Share

บทที่ 10  

Author: สั่งไม่หยุด
บนดวงหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์มาตลอด บัดนี้เต็มไปด้วยความร้อนรนกังวลใจ หรงจือจือจ้องมองมหาราชครูหรงไม่วางตา ท่านพ่อสนใจแต่ขนบธรรมเนียมและชื่อเสียงเกียรติยศในตระกูลมาตลอด ส่วนในใจของท่านแม่ก็มีเพียงน้องชายและน้องหญิงเท่านั้น

มีเพียงท่านย่าคนเดียวเท่านั้นที่เป็นคนที่รักตนเอง และเป็นคนที่ตนเองรัก ในวันที่นางเกิดมา หากมิใช่เพราะท่านย่าเป็นคนไปแย่งนางกลับมา นางคงตายด้วยน้ำมือของท่านแม่ไปแล้ว

บัดนี้ได้ยินว่าท่านย่าป่วย นางย่อมร้อนรุ่มกังวลใจขึ้นมาทันที

มหาราชครูหรงฟังน้ำเสียงของนาง สีหน้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย “เจ้ารู้จักอ่อนน้อมกตัญญูต่อท่านย่าของเจ้า ไม่เสียแรงที่นางรักและเอ็นดูเจ้ามาหลายปี! ท่านย่าของเจ้าปลอดภัยดี เพียงแค่โรคเก่ากลับมากำเริบอีกครั้งเท่านั้น หมอเทวดามารักษาแล้ว ข้าเองก็อยู่เฝ้าไข้ดูแลนางทั้งคืน ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว”

ว่าตามหลักแล้วหากนายหญิงใหญ่ป่วยไข้ไม่สบาย ควรเป็นนางหวังที่เข้าไปเฝ้าไข้ปรนนิบัติ ทว่ามหาราชครูหรงมีความกตัญญูอย่างสูงส่ง กอปรกับทราบว่ามารดาไม่ถูกชะตาภรรยาของตน ฉะนั้นเขาจึงไปอยู่เฝ้ามารดาด้วยตนเองตลอดทั้งคืน

หรงจือจือฟังมาถึงตรงนี้ ก็วางใจ ท่านย่าเป็นโรคหัวใจ ชีพจรไม่สมบูรณ์ตั้งแต่กำเนิด โรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ดูแลรักษาประคับประคองร่างกายอย่างดีมาตลอด เพียงแต่บางครั้งอาการก็กำเริบขึ้นมา และด้วยเหตุผลนี้เอง หรงจือจือจึงไปร่ำเรียนวิชาแพทย์กับหมอเทวดาท่านหนึ่ง ก็เพราะหวังว่าหากวันใดท่านย่ารู้สึกไม่สบายตัว ตอนนางอยู่ข้างกายจะได้ดูแลช่วยเหลือทันท่วงที

หรงจือจือ : “เช่นนั้นลูกขอตัวไปเยี่ยมท่านย่าเจ้าค่ะ!”

มหาราชครูเอ่ย “ไม่ต้องร้อนใจไป ท่านย่าของเจ้าเพิ่งจะหลับไปเมื่อครู่ อีกอย่างใบหน้าของเจ้าบวมเป่งเพียงนี้ จะไปเยี่ยมนางได้อย่างไร? เช่นนี้จะไม่ยิ่งทำให้ท่านย่าของเจ้าไม่สบายใจโดยเปล่าประโยชน์หรือ?”

พูดจบ เขาก็เหลือบสายตามองเจาซีปราดหนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นพร้อมเอ่ยว่า “เจ้าโง่เง่าไร้ไหวพริบ ยังไม่รีบไปเอาน้ำแข็งมาให้คุณหนูของเจ้าประคบหน้าอีกหรือ!”

เจาซีได้ยินคำสั่ง ก็รีบคุกเข่ารับคำทันที “บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”

นางหรือจะไม่รักไม่สงสารคุณหนู เพียงแต่นั่นเป็นฝีมือของฮูหยิน หากเจ้านายไม่ออกคำสั่ง นางหรือจะบังอาจ!

มหาราชครูหรง : “ไว้รอยบวมบนหน้าหายแล้ว เจ้าค่อยไปเยี่ยมท่านย่าของเจ้า”

หรงจือจือรับคำ : “เจ้าค่ะ”

แม้ว่านางจะร้อนใจอยากไปพบท่านย่า แต่ก็รู้ดีว่าถ้อยคำของท่านพ่อมีเหตุผล หากท่านย่าเห็นว่าหน้าของตนเองถูกตบจนบวมแบบนี้ คิดดูแล้วคงจะโกรธจนกระทบกระเทือนหัวใจแน่ ซึ่งไม่ดีต่อร่างกายของท่านผู้เฒ่าอย่างนาง

ท่านพ่อไร้ซึ่งความห่วงใยสงสารที่ตนเองโดนตบหน้าเช่นนี้ ก็มิได้อยู่เหนือจากการคาดเดาของหรงจือจือ แต่หรงจือจือก็หาได้สนใจไม่ ตราบใดที่ท่านพ่อใคร่ครวญถึงท่านย่าในทุกเรื่องเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ขอแค่เขาอ่อนน้อมกตัญญูต่อท่านย่า และทำให้ท่านย่ามีชีวิตบั้นปลายที่สุขสงบได้ สำหรับหรงจือจือแล้วสิ่งนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

นางหวังยืนอยู่ด้านข้างไม่กล้าสอดปากพูดแม้แต่คำเดียว กลัวว่าสามีจะฉุกคิดขึ้นได้ว่าเป็นตัวนางเองที่ลงมือตบหน้าเด็กคนนั้น และจะเคลือบแคลงสงสัยในจิตใจรู้กตัญญูของตนเอง

ทว่าหรงเจียวเจียวกลับเอ่ยขึ้นอย่างออดอ้อน “ท่านพ่อ มันก็ใช่จะไร้เหตุผลเช่นนั้นที่ไหน! อย่างที่ลูกพูดไป ท่านย่าแค่รักพี่หญิงมากเกินไปก็เท่านั้น ท่านแม่ถึงได้อบรมสั่งสอนอะไรพี่หญิงไม่ได้…”

ยังไม่ทันพูดจบ ถ้วยชาในมือมหาราชครูหรง ก็ถูกโยนใส่หรงเจียวเจียวทันที

ก่อนจะร่วงลงบนพื้นเบื้องหน้าหรงเจียวเจียว น้ำกระเซ็นเปื้อนชายเสื้อของหรงเจียวเจียว จนดวงหน้างามดุจบุปผาของหรงเจียวเจียวถอดสี แข็งขาอ่อนยวบ รีบคุกเข่าลงกับพื้นโดยพลัน “ท่านพ่อ!”

มหาราชครูหรงตะคอกใส่ด้วยใบหน้าดำมืด “นางเด็กชั้นต่ำ! เจ้ากำลังตำหนิท่านย่าของเจ้าอยู่หรือ! ดูเหมือนหลายปีมานี้ ข้าจะตามใจเจ้ามากเกินไปแล้ว!”

นางหวังรีบเข้ามาช่วยอ้อนวอนขอความเมตตาอีกแรง “ท่านพี่ เจียวเจียวก็แค่เลอะเลือนไปชั่วขณะ ต้องตำหนิตัวข้าต่างหาก กลับไปแล้วข้าจะอบรมสั่งสอนนางให้ดีเจ้าค่ะ!”

หรงจือจือแม้ไม่ได้ทำความผิด แต่ก็ยังถูกนางหวังตบหน้าด่าทอ ผิดกับหรงเจียวเจียวที่พูดจาส่อเสียดไม่เหมาะสม นางหวังกลับรีบเอาตัวเข้าไปน้อมรับความผิดทั้งหมดไว้ และยังช่วยอ้อนวอนขอความเมตตาด้วยอีกแรง

หรงจือจือมองความรักอันลึกซึ้งของพวกนางสองคนแม่ลูกจากด้านข้าง ในใจไร้ซึ่งความรู้สึก

เพราะหลายปีที่ผ่านมา ทุกความรู้สึกถูกอัดอั้นไว้ในใจมามากเกินไปแล้ว จนบัดนี้ความรู้สึกมันได้ตายด้านไปนานแล้ว

มหาราชครูหรงสั่งหรงเจียวเจียวด้วยเสียงเย็นเยียบ “ไปคุกเข่าที่โถงบรรพชน อดอาหารหนึ่งวันจะได้เรียกสติ! หากให้ข้าได้ยินคำพูดดูหมิ่นไม่เคารพท่านย่าของเจ้าออกมาจากปากเจ้าแม้เพียงครึ่งคำ ข้าจะโบยเจ้าสักสองสามทีเป็นการชมเชย!”

หรงเจียวเจียวร้องไห้หน้าบูดบึ้ง “เจ้าค่ะ!”

นางหวังเอ่ยขึ้นทันที “หากเจียวเจียวต้องคุกเข่า จือจือก็ต้องไปด้วย! ตั้งแต่เช้า ถ้อยคำวาจาของนางไร้ซึ่งความเคารพยำเกรงข้า มิหนำซ้ำยังมิได้เข้ามาน้อมคารวะข้ายามเช้า กลับเป็นข้าที่ต้องเป็นฝ่ายเข้ามาหานางด้วยตัวเอง!”

หรงจือจือกระตุกมุมปากยิ้มอย่างดูแคลน ต่อให้หรงเจียวเจียวทำผิดด้วยตนเอง ท่านแม่ก็ยังต้องการให้ตนเองต้องถูกลงโทษด้วยกัน

น่าเสียดาย ที่เรื่องนี้ท่านแม่คงจะลากตนเองไปเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้

จริงดังคาด ครั้นมหาราชครูหรงฟังจบก็ขมวดคิ้วทันใด “ข้ามีเรื่องจำเป็นต้องหารือกับจือจือ จึงสั่งให้คนบอกให้นางละเว้นเรื่องอื่นไว้ก่อน และเข้ามารอพบข้าที่นี่ มีปัญหาอะไรหรือ? อีกอย่าง นางยังมิได้เข้าไปน้อมคารวะท่านแม่ แล้วเจ้าจะเร่งเร้าให้นางไปน้อมคารวะเจ้าก่อนเพื่ออะไร? เจ้าเร่งรีบเพียงนั้น คิดจะข้ามหน้าข้ามตาท่านแม่ไปอย่างนั้นหรือ?”

นางหวังหน้ากระตุกไปที ไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะเป็นคำสั่งของท่านพี่

ได้ยินคำถามท้ายประโยคจากอีกฝ่าย แม้จะมีไฟโทสะสุมอยู่ในอก แต่ก็ไม่อยากทำให้ท่านพี่หงุดหงิดใจ จึงเอ่ยว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ข้าเข้าใจผิดจือจือแล้ว!”

มหาราชครูหรงโบกมือ พลางเอ่ยว่า “เจ้าออกไปก่อนเถิด ข้ามีเรื่องต้องคุยกับจือจือ!”

เขาหรือจะไม่ทราบว่าภรรยาไม่ชอบบุตรีคนโต เขาคร้านจะต่อความยาวสาวความยืดอะไรกับนางต่อที่นี่แล้ว จึงบอกให้นางออกไปก่อนเห็นจะดีกว่า

นางหวังอึดอัดใจ ท่านพี่มีเรื่องอะไรไม่หารือกับตนซึ่งเป็นภรรยา แต่กลับหารือกับหรงจือจือ มิหนำซ้ำยังไม่อนุญาตให้ตนอยู่รับฟังด้วยอีก

สิ่งนี้ทำให้นางยิ่งรู้สึกไม่ถูกชะตากับหรงจือจือหนักขึ้น เอ่ยอย่างฝืนใจไปประโยคหนึ่งว่า : “เช่นนั้นข้าขอตัวไปเตรียมสำรับเที่ยงก่อน ท่านพี่ลำบากมาหนึ่งคืนแล้ว ข้าให้ห้องครัวตุ๋นน้ำแกงไว้ จะได้ให้ท่านดื่มบำรุง”

มหาราชครูหรงผงกศีรษะ เชิงว่าให้นางออกไป

นางหวังออกไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก ก่อนออกไปยังไม่วายเหลือบสายตามองหรงจือจือปราดหนึ่งด้วยความหงุดหงิด ครั้นสบสายตากับท่านแม่ หรงจือจือก็รู้ทันทีว่าโรคเก่าของท่านแม่ที่ในสายตามีเพียงท่านพ่อกลับมากำเริบขึ้นอีกแล้ว แม้แต่ท่านพ่อขอคุยธุระเล็ก ๆ น้อย ๆ กับบุตรีอย่างตนเองตามลำพัง ก็ยังต้องถูกนางริษยาโกรธแค้น

ครั้นนางหวังพาหรงเจียวเจียวออกไปจากห้องโถงหลักแล้ว

หรงเจียวเจียวก็เอ่ยขึ้นอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านแม่ ท่านพ่อเหลือเกินจริง ๆ! เรื่องเล็กน้อยแค่นั้น ต้องลงโทษข้าด้วยหรือ!”

นางหวังกำลังหงุดหงิดรำคาญใจ ฟังจบก็มองนางอย่างไม่สบอารมณ์ : “เจ้าก็รู้ทั้งรู้ว่าท่านพ่อของเจ้าหมกมุ่นกับความกตัญญู ในหัวมีแต่มารดาของเขา แม้แต่ข้ายังไม่กล้าแตะต้องให้มีปัญหา เจ้าจะไปยั่วโทสะเขาเพื่ออะไร?”

หรงเจียวเจียวยังกล้าเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิวออกมา “หากยายแก่นั่นตายไปเสียก็น่าจะดี!”

นางหวังสะดุ้งเฮือก รีบดุทันที “เจ้าอย่าพูดจาเลอะเทอะ ขืนให้ท่านพ่อเจ้าได้ยินเข้ามีหวังได้ตีเจ้าตายแน่!”

หรงเจียวเจียวเขย่ามือของนางหวัง ข่มความโหดเหี้ยมอำมหิตในแววตาไว้ “ก็ได้เจ้าค่ะ ลูกทราบแล้ว อยู่กับท่านแม่ตามลำพังข้าถึงได้กล้าเอ่ยวาจานี้ออกมา! ท่านย่าเอาแต่เพิกเฉยท่านแม่ ข้าก็แค่สงสารท่านแม่เท่านั้นเอง”

นางหวังครุ่นคิด ก็กระซิบออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา “แม้ข้าจะไม่ชอบท่านย่าของเจ้า แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นมารดาของท่านพ่อเจ้า หากนางตายไป ท่านพ่อเจ้าจะเสียใจมาก ข้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น”

หรงเจียวเจียว : “ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะ!”

ท่านแม่อ่อนแอเกินไป เรื่องบางเรื่อง อาจจะต้องให้ตนเป็นคนตัดสินชี้ขาด

……

เจาซีถือก้อนน้ำแข็งกลับมา ห่อมันไว้ด้วยผ้าผืนหนึ่งก่อนจะนำไปประคบใบหน้าให้คุณหนูของตนเอง

ขณะเดียวกันมหาราชครูหรง ก็มองหรงจือจือพลางเอ่ย “เจ้าเป็นคนหนักแน่นมีเหตุผลมาโดยตลอด เรื่องสกุลฉี เจ้าคิดไว้ว่าจะจัดการอย่างไร?”

จากมุมมองของมหาราชครูหรง ก่อนหน้านี้บุตรีทำอะไรเพื่อฉีจื่อฟู่มามากมาย คิดดูแล้วแม้จะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แต่ก็คงยากจะตัดใจจากสามีของตนเอง

หรงจือจือได้ยินเช่นนี้ก็ลุกขึ้นยืน แต่ไหนแต่ไรนางล้วนทำตามคำขอร้องของท่านพ่อมาตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางปรารถนาให้ท่านพ่อทำตามคำขอร้องของตนเองบ้างสักครั้ง

นางคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความสุภาพนบนอบ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบาออกมาทั้งน้ำตา “ท่านพ่อ ลูกอยากหย่าขาดกับสามี ขอท่านพ่อได้โปรดอนุญาต!”

นางไม่รักฉีจื่อฟู่ ฉะนั้นเรื่องที่ฉีจื่อฟู่ก่อขึ้น นางมิได้มีความรู้สึกเจ็บปวดเสียใจเลยจริง ๆ แต่นางรู้สึกกล้ำกลืนกับความไม่เป็นธรรมเหลือเกิน

เพราะอะไร ทั้งที่นางทุ่มเทไปตั้งมากมายเพียงนั้น กลับต้องมาถูกย่ำยีรังแกเช่นนี้หรือ? นางเสียเวลากับสกุลฉีมามากเกินไปแล้ว นางไม่อยากให้ตนเองเสียเวลาชีวิตมากไปกว่านี้อีกแล้ว!

ทั้งโลหิตและน้ำตา นางไม่อยากจะหลั่งมันออกมาเพื่อคนอย่างสกุลฉีอีกต่อไปแล้ว
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Petch Kusuma
อยากให้แต่งรวบรัดหน่อย อธิบายยืดเยื้อมากเกิน อ่านแล้ว แทบไม่ได้ใตความอะไรเลย
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 475

    นี่คือคำพูดที่ออกมาจากปากท่านแม่ได้จริง ๆ หรือ? ไม่ว่าจะว่าอย่างไร หรงจือจือก็เป็นลูกที่ท่านแม่อุ้มท้องมาสิบเดือนจนคลอดนะ!หรงเจียวเจียวเอ่ย “แต่ว่าท่านแม่ หากท่านพ่อรู้เข้า จะดีได้อย่างไร?”หรงจือจือมองหรงซื่อเจ๋อทีหนึ่ง แล้วหัวเราะเย้ยหยันทีหนึ่ง “น้องรองพูดถูก พวกนางสนใจข้าด้วยใจจริงจริง ๆ”และไม่ได้มีความตั้งใจจะกดน้ำเสียงแต่อย่างใดนางหวังและหรงเจียวเจียวที่อยู่ด้านใน พลันเงียบเสียงไปทันใดหรงจือจือย่างเท้าเดินเข้าไปนางหวังหันกลับมาด้วยความไม่สบอารมณ์ พลางมองหรงจือจือแล้วกล่าวว่า “เจ้ามาทำไม?”หรงจือจือ “ข้ามีบางอย่างอยากจะพูดกับน้องสามเป็นการส่วนตัว แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาได้จังหวะพอดี ถึงกับทำให้ฮูหยินกับน้องสามเสียเวลาในการหารือวางแผนทำร้ายข้า”“แต่พวกท่านไม่ต้องร้อนใจไป เดี๋ยวพอข้าออกไปแล้ว พวกท่านปรึกษาหารือกันต่อก็สิ้นเรื่องแล้ว”คิดวางแผนทำร้ายคนอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ครั้นนางหวังกับหรงเจียวเจียวได้ยินถึงตรงนี้ หน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อยยิ่งอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่สาวใช้ของพวกนาง เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ไม่คิดเลยว่าจะประมาทเลินเล่อขนาดนี้ ไม่รู้จักเฝ้าอยู่ข้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 474

    ดังนั้นตอนที่นางเซี่ยบอกให้เขาพิจารณาจงเจิ้งอวี๋ดู เขาจึงปฏิเสธไปทว่าสภาพของพี่ใหญ่ในวันนี้...ในจวนแห่งนี้มีบุตรชายสายตรงเพียงพวกเขาสองคน เรื่องมีลูกหลานสืบสกุล คงหวังพึ่งได้แค่ตนแล้ว พูดตามตรง ในเรื่องนี้พี่ใหญ่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์โดยรวมเท่าตนบางทีผู้ที่รู้รสชาติแห่งความรัก ถึงได้เป็นเช่นนี้กระมังเขาเพียงโชคดี โชคดีที่ตนไม่เข้าใจความรัก!นางเซี่ยมองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า มีบุตรชายทำตามการจัดการของตนสักคนก็ดี บุตรชายคนโตคงบีบไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริง ๆ...จวนสกุลหรง หลังจากอ่านราชโองการจบคนสกุลหรงรับพระประสงค์พร้อมกัน กระทั่งหรงเจียวเจียวที่ถูกเฆี่ยน ไม่ให้คนประคองลุกขึ้นมาจากเตียงไม่ได้ และคุกเข่าร่วมฟังด้วยกันครั้นฟังจบสีหน้าของนางก็ซีดเผือดไปหมดเพียงเพราะฝ่าบาทมีพระราชโองการมา คิดว่าเรื่องที่จะสลับเกี้ยวเกรงว่าจะไม่สำเร็จแล้ว เช่นนี้จะเป็นการหลอกลวงฮ่องเต้สีหน้าของนางหวังเองก็ปั้นยากเช่นกันไหนเลยเฉินเยี่ยนซูจะสนใจความรู้สึกของพวกนางสองแม่ลูก มองไปที่หรงจือจือเท่านั้น พร้อมเอ่ยขึ้นทั้งหูที่แดงเล็กน้อย “เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะ”หรงจือจือ “

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 473

    ครั้นเฉินเยี่ยนซูเห็นนางทำเช่นนี้ และยังได้ยินคำพูดเช่นนี้ ความเย็นเยียบที่กลอกไปมาอยู่ในนัยน์ตาหงส์ ก็พลันสลายไป เป็นความกระตือรือร้นและรอยยิ้มไม่ขาดสายจากนั้นก็พลิกไปจับมือของนางด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างมาก พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างขึงขังว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ข้าจะขอให้แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินแห่งแคว้นขั้นหนึ่ง”“ฮูหยินตราตั้งขั้นหกอะไร ไม่คู่ควรกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย”ครั้นเขาพูดจบ รถม้าก็หยุดลงพอดีคนขับรถม้าเปิดประตูรถม้าออก คำพูดนี้ของเขาย่อมเข้าไปในหูของเซิ่งเฟิงที่อยู่ด้านนอกเช่นกัน เซิ่งเฟิงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นแล้วกลอกตาขาวทีหนึ่งอีกครั้งเยี่ยมไปเลย นี่ท่านเสนาบดีเหยียบขึ้นไปบนอดีตสามีของท่านหญิงแล้ว!ไหนเลยที่หรงจือจือจะไม่เข้าใจ จู่ ๆ เขาก็เอ่ยถึงฮูหยินตราตั้งขั้นหกเพื่ออะไร? วันนี้ก็เพิ่งรู้เช่นกัน ดูท่าท่านเสนาบดีที่อยู่เหนือผู้คน เย็นชาและลำพอง ไม่คิดเลยว่าจะมีความคิดเปรียบเทียบพวกนี้ด้วยนางกลั้นขำ ไม่ให้มีเสียงออกมาส่วนเฉินเยี่ยนซูมองไปนอกรถ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชืด ๆ ว่า “ราชโองการสมรส ประกาศเสียตอนนี้เถอะ”เซิ่งเฟิง “ขอรับ”...ในขณะที่คนสกุลหรงรับราชโองการน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 472

    เมื่อครู่นางเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ได้รับความหนาวเย็นเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก หลังกลับไปท่านเสนาบดีจะต้องกินน้ำขิงติดต่อกันสามวัน หนึ่งวันไม่ต่ำกว่าสามครั้ง”เฉินเยี่ยนซูยังเม้มริมฝีปากบาง ในใจกระวนกระวายไปหมดหรงจือจือ “ท่านเสนาบดี?”เขาได้สติกลับมา ในตอนนี้ถึงพยักหน้าอย่างไม่แยแส “ดื่มน้ำขิงสามวันใช่หรือไม่? ข้าจะจำเอาไว้”เห็นอีกฝ่ายแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง หรงจือจือก็คิดว่าอย่างไรตนก็ควรไว้หน้าเขาสองสามส่วน ฉะนั้นครานี้นางจึงไม่ได้โพล่งหัวเราะออกมาอีกหลังเงียบอยู่ครู่สั้น ๆท่านราชเลขาธิการก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวจริง ๆ ก็ยังเอ่ยถามขึ้นว่า “นางเซี่ยยังไม่ละทิ้งความคิดชั่วร้ายเช่นเดิมหรือ?”หรงจือจือมองเขาทีหนึ่งเขารีบแสร้งทำเป็นไม่แยแส “ข้าเพียงแค่เอ่ยปากถามส่ง ๆ เท่านั้น อันที่จริง...”ทีแรกเขาอยากจะเอ่ยว่า อันที่จริงตนไม่ได้สนใจอะไร ปิดหูปิดตาหรงจือจือต่อ ซ่อนความคิดของตนทว่าเมื่อคำพูดนี้มาถึงข้างปาก ท่านราชเลขาธิการก็รู้สึกว่า หากบอกว่าตนไม่สนใจ ก็ฝืนตัวเองเกินไปจริง ๆกระทั่งดูปลอมจนเขายากจะรับไหวเล็กน้อยจึงหยุดไปทั้งดื้อ ๆหรงจือจือเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 471

    กระทั่งนางอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว อยากจะเล่าถึงความพยายามทั้งหมดของอู๋เหิงที่ทำในจวน และการต่อกรที่ทำกับตนเพื่อให้ได้แต่งงานกับหรงจือจือ ให้หรงจือจือฟังในคราวเดียว“ที่จริงหลายวันมานี้ อู๋เหิงเพื่อ...”หรงจือจือพูดขัด “พระชายาซื่อจื่อ ในเมื่อไร้วาสนา เช่นนั้นคำพูดพวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้ว บางทีในอนาคตข้ากับคุณชายใหญ่ อาจจะได้พบเจอกันอีก ตอนนี้รู้เยอะเกินไป เมื่อเจอกันในอนาคตอาจอึดอัดใจ”ครั้นนางเซี่ยฟังถึงตรงนี้ ในใจก็เย็นเยียบไปโดยสิ้นเชิง ไหนเลยจะไม่เข้าใจ นี่หรงจือจือไม่พิจารณาเลยแม้แต่น้อยแม้จะรู้สึกว่าตนพูดเช่นนี้จะไร้ยางอายเกินไปเล็กน้อย ทว่าเพื่อบุตรชายแล้ว นางก็ยังก้มหน้าแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่เรียกท่านแม่เลยแม้แต่น้อย? ก่อนหน้านี้แม่คิดถึงเจ้าทุกเรื่อง มักจะช่วยเจ้าพูด...”หรงจือจือถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง ทีแรกนางไม่ยอมพูดให้ชัดเจน กลับยิ่งทำให้ดูเหินห่างอย่างชัดเจน ทว่าในเมื่อนางเซี่ยคิดจะบีบให้ตอบแทนบุญคุณหรงจือจือเองก็ทำได้เพียงต้องเอ่ยว่า “พระชายาซื่อจื่อ ชายาอ๋องผู้เฒ่านางเป็นคนดีจริง ๆ แต่ขอท่านอย่าลืมว่า ข้าเป็นคนช่วยชายาอ๋องก่อน”หลายปีมานี้ชายาอ๋องดีกับตนทุกเรื่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 470

    เหอะๆ หากหรงจือจือกลายเป็นหญิงปากร้ายจริงๆ เขาจะคอยดูว่าท่านราชเลขาธิการยังจะได้อยู่อย่างสงบสุขอีกหรือไม่! ท่านราชเลขาธิการเลอะเลือนไปแล้ว แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็จะสนับสนุนหรือ?……หรงจือจือตามเฉินเยี่ยนซูออกจากวังนึกไม่ถึงว่านางเซี่ยจะยังไม่จากไป กำลังรอพวกนางอยู่นอกวังนางเซี่ยมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เอ่ยถามว่า “จือจือ ข้าขอคุยกับเจ้าได้หรือไม่?”หรงจือจือลังเลเล็กน้อย นึกถึงการดูแลที่พระชายาอ๋องเฉียนมีต่อตัวเองตลอดหลายปีมานี้ ก่อนหน้านี้นางหลงผิด พูดแนะนำให้ฉีอวี่เยียนแต่งไปอยู่บ้านพวกเขา พวกเขาก็ไม่เคยถือโทษเรื่องนี้แต่อย่างไร มิหนำซ้ำ วันนี้นางเซี่ยก็ช่วยขอความเมตตาให้กับนางด้วยเหตุนี้จึงตอบตกลงนางเห็นไปมองเฉินเยี่ยนซูที่เม้มปากเหมือนไม่สบอารมณ์ “ผมของท่านราชเลขาธิการยังแห้งไม่สนิท ด้านนอกอากาศหนาว ท่านไปรอข้าบนรถม้าก่อนเถิด”เฉินเยี่ยนซู “ได้”เขาเหมือนจะเชื่อฟังดีมาก มีเพียงเซิ่งเฟิงที่มองออกว่าเขากำลังอดทนที่จะไม่โยนนางเซี่ยออกจากแคว้นต้าฉีผู้ใดจะมองไม่ออกกันว่านางเซี่ยยังคิดที่จะโน้มน้าวอยู่?น่าเสียดาย เวลาอยู่ต่อหน้าภรรยา เขาจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นสุภาพอ่อนโยนเข้าไว้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status