้งขึ้นไปทางเธอ เธอขยับตัวไปข้างหลังแล้วยกขาที่ห้อยอยู่ขึ้นมาไว้บนที่นอนจากนั้นก็ชันเข่าขึ้นแล้วค่อยๆอ้าขาเป็นรูปตัวเอ็มเธอกวักนิ้วเรียกสามีด้วยสีหน้ายั่วยวน เขาเดินไปหาเธอด้วยสีหน้าหื่นจัดแล้วกลืนน้ำลายลงคอจนเห็นลูกกระเดือกที่คอขยับ เมื่อถึงปลายเตียงเขาคุกเข่าลงแล้วซุกใบหน้าเข้าหากลีบกุหลาบทันที กลิ่นแชมพูหอมๆกระตุ้นให้เธอมีความต้องการทางอารมณ์เพิ่มขึ้น เขาสอดใส่นิ้วทั้งสามเข้าไปในคราเดียวและมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่มันสามารถเข้าไปได้นั่นเป็นเพราะช่องทางรัก
2ปีต่อมา พวกเขาพาลูกๆทั้งสี่คนมาฉลองงานวันเกิดของลูกชายคนเล็กบนดาดฟ้าใจกลางเมือง " แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู.... " เป่าเค้กสิน้องพอร์ช ในระหว่างที่ทุกกำลังกินเค้กกันอยู่นั้นเจ้าของวันเกิดกลับไม่สนใจเค้กก้อนโตตรงหน้า เด็กชายซุกหน้าตรงหน้าอกผู้เป็นแม่แล้วพยายามล้วงมือเข้าไปข้างในเสื้อเธอ" น้องพอร์ชอย่าทำแบบนี้สิคับ คนเยอะ" มี้กินๆ" กินเค้กไปก่อนสิคับ กลับไปในรถเดี๋ยวหม่ามี้ให้กินนม" แงๆเมื่อโดนขัดใจเด็กชายเริ่มงอแง" น้องพอร์ช ขอหม่ามี้กินข้าวก่อนได้ไหมคับ จู่ๆลูกชายเธอใช้แรงทั้งหมดที่มีล้วงเอาหน้าอกเธอออกมาข้างนอกจนได้" ว้ายย! ตายแล้ว เขารีบหาผ้ามาคุมให้กับเธอส่วนลูกชายเธอก็เอาเต้าเข้าปากจนได้ เธอทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องให้นมลูกชายในที่สาธารณะ ส่วนเขาก็จ้องลูกชายเชิงตำหนิและรู้สึกหวงถ้ามีผู้ชายคนอื่นเห็นเธอตอนให้นมลูก " หม่ามี้ถ้ากลับไปที่รถน้องพราวของกินด้วยนะคะ" น้องพราวกินเค้กไปแล้วขนมก็กินแล้วนี่ก็กินข้าวยังจะกินนมหม่ามี้อีกหรอคะ " น้องพราวขอกินนิดเดียวค่ะ " หม่ามี้จะให้กินก็ต่อเมื่อน้องพราวกินผักในจานนั่นให้หมดก่อน " น้องพราวไม่ชอบกินผักน
เมื่อเธอถูกส่งไปยังห้องคลอดเขาก็พาลูกๆทั้งสามคนนั่งรออยู่ข้างนอก" อุแว้ๆๆ" เด็กๆหม่ามี้คลอดแล้ว " เย้ น้องพราวจะได้เป็นพี่แล้ว" คุณหมอครับลูกกับเมียผมปลอดภัยดีใช่ไหมครับ" ปลอดภัยทั้งคู่ครับ คุณหมอยินด้วยนะครับคุณพ่อลูกดก " ดกอะไรกันหมอ แค่สี่คนเอง " เยอะอยู่นะครับ แล้วจะทำหมันเลยไหมครับเนี่ย" ไม่ครับเผื่ออนาคตอยากมีเพิ่มอีกสักคนสองคน" นี่แซวหมอเล่นใช่ไหมครับ" ไม่ได้แซวครับ ผมพูดจริงๆ " ยอมแล้วครับ55" ขอบมากๆนะครับคุณหมอ" ครับ งั้นคุณหมอขอตัวก่อนนะครับ เมื่อเธอถูกส่งไปยังห้องพักฟื้น เขาและลูกๆทั้งสามก็ตามไปเยี่ยมเธอทันที" หม่ามี้ ขอน้องพราวดูหน้าน้องหน่อยค่ะ" น้องกำลังกินนมอยู่ค่ะ " แดดดี้ขาอุ้มน้องพราวขึ้นหน่อยค่ะ " ใจเย็นสิคะ เดี๋ยวก็ได้เห็น " แต่น้องพราวอยากเห็นตอนนี้ " ถ้าแดดดี้อุ้มแล้วต้องสัญญานะว่าจะลดน้ำหนัก " ค่ะ " อุ้มลูกวางไว้บนเตียงนี่แหละจะได้ไม่หนักคุณ" กินเยอะแล้วเห็นไหม ลำบากแดดดี้เลย " หม่ามี้ขาทำไมน้องกินนมเก่งจัง" ตอนน้องพราวเกิดใหม่ๆก็กินนมเก่งเหมือนกันค่ะ " แดดดี้ก็กินนมเก่งไม่แพ้น้องเลย
" หม่ามี้ขาขอน้องพราวจับน้องหน่อยได้ไหมคะ " ได้สิคะ " น้องแพรวขอจับด้วยคนค่ะ " หม่ามี้น้องดิ้นด้วย " สงสัยน้องอยากออกมาคุยด้วย " แล้วน้องชื่ออะไรคะ" น้องยังไม่มีชื่อเลยค่ะ " น้องผู้หญิงหรือผู้ชายคะ " ผู้ชายค่ะ " คุณแม่ขาน้องพราวอยากเจอน้องแล้วเมื่อไหร่น้องจะออกมาคะ" อีกแค่อาทิตย์เดียวค่ะ " น้องพราวขอคุยกับน้องได้ไหมคะ" ได้สิคะ" ฮัลโหล นี่พี่พราวนะน้องอยู่ในนี้เป็นยังไงบ้างสบายดีไหม๊ " สบายดีกั๊บ แล้วพี่ๆอยู่ข้างนอกสนุกไหมกั๊บ" ไม่ใช่เสียงน้อง เสียงหม่ามี้" ก็น้องสั่งให้หม่ามี้พูดแบบนี้ไงคะ" พี่ๆสนุกมากเลยค่ะ ข้างนอกมีของกินอร่อยๆเยอะแยะเลย น้องต้องชอบแน่ๆ " พี่พราวอย่ากินเยอะนะกั๊บ ตัวอ้วนเท่าลูกหมูแล้ว" น้องเห็นพี่พราวด้วยหรอ " ผมแค่ได้กลิ่นช็อกโกแลตในปากพี่พราวเฉยๆกั๊บ พี่พราวกินขนมเยอะมันไม่ดีนะกั๊บรู้ไหม๊ " หม่ามี้น้องว่าให้น้องพราว " ก็น้องพราวกินช็อคโกแลตบ่อยนี่ น้องเหม็น" น้องพราวกินนิดเดียวเองนะคะหม่ามี้ " ใครแอบกินช็อคโกแลตพี่ น้องพราวใช่ไหม" ป่าวสักหน่อยพี่แพรวต่างหาก " พี่แพรวไม่ได้กินของพี่ธาม พี
" เด็กๆหลับแล้วหรอ" หลับแล้ว" แล้วคุณได้แวะไปดูน้องธามหรือยัง" ยังเลย " คุณไปดูน้องธามให้หน่อยว่าหลับหรือยัง" น้องธามสิบขวบแล้วนะ คุณไม่ต้องห่วงหรอก " ก็ช่วงนี้น้องธามตื่นสาย หรือว่าเป็นเพราะนอนดึกแน่ๆ" เดี๋ยวไปดูให้ เขาเดินไปที่ห้องลูกชายคนโต แล้วพยายามเปิดประตูเข้าไปแต่ดูเหมือนห้องจะถูกล็อคจากข้างในจากนั้นเขาก็กลับมาที่ห้องเหมือนเดิม" น้องธามล็อคประตูอ่ะผมเลยไม่อยากรบกวนเขา คิดว่าคงหลับไปแล้วแหละ" แต่ฉันเคยบอกลูกไปแล้วนะว่าถ้าไม่มีเหตุจำเป็นไม่ต้องล็อคห้อง" การที่คุณทำแบบนั้นก็เท่ากับคุณไม่ไว้ใจลูกนะ" ฉันแค่เป็นห่วงลูก คุณก็เห็นนี่ว่าพฤติกรรมของลูกดูเปลี่ยนไป" ลูกโตขึ้นแล้วพฤติกรรมหรือนิสัยก็เปลี่ยนตามเป็นเรื่องธรรมดา คุณอย่าไปคิดมากเลย ให้อิสระกับลูกบ้างไม่ใช่จ้องแต่จะจับผิด " หรือว่าเราให้ความสำคัญกับลูกน้อยลง เขาเลยรู้สึกน้อยใจหรือเปล่า" น้องธามเป็นเด็กที่เข้าใจอะไรง่ายเขาไม่คิดอะไรแบบนั้นหรอก ตัวคุณนั่นแหละที่คิดมาก คงเป็นเพราะฮอร์โมนคนท้องด้วยแหละ " นั่นสินะ ฉันอาจจะคิดมากไปเอง" คุณนอนก่อนเลยนะเดี๋ยวผมไปอาบน้ำ
ในขณะที่เธอเตรียมอาหารเช้าให้กับลูกๆทั้งสามคน เขาก็ทำหน้าที่ดูแลลูกสาวทั้งสองไม่ว่าจะเป็นอาบน้ำแต่งตัวเตรียมกระเป๋ารวมไปถึงถัดเปียผม ส่วนลูกชายคนโตนั้นสามารถดูแลตัวเองได้แล้วและบางครั้งเด็กชายยังอาสาช่วยผู้เป็นพ่อดูแลจัดเตรียมกระเป๋ารองเท้าให้น้องสาวฝาแฝด " แดดดี้ขาเปลี่ยนเป็นทรงอื่นได้ไหมคะ" ก็แดดดี้ทำได้แค่ทรงเดียวนี่คะ หรือว่าจะให้แดดดี้มัดให้ดี" ไม่เอา น้องพราวอยากทำทรงเจ้าหญิง" แดดดี้ทำไม่เป็นนี่คะ หรือจะรอให้หม่ามี้เปียให้ " ก็ได้ค่ะ" แล้วน้องแพรวอยากเปียทรงเจ้าหญิงเหมือนน้องไหมคะ" ของน้องแพรวทรงไหนก็ได้ค่ะ " งั้นแดดดี้ถัดเปียสองข้างเหมือนเดิมนะคะ " ค่ะ " น้องพราวรอแดดดี้ไปก่อนนะคะ" ค่ะ" เรียบร้อย ป่ะ ลงไปทานข้าวเช้ากันดีกว่าเขาจูงมือลูกสาวทั้งสองลงบันได" แดดดี้ทำไมปล่อยผมลูกรุงรังแบบนั้น แล้วทำไมไม่เปียผมให้ลูกดีๆ " ก็น้องพราวอยากได้ทรงอื่นบ้างนี่คะ เพื่อนๆที่โรงเรียนล้อว่าน้องพราวทำแต่ทรงนี้มาโรงเรียนทุกวันทำทรงอื่นไม่ได้หรือไง หม่ามี้ขาน้องพราวอยากได้ทรงผมเหมือนเจ้าหญิงในการ์ตูน" แต่ว่าหม่ามี้เปียแบบนั้นไม่เป็นนี่คะ " เ







