Share

 โทษทัณฑ์พิพาทใจ
โทษทัณฑ์พิพาทใจ
Author: ซูซี

บทที่ 1

ก่อนพลบค่ำ ซาบริน่า สก๊อตต์ เดินออกมาจากเรือนจำ

เธอได้รับการประกันตัวออกจากมาชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งวัน

ในมือของเธอกำเอกสารซึ่งระบุที่อยู่แห่งหนึ่งเอาไว้ จากนั้นเธอจึงเดินขึ้นรถที่จอดรออยู่ตรงทางเข้าเรือนจำ เธอมาถึงคฤหาสน์เก่าที่อยู่บนกึ่งกลางภูเขาในเวลาใกล้ค่ำ คนเฝ้าประตูนำทางซาบริน่าไปยังห้องนอน

ทันทีที่เดินเข้ามาในห้อง เธอพบว่าห้องนอนนั้นมืดสนิท และมีกลิ่นคาวเลือดเตะจมูกอย่างรุนแรง ก่อนที่เธอจะปรับสายตาเพื่อให้เข้ากับความมืดในห้องนั้นได้ แขนอันแข็งแกร่งคู่หนึ่งฉุดรั้งตัวเธอมาไว้ในอ้อมกอด

ลมหายใจที่ร้อนระอุเข้าโจมตีเธอ “เธอคือคนที่พวกเขาส่งมาให้ฉันเล่นสนุก ก่อนที่ถึงเวลาตายสินะ… นังผู้หญิงขายตัว?”

‘หญิง....ขายตัวงั้นเหรอ?’

น้ำตาของซาบริน่าร่วงหล่นลงมาจากดวงตา

ในทันใด เธอรู้สึกหวาดกลัว และเสียงของเธอเริ่มสั่นเครือขึ้นทุกขณะ “คุณ… กำลังจะตายเหรอคะ?”

“ใช่! เธอเสียใจเหรอที่กำลังทำแบบนี้กับฉัน?” ชายคนนั้นหัวเราะเยาะเบา ๆ

“ฉันไม่ได้เสียใจเลยค่ะ” ซาบริน่าพูดออกมาอย่างยากลำบาก

เธอไม่มีที่ว่างให้กับความเสียใจหรอก เพราะแม่ของเธอกำลังรอความช่วยเหลือจากเธออยู่

ห้องนั้นมืดสนิท เธอมองไม่เห็นใบหน้าของชายคนนั้น เธอรู้เพียงว่าชายคนนั้นดูไม่เหมือนคนที่กำลังจะตาย หลังจากผ่านไปสองหรือสามชั่วโมง ชายคนนั้นก็ผล็อยหลับไปในที่สุด

‘เขาตายแล้วเหรอ?’

ซาบริน่าไม่มีเวลาที่จะกลัวอะไรอีก เธอรีบหนีออกจากคฤหาสน์แห่งนั้นทันที

คืนนั้น เต็มไปด้วยฝนหนาเม็ดและอากาศที่เย็นยะเยือก เธอวิ่งท่ามกลางสายฝนไปที่คฤหาสน์ลินน์

ในเวลานี้ เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว และประตูของคฤหาสน์ลินน์ปิดสนิท อย่างไรก็ตาม ซาบริน่าได้ยินเสียงรื่นเริงภายในบ้าน ราวกับว่ามีบางสิ่งที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง

“เปิดประตู! เร็วสิ รีบเปิดประตูและให้เงินฉันเดี๋ยวนี้ ฉันต้องรีบไปช่วยแม่ของฉัน… เปิดประตู! เปิดประตูสิ!”

ประตูยังคงไม่ไหวติ่งแบบเดิม

ในคืนที่พายุกำลังพัดโหมกระหน่ำ ขณะที่กำลังปราถนาให้มีรถสักคันผ่านมา ซาบริน่ารู้สึกเวียนหัวและไม่สามารถยืนอย่างมั่นคงได้ แต่เธอต้องรวบรวมกำลังทั้งหมดเพื่อทุบประตูนั้นให้เกิดเสียงดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ “เปิดประตู! เปิดประตู! เอาเงินมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันต้องไปช่วยแม่ของฉัน… ”

'ปัง!' ประตูถูกผลักเปิดออก และสายตาอันสิ้นหวังของซาบริน่าก็ส่องประกายขึ้นมาในทันใด

คนที่อยู่หลังประตูมองดูซาบริน่าด้วยความรังเกียจและขยะเเขยง

ซาบริน่ารู้ดีว่า ตอนนี้เธอดูแย่ยิ่งกว่าพวกขอทานข้างถนนเสียอีก

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอห่วงภาพลักษณ์ของเธอไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เธอโยนตัวตนของเธอทิ้งไป ก่อนที่จะส่งสายตาอ้อนวอนและพูดขึ้น “ฉันทำในสิ่งที่คุณขอให้ทำแล้ว เอาเงินมาให้ฉันเร็ว ชีวิตแม่ของฉันรอมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ได้โปรด… ”

“แม่ของเธอตายแล้ว ดังนั้น เธอไม่จำเป็นต้องใช้เงินอีกต่อไป” คนที่เปิดประตูโยนรูปภาพกรอบสีดำลงไปท่ามกลางสายฝน แล้วปิดประตูอย่างไร้ความปราณี

“อะไรนะ?” ซาบริน่าตกใจพร้อมกับสายฝนที่โปรยปรายลงมา

ครู่ต่อมา เธอก็ร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง “แม่… ”

“แม่… หนูมาช้าเกินไปเหรอ? หนูพลาดโอกาสที่จะช่วยชีวิตแม่ไว้ได้แล้วใช่ไหม? แม่ฉันตายแล้ว… แม่ของฉันตายแล้ว… ” ซาบริน่ากอดรูปภาพหน้างานศพของแม่เธอเอาไว้ นอนขดตัวอยู่กลางสายฝน และพึมพำกับตัวเอง

จากนั้นเธอก็คลานขึ้นมา และเริ่มกระแทกประตูเหมือนคนบ้า “โกหก! ฉันทำตามสัญญาแล้ว แต่แกไม่ได้ช่วยแม่ของฉันเลย คืนแม่ฉันมา! ไอ้คนโป้ปด! ทั้งครอบครัวของแกจะต้องตายอย่างน่าอนาถ… ไอ้คนตระบัดสัตย์! ไอ้คนโกหก! แกมันพวกไม่รักษาคำพูด! ฉันขอสาปแช่งให้ทั้งครอบครัวของแกต้องตาย ตกนรกหมกไหม้อยู่ขุมสุดท้าย!”

ซาบริน่าหมดสติอยู่นอกประตูคฤหาสน์ลินน์

เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ก็เป็นเวลาที่ผ่านไปแล้วสามวัน และเธอก็อยู่ในเรือนจำอีกครั้ง

เธอถูกส่งตัวไปเข้าพักรักษาตัวที่เรือนพยาบาลเนื่องจากอาการไข้หวัดซึ่งเข้าขั้นวิกฤต หลังจากผ่านไปสามวันอาการของเธอก็ดีขึ้น จากนั้นจึงถูกส่งตัวกลับไปยังพื้นที่ที่คุมขังเช่นเดิม

นักโทษหญิงสองสามคนเข้ามาล้อมเธอไว้

“ฉันคิดว่าเธอได้รับการปล่อยตัว และเป็นอิสระหลังจากได้รับการประกันตัวไปแล้วเสียอีก แต่เธอก็ถูกส่งตัวกลับเข้ามาอีกครั้งหลังจากผ่านไปสามวันแบบนี้เนี้ยนะ?”

“ฉันได้ยินมาว่าเธอถูกยืมไปเป็นของเล่นของใครสักคนหนึ่งคืนไม่ใช่เหรอ?”

หัวหน้าแก๊งผู้หญิงที่มีรูปร่างค่อนข้างดีทิ้งผมของซาบริน่าและระเบิดเสียงหัวเราะที่ชั่วร้ายออกมา

“นังผู้หญิงคนนี้มันมีชีวิตที่ดีจริง ๆ เลยว่ะ! ดูนี่นะ ฉันจะทุบตีมันให้ตายในวันนี้เลย!”

ซาบริน่าไม่แม้แต่จะลืมตามองด้วยซ้ำ

ปล่อยให้พวกนั้นทุบตีเธอจนตาย ถ้าเธอถูกทุบตีจนตาย คงเป็นเรื่องดีที่เธอจะได้กลับไปหาแม่ของเธออีกครั้ง

ขณะที่พวกผู้หญิงเริ่มเปลื้องเสื้อผ้าของซาบริน่า เสียงแข็งกร้าวพลันดังขึ้นมาจากประตู “พวกเธอกำลังทำอะไรกันอยู่?”

หัวหน้าแก๊งผู้หญิงพลันยิ้มออกมาอย่างใสซื่อ และกล่าวคำขอโทษ “ซาบริน่าป่วย เราก็แค่เป็นห่วงเธอ”

เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ไม่ตอบ แต่ตะโกนรหัสเรือนจำของซาบริน่าออกมา “036 ออกมา!”

ซาบริน่าเดินออกไป และถามอย่างเฉยเมยไปว่า “ตอนนี้ ฉันทำอะไรผิดเหรอ?”

“เธอพ้นโทษแล้ว” เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พูดอย่างเรียบเฉย

“อะไรนะ?” ซาบริน่าคิดว่าตัวเธอเองมีอาการประสาทหลอน จนกระทั่งเธอออกจากประตูคุก เธอก็ได้รู้ว่า นี่มันเป็นเรื่องจริง

เธอร้องไห้ฟูมฟายด้วยความดีใจ และพึมพำไปว่า “แม่! หนูไม่สามารถช่วยแม่ได้ แต่แม่จะยกโทษให้หนูได้ไหมคะ? หนูจะไปหาแม่ตอนนี้ แม่นอนหลับอยู่ที่ไหนคะ… ?”

“คุณคือคุณสก๊อตต์ใช่ไหม?” เสียงของชายคนหนึ่งถามอย่างเย็นชา

ชายในชุดสูทยืนอยู่ตรงหน้าซาบริน่า และมีรถสีดำจอดอยู่ข้างหลังเขา มีเงาผู้ชายเลือนรางอีกคนหนึ่งกำลังมองดูเธอจากด้านในของรถ

เธอพยักหน้า “ใช่ ฉันเอง คุณคือ… ”

ชายคนนั้นไม่ตอบ แต่หันกลับไปพูดอย่างสุภาพกับชายผู้ที่นั่งอยู่ในรถ “นายน้อยเซบาสเตียน ใช่เธอครับ”

“พาตัวเธอมา!” ชายที่อยู่ภายใต้เงาสั่งการ

ซาบริน่าที่ยังสับสนอยู่ถูกผลักเข้าไปในรถและนั่งข้างชายผู้ที่อยู่ภายใต้เงาคนนั้น เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งจิตสังหารที่เย็นเยียบจากตัวเขาในทันที

ซาบริน่ารู้สึกว่าชีวิตของเธออยู่ในกำมือของเขา

“เซบาสเตียน ฟอร์ด” ชายคนนั้น แนะนำตัวเองอย่างเย็นชา

ซาบริน่าอดไม่ได้ที่จะสั่นด้วยความกลัว ขณะที่เธอถามอย่างแผ่วเบาไป “ฉันไม่ได้พ้นผิด… แต่ฉันจะต้องได้รับโทษประหารชีวิตแทนใช่ไหมคะ?”

“ฉันจะพาเธอไปจดทะเบียนสมรสต่างหาก!” เซบาสเตียนไม่เต็มใจที่จะมองเธอเท่าไหร่นัก

ในทันใดนั้น ซาบริน่ารู้สึกตัวว่าเสียงของเขาดูคุ้นเคยเหลือเกิน ฟังดูเหมือนชายหนุ่มที่เสียชีวิตในคืนนั้น

อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นเสียชีวิตไปแล้ว

“คุณพูดว่าอะไรนะ?” เธอคิดว่าหูคงฟาดไปแล้วแน่ ๆ

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status