แชร์

บทที่ 142

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
หรงจือจือลงมาจากรถม้า สั่งเหล่าคนรับใช้รออยู่นอกโรงน้ำชาชั้นล่าง และเข้าไปด้านในพร้อมกับสตรีนางนั้น

จากนั้นก็ถามอย่างสุภาพว่า “ไม่ทราบควรเรียกฮูหยินเช่นไรหรือ?”

อันที่จริงเพราะอีกฝ่ายมวยผม นางจึงถามเช่นนี้

สตรีนางนั้นยิ้มเล็กน้อย และกล่าว “ข้าเซินหย่า คุณหนูเรียกข้าว่านางเซินก็พอแล้ว ปีนั้นท่านพ่อตัดสินใจให้ข้าแต่งงานแก้เคล็ดกับท่านพี่ ในขณะนั้นน้องชายเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อไปสอบ กลับถูกคนใส่ร้ายจนเข้าคุก จึงไม่สามารถช่วยออกหน้าแทนข้าได้”

“แต่งานแต่งในวันนั้นท่านพี่ดันมาเสียชีวิต บ้านแม่สามีปฏิบัติต่อข้าไม่ดี เซินเฮ่อผู้เป็นน้องชายจึงรับข้ากลับมา บัดนี้เป็นม่ายอาศัยอยู่บ้านมารดาเจ้าค่ะ”

หรงจือจือนึกขึ้นราวกับเคยได้ยินชื่อเซินเฮ่อคนนี้มาก่อน

ไม่ถือว่าเกิดในครอบครัวยากจน แต่เป็นครอบครัวที่น่าสงสาร คิดๆ ดูแล้วการกระทำของบิดามารดานาง เป็นเพราะตอนนั้นสถานการณ์ทางบ้านยากลำบาก แถมไม่ได้ให้ความสำคัญกับบุตรสาวอีก

เพียงแต่คำพูดและการกระทำของนางเซิน ทำให้หรงจือจือประหลาดใจจริง ๆ

นางก็ไม่ปิดบังความคิดของตนเอง “ฮูหยินคล้ายจะเผยความในใจให้กับคนที่ไม่สนิทอย่างข้าฟังอยู่นะ”

พวกนางทั้งสองพบ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 143

    ต่อจากนั้นนางก็เห็นบุรุษที่ยืนอยู่ข้างกำแพงกำลังชมภาพวาดอยู่ เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ท่วงท่าสง่างาม จึงทำให้นึกถึงกวีบทหนึ่งขึ้นมาที่ว่า กองหินดั่งหยก ต้นสนสีเขียวเรียงรายดั่งมรกต บุรุษงามโดดเด่นเป็นหนึ่ง ไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้าด้านข้างเขามีองครักษ์ยืนอยู่คนหนึ่งหลังหรงจือจือพาเจาซีเข้ามาในห้อง ก็คุกเข่าแสดงความเคารพอย่างสุภาพ “คารวะท่านเสนาบดีเจ้าค่ะ!”ดวงตาที่ปกติเย็นชาของเสิ่นเยี่ยนซูคู่นั้น กำลังมองไปที่หรงจือจือ และถูกเติมเต็มด้วยเงาร่างของนางในทันทีราวกับฟ้าดินไร้ระเบียบ ราวกับจันทราไร้แสงสว่างโลกมนุษย์อันกว้างใหญ่ไพศาล ท่ามกลางแสงสีอันฟุ้งเฟ้อ เหลือนางเพียงคนเดียว ที่เปล่งประกายเจิดจรัส และโดดเด่นเกินกว่าผู้ใดเขากล่าวเสียงเรียบ “แม่นางหรงลุกขึ้นเถอะ”นางเซินที่ยืนอยู่ด้านหลัง เห็นสายตาของเสิ่นเยี่ยนซู ก็ปรากฏความเศร้าหมองขึ้นมาในแววตาแวบหนึ่ง แต่ไม่นานก็ฝืนยิ้มออกมา “เช่นนั้นท่านเสนาบดีคุยกับคุณหนูหรงเชิญคุยเป็นการส่วนตัวเถอะ ข้าจะไปรอที่ด้านนอกเจ้าค่ะ”ทันทีที่พูดจบ ก็ถอยออกไปหรงจือจือก็ยืดตัวขึ้น สองมือประสานกันไว้ด้านหน้า ยืนอย่างนอบน้อม พลางกล่าวเสียงเบา “ขอบ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 144

    บนรถม้าระหว่างกลับจวนโหว หรงจือจือดูตกตะลึงเล็กน้อย และอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าเหตุใดเสิ่นเยี่ยนซูถึงมีเวลาช่วยนางสืบเรื่องเหล่านี้ตามหลักแล้ว คนแบบเขานั้นนั่งอยู่ตำแหน่งสูงในท้องพระโรง อำนาจล้นฟ้า เรื่องเล็กน้อยของเรือนหลังนี้ อีกฝ่ายไม่ควรจะใส่ใจ และยิ่งไม่คิดจะสนใจเสียด้วยซ้ำจึงจะถูกเมื่อเห็นคุณหนูของตนนั่งกระสับกระส่ายเจาซีก็อดไม่ได้ที่จะถาม “คุณหนู ท่านมีข้อสงสัยอะไรหรือเจ้าคะ?”น้อยนักที่หรงจือจือจะมีท่าทีสับสน นางกล่าวขึ้นมาประโยคหนึ่ง “เพียงแต่ประหลาดใจกับความหวังดีของท่านเสนาบดีที่มีต่อข้าก็เท่านั้น บางที ข้าอาจไม่จำเป็นต้องคิดมากจนเกินไป และที่เขาทำแค่เพื่อตอบแทนบุญคุณเท่านั้น?”กลับคิดไม่ถึงว่า เจาซีจะกล่าวเช่นนี้ “ข้าน้อยรู้สึกว่า ท่านเสนาบดีคงจะชอบท่านแน่ ๆ เจ้าค่ะ ในฐานะท่านสมุหราชเลขาธิการ แถมยังต้องว่าราชการแทน อีกทั้งยังมีงานรัดตัวเช่นน้้น เหตุใดต้องรอคุณหนูไปพบด้วยตนเองอยู่ที่นั่น เพียงเพื่อให้คนมอบจดหมายฉบับหนึ่งให้ท่านด้วยล่ะเจ้าคะ”“เรื่องนี้ส่งบ่าวรับใช้คนใดมาทำก็ได้ไม่ใช่หรือ? ยังอ้อมค้อมเช่นนี้ และให้นางเซินเป็นธุระให้อีก แรงจูงใจที่เขาต้องการจะพบคุณหนู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 145

    หรงจือจือ “ไปเถอะ!”การเสแสร้งกับเขาอยู่ตลอดเวลา หรงจือจือก็เหนื่อยมากเช่นกัน ทำให้สับสนประมาณนี้คงจะพอแล้วฉีจื่อเสียนออกไปจากที่นี่แล้ว หลังกลับเรือนของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นจริง ๆ และกล่าวกับชุนเซิงว่า “นายหญิงผู้เฒ่าหรงเสียชีวิตได้เหมาะจริง ๆ ! สกุลหรงมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าที่ให้ความสำคัญกับหรงจือจือ พอยายแก่นั่นเสียชีวิต หรงจือจือก็ทำได้เพียงคิดแผนการทุกอย่างให้จวนโหวของพวกข้าเท่านั้น”“ในอดีต แม้นางไม่ได้สัญญาอะไรกับข้า แต่หากฝั่งท่านสวีเจรจาไม่สำเร็จ ก็ยังจะหาคนอื่นมาให้ข้าอยู่ดี! ความจริงท่านเจียงดูถูกข้า หรือคิดว่าข้าเองก็ชื่นชอบเขางั้นหรือ? เขามักจะตำหนิข้าอยู่เสมอ”“หากนายหญิงผู้เฒ่าหรงเสียชีวิตเร็วกว่านี้ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะให้หรงจือจือเปลี่ยนอาจารย์ให้ข้าไปแล้ว จะได้ไม่ต้องทนทุกข์จากการดูถูกของคนแซ่เจียงนั่น!”ชุนเซิงรู้สึกทนฟังต่อไปไม่ไหว จึงเปิดปากเอ่ย “คุณชายสี่ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ฮูหยินซื่อจื่อก็เป็นคนคิดแผนการเพื่อท่าน ท่านพูดเช่นนี้ มันไม่สมควรจริง ๆ ขอรับ…”ฉีจื่อเสียนมองเขาด้วยความไม่พอใจ “มีอะไรไม่สมควรกัน? เจ้าก็แค่ใจอ่อนเหมือนสตรี! ทางที่ดี ยายแก่นั่นจง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 146

    หรงจือจือยังกล่าวเสริมอีกว่า “บอกเขาว่า ท่านแม่โปรดปรานสร้อยข้อมือชิ้นนั้นมาโดยตลอด แค่นางมอบสร้อยข้อมือให้ข้า ถึงจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าน้องเสียนยังทุ่มเทเพื่อข้าอยู่ เช่นนั้นข้าก็จะยิ่งทำเต็มที่เพื่อเขามากขึ้นเช่นกัน”“อย่าว่าแต่หาอาจารย์เลย ในอนาคตน้องเสียนอยู่ในราชสำนัก จะขอให้ท่านพ่อข้าช่วยวิ่งเต้นให้เขา ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”ความเห็นแก่ตัว และคำนึงถึงผลประโยชน์ของตนเองเป็นอันดับหนึ่ง ถือเป็นประเพณีของคนสกุลฉี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตอนนี้ในสมองของฉีจื่อเสียนเต็มไปด้วยการตามหาอาจารย์ที่ดีเช่นนี้แล้ว ผลประโยชน์ของผู้ใดที่เขายอมเสียสละไม่ได้บ้าง?เจาซีรีบกล่าว “เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้!”ยังไม่ทันถึงครึ่งชั่วยามฉีจื่อเสียนก็เข้ามาอย่างรีบร้อน และนำสร้อยข้อมือที่อยู่ในมือมอบให้หรงจือจือ “พี่สะใภ้ นี่คือสร้อยข้อมือที่ท่านแม่โปรดปรานที่สุดขอรับ...”หรงจือจือดวงตาเปล่งประกาย “ท่านแม่ยอมยกให้ข้าจริง ๆ หรือ?”นางย่อมรู้ว่าฉีจื่อเสียนจะไม่ทำให้นางผิดหวังหากสร้อยข้อมือเป็นของฉีจื่อเสียน เขาคงจะไม่ยอมยกให้ ไม่แน่ว่าอาจจะหยิบยกเหตุผลมากมายมาพูดกับตนเอง แต่สร้อยข้อมือเป็นขอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 147

    “ท่านแม่และคนฝั่งครอบครัวท่านต่างหาก ที่ทำลายอนาคตของน้องเสียนกับน้องสาวสามีซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีบางครั้งลูกสะใภ้เองยังสงสัยว่า พวกเขาเป็นเด็กที่ท่านเก็บมาเลี้ยงหรือเปล่า”นางถานโกรธจนแทบระเบิด “หรงจือจือ เจ้ายังกล้ายุยงอีกรึ!”หรงจือจือ “ลูกไม่มีเจตนาจะยุยง เจาซีกับลูกเติบโตมาด้วยกัน หากท่านไม่เชื่อ สามารถถามนางที่เติบโตมาด้วยกันได้ ว่าข้าดูแลครอบครัวนี้ดีมาโดยตลอดหรือไม่”หรงจือจือจงใจเน้นย้ำคำว่า “เติบโตมาด้วยกัน” ถึงสองครั้งแล้วคำพูดนี้สะกิดความทรงจำบางอย่างของนางถานเข้าจริง ๆ ด้วยนางถานราวกับได้ไพ่เด็ดอะไรมาก็มิปาน หันกลับไปกล่าวต่อฉีจื่อเสียนว่า “ลูกเสียน เจ้ารู้หรือไม่ว่า ตงหลิงที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กกับเจ้า หายไปที่ใดแล้ว?”ได้ยินนางถานถามเช่นนี้ หรงจือจือก็ปรากฏรอยยิ้มที่พึงพอใจในดวงตา สตรีโง่เขลานางนี้ ในที่สุดก็ตกหลุมพรางแล้วฉีจื่อเสียนชะงักเล็กน้อย “ตง…ตงหลิงหรือ? ก่อนหน้านี้พวกท่านบอกว่า ท่านตาของเขาป่วยหนัก จึงเมตตาอนุญาตให้เขาไปรักษาตัวในชนบท แถมอนุญาตให้ตงหลิงไปดูแลไม่ใช่หรือขอรับ?”ตงหลิงเป็นเด็กที่เกิดในเรือน ท่านปู่ของเขาเป็นบ่าวรับใช้ของจวนโหว ตอนนั้นเป

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 148

    #หรงจือจือ “ใช่เจ้าค่ะ ยังมีชีวิตอยู่! ในเมื่อท่านแม่คิดว่าตงหลิงดีมาก และคำนึงถึงน้องเสียนในทุก ๆ เรื่องใช่หรือไม่เจ้าคะ? เจาซี ส่งคนไปรับเขาจากหมู่บ้านที่อยู่เชิงเขาอวี๋เสียเถอะ!”“ประจวบเหมาะกับเมื่อสองเดือนก่อน ข้าได้ยินว่าท่านปู่ของเขาเสียชีวิตแล้ว สามารถกลับมาปรนนิบัติน้องเสียนได้พอดี”“บ่าวรับใช้ที่ดีเช่นนี้ ไม่ควรทิ้งไว้ด้านนอก! รอเขากลับมาแล้ว ข้าก็จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเสียหน่อย และต่อไปค่อยให้เขาเป็นบุตรบุญธรรมที่ดีของท่านแม่เจ้าค่ะ”นางถานรีบกล่าว “ไม่…ไม่ใช่ ตงหลิงนี่ หรือว่าจะ…”หรงจือจือกล่าวขัดจังหวะ “ท่านแม่บอกไม่ใช่หรือเจ้าคะ ว่านี่คือคนที่เติบโตมาด้วยกันกับน้องเสียน ข้าบอกว่าเขาไม่ใช่บ่าวรับใช้ที่ดี ท่านแม่ก็บอกว่าข้าใส่ร้าย แถมยังอยากส่งข้าไปที่ว่าการอีก ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ท่านพูดเอง ลูกสะใภ้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้วจริง ๆ !”ฉีจื่อเสียนกลับดวงตาเปล่งประกาย และรีบกล่าว “รับกลับมาเถอะ รีบรับกลับมาเสียเถอะ! ข้าคิดถึงเขาแล้วจริง ๆ ข้าจะไปรับด้วยตนเอง!”นางถานร้อนใจจนแทบจะกระทืบเท้า “หยุด! ห้ามไป!”ฉีจื่อเสียนไม่พอใจอย่างมาก ขมวดคิ้วและมองนางถาน “เหตุใดถึงห้ามไ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 149

    “เพียงแต่ไม่รู้ว่าเดี๋ยวน้องเสียนกลับมาแล้ว ท่านแม่วางแผนจะทำอย่างไรหรือเจ้าคะ? หากฝืนโบยคนตายไป เกรงว่าให้ตายอย่างไรน้องเสียนก็คงไม่ยอม!”“ท่านพ่อยังไม่รู้ว่าตงหลิงเป็นผู้ใด หากเขารู้ แถมยังได้ยินว่าวันนี้ท่านแม่ก่อเรื่องเช่นนี้อีก คิดดูแล้วคงยิ่งรู้สึกว่าท่านแม่ไม่คู่ควรกับตำแหน่งฮูหยินโหวมากขึ้นไปอีกกระมังเจ้าคะ?”นางถานแทบจะเป็นลม พลางชี้หน้าของหรงจือจือและกล่าว “หากเจ้ากล้าบอกท่านโหว ข้าจะฉีกปากของเจ้าเสีย!”สิ่งที่หรงจือจือต้องการก็คือประโยคนี้ จึงยิ้มพลางกล่าว “น้อมรับคำสอนของท่านแม่เจ้าค่ะ!”เห็นนางเชื่อฟังเช่นนี้ นางถานก็มองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างสงสัยอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายกลับมองไม่ออกถึงเหตผลใด ๆ จึงกล่าวอย่างโมโหว่า “คืนสร้อยข้อมือมาให้ข้า!”เดิมหรงจือจือก็ไม่ได้ต้องการสร้อยข้อมือเส้นนี้จริง ๆเมื่อนางบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็ยิ้มและส่งคืนให้นางถานหลังนางถานรับกลับไป ก็เบิกตากว้าง เหลือบมองหรงจือจือพลางกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว! หรงจือจือ เจ้าจงใจใช่หรือไม่?”“เจ้าจงใจใช้สร้อยข้อมือนี้บีบให้ข้าเข้ามาก่อเรื่อง จงใจชักจูงให้ข้าพูดเรื่องของตงหลิงออกมา เพียงเพื่อให้ข้าเป็นฝ่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 150

    ซิ่นหยางโหวรออยู่พักใหญ่แล้ว ก็ยังไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากนางถาน ยิ่งรู้สึกว่าฮูหยินคนนี้ไม่ถูกใจเอาเสียเลยอดทนรออยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดนางถานก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “นางให้ลูกเสียนเข้ามาแย่งสร้อยข้อมือของข้าเจ้าค่ะ...”ซิ่นหยางโหวได้ยินก็รู้สึกขำ “แค่สร้อยข้อมือเส้นเดียว เหตุใดเจ้าถึงคิดอะไรตื้นๆ เช่นนี้? เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่า เพราะเรื่องของอวี้ม่านหวา นางจึงมีอคติต่อพวกเรา บัดนี้คิดอยากให้นางทำผลประโยชน์เพื่อพวกเรา ดึงมาร่วมมือเป็นพวกหน่อยจะเป็นอะไรไป?”“แถมไม่บอกว่า ที่ต้องการสร้อยข้อมือ ตกลงเป็นความคิดของนางหรือว่าความคิดของลูกเสียน หากเป็นความคิดของนางแล้วอย่างไรเล่า? ตราบใดที่นางคิดแผนการในอนาคตที่ดีให้ลูกเสียน แค่มอบสร้อยข้อมือของจวนโหวให้นางแล้วจะเป็นไรไป?”ปากซิ่นหยางโหวพูดเช่นนี้ แต่ความจริงภายในใจคิดว่า ในฐานะที่หรงจือจือเป็นลูกสะใภ้ของตนเอง การอุทิศตนเพื่อจวนเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงการดึงเข้าพวกแต่เขาเป็นถึงท่านโหว และเกิดจากตระกูลขุนนาง ไหนเลยจะใส่ใจสร้อยข้อมือเพียงเส้นเดียว?นางถานทำเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาคิดว่านางใจแคบ เรื่องแค่นี้ก็ต้องโวยวายด้วย

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 338

    เสิ่นเยี่ยนซูดวงตาเย็นยะเยือก และเดินไปตรงหน้าหรงเจียวเจียวเขามองนางด้วยสายตาที่เหนือกว่า พลางถามเสียงเย็นว่า “เจ้าว่าผู้ใดเป็นคนชั้นต่ำ?”เขามักจะมีอำนาจในฐานะผู้เหนือกว่าอยู่เสมอ ทำเอาหรงเจียวเจียวตกใจสีหน้าซีดเผือด อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าและถอยหลังไปหนึ่งก้าว น้ำตาก็คลอเบ้า จนแทบจะไหลลงมาอีกครั้งนางกล่าวด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา “ข้า ข้า ข้า...”ดวงตาที่เสิ่นเยี่ยนซูมองนาง มองราวกับเป็นของที่ตายแล้ว “วันนี้ข้าจะให้เกียรติมหาราชครูหรง”“เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่สองชั่วยาม ตบหน้าหนึ่งร้อยที ก็จะสามารถลุกขึ้นได้”“หากครั้งหน้าข้าได้ยินคำพูดเช่นนี้อีก ลิ้นของเจ้าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป องครักษ์หลงสิงมีวิธีดึงลิ้นออกมามากมาย เข้าใจหรือไม่?”หรงเจียวเจียวตกใจมากจนฉี่จะราดอยู่แล้ว นั่นเป็นครั้งแรกที่รู้ว่า ชายที่ตนเองชื่นชอบ มีด้านที่น่ากลัวเช่นนี้ด้วย จึงกล่าวด้วยตัวสั่นเทิ้มว่า “เข้า เข้าใจเจ้าค่ะ!”เสิ่นเยี่ยนซูหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและจากไปหรงจือจือเห็นเช่นนี้ ยังตกตะลึงอยู่เล็กน้อยแม้ท่านย่าจะเอ็นดูนาง แต่ก็ไม่ค่อยออกไปด้านนอก ดังนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรก ที่นางสัม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 337

    สายตาที่ประจบของฮูหยินหลี่ มองไปทางหรงจือจือ “จือจือ ได้ยินว่าเจ้าเป็นสตรีผู้มีพรสวรรค์เป็นเลิศอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมาตั้งนาน ไม่สู้เจ้าแต่งกวีเสียหนึ่งบท จะได้เปิดหูเปิดตาให้พวกข้าด้วย!”หรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้เตรียมตัว ให้คนอื่นแต่งดีกว่าเจ้าค่ะ”สีหน้าของฮูหยินหลี่ดูจะเก็บอาการไม่ค่อยอยู่แล้ว แต่ก็รู้ ว่าก่อนหน้านี้ตนเองประพฤติตัวไม่ดี หรงจือจือจะโกรธก็สมควร ดังนั้นจึงเดินไปตรงหน้าหรงจือจือเมื่อจับมือของนาง ขณะที่ยิ้มก็กล่าว “เจ้ามีความคิดที่ปราดเปรื่อง การแต่งบทกวีจำเป็นต้องเตรียมตัวเสียที่ใด? ตอนนี้สุ่มเขียนมาเสียหนึ่งบท คิดดูแล้วก็ดีมากแล้ว”หรงจือจือดึงมือของตนเองออกมาจากอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พูดขึ้นมาแล้ว ตอนนั้นป้าสะใภ้บอกว่า วันนี้ข้าไม่ได้รับเชิญไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ จริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ท่านเสนาบดี ทุกท่าน ขอให้เพลิดเพลินให้เต็มที่ ข้าขอตัวลาไปก่อนเจ้าค่ะ!”ขณะที่พูด หรงจือจือก็ลุกขึ้นเตรียมจะจากไปฮูหยินหลี่ตื่นตระหนกแล้ว จึงรีบกล่าว “นี่...จือจือ เข้าใจผิด! ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ป้าสะใภ้แค่เลอะเลือนไปชั่วขณะจึงพู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 336

    แม้หรงจือจือเห็นท่าทางของเซิ่งเฟิง ล้วนยังต้องหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดมุมปากไว้เล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าเสิ่นเยี่ยนซูไปหาคนที่มีอารมณ์ขันเช่นนี้มาจากที่ใดช่างน่าสนุกยิ่งนัก!เดิมทีหรงเจียวเจียวไม่สบายใจ ยังถูกเซิ่งเฟิงก่อเรื่องเช่นนี้อีก ก็เกิดความคิดอยากตายขึ้นมาจริง ๆ แล้ว “ข้า ข้า...”คิดว่าวันนี้ชื่อเสียงของตนเองคงเสียหายเป็นแน่ นางจึงตัดสินใจทุ่มสุดตัวไปเลย!ขณะมองหรงจือจืออย่างดุร้ายก็กล่าวว่า “หรงจือจือ เจ้าตั้งใจขโมยงานแต่งของข้าใช่หรือไม่? เจ้าก็แค่ไม่อยากให้ข้ามีชีวิตที่ดี เจ้า...”หรงจือจือยังไม่ทันได้เอ่ยปากเสิ่นเยี่ยนซูก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไร้สาระ! เดิมทีก็เป็นของของนาง เหตุใดต้องพูดถึงการขโมยด้วย? เจ้าไม่ลองดูใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องเจ้า และคิดดูอีกทีว่าควรจะพูดจาไร้สาระต่อไปหรือไม่”เพียงคำพูดเดียว ก็ทำให้หรงเจียวเจียวสั่นสะเทือนแล้วจากสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนซู นางมองออก ว่าเขาไม่ได้กำลังล้อเล่นกับนาง หากตนเองโวยวายต่อไป มีหวังโดนตบหน้าจริง ๆ แน่เห็นนางสงบลงได้เสียทีฮูหยินหนิงกั๋วกงก็ยิ้มพลางกล่าว “ครั้งก่อนข้าไปงานเลี้ยงของสกุลฉี เห็นสกุลฉีวุ่นวายไปหมด แม่นา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 335

    เขาเอ่ยเน้นย้ำทีละคำอย่างชัดเจน “คุณหนูสามหรง เจ้าฟังให้ดี ก่อนหน้าวันนี้ แม้แต่หน้าตาของเจ้าเป็นเช่นไรข้าก็ยังไม่รู้ชัด ไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งเจ้าเป็นชายาเลยแม้แต่น้อย”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ที่ข้าต้องการสู่ขอ ก็คือพี่สาวของเจ้ามาโดยตลอด หากเจ้ายังไม่เชื่อ ก็ลองกลับไปสอบถามบิดาของเจ้าดูเถิด”หรงเจียวเจียวส่ายศีรษะไปมา ไม่อาจยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้นางยังคงคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าหาใช่ความจริงไม่ แต่เป็นเพียงฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น นางยิ่งร่ำไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม “ไม่จริง เป็นไปได้อย่างไร... เป็นไปไม่ได้...”ในชั่วขณะนั้นเอง บ่าวรับใช้ของจวนตระกูลหลี่ ก็ได้พาเหวินหมัวมัวเข้ามาด้านในพอเหวินหมัวมัวเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ก็รู้ได้ทันทีว่าคงเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแล้วเป็นแน่เฉินเยี่ยนซูเหลือบมองเหวินหมัวมัวแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ดูท่าแล้ว เจ้าคงมาเพื่อจะบอกคุณหนูสามของเจ้ากระมัง ว่าแท้จริงแล้วผู้ที่ข้าต้องการหมั้นหมายด้วยคือผู้ใดกันแน่?”เมื่อท่านอัครมหาเสนาบดีเอ่ยถาม มีหรือที่เหวินหมัวมัวจะกล้าไม่ตอบ? นางรีบคุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าซีดขา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 334

    ครานี้ ทุกผู้คนต่างตกตะลึงงัน สายตาตำหนิหลายคู่พลันจับจ้องไปยังฮูหยินหลี่อะไรกัน! ในเมื่อไม่ได้หมั้นหมาย แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาหลอกลวงพวกเรา? เช่นนั้นเมื่อครู่พวกเราก็ประจบเอาใจนางเสียเปล่าไปตั้งนานนะสิ?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่พวกเราต้องสรรหาคำเยินยอหรงเจียวเจียวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเมื่อครู่นั้น มันต้องสิ้นเปลืองความคิดอ่านไปมากเพียงใด? สมองแทบจะระเบิดอยู่แล้ว!ฮูหยินหลี่เองก็ตกตะลึงงันไปเช่นกัน ตามเหตุผลแล้ว นาวหวังไม่น่าจะวิปลาสถึงขั้นกุเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้! เมื่อเห็นสายตาตำหนิของผู้คนจับจ้องมา นางจึงพยายามอธิบายอย่างตะกุกตะกัก “ไม่... ไม่ใช่! ข้า... เจียวเจียว นี่มันเรื่องอันใดกันแน่!”หรงเจียวเจียวมองไปยังเฉินเยี่ยนซู ด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ “ท่านอัครมหาเสนาบดี! ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้! ท่านเห็นข้าโกรธจนเอ่ยปากขอถอนหมั้น ท่านไม่คิดจะง้อก็แล้วไปเถิด แต่ยังจะกล่าวปดว่าไม่เคยมาสู่ขอข้าอีกอย่างนั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ประกอบกับเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของหรงเจียวเจียว ผู้คนก็เริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมาอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความกังขาจับจ้องสลับไปมาระหว่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 333

    หรงเจียวเจียวชะงักไปครู่หนึ่ง “อ๊ะ?”จ้าวหมัวมัวกล่าวว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดีคงต้องการจะแสดงอำนาจความเป็นสามี ทั้งยังต้องการจะดูท่าทีคุณหนูด้วยว่าจะยอมอ่อนข้อให้เขาหรือไม่ อย่างไรเสีย ฐานะฮูหยินของราชเลขาธิการผู้ทรงเกียรติ จะเป็นเพียงสตรีที่เอาแต่ใจตน พอเขาขุ่นเคืองก็เอาแต่ร้องขออภัยไปเสียทุกเรื่องไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”หรงเจียวเจียวมีสีหน้าลังเล “เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”จ้าวหมัวมัวกล่าว “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ต้องเป็นเช่นนี้เป็นแน่! คุณหนู ท่านต้องรู้จักแสดงความอ่อนแอบ้าง คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งและทรงอำนาจเช่นท่านอัครมหาเสนาบดี หรือจะยอมลดตัวลงมาง้อคุณหนูได้เล่าเจ้าคะ?”หากไม่เช่นนั้นแล้ว จะอธิบายได้อย่างไรว่าเหตุใดท่านอัครมหาเสนาบดีจึงจงใจสร้างความลำบากให้คู่หมั้นของตนต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้เล่า?เมื่อสองนายบ่าวปรึกษาหารือกันเสร็จสิ้นในที่สุดหรงเจียวเจียวก็รวบรวมความกล้าได้ นางรอจนกระทั่งบัณฑิตผู้หนึ่งแต่งบทกวีเสร็จสิ้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดี... ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ท่านจะโปรดให้ข้าลุกขึ้นได้หรือไม่เจ้าคะ เจียวเจียวปวดเข่าเหลือเกิน พื้นก็ทั้งเย็นทั้งแข็

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 332

    ทุกคนย่อมเห็นแผ่นหลังของหรงเจียวเจียวที่กำลังหันหลังจากไป และพอจะเดาได้ว่านางกำลังแสดงความเอาแต่ใจออกมาบรรดาสตรีที่สนิทสนมกับหรงเจียวเจียวต่างแอบตำหนิอัครมหาอัครมหาเสนาบดีเฉินอยู่ในใจ ว่าช่างไม่รู้จักถนอมบุปผาเทิดทูนหยกล้ำค่าเอาเสียเลย เหตุใดจึงไม่รู้จักไว้หน้าคู่หมั้นของตนเองเช่นนี้?เฉินเยี่ยนซูสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของหรงเจียวเจียวอยู่แล้ว จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หยุดอยู่ตรงนั้น!”ฝีเท้าของหรงเจียวเจียวพลันชะงัก นางคิดในใจ ในที่สุดเขาก็เรียกข้าแล้ว หรือว่าในใจเขายังคงเป็นห่วงข้าอยู่?นางแค่นเสียงหึเบาๆ แล้วหันไปมองเฉินเยี่ยนซู “ในใจของท่าน ไม่ใช่มีเพียงแต่พี่สาวของข้าหรอกหรือ? แล้วจะมารั้งข้าไว้อีกด้วยเหตุใด?”กล่าวจบ นางก็เช็ดน้ำตาพลางหันเสี้ยวหน้าอย่างดื้อรั้นให้เฉินเยี่ยนซูมองนางเชื่อว่าเมื่อเขาเห็นหยาดน้ำตาบนใบหน้าของนาง จะต้องสำนึกได้แน่ว่าตนเองทำผิดไปแล้ว นางเคยส่องกระจกพิจารณาดูตนเองยามร้องไห้อย่างละเอียดแล้ว รู้อยู่แก่ใจว่าท่าทางเช่นนี้จะยิ่งขับเน้นความงดงามแววตาของเฉินเยี่ยนซูเย็นชา “ในใจของข้ามีผู้ใดอยู่ ถึงตาเจ้ามาสอดปากวิจารณ์ด้วยหรือ?”หรงเจียวเจียวฟั

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 331

    ถึงจะอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ แต่เมื่อนางทำผิด หากเฉินเยี่ยนซูไม่เอ่ยอนุญาต นางก็ไม่อาจนั่งได้เมื่อได้รับอนุญาตให้นั่งจากเฉินเยี่ยนซู หลี่เซียงเหยากลับยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ นางรู้สึกราวกับว่าพี่เขยสาม ผู้นี้กำลังตบหน้านางอย่างแรง แล้วค่อยยื่นขนมหวานปลอบใจ ทว่าการตบหน้านี้ช่างหนักหน่วงเหลือเกินนางร่ำไห้ออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อระคนน้อยใจ “ขอบคุณท่านอัครมหาเสนาบดีเจ้าค่ะ!”เมื่อครู่หรงเจียวเจียว ไม่ได้ออกหน้าช่วยนาง ตอนนี้จึงรีบเข้ามากล่าวกลบเกลื่อน “เหยาเหยา เห็นหรือไม่ ท่านอัครมหาเสนาบดียังคงให้ความสำคัญกับเจ้านะ ถึงได้อนุญาตให้เจ้าอยู่ในงานเลี้ยงแต่งบทกวีต่อ!”เฉินเยี่ยนซูเอ่ย “ย่อมต้องให้ความสำคัญ”หรงเจียวเจียวพลันยิ้มออก นางคิดว่าอย่างไรเสียท่านอัครมหาเสนาบดีก็ต้องไว้หน้านางบ้าง แต่คาดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนซู จะเอ่ยประโยคถัดมาว่า “หากนางจากไปแล้ว ไม่มีนางอยู่ที่นี่เป็นข้อเปรียบเทียบ ผู้ใดจะรู้เล่าว่าจุดจบของการลบหลู่ท่านหญิงเป็นเช่นไร?”ทุกคน “…”เหล่าสตรีที่เมื่อครู่ร่วมวงนินทาหรงจือจือ ตอนนี้ต่างรู้สึกชาวาบไปทั้งศีรษะ!ส่วนหรงเจียวเจียวยิ่งหน้าเขียวคล้ำ นางเข้าใจในท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 330

    วันนี้หรงจือจือถึงได้รู้ว่า อันที่จริงเฉินเยี่ยนซูคนผู้นี้ใจดำอำมหิตเป็นอย่างมาก บางทีก่อนหน้านี้ที่เขาไม่รู้จักเจียวเจียวอาจเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี้ที่บิดเบือนความหมายของหรงเจียวเจียว เขาต้องจงใจเป็นแน่สายตาของทุกคนเองก็ตกไปที่ตัวหรงจือจือที่พวกเขากระแหนะกระแหนอยู่นานสองนานนี่...เหตุใดท่านเสนาบดีจัดการเรื่อง ไม่ให้หน้าหรงเจียวเจียวแม้แต่น้อยก็ช่างมันเถอะ ยังจะถามความเห็นของหรงจือจืออีก? นี่หากไม่รู้ ยังคิดว่าคู่ที่ดูตัวหมั้นหมายกัน เป็นหรงจือจือจริง ๆ เสียอีก!หรงจือจือทำทีท่าไม่เกี่ยวกับตน ตอบกลับชืด ๆ ว่า “เรื่องนี้ท่านเสนาบดีตัดสินใจก็พอเจ้าค่ะ”เฉินเยี่ยนซูพยักหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่หรงเจียวเจียว “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะถูกตบปากไปด้วย?”จากสายตาของเขา หรงเจียวเจียวมองออกว่า เขาพูดจริง และไม่ได้ล้อเล่นกับตน สีหน้าของนางก็ยิ่งซีดเผือดเข้าไปอีกนางรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ข้า...ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นเจ้าค่ะ!”หลี่เซียงเหยามองพี่หญิงสามของตนอย่างยากจะเชื่อทีหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะตนช่วยนางพูด ก็คงไม่ตกมาอยู่ในขั้นนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่อยากแยแสตนเฉินเยี่ยนซูกวาดสา

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status