“ผู้ชายก็แบบนี้แหละค่ะคงจะรักชีวิตโสดมันอิสระดี”
ป๋อมแป๋มเข้าใจว่าชีวิตคนสมัยนี้หากทำแต่งานและยิ่งเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วล่ะก็เรื่องพวกนี้ไม่ต้องพูดถึงเลยเพราะเธอเองก็ยังรักชีวิตโสดเลย
“พูดแบบนี้แสดงว่าหนูแป๋มก็โสดเหมือนกันใช่ไหม”
มัทนาอมยิ้มมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตามีเลศนัยเธอพอจะดูออกว่าคนที่มีความคิดแบบนี้น่าจะยังโสดเหมือนๆลูกชายเธอแน่
“ค่ะแป๋มว่ามันอิสระดีนะคะ...ขอโสดยาวๆเลย”
ป๋อมแป๋มเองก็ตอบหญิงตรงหน้าไปตามตรงเพราะเธอนั้นก็ยังรู้สึกว่าชีวิตโสดของเธอตอนนี้มันก็มีความสุขดีและเธอก็ยังนึกไม่ออกด้วยว่าถ้าหากเธอนั้นมีครอบครัวแล้วเธอจะมีชีวิตเป็นแบบไหน
“นมได้แล้วค่ะเด็กๆ”
ณัฐนิชาถือขวดนมขวดใหญ่สองขวดมาตั้งที่โต๊ะพร้อมนั่งลงที่เก้าอี้ก่อนส่งนมให้กับลูกๆของเธอใยไหมเมื่อได้รับขวดนมก็ปีนขึ้นมานอนตักของคนเป็นแม่ทันทีโดยที่คนเป็นแม่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเป็นแบบนี้แทบทุกครั้งไป
“มาใบหม่อนมานอนตักยายก็ได้”
มัทนาเห็นว่าหญิงสาวคงอุ้มลูกทีเดียวสองคนไม่ไหวแน่จึงอุ้มใบหม่อนมานอนบนตักอย่างเอ็นดู
“เอ่อ..คุณมัทจะเมื่อยเอานะคะ”
ณัฐนิชาเห็นว่ามัทนาจะเมื่อเอาเพราะใบหม่อนตัวก็ไม่ได้เบาไปกว่าใยไหมเลย
“ไม่เป็นไรฉันอยากอุ้ม”
มัทนาหันมาส่ายหน้าพร้อมยิ้มให้กับหญิงสาวเธอไม่รู้สึกหนักเลยสักนิดเพราะเธอชอบที่จะอุ้มเด็กเล็กๆแบบนี้
“หนูนิชารับงานฟรีแลนซ์อย่างเดียวเลยเหรอ”
เมื่อเด็กๆนอนดูดนมกันอยู่มัทนาก็ได้ทีถามเรื่องที่ณัฐนิชารับงานเพราะบางเธอเธอก็อยากจะจ้างงานเล็กๆน้อยๆให้หญิงสาวทำโดยที่ไม่ผ่านบริษัทของป๋อมแป๋มเพราะเธอรู้ว่าหากผ่านป๋อมแป๋มก็ควรที่จะต้องเป็นงานใหญ่ๆ
“ค่ะ...นิจะได้มีเวลาดูลูกไปด้วย”
หญิงสาวพยักหน้าพร้อมกอดมือก็ตบก้นลูกสาวของเธอเบาๆอยู่
“งั้นถ้าฉันอยากติดต่อหนูให้ทำงานเล็กๆน้อยๆติดต่อกับหนูโดยตรงเลยได้ไหมจ้ะ”
มัทนาอยากจะช่วยสนับสนุนในอาชีพของหญิงสาวอีกอย่างเธอเองก็ชอบแต่งบ้านอยู่บ่อยๆจึงอยากมีช่องทางติดต่อกับหญิงสาวโดยตรง
“ได้เลยค่ะ”
“นี่นามบัตรนิชาค่ะ”
ป๋อมแป๋มเห็นว่าเพื่อนเธออุ้มลูกอยู่จึงช่วยหยิบนามบัตรออกจากกระเป๋าของเพื่อนสาวเธอส่งให้มัทนาเธออนุญาตให้ณัฐนิชารับงานได้ก็เพราะว่าบริษัทเธอไม่ได้รับงานแบบนี้อยู่แล้วส่วนมากจะดิวกันแต่ลูกค้าที่จ้างงานใหญ่
“รับรองเลยนะคะ...ว่างานเล็กงานน้อยนิชาเค้าก็ตั้งใจทำทุกงานค่ะ”
ป๋อมแป๋มยังช่วยโปรโมทฝีมือของณัฐนิชาด้วยว่าถึงจะเป็นงานเล็กงานน้อยคนอย่างเพื่อนเธอก็ตั้งใจทำทุกงานเพราะรักในงานออกแบบนั่นเอง
“ณัฐนิชา ธีธารา...หนูนิพอจะรู้จักพิริสา ธีธาราไหมจ้ะ..พอดีฉันเห็นหนูนามสกุลเหมือนคนที่เคยรู้จักน่ะจะ”
มัทนาเห็นว่าหญิงสาวมีนามสกุลเหมือนคนที่เธอเคยรู้จักเพราะตอนนั้นเธอจำได้ว่าพิริสาแต่งงานแล้วเปลี่ยนเป็นนามสกุลนี้และห่างหายกันไปนานแต่เธอก็ไม่เคยลืมจึงถามหญิงสาวถึงชื่อคนที่เธอนึกถึงตลอดทันที
“เธอเป็นแม่ของนิค่ะคุณมัท”
ณัฐนิชาเริมมีสีหน้าแปลกใจพอสมควรว่ามัทนานั้นรู้จักชื่อแม่ของเธอได้อย่างไร
“ตายแล้ว...จริงเหรอจ้ะ...โลกกลมจังเลยนะแล้วตอนนี้แม่หนูอยู่ไหนแล้ว”
มัทนามีสีหน้าท่าทีดีใจอย่างมากที่ได้วันนี้ได้เจอกับลูกสาวของคนที่เคยสนิทกับเธอพร้อมทั้งถามคำถามกับหญิงสาวด้วยตาเป็นประกายอย่างมีความหวังว่าจะได้เจอคนสนิทของเธออีกครั้ง
“เอ่อ...แม่นิเสียไปตั้งห้าปีแล้วค่ะ...คุณมัทรู้จักแม่นิได้ยังไงคะ”
ณัฐนิชาหลบตามัทนาลงเล็กน้อยก่อนจะเริ่มฉีกยิ้มอ่อนให้กับหญิงตรงหน้าพูดถึงเรื่องของแม่เธอว่าไม่อยู่แล้ว
“ก็พิมเป็นเลขาให้ฉันตอนที่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพพอตั้งท้องก็เลยออกจากงานแล้วย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดกับสามีเธอน่ะจะสมัยนั้นก็ติดต่อกันยากเลยไม่ได้ติดต่อกันเลย...เสียใจด้วยนะฉันก็ไม่คิดว่าพิมจะจากไปเร็วแล้วพ่อหนูนิล่ะจ้ะ”
พิริสาเป็นคนสนิทของมัทนาตั้งแต่สมัยที่เธอยังทำงานอยู่ที่บริษัทกู้วิกฤตมาได้หลายครั้งก็มีส่วนเป็นเพราะฝีมือของแม่หญิงสาวเธอจึงรักคนสนิทคนนี้มากเมื่อตั้งท้องเธอก็ลาออกไปอยู่จ่างจังหวัดและไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยเพราะสมัยนั้นช่องทางการติดต่อก็ยากลำบากอีกด้วยตอนที่เธอไปหาพิริสาที่บ้านก็ได้ความว่าเธอย้ายไปอยู่ที่บ้านของสามีมัทนาเองก็ไม่ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับสามีคนสนิทเธอเท่าไรนักก็เลยไม่ได้ตาม
“พ่อของนิเสียตั้งแต่นิยังเล็กๆอยู่เลยค่ะตอนนั้นแม่ก็ยังท้องน้องสาวของนิอีกคนอยู่เลย”
ใบหน้าของณัฐนิชายังคงมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่ทุกครั้งแม้จะต้องพูดถึงเรื่องการสูญเสียในครอบครัวเพราเธอนั้นไม่อยากจะแสดงออกว่าเธอยังหลงเหลือความเสียใจอยู่นั่นเอง
“เฮ้อ...แล้วพวกหนูใช้ชีวิตกันมายังไงลำบากกันมากไหม”
“หลังจากที่พ่อเสียนิจำได้ว่าแม่ก็ขายขนมเลี้ยงพวกหนูมาจนโตเราอยู่กันอย่างพอเพียงถึงรายได้ไม่เยอะก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรค่ะพอเข้ามหาลัยนิกับน้องก็ช่วยกันทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนก็เลยไม่ได้ลำบากแม่เท่าไรแต่ตอนนิเรียนจบแม่ก็มาเสียเพราะป่วยออดๆแอดๆมานานแล้ว”
คฤหาสน์เพตราพิทักษ์ณัฐนิชาตื่นแต่เช้าเพราะวันนี้ถึงจะเป็นวันปิดเทอมของลูกๆเธอแต่เด็กๆก็มีเรียนพิเศษที่ทั้งสองอยากจะเรียนโดยใยไหมนั้นชอบที่จะเรียนบัลเล่ต์ส่วนใบหม่อนนั้นชอบดนตรีเป็นพิเศษเลยเลือกที่จะเรียนดนตรีทั้งหญิงสาวและสามีไม่เคยที่จะบังคับลูกๆของเธอว่าให้เรียนอะไรแต่จะให้เรียนสิ่งที่ลูกๆของเธอเลือกเองและพร้อมสนับสนุนเท่านั้น“คุณเมฆคะเดี๋ยวนิส่งใยไหมกับใบหม่อนเรียบร้อยแล้วจะเข้าไปซื้อของต่อกับคุณแม่ฝากดูแม็คกับมาร์คด้วยนะคะวันนี้นิน่าจะรอรับเด็กๆกลับด้วยเลย...จุ้บ..นิจะรีบไปรีบมานะคะ”วันนี้ณัฐนิชาต้องไปส่งเจ้าสองแฝดวัยห้าขวบกว่าแต่เช้าเพราะวันนี้เธอจะต้องไปเลือกซื้อของเข้าบ้านกับมัทนาต่อตามประสามแม่สามีกับลูกสะใภ้หญิงสาวเห็นว่าวันนี้เป็นวันหยุดของสามีเธอเลยวานให้สามีเธอดูแลลูกๆอีกสองคนเสียเลยก่อนจะก้มลงมาจูบแก้มของเมฆาที่นอนหลับอุตุอยู่บนที่นอนที่ตอนนี้สามีของเธอยังไม่อยากตื่นก็เพราะเมื่อวานมีประชุมที่บริษัทและกลับบ้านมาจนดึก“คร้าบ...”เมฆาตอบรับปากคนเป็นภรรยาทั้งที่ตาก็ยังจะลืมไม่ขึ้นวันนี้เขาต้องรับหน้าที่ดูแลลูกชายวัยสองขวบกับสี่เดือนเองแล้วล่ะสิแต่พ่อลูกอ่อนที่ผ่านการเลี้ยง
สองเดือนต่อมางานแต่งของเมฆาและณัฐนิชาจัดขึ้นที่เกาะอย่างเรียบง่ายแต่หรูหราให้สมเกียรติถึงแขกในงานจะไม่ได้เยอะมากแต่ก็เป็นคนสำคัญทั้งนั้นและงานแต่งงานครั้งนี้ก็จะเป็นการเปิดเจ้าสองแสบว่าเป็นทายาทคนสำคัญในตระกูลอีกด้วย“ยินดีด้วยนะแกวันนี้แกสวยสุดๆไปเลย”ป๋อมแป๋มเดินเข้างานมาสวมกอดณัฐนิชาด้วยความยินดีด้วยจากใจที่เห็นเพื่อนมีครอบครัวอย่างสมบูรณ์เสียทีวันนี้ณัฐนิชาดูสวยแปลกตาไปมากจนเธอนั้นอดชมไม่ได้เลยจริงๆ“จ้า...เอ...แล้วนี่ทำไมถึงควงมากับคุณเวได้ล่ะ”ณัฐนิชาสังเกตเห็นว่าป๋อมแป๋มนั้นเดินจับมือมากับธาดาจึงต้องถามแกมหยอกเล็กน้อยว่าตกลงสองคนเป็นอะไรกันแน่“อืมม...ก็ตั้งแต่คืนนั้น”ป๋อมแป๋มตอบเพื่อนสาวเธอด้วยท่าทีเขินอายแม้คำพูดจะดูน้อยแต่เมื่อมองตากันก็รู้ใจว่ากำลังคิดอะไรอยู่“หา...จริงดิ...ต้องขอบคุณคุณเวนะที่ดึงแกลงมาจากคานได้เสียที”ณัฐนิชาถึงกับยกมือปิดปากไม่คิดว่าการขอร้องให้ธาดาอยู่เป็นเพื่อนเพื่อนของเธอคืนนั้นจะทำให้ป๋อมแป๋มที่หวงคานนักหนายอมลงจากคานได้“ยินดีด้วยนะคะคุณเมฆ”ป๋อมแป๋มเห็นเมฆาเดินมากับใครอีกคนที่เธอก็พอจะรู้จักอยู่บ้างตามข่าวพร้อมทั้งกล่าวยินดีกับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
“ฮึก...คุณเว”คำพูดจี้ใจหญิงสาวที่ออกจากปากธาดาทำให้เธอโผเข้ากอดเขาปล่อยโฮอย่างที่ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัวน้อยคนนักที่จะพูดกับเธอและห่วงใยความรู้สึกของเธอแบบนี้ปกติแล้วคนอย่างเธอจะร้องให้กับณัฐนิชาเพียงคนเดียวเท่านั้นแต่ตอนนี้ชายหนุ่มทำให้เธอรู้สึกว่าเธอสบายใจที่จะทำตามเสียงหัวใจตัวเองในเวลาที่อยู่กับเขาเมื่อตอนที่ใช้ชีวิตอยู่บนเกาะก็มีธาดานี่แหละที่เป็นเพื่อนคุยทั้งยังให้คำปรึกษาเรื่องงานกับเธอตลอดจนหญิงสาวค่อนข้างแปลกใจว่าชายหนุ่มนั้นดูจะเก่งเกินบอดี้การ์ดธรรมดาไปเสียมากทั้งเชิงวิชาการและการต่อสู้หรือทักษะอื่นๆไม่ได้น้อยหน้าใครเลยธาดาคงจะเป็นผู้ชายคนที่สองละมั้งที่เธอไว้ใจกับเขาที่จะพูดคุยรองจากคนเป็นพ่อของเธอธาดาไม่ได้พูดอะไรยังคงกอดปลอบเธอกลับและรอให้หญิงสาวปล่อยโฮออกมาให้เต็มที่ไม่นานเธอก็หยุดร้องให้ลงเขาจึงทิ้งรถของเขาไว้ที่นี่และกลับไปส่งเธอที่บ้านบ้านธีธารา“เวโทรมามีอะไรหรือเปล่า”เมฆาเห็นหญิงสาวคุยกับธาดาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่นานสองนานจนเขาต้องกลายเป็นคนเสียมารยาทถามหญิงสาวเรื่องที่คุยโทรศัพท์ด้วยความสงสัย“คือพอดีมีปัญหานิดหน่อยค่ะ...”ณัฐนิชาเล่าสถานการณ์ทั้งหมดให้กับชา
“ฉันว่าเวอาจจะอยากใช้ชีวิตแบบนี้อีกสักพักก็ได้...เรื่องแผลใจฉันว่าคงหายดีแล้วหละ”เมฆาเห็นว่าเรื่องแผลใจของธาดานั้นน่าจะหายไปนานแล้วเขาเห็นว่าธาดาอาจจะมีความสุขกับการอยู่แบบนี้มากกว่าส่วนเรื่องอยากจะกลับไปทำงานของตัวเองเมื่อไรเขาเองก็ไปบังคับธาดาไม่ได้เพราะไม่ได้อยากบังคับใจใคร“นี่ภรรยาฉันนิชา”เมฆาถือโอกาสแนะนำหญิงสาวให้ธาวินได้รู้จักตอนที่เธอเดินออกมาพอดี“นิครับนี่ธาวินพี่ชายของเว”“ผมวินยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนิชา”“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ...ตามสบายเลยนะคะเดี๋ยวนิขอตัวจัดการงานบ้านก่อน”ตอนนี้ณัฐนิชาอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนที่เป็นแม่บ้านเต็มตัวเมื่อทักทายกับชายหนุ่มเรียบร้อยแล้วเธอเองก็ไม่ได้อยากกวนเวลาของผู้ชายที่เขาจะคุยกันเลยขอปลีกตัวออกไปทำงานบ้านของเธอต่อ“นายหาแม่บ้านสักคนก็ดีนะคุณนิเป็นถึงภรรยานักธุรกิจยังทำงานบ้านเองอีกหรือไง”ธาวินแอบตะขิดตะขวงในใจอยู่เล็กๆที่หญิงสาวเป็นภรรยาของเพื่อนเขาที่เป็นถึงระดับนักธุรกิจใหญ่โตที่ดูแลกิจการหลายอย่างต้องมาทำงานบ้านเอง“เมียฉันเค้าไม่อยากได้เองไม่ใช่ฉันไม่เคยเสนอ...ฉันไม่อยากขัด...เออแล้วอีกสามเดือนฉันจะแต่งงานไปงานฉันด้วยล่ะ”เมฆา
ครู่ต่อมาหลังจากที่ทานอาหารอิ่มแล้วเจ้าแฝดตัวกลมทั้งสองก็ไปเล่นกันต่อโดยคนเป็นย่าปล่อยให้เล่นเพื่อย่อยอาหารเพราะอีกสักพักเธอก็จะพาหลานๆอาบน้ำทานนมนอนกลางวันแล้วตอนนี้บนโต๊ะอาหารก็เหลือแต่คนโตที่นั่งอยู่ด้วยกันพลางพูดคุยกันตามประสาครอบครัว“ผมว่าจะจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุดดีไหมครับคุณแม่”“ก็ดีจะตระกูลเราคนค่อนข้างนับหน้าถือตาดีเลยถือเป็นการเปิดตัวทายาทของลูกในวันนั้นเลย”“พ่อก็เห็นด้วยนะอะไรๆมันจะได้อยู่ถูกที่ถูกทางเสียที”“ครับ”เมฆาคิดว่าในตอนนี้เรื่องราวมันก็เป็นไปในทิศทางที่ดีแล้วตอนนี้เขาก็อยากจะจัดงานแต่งประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเขานั้นมีลูกมีครอบครัวแล้วและถือเป็นการให้เกียรติหญิงสาวกับลูกๆด้วยทั้งมัทนาและธำมรงค์ก็เห็นดีเห็นงามด้วยว่าควรจะจัดงานแต่งมาให้เร็วที่สุดเพราะไม่อย่างนั้นคนที่เสียหายก็จะเป็นณัฐนิชาเพราะพวกเขารู้ว่าหากเมฆาใช้ชีวิตอยู่กับหญิงสาวไปเรื่อยๆแบบนี้คงไม่วายเป็นข่าวเสียๆหายๆเป็นแน่“พี่นิทานน้อยจังเลยค่ะ...ไม่สบายหรือเปล่าคะเหมือนหวานสังเกตเห็นพี่นิเพลียๆตั้งแต่เข้ามาแล้วเมื่อคืนทำงานดึกเหรอคะ”ตอนนี้ทุกคนก็ท่าทางจะอิ่มกันหมดแล้วรินทร์ธารามองไปยังจานข้าวของพี่ส
30 นาทีต่อมา“เด็กๆ”“คุณพ่อขา/คุณแม่คร้าบบ”เมฆาเดินเข้าบ้านพักพ่อกับแม่ของเขาพร้อมกับณัฐนิชาเมื่อเห็นพ่อกับแม่ของเขานั่งเล่นอยู่กับเจ้าสองแสบที่สนามหญ้าหน้าบ้านก็รีบเดินเข้าไปหาทันทีเจ้าสองแสบเมื่อเห็นคนเป็นพ่อกับแม่มาหาก็รีบสิ่งเข้าไปโผกอดเป็นภาพสี่คนพ่อแม่ลูกที่ดูอบอุ่นต่อสายตาคนที่เห็นอย่างมาก“หายดีแล้วเหรอตาเมฆ”“ครับเมื่อเช้าพึ่งไปตัดไหมมาแล้วก็แวะมาที่นี่เลยครับคิดถึงเจ้าสองแสบแย่แล้ว”มัทนาถามไถ่อาการของลูกชายเธอด้วยรอยยิ้มเพราะตอนนี้หน้าตาของลูกชายเธอสดใสขึ้นมากคงเป็นเพราะมีคนดูแลดีอย่างที่สามีเธอบอกจริงๆนั่นแหละ“โอย..โอ้ยย..มัน.ร้อนน..นะคุณ”วายุแทบคายข้าวต้มออกจากปากเพราะรินทร์ธาราเล่นไม่ยอมเป่าให้มันเย็นก่อนที่จะป้อนเข้าปากของเขา“ก็ฉันบอกให้คุณทานเองก็ไม่อยากจะทานมืออีกข้างก็ยังใช้การได้อยู่นี่นา”รินทร์ธารานั่งหน้าเซ็งชายหนุ่มตื่นสายยังไม่พอยังชอบบังคับให้เธอป้อนข้าวอยู่ทุกวันอีกทั้งที่มืออีกข้างก็ใช้ได้“นั่นเสียงเอะอะอะไรกันเหรอคะคุณมัท”ณัฐนิชาที่กำลังกอดหอมเล่นกับลูกเธออยู่ที่หน้าบ้านจู่ๆก็ได้ยินเสียงโวยวายจากในบ้านออกมาเธอพอจะจำได้ว่าเสียงนั่นน่าจะมีเสียงของน้อง