共有

บทที่ 11

作者: สั่งไม่หยุด
มหาราชครูหรงกลับประหลาดใจ มองบุตรสาวของตนอย่างพินิจพิเคราะห์ “เจ้าอยากหย่าร้างอย่างนั้นหรือ? ไม่อาลัยอาวรณ์ฉีจื่อฟู่เลยแม้แต่น้อยอย่างนั้นหรือ?”

หรงจือจือกล่าวเบา ๆ “ท่านพ่อ ตอนนั้นเหตุใดลูกจึงต้องแต่งงานกับเขา ท่านรู้ดีอยู่แก่ใจ ตั้งแต่ต้นจนจบ ลูกไม่ได้แต่งเพื่อตัวลูกเอง แต่แต่งเพื่อสกุลหรง”

“บัดนี้ ลูกไม่ได้หย่าร้างเพื่อตัวของลูกเองเลย ลูกทำเพื่อสกุลหรงเช่นเดียวกัน”

“ท่านพ่อน่าจะรู้ดี อวี้ม่านหวานั่นแท้ที่จริงเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเจา ตามประเพณีที่สืบทอดกันมาของราชวงศ์เราจะต้องปฏิบัติต่อประเทศที่สูญเสียเอกราชด้วยความกรุณา ไม่มีทางให้นางเป็นอนุอย่างเด็ดขาด อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของแคว้นเจาไม่มีทางตอบตกลงเช่นกัน”

“แต่หากข้าเป็นบุตรสาวแห่งสกุลหรง ถูกลดตำแหน่งให้เป็นอนุ จะต้องอดทนอยู่อย่างเงียบ ๆ ชื่อเสียงขุนนางของท่านพ่อกับชื่อเสียงอันดีงามของสกุลหรง ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้นลูกจึงคิดว่า การหย่าร้างคือวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในตอนนี้”

หรงจือจือภายใต้การเลี้ยงดูของท่านย่า มักจะเป็นคนสุขุมและเฉลียวฉลาด นางเข้าใจดีว่า ยิ่งอยากทำการอันใดให้สำเร็จ ก็ยิ่งต้องสงบนิ่ง สมองต้องคิดอย่างว่องไว และต้องพูดอย่างตรงประเด็น

นางยิ่งรู้ดีว่าท่านพ่อของตนหัวโบราณ สิ่งที่ใส่ใจมากที่สุดคืออะไร

หากตอนนี้นางแจกแจงความน้อยเนื้อต่ำใจของตนเองออกมาอย่างละเอียด ท่านพ่อไม่มีทางเก็บเอาไปใส่ใจ ซ้ำยังจะบอกให้นางอดทนให้มาก ผู้หญิงทุกคนบนโลกล้วนต้องผ่านสิ่งนี้มา แต่หากพูดถึงชื่อเสียงของสกุลหรง ท่านพ่อก็จะไม่อาจทนไหว

เป็นไปตามคาด

เมื่อมหาราชครูหรงได้ยินเช่นนี้ ก็กล่าวเสียงขึงขัง “ที่เจ้าพูดมาไม่ผิด ถึงแม้การหย่าร้างแบบนี้จะไม่มีเกียรติมากนัก แต่สุดท้ายก็ยังเหลือชื่อเสียงที่หยิ่งในศักดิ์ศรียอมหักไม่ยอมงอ ให้แก่บรรดาบุตรสาวแห่งสกุลหรงของเรา ด้านนอกก็จะไม่กล้าดูแคลนบรรดาน้องสาวของเจ้าเช่นกัน”

“อีกอย่าง บุตรของข้าหรงม่อชิง จะให้เป็นอนุได้อย่างไร? ข้าเป็นขุนนางมายี่สิบเอ็ดปี แม้กระทั่งฮ่องเต้องค์ก่อนที่พระชันษาน้อยกว่าเพียงไม่กี่ปี ยังเคยเป็นนักเรียนของข้า ครอบครัวอย่างเช่นพวกเรา จะยอมให้จวนซิ่นหยางโหวที่มีแต่เปลือกตั้งแต่แรก มาปฏิบัติด้วยเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“ต้องโทษข้า ที่ตอนนั้นเห็นว่าเด็กน้อยแห่งสกุลฉีคนนั้นป่วยจนมีสภาพแบบนั้น เพื่อชื่อเสียงแล้วจึงให้เจ้าแต่งเข้าไป ถึงได้ทำให้เจ้าต้องได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ในถ้ำเสือนั่น ทั้งยังทำให้สกุลหรงของเราต้องถูกดูหมิ่นเช่นนี้อีกด้วย!”

น่าเสียดายที่ฮ่องเต้องค์ก่อนสุขภาพไม่ดี สิ้นพระชนม์ตั้งแต่อายุยังน้อย ผู้สำเร็จราชการแทนคืนอำนาจให้แก่อัครมหาเสนาบดีเฉินไม่ใช่ตนเอง ไม่อย่างนั้นตนคงจะได้รับความเคารพยิ่งกว่าตอนนี้ ต่อให้จวนซิ่นหยางโหวกล้าหาญมากกว่านี้ พวกเขาก็ไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้

หรงจือจือเป็นคนที่เฉลียวฉลาด เพียงกล่าวว่า “จะโทษท่านพ่อได้อย่างไร? ท่านพ่อมีความเมตตาและคุณธรรม ทั้งหมดเป็นเพราะสกุลฉีพวกอกตัญญูนั่น เนรคุณต่อความจริงใจของท่านพ่อ”

ท่านพ่อตำหนิตนเองได้ แต่นางพูดไม่ได้ ‘ท่านพูดถูก ข้าเองก็คิดว่าท่านสติเลอะเลือนมาก เพื่อชื่อเสียงอันจอมปลอมอันน้อยนิดแล้ว ทำร้ายข้าจนน่าอนาถเช่นนี้’

นางทำได้เพียงปลอบใจอีกฝ่าย เช่นนี้ท่านพ่อถึงจะคิดว่า ตนกับเขาคิดตรงกัน

เมื่อมหาราชครูหรงฟังจบ มองบุตรสาวด้วยความชื่นชมแวบหนึ่งอย่างที่คาดไว้จริง ๆ “เจ้ารู้ความมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ก็ไม่เคยกล่าวโทษข้า เป็นข้าที่ติดค้างเจ้า!”

หรงจือจือกล่าวอย่างระวัง “ระหว่างบิดาผู้ให้กำเนิดกับบุตรสาว จะติดค้างได้อย่างไรกัน? เรื่องหย่าร้างนั่น ท่านพ่อรับปากแล้วใช่หรือไม่?”

หากหย่าร้างกันแล้ว นางอยากจะกลับมาในครอบครัว ตอบแทนบุญคุณท่านย่าต่อเหมือนเมื่อก่อน ท่านย่าเป็นผู้เลี้ยงดูตนมาจนเติบใหญ่ เป็นคนที่ตนรักและเคารพที่สุด ดังนั้นท่านพ่อจะเห็นด้วยเรื่องการหย่าร้างหรือไม่ สำหรับนางแล้วค่อนข้างสำคัญ

มหาราชครูหรงพยักหน้า แต่เขากล่าวขึ้นอีก “เมื่อวานท่านย่าของเจ้าล้มป่วย เรื่องที่บุตรชายสกุลฉีก่อเอาไว้ ข้ายังปิดบังท่านย่าของเจ้าเอาไว้อยู่ ไม่กล้าบอกนาง หากให้นางรู้ว่าสกุลฉีก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้น เกรงว่าจะโมโหจนเป็นอะไรไป”

“รออีกสิบวันหรือครึ่งเดือน ให้สุขภาพของท่านย่าเจ้าดีขึ้นอีกหน่อย ข้าจะค่อย ๆ พูดเรื่องนี้กับนาง ค่อยยกเกี้ยวใหญ่ จุดประทัดไปตลอดทาง เพื่อรับเจ้ากลับมาอย่างมีหน้ามีตา เจ้าว่าเป็นอย่างไร?”

แต่ไหนแต่ไรมีเพียงตอนแต่งบุตรสาวถึงยกเกี้ยวใหญ่ ตอนหย่าร้าง ไม่มีใครยกเกี้ยวใหญ่เพื่อต้อนรับกลับบ้าน

ผู้หญิงที่หย่าร้าง บ้านพ่อแม่ฝ่ายหญิงมักไม่อนุญาตให้เดินผ่านประตูใหญ่ ให้ใช้ประตูข้าง

ทว่ามหาราชครูหรงผู้ที่หัวโบราณมาตลอดกลับรับปากเช่นนี้ อาจจะรู้ว่าปฏิบัติต่อบุตรสาวคนนี้อย่างขาดความยุติธรรมจริง ๆ ยิ่งรู้สึกว่าสกุลฉีทำเกินไป ถือเป็นการตบหน้าตน ด้วยเหตุนี้เขาจึงเอาคืนสกุลฉีด้วยวิธีการเช่นนี้

การจุดประทัดอย่างคึกคักล้วนเป็นการเฉลิมฉลองเรื่องมงคล เขารับบุตรสาวที่หย่าร้างกลับบ้าน เฉลิมฉลองเหมือนกับเป็นเรื่องดี เพื่อแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าดูแคลนจวนซิ่นหยางโหว การแก้แค้นครั้งนี้จะต้องเอาคืนอย่างสาสม

เจาซีฟังอยู่ข้าง ๆ เมื่อนึกถึงภาพนั้น แค่นึกถึงสีหน้าของคนสกุลฉี ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที

หรงจือจือฟังจบ ก็รู้ว่าท่านพ่อครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ตอนที่ท่านย่าล้มป่วย รับเรื่องที่สะเทือนอารมณ์ไม่ไหวแม้แต่น้อย

ดังนั้นจึงกล่าว “ท่านพ่อคิดได้อย่างรอบคอบยิ่ง ลูกย่อมไม่มีเหตุผลที่จะโต้แย้ง อย่างไรก็ต้องขอบคุณท่านพ่อที่ตั้งใจจัดเตรียมพิธีให้ลูก”

มหาราชครูหรง “เพื่อท่านย่าของเจ้า ยังต้องให้เจ้าอยู่อย่างน้อยเนื้อต่ำใจที่สกุลฉีไปอีกสองสามวัน”

หรงจือจือกล่าวเสียงอ่อนโยน “ลูกไม่น้อยใจเจ้าค่ะ อยู่อีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้น สมาชิกสกุลฉีทั้งสิบคนรวมกัน ก็ยังเทียบกับท่านย่าของลูกไม่ได้แม้เพียงปลายนิ้ว หากต้องอดทนกับพวกเขาอรกสองสามวัน แล้วทำให้สุขภาพของท่านย่าคงที่ขึ้นอีกสักหน่อยได้ ลูกก็ยินดียิ่ง”

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคำพูดในใจของหรงจือจือ เพื่อสุขภาพของท่านย่าแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่ารอสิบวันหรือครึ่งเดือน จะให้นางเอาชีวิตมาแลกนางก็ยอมทุกอย่าง

นางแค่อยากเห็นว่า หากนางไม่เป็นภรรยาที่คุณธรรมอันดีงามแล้ว สกุลฉีจะวุ่นวายขนาดไหน

มหาราชครูหรงฟังจบก็ค่อนข้างพอใจมาก แต่กลับขมวดคิ้วกล่าว “จิตใจที่รู้จักกตัญญูกตเวทีของนั้นเจ้านั้นดียิ่ง เรื่องนี้ตกลงตามนี้ก่อนก็แล้วกัน เพียงแต่ครั้งนี้ เจ้าเองก็ต้องพิจารณาตัวเองด้วยเช่นกัน ครอบครองหัวใจของสามีเอาไว้ไม่ได้ สุดท้ายแล้วก็เป็นความรับผิดชอบของเจ้า!”

“เลิกมุ่งความสนใจไปที่สมุนไพรพวกนั้นได้แล้ว อาการป่วยของท่านย่าเจ้าย่อมมีหมอเทวดาช่วยรักษา บุตรสาวคนโตของภรรยาเอกจวนมหาราชครู จะเรียนเรื่องพวกนั้นไปทำไมกัน? ออกเรือนก็ต้องเชื่อฟังสามี เจ้าควรใส่ใจกับสามีให้มาก ๆ”

“หย่าร้างครั้งแรก ยังสามารถพูดได้ว่าเป็นความผิดของสกุลฉี หากวันหน้าหย่าร้างอีกครั้ง เช่นนั้นทั้งหมดก็เป็นความผิดของเจ้าแล้ว!”

หรงจือจือถามตัวเอง นางใส่ใจฉีจื่อฟู่ไม่น้อยเลย สิ่งที่ภรรยาควรทำหรือไม่ควรทำ นางก็ทำทั้งหมดแล้ว

ฉีจื่อฟู่ยังทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ออกมาได้ นางรู้สึกลึก ๆ ว่าเป็นปัญหาของฉีจื่อฟู่เอง ไม่เกี่ยวอะไรกับนางเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่นางก็รู้เช่นกัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาโต้เถียงกับท่านพ่อ เชื่อฟังท่านพ่อทุกคำ การหย่าร้างอย่างราบรื่นถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

นางกล่าวอย่างนอบน้อม “ท่านพ่อสั่งสอนได้ถูกต้อง ลูกจะพิจารณาตัวเองให้ดีแน่นอนเจ้าค่ะ”

เมื่อเห็นว่าบุตรสาวคนโตรู้ความ เชื่อฟังคำพูดของตน มหาราชครูหรงก็ค่อนข้างพอใจเช่นกัน และไม่ได้ว่าอะไรนางอีก “ลุกขึ้นเถอะ ข้าอยากจะไปพักผ่อนสักเดี๋ยว! อีกเดี๋ยวเจ้าไปเยี่ยมท่านย่าของเจ้า ห้ามหลุดปากพูดอะไรอย่างเด็ดขาด!”

หรงจือจือ “ลูกจะจดจำเอาไว้”

ต่อให้ท่านพ่อไม่เอ่ยปาก นางก็จะระวังเช่นกัน นั่นคือท่านย่าของนาง เป็นคนที่ตนรักที่สุดบนโลกใบนี้

มหาราชครูหรงพูดจบ ก็สาวเท้าเดินออกไป

เจาซีเข้ามาเพื่อแต่งหน้าให้หรงจือจือต่อ นางรู้มาตลอดว่าคุณหนูของนางมีความคิดที่ยิ่งใหญ่ เรื่องการหย่าร้างนี้คุณหนูคิดดีแล้ว จึงไม่มีทางเปลี่ยนแปลง นางเกลียดชังสกุลฉีเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ได้พูดเตือนอะไร

นางเพียงแค่มองหน้าอีกฝ่าย น้ำตาไหลออกมาด้วยความสงสาร “คุณหนู ตอนนั้นคุณหนูสามกลับดำเป็นขาวต่อหน้าฮูหยิน เหตุใดท่านจึงไม่อธิบายล่ะเจ้าคะ?”

หรงจือจือหัวเราะเยาะตนเอง “มีอะไรน่าอธิบายกัน หลายปีมานี้ข้าได้อธิบายไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ท่านแม่เคยเชื่อข้าด้วยหรือ? แม้นางจะเชื่อ นางก็จะพูดว่าน้องหญิงไม่ผิด เป็นพี่สาวควรจะยอมให้นาง ต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องไปอธิบายอีก เพื่อจะได้ไม่ต้องถูกตำหนิ พวกนางอยากจะพูดอะไร ก็ให้นางพูดไปเสียก็สิ้นเรื่อง”

เมื่อเจาซีลองคิดดูก็รู้สึกว่าถูกต้อง หลายปีที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้มาตลอด นางเพียงยิ่งรู้สึกสงสาร กล่าวเสียงเบาว่า “ฮูหยินลำเอียงเช่นนี้ ต้องลำบากคุณหนูแล้ว...”

หรงจือจือ “ไม่เป็นไร ข้ามีท่านย่าก็ดีมากแล้ว”

ความรักที่ท่านย่าให้ข้า เทียบได้กับท่านแม่สามคนของครอบครัวทั่วไป ดังนั้นถึงแม้นางจะรู้สึกอ้างว้าง แต่กลับไม่รู้สึกว่าตนเองน่าสงสาร

เมื่อพูดถึงตรงนี้ สาวใช้จ้าวคนสนิทของนางหวังก็เดินเข้ามาหา กล่าวกับหรงจือจือ “คุณหนูใหญ่ ฮูหยินกล่าวว่าคุณหนูสามได้รับโทษอดอาหาร พวกท่านพี่น้องควรจะเป็นหนึ่งเดียวกัน วันนี้จึงไม่เตรียมข้าวกลางวันให้ท่าน!”
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 475

    นี่คือคำพูดที่ออกมาจากปากท่านแม่ได้จริง ๆ หรือ? ไม่ว่าจะว่าอย่างไร หรงจือจือก็เป็นลูกที่ท่านแม่อุ้มท้องมาสิบเดือนจนคลอดนะ!หรงเจียวเจียวเอ่ย “แต่ว่าท่านแม่ หากท่านพ่อรู้เข้า จะดีได้อย่างไร?”หรงจือจือมองหรงซื่อเจ๋อทีหนึ่ง แล้วหัวเราะเย้ยหยันทีหนึ่ง “น้องรองพูดถูก พวกนางสนใจข้าด้วยใจจริงจริง ๆ”และไม่ได้มีความตั้งใจจะกดน้ำเสียงแต่อย่างใดนางหวังและหรงเจียวเจียวที่อยู่ด้านใน พลันเงียบเสียงไปทันใดหรงจือจือย่างเท้าเดินเข้าไปนางหวังหันกลับมาด้วยความไม่สบอารมณ์ พลางมองหรงจือจือแล้วกล่าวว่า “เจ้ามาทำไม?”หรงจือจือ “ข้ามีบางอย่างอยากจะพูดกับน้องสามเป็นการส่วนตัว แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาได้จังหวะพอดี ถึงกับทำให้ฮูหยินกับน้องสามเสียเวลาในการหารือวางแผนทำร้ายข้า”“แต่พวกท่านไม่ต้องร้อนใจไป เดี๋ยวพอข้าออกไปแล้ว พวกท่านปรึกษาหารือกันต่อก็สิ้นเรื่องแล้ว”คิดวางแผนทำร้ายคนอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ครั้นนางหวังกับหรงเจียวเจียวได้ยินถึงตรงนี้ หน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อยยิ่งอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่สาวใช้ของพวกนาง เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ไม่คิดเลยว่าจะประมาทเลินเล่อขนาดนี้ ไม่รู้จักเฝ้าอยู่ข้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 474

    ดังนั้นตอนที่นางเซี่ยบอกให้เขาพิจารณาจงเจิ้งอวี๋ดู เขาจึงปฏิเสธไปทว่าสภาพของพี่ใหญ่ในวันนี้...ในจวนแห่งนี้มีบุตรชายสายตรงเพียงพวกเขาสองคน เรื่องมีลูกหลานสืบสกุล คงหวังพึ่งได้แค่ตนแล้ว พูดตามตรง ในเรื่องนี้พี่ใหญ่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์โดยรวมเท่าตนบางทีผู้ที่รู้รสชาติแห่งความรัก ถึงได้เป็นเช่นนี้กระมังเขาเพียงโชคดี โชคดีที่ตนไม่เข้าใจความรัก!นางเซี่ยมองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า มีบุตรชายทำตามการจัดการของตนสักคนก็ดี บุตรชายคนโตคงบีบไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริง ๆ...จวนสกุลหรง หลังจากอ่านราชโองการจบคนสกุลหรงรับพระประสงค์พร้อมกัน กระทั่งหรงเจียวเจียวที่ถูกเฆี่ยน ไม่ให้คนประคองลุกขึ้นมาจากเตียงไม่ได้ และคุกเข่าร่วมฟังด้วยกันครั้นฟังจบสีหน้าของนางก็ซีดเผือดไปหมดเพียงเพราะฝ่าบาทมีพระราชโองการมา คิดว่าเรื่องที่จะสลับเกี้ยวเกรงว่าจะไม่สำเร็จแล้ว เช่นนี้จะเป็นการหลอกลวงฮ่องเต้สีหน้าของนางหวังเองก็ปั้นยากเช่นกันไหนเลยเฉินเยี่ยนซูจะสนใจความรู้สึกของพวกนางสองแม่ลูก มองไปที่หรงจือจือเท่านั้น พร้อมเอ่ยขึ้นทั้งหูที่แดงเล็กน้อย “เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะ”หรงจือจือ “

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 473

    ครั้นเฉินเยี่ยนซูเห็นนางทำเช่นนี้ และยังได้ยินคำพูดเช่นนี้ ความเย็นเยียบที่กลอกไปมาอยู่ในนัยน์ตาหงส์ ก็พลันสลายไป เป็นความกระตือรือร้นและรอยยิ้มไม่ขาดสายจากนั้นก็พลิกไปจับมือของนางด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างมาก พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างขึงขังว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ข้าจะขอให้แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินแห่งแคว้นขั้นหนึ่ง”“ฮูหยินตราตั้งขั้นหกอะไร ไม่คู่ควรกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย”ครั้นเขาพูดจบ รถม้าก็หยุดลงพอดีคนขับรถม้าเปิดประตูรถม้าออก คำพูดนี้ของเขาย่อมเข้าไปในหูของเซิ่งเฟิงที่อยู่ด้านนอกเช่นกัน เซิ่งเฟิงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นแล้วกลอกตาขาวทีหนึ่งอีกครั้งเยี่ยมไปเลย นี่ท่านเสนาบดีเหยียบขึ้นไปบนอดีตสามีของท่านหญิงแล้ว!ไหนเลยที่หรงจือจือจะไม่เข้าใจ จู่ ๆ เขาก็เอ่ยถึงฮูหยินตราตั้งขั้นหกเพื่ออะไร? วันนี้ก็เพิ่งรู้เช่นกัน ดูท่าท่านเสนาบดีที่อยู่เหนือผู้คน เย็นชาและลำพอง ไม่คิดเลยว่าจะมีความคิดเปรียบเทียบพวกนี้ด้วยนางกลั้นขำ ไม่ให้มีเสียงออกมาส่วนเฉินเยี่ยนซูมองไปนอกรถ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชืด ๆ ว่า “ราชโองการสมรส ประกาศเสียตอนนี้เถอะ”เซิ่งเฟิง “ขอรับ”...ในขณะที่คนสกุลหรงรับราชโองการน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 472

    เมื่อครู่นางเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ได้รับความหนาวเย็นเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก หลังกลับไปท่านเสนาบดีจะต้องกินน้ำขิงติดต่อกันสามวัน หนึ่งวันไม่ต่ำกว่าสามครั้ง”เฉินเยี่ยนซูยังเม้มริมฝีปากบาง ในใจกระวนกระวายไปหมดหรงจือจือ “ท่านเสนาบดี?”เขาได้สติกลับมา ในตอนนี้ถึงพยักหน้าอย่างไม่แยแส “ดื่มน้ำขิงสามวันใช่หรือไม่? ข้าจะจำเอาไว้”เห็นอีกฝ่ายแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง หรงจือจือก็คิดว่าอย่างไรตนก็ควรไว้หน้าเขาสองสามส่วน ฉะนั้นครานี้นางจึงไม่ได้โพล่งหัวเราะออกมาอีกหลังเงียบอยู่ครู่สั้น ๆท่านราชเลขาธิการก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวจริง ๆ ก็ยังเอ่ยถามขึ้นว่า “นางเซี่ยยังไม่ละทิ้งความคิดชั่วร้ายเช่นเดิมหรือ?”หรงจือจือมองเขาทีหนึ่งเขารีบแสร้งทำเป็นไม่แยแส “ข้าเพียงแค่เอ่ยปากถามส่ง ๆ เท่านั้น อันที่จริง...”ทีแรกเขาอยากจะเอ่ยว่า อันที่จริงตนไม่ได้สนใจอะไร ปิดหูปิดตาหรงจือจือต่อ ซ่อนความคิดของตนทว่าเมื่อคำพูดนี้มาถึงข้างปาก ท่านราชเลขาธิการก็รู้สึกว่า หากบอกว่าตนไม่สนใจ ก็ฝืนตัวเองเกินไปจริง ๆกระทั่งดูปลอมจนเขายากจะรับไหวเล็กน้อยจึงหยุดไปทั้งดื้อ ๆหรงจือจือเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 471

    กระทั่งนางอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว อยากจะเล่าถึงความพยายามทั้งหมดของอู๋เหิงที่ทำในจวน และการต่อกรที่ทำกับตนเพื่อให้ได้แต่งงานกับหรงจือจือ ให้หรงจือจือฟังในคราวเดียว“ที่จริงหลายวันมานี้ อู๋เหิงเพื่อ...”หรงจือจือพูดขัด “พระชายาซื่อจื่อ ในเมื่อไร้วาสนา เช่นนั้นคำพูดพวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้ว บางทีในอนาคตข้ากับคุณชายใหญ่ อาจจะได้พบเจอกันอีก ตอนนี้รู้เยอะเกินไป เมื่อเจอกันในอนาคตอาจอึดอัดใจ”ครั้นนางเซี่ยฟังถึงตรงนี้ ในใจก็เย็นเยียบไปโดยสิ้นเชิง ไหนเลยจะไม่เข้าใจ นี่หรงจือจือไม่พิจารณาเลยแม้แต่น้อยแม้จะรู้สึกว่าตนพูดเช่นนี้จะไร้ยางอายเกินไปเล็กน้อย ทว่าเพื่อบุตรชายแล้ว นางก็ยังก้มหน้าแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่เรียกท่านแม่เลยแม้แต่น้อย? ก่อนหน้านี้แม่คิดถึงเจ้าทุกเรื่อง มักจะช่วยเจ้าพูด...”หรงจือจือถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง ทีแรกนางไม่ยอมพูดให้ชัดเจน กลับยิ่งทำให้ดูเหินห่างอย่างชัดเจน ทว่าในเมื่อนางเซี่ยคิดจะบีบให้ตอบแทนบุญคุณหรงจือจือเองก็ทำได้เพียงต้องเอ่ยว่า “พระชายาซื่อจื่อ ชายาอ๋องผู้เฒ่านางเป็นคนดีจริง ๆ แต่ขอท่านอย่าลืมว่า ข้าเป็นคนช่วยชายาอ๋องก่อน”หลายปีมานี้ชายาอ๋องดีกับตนทุกเรื่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 470

    เหอะๆ หากหรงจือจือกลายเป็นหญิงปากร้ายจริงๆ เขาจะคอยดูว่าท่านราชเลขาธิการยังจะได้อยู่อย่างสงบสุขอีกหรือไม่! ท่านราชเลขาธิการเลอะเลือนไปแล้ว แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็จะสนับสนุนหรือ?……หรงจือจือตามเฉินเยี่ยนซูออกจากวังนึกไม่ถึงว่านางเซี่ยจะยังไม่จากไป กำลังรอพวกนางอยู่นอกวังนางเซี่ยมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เอ่ยถามว่า “จือจือ ข้าขอคุยกับเจ้าได้หรือไม่?”หรงจือจือลังเลเล็กน้อย นึกถึงการดูแลที่พระชายาอ๋องเฉียนมีต่อตัวเองตลอดหลายปีมานี้ ก่อนหน้านี้นางหลงผิด พูดแนะนำให้ฉีอวี่เยียนแต่งไปอยู่บ้านพวกเขา พวกเขาก็ไม่เคยถือโทษเรื่องนี้แต่อย่างไร มิหนำซ้ำ วันนี้นางเซี่ยก็ช่วยขอความเมตตาให้กับนางด้วยเหตุนี้จึงตอบตกลงนางเห็นไปมองเฉินเยี่ยนซูที่เม้มปากเหมือนไม่สบอารมณ์ “ผมของท่านราชเลขาธิการยังแห้งไม่สนิท ด้านนอกอากาศหนาว ท่านไปรอข้าบนรถม้าก่อนเถิด”เฉินเยี่ยนซู “ได้”เขาเหมือนจะเชื่อฟังดีมาก มีเพียงเซิ่งเฟิงที่มองออกว่าเขากำลังอดทนที่จะไม่โยนนางเซี่ยออกจากแคว้นต้าฉีผู้ใดจะมองไม่ออกกันว่านางเซี่ยยังคิดที่จะโน้มน้าวอยู่?น่าเสียดาย เวลาอยู่ต่อหน้าภรรยา เขาจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นสุภาพอ่อนโยนเข้าไว้

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status