Share

บทที่ 180

Penulis: สั่งไม่หยุด
เจ้าหน้าที่พวกนั้นหนังศีรษะชาวาบ ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าท่านเสนาบดีหมายความว่าอย่างไร เหตุใดดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก? ระดับชั้นที่ต่ำต้อยอย่างพวกเขา ไม่เคยมีโอกาสพบหรงจือจือมาก่อน วันนี้ขอหวังสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรกระมัง?

พวกเขาไม่ได้คิดจะทำอะไรสักหน่อย แต่อยากเห็นก็เท่านั้นเอง

ตอนที่ยังไม่เข้าใจความคิดของผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่ที่ฉลาด มักจะรู้จักรักษาความสงบนิ่งอยู่เสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ยิ่งพูดยิ่งผิด

พวกเขาตัวสั่น ต่างก็ไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมา

เสิ่นเยี่ยนซูมองพวกเขาอย่างเย็นชาครู่หนึ่ง ก็หมุนกายเดินเข้าไปในโถงหลักที่ว่าการของศาลหลงสิง เจ้าหน้าที่องครักษ์หลงสิงส่วนใหญ่ ล้วนทำงานกันอยู่ด้านในโถงหลัก

แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นรวมทั้งฉีจื่อฟู่ด้วย

เห็นเสิ่นเยี่ยนซูเข้ามา ทุกคนต่างคุกเข่าลง “คารวะท่านสมุหราชเลขาธิการขอรับ!”

เสิ่นเยี่ยนซูกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไม่ต้องมากพิธี”

ฉีจื่อฟู่เงยหน้ามองอย่างระมัดระวัง หากไม่ใช่เพราะอัครมหาเสนาบดีเสิ่น ม่านหวาคงไม่ใช่แค่อนุ ตนเองก็ไม่ใช่เป็นแค่ขุนนางชั้นหกเล็ก ๆ นี้เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แม้ฝ่าบาทยังเคารพอีกฝ่ายในฐานะท่านเสนาบดี แต่
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci
Komen (1)
goodnovel comment avatar
WLFJ
หึงเขาอ่ะดิ โด่
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 181

    ดังนั้นอวี่เหวินจ้านเองก็ไม่กล้าหิว ได้แต่รออยู่ข้าง ๆทันใดนั้น ท้องของฉีจื่อฟู่ก็ร้องโครกครากขึ้น หางตาของเขาเห็นบรรดาเพื่อนร่วมงานต่างกำลังกินข้าว กลิ่นอาหารตลบอบอวล ทำให้ยิ่งรู้สึกหิวเข้าไปใหญ่ความหิวโหยของเขายากจะอดกลั้นยิ่งกว่าเซิ่งเฟิง เนื่องจากตอนเช้าเขายังไม่ได้กินข้าวเช้ามาเนื่องจากท่านเสนาบดีอยู่ ทุกคนจึงกินข้าวกันอย่างเงียบเชียบ แทบจะไม่ส่งเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา ฉะนั้นเสียงท้องร้องของทุกคน จึงดังชัดเจนอย่างมากท้องของฉีจื่อฟู่ร้องสองครั้ง ท้องของเซิ่งเฟิงร้องครั้งหนึ่งและยังมีเสียงท้องร้องของอวี่เหวินจ้านประสมขึ้นเป็นครั้งคราวผู้ที่คล้ายกับไร้ซึ่งความอยากอาหารใด ๆ ไม่หิวเลยจริง ๆ และไม่มีเสียงท้องร้องดังออกมาเลย มีเพียงเฉินเยี่ยนซูผู้เดียวเท่านั้นขุนนางผู้หนึ่งที่นั่งข้างฉีจื่อฟู่ ถูกเสียงท้องร้องของเขาทำให้หนวกหูจนทนไม่ไหวอดกลั้นแล้วอดกลั้นอีก ก็ยังอดทนไม่ไหวที่จะกระซิบถามฉีจื่อฟู่ว่า “ใต้เท้าฉี ท่านบอกว่าวันนี้ภรรยาของท่าน จะมาส่งข้าวให้ท่านมิใช่หรือ?”เซิ่งเฟิงค้นพบว่า เสนาบดีของตนดูราวกับไม่สนใจใด ๆ ทว่ากลับเงี่ยหูฟังขึ้นมาเงียบ ๆ แล้วฉีจื่อฟู่อิหลักอิเห

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 182

    เฉินเยี่ยนซูย่อมเข้าใจแล้วว่า จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่เห็นหรงจือจือ ที่พูดว่าส่งข้าว เกรงว่าฉีจื่อฟู่จะคิดเองเออเองท่านสมุหราชเลขาธิการที่อารมณ์ดีลุกขึ้น แล้วมองไปที่อวี่เหวินจ้านทีหนึ่ง “ทำงานได้ไม่เลว”อวี่เหวินจ้านใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณท่านเสนาบดีที่ชมขอรับ!”เขาประจบสอพลอเช่นนี้ นอกจากเพราะไม่อยากล่วงเกินท่านเสนาบดีแล้ว ยังมีอีกข้อหนึ่งก็คือ ท่านเสนาบดีเป็นคนที่เขาเลื่อมใสมาตลอดวันนี้ได้รับการยอมรับจากคนที่เคารพ หากอวี่เหวินจ้านมีหางงอกออกมา เกรงว่าคงเบิกบานใจจนกระดิกหางเป็นป๋องแป๋งก็มิปานเพียงแต่หลังส่งท่านเสนาบดีกลับไปแล้ว อวี่เหวินจ้านก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก ตกลงท่านเสนาบดีชมว่าตนทำได้ดีตรงไหนกันดังนั้นจึงนำม้วนกระดาษทั้งหมดที่ท่านเสนาบดีอ่านเมื่อครู่ กลับมาครุ่นคิดและหาข้อดีของตนรอบหนึ่ง จากนั้นถึงแอบพอใจเงียบ ๆหากเซิ่งเฟิงยังไม่ไป ได้เห็นท่าทางนี้ของเขาแล้ว ไม่แน่อาจจะเตือนเขาประโยคหนึ่งว่า “ไม่ต้องเอากลับไปครุ่นคิดแล้ว ไม่มีอะไรที่ท่านทำได้ดีหรอก เพียงแต่ท่านเสนาบดีอารมณ์ดี จึงเอ่ยปากชมท่านส่ง ๆ ไปเท่านั้นเอง”...ฉีจื่อฟู่กลับจวนด้วยอารมณ์เดือดดาล ทว่าก็ย

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 183

    แม้ว่านิสัยของฉีจื่อฟู่จะไม่ดีสักไม่เท่าไร แต่คนผู้นี้ไหวพริบดีมาก ความสามารถในการทำประโยชน์ให้แว่นแคว้นไม่ต้องสงสัย ไม่เช่นนั้นตอนแรกก็คงไม่ปั่นหัวคนต้าเจาของพวกเขา จนหัวหมุนได้หรอกตนจึงจับข้อด้อยร้ายแรงเรื่องความหลงตัวเองนี้ของเขา ถึงได้มีโอกาสแฝงตัวอยู่ข้างกายเขาหากอีกฝ่ายได้รับความไว้วางใจจากองครักษ์หลงสิงยิ่งขึ้น เช่นนั้นตนก็สามารถสืบหาข่าวได้เยอะยิ่งขึ้นซี่อวี่ทอดถอนใจเฮือกหนึ่ง “หากท่านอ๋องรองรู้ว่าองค์หญิงพยายามอย่างเต็มที่เช่นนี้ คิดว่าก็คงชื่นชมพระองค์เช่นกัน!”อวี้ม่านหวากล่าว “พี่รองเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของต้าเจา ข้าเองก็เช่นกัน หรือว่าเป็นเพราะข้าคือสตรี ถึงได้เทียบเขาไม่ติด? ผู้ที่ใจเสาะมีเพียงพี่ใหญ่ ไม่รู้ว่าเหตุใดตอนแรกเสด็จพ่อถึงยกตำแหน่งฮ่องเต้ให้แก่เขา!”ซี่อวี่ “แต่ว่าองค์หญิงเพคะ เด็กในท้องของพระองค์...”อวี้ม่านหวา “กะอีแค่มารหัวขนก้อนหนึ่งเท่านั้น! หลังมาถึงสกุลฉี ข้ายังคิดว่าหรงจือจือจะลงมือทำให้ข้าแท้ง จะได้ยืมเด็กคนนี้ ทำให้ความสัมพันธ์ของนางกับฉีจื่อฟู่ยิ่งแย่ลง และบีบให้นางออกไปจากสกุลฉีเสีย”“แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางกลับไม่ลงมือ มิหนำซ้ำยังบอกว่าเห็

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 184

    ครั้นหรงจือจือได้ยินดังนั้น มุมปากก็กระตุกรอยยิ้มแสนพอใจออกมา เหตุใดฉีจื่อเสียนจึงยังมาขอยืมเงินได้? ย่อมเป็นเพราะสองวันนี้เล่นพนันจนเสพติดไปแล้ว ไม่แน่ว่าอาจติดหนี้ที่บ่อนด้วยนี่ช่างเป็นเรื่องดีที่มาพร้อมกันสองเรื่องจริง ๆอวี้หมัวมัวกล่าว “ให้ไล่เขาไปไหมเจ้าคะ?”หรงจือจือ “ไม่ ให้เขาเข้ามา”อวี้หมัวมัว “เจ้าค่ะ”เรื่องที่ช่วงนี้หรงจือจือไม่ยอมพบใคร แต่พบเพียงฉีจื่อเสียน ทำเอาฉีจื่อเสียนคาดไม่ถึงเป็นอย่างยิ่ง รีบสาวเท้าก้าวยาวเข้าไปทันทีหลังพบหรงจือจือ เขาก็กล่าวเข้าประเด็นทันที “ท่านพี่สะใภ้ ขอข้ายืมเงินสักหนึ่งร้อยตำลึงได้หรือไม่?”ฉีจื่อเสียนอายุยังน้อย ที่จวนให้เงินเขาเพียงเดือนละหกสิบตำลึง ไว้ใช้จ่ายส่วนตัว เขาเอ่ยปากทีก็จะเอาหนึ่งร้อย เห็นได้ชัดว่าช่วงนี้มีรายจ่ายที่อยู่นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจริง ๆเขากังวลอยู่เล็กน้อยว่าหรงจือจือจะปฏิเสธแต่ไม่คิดเลยว่าหรงจือจือจะยอมง่าย ๆ “เจาซี เจ้าไปเอาเงินมา”ครั้นฉีจื่อเสียนได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พร้อมมองไปที่หรงจือจือแล้วกล่าวว่า “ท่านพี่สะใภ้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่พูดกับท่านไม่ได้”“ท่านพี่ก็แค

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 185

    “แผนนี้ที่คุณหนูคิดออกมา ช่างเหนือชั้นจริง ๆ ไม่ได้ยุยงให้เขาไปขอเงินกับนางถานเสียทีเดียว นอกจากพูดไปแค่ว่านางถานปฏิบัติกับพวกเขาพี่น้องไม่เท่าเทียมกัน”หรงจือจือกล่าวขึ้นชืด ๆ “เรื่องบนโลกใบนี้ เดิมก็มีแต่กังวลว่าจะแบ่งให้ไม่เท่ากันอยู่แล้ว หากนางถานขี้เหนียวกับลูกชายทั้งสองคน ย่อมไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่นางดันใจกว้างกับอีกคน อีกคนอดกลั้นไม่ไหวก็เป็นธรรมดา”บางทีนางถานอาจอธิบายว่า นั่นเป็นเพราะถานผิงถิงคือคนในบ้านมารดาของตนแต่ฉีจื่อเสียนคนที่เหตุผลบิดเบี้ยวนั่น ฟังสิ่งเหล่านี้รู้เรื่องเสียที่ไหนกัน?ได้ห้าร้อยตำลึงในวันนี้แล้ว ความโลภของฉีจื่อเสียนก็มีแต่จะมากขึ้นทุกวันอวี้หมัวมัวกล่าวขึ้นอีกว่า “จริงสิเจ้าคะ คุณหนู คนของเราปลอมตัวเป็นคนรับใช้ทั่วไป เดินผ่านจวนโหว และพูดคุยกับอันธพาลนั่นไม่น้อยทีเดียว”อวี้หมัวมัวถ่ายทอดคำพูดเหล่านั่นให้หรงจือจือฟัง“ฮูหยินของเรามีเงินจริง ๆ สินเดิมนั่นก็แค่ควักออกมาให้นางหลิวนิดหน่อยเท่านั้น น่าจะมีห้าพันกว่าตำลึงเต็ม ๆ”“นั่นน่ะสิ แค่แต่งอนุผู้หนึ่ง เงินยังมากมายขนาดนี้”“เจ้าลองคิดดูสิ อย่างไรก่อนหน้านี้ที่จวนก็เป็นจวนโหว เป็นขุนนางทรงอิทธิ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 186

    ที่ข้าอยากพูดคือสิ่งนี้หรือ? ข้าขาดเงินแค่นี้หรือ?ฮ่องเต้น้อยเบะปาก ก่อนจะไปนั่งบนม้านั่งหินตรงกันข้าม “ท่านอัครมหาเสนาบดี ท่านนี่ช่างน่าเบื่อจริง ๆ ไม่มีความตลกขบขันเลยสักนิด ฟังไม่ออกกระทั่งคำพูดล้อเล่น”น้ำเสียงของเฉินเยี่ยนซูเย็นชา “กษัตริย์ตรัสคำไหนคำนั้น”ฮ่องเต้น้อยจุกอยู่ในลำคอ สายตาตกไปบนตั๋วเงินแผ่นนั้น หนึ่งหมื่นตำลึงทองเขา ‘จุ๊’ ขึ้นมาเสียงหนึ่ง “พวงดอกไม้แค่สองสามพวก ใช้เงินมากมายขนาดนี้ ท่านเสนาดีไม่เสียดายหรือ?”เฉินเยี่ยนซู “ไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หย่งอัน “...”ท่านอัครมหาเสนาบดีมีเพียงจุดนี้ที่ไม่ดี พูดน้อยเกินไป ตนอยากจะพูดกับอีกฝ่ายให้มากสักหน่อย ทว่าก็มักหาหนทางไม่เจอเขากะพริบตามองเฉินเยี่ยนซูร้อยพวงดอกไม้จนเสร็จอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดี ท่านคงไม่ได้เป็นคนสวมใส่พวงดอกไม้เองแน่ ๆ หรือว่าท่านจะมอบให้กับสตรีที่ชอบหรือ?”เฉินเยี่ยนซู “...”เขามิได้ตอบกลับทว่าฮ่องเต้น้อยไม่เห็น หูของเสนาบดีนั้นแดงระเรื่อไปหมดแล้ว ฮ่องเต้น้อยคิดว่าตนไขคดีได้แล้ว ต้องให้สตรีที่ชอบเป็นแน่ฮ่องเต้ฮึกเหิมขึ้นมา เขารีบกล่าวขึ้นว่า “ท่านอัครมหาเสนา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 187

    เฉินเยี่ยนซู “เช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ? ตำราประวัติศาสตร์เล่มไหน ที่สอนฝ่าบาทว่าต้องตามจีบสตรีอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้น้อยนั่งไม่ติดแล้วเขาทำคอตก ก่อนจะลุกขึ้นยืนพลางก้มหน้าราวกับทำเรื่องผิดก็มิปานจากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ขอโทษนะ ท่านอัครมหาเสนาบดี! วันก่อนข้าเห็นนางกำนัลผู้หนึ่งแอบอ่านนิยาย อ่านไปใบหน้าก็เปี่ยมไปด้วยความสุข เอาแต่แอบยิ้ม ข้าสงสัยนิดหน่อย ก็เลยเอามาอ่าน”“ข้าไม่กล้าอ่านตำราเบ็ดเตล็ดเหล่านั้นอีกแล้ว ข้าจะตั้งใจอ่านฎีกา อ่านม้วนเสนอนโยบายการปกครอง ไม่ทำให้ท่านอัครมหาเสนาบดีผิดหวังในตัวข้าอีก”หากรู้เช่นนี้คงไม่มาอวดเก่งต่อหน้าท่านอัครมหาเสนาบดีแล้วไม่คิดเลยว่าแค่ไม่กี่ประโยคก็ถูกท่านอัครมหาเสนาบดีมองออกแล้วว่า ตนอ่านอะไรที่ไม่ควรอ่านในตอนนี้ขันทีอาวุโสหยางเองก็ปาดเหงื่อตรงหน้าผากเช่นกัน ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างอิหลักอิเหลื่อว่า “ท่านเสนาบดี ฝ่าบาทเองก็ไม่ได้อ่านนานมาก อ่านเพียงครึ่งชั่วยามก็อ่านจบแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ได้ใช้ให้ข้าน้อยไปหานิยายเล่มอื่นกลับมาอีก...”เขาเองก็เป็นกังวลเช่นกัน ในฐานะบ่าวรับใช้ข้างกายของฝ่าบาท หากไม่ดูแลฝ่าบาทให้ดี ทำให้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 188

    สุดยอดไปเลย ข้ามีอนาคตแล้ว ข้าก้าวหน้าแล้ว ไม่คิดเลยว่าข้าจะเริ่มด่านายบ้านตัวเองว่าไร้รสนิยมแล้ว!ข้าไม่ควรชื่อเซิ่งเฟิง ข้าควรชื่อว่าพ้นทุกข์ เพราะผู้ที่พ้นทุกข์ถึงจะได้ไปแดนสุขาวดีหลังพ่อบ้านหวงได้รับคำสั่ง ก็รีบไปหาอัญมณี หลายปีมานี้ท่านเสนาบดีสร้างความดีความชอบไว้ไม่น้อย พอให้แต่งตั้งเป็นเสนาบดีมอบตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีได้เจ็ดแปดรอบเนื่องด้วยจวนเสนาบดีได้รับประทานรางวัลมหาศาลนับไม่ถ้วน เบื้องล่างท่านเสนาบดีก็มีบุคคลเก่งกาจผู้หนึ่งนามว่าเฉียนว่านเชียน ช่วยท่านเสนาบดีดูแลทรัพย์สมบัติอย่าเห็นว่าจวนเสนาบดีของพวกเขามีคนเพียงไม่กี่คนนี้ ทว่าอันที่จริงเรียกได้ว่ามั่งคั่งทัดเทียมทรัพย์สินในคลังหลวงฉะนั้นใช้เวลาไม่นาน อัญมณีที่ด้านนอกขายออกได้ในราคามิธรรมดาเหล่านั้น ก็ถูกพ่อบ้านหวงสั่งให้คนย้ายมาห้าหีบแววตาพ่อบ้านหวงเปล่งประกายราวคบเพลิง จ้องอัญมณีเหล่านี้เขม็ง จะให้ตกหล่นแม้แต่เม็ดเดียวก็ไม่ได้ทว่าเฉินเยี่ยนซูกลับทำราวกับพวกนี้ไม่ใช่อัญมณี แต่เป็นเพียงหินทั่วไปก็มิปาน ลวดมือไปคว้าออกมาสองสามกำมือ แล้ววางไว้บนโต๊ะ ตรึกตรองเลือกที่เรียบ ๆ หน่อย จากนั้นก็ใส้ไปในพวงดอกไม้พวงนั้น

Bab terbaru

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 338

    เสิ่นเยี่ยนซูดวงตาเย็นยะเยือก และเดินไปตรงหน้าหรงเจียวเจียวเขามองนางด้วยสายตาที่เหนือกว่า พลางถามเสียงเย็นว่า “เจ้าว่าผู้ใดเป็นคนชั้นต่ำ?”เขามักจะมีอำนาจในฐานะผู้เหนือกว่าอยู่เสมอ ทำเอาหรงเจียวเจียวตกใจสีหน้าซีดเผือด อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าและถอยหลังไปหนึ่งก้าว น้ำตาก็คลอเบ้า จนแทบจะไหลลงมาอีกครั้งนางกล่าวด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา “ข้า ข้า ข้า...”ดวงตาที่เสิ่นเยี่ยนซูมองนาง มองราวกับเป็นของที่ตายแล้ว “วันนี้ข้าจะให้เกียรติมหาราชครูหรง”“เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่สองชั่วยาม ตบหน้าหนึ่งร้อยที ก็จะสามารถลุกขึ้นได้”“หากครั้งหน้าข้าได้ยินคำพูดเช่นนี้อีก ลิ้นของเจ้าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป องครักษ์หลงสิงมีวิธีดึงลิ้นออกมามากมาย เข้าใจหรือไม่?”หรงเจียวเจียวตกใจมากจนฉี่จะราดอยู่แล้ว นั่นเป็นครั้งแรกที่รู้ว่า ชายที่ตนเองชื่นชอบ มีด้านที่น่ากลัวเช่นนี้ด้วย จึงกล่าวด้วยตัวสั่นเทิ้มว่า “เข้า เข้าใจเจ้าค่ะ!”เสิ่นเยี่ยนซูหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและจากไปหรงจือจือเห็นเช่นนี้ ยังตกตะลึงอยู่เล็กน้อยแม้ท่านย่าจะเอ็นดูนาง แต่ก็ไม่ค่อยออกไปด้านนอก ดังนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรก ที่นางสัม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 337

    สายตาที่ประจบของฮูหยินหลี่ มองไปทางหรงจือจือ “จือจือ ได้ยินว่าเจ้าเป็นสตรีผู้มีพรสวรรค์เป็นเลิศอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมาตั้งนาน ไม่สู้เจ้าแต่งกวีเสียหนึ่งบท จะได้เปิดหูเปิดตาให้พวกข้าด้วย!”หรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้เตรียมตัว ให้คนอื่นแต่งดีกว่าเจ้าค่ะ”สีหน้าของฮูหยินหลี่ดูจะเก็บอาการไม่ค่อยอยู่แล้ว แต่ก็รู้ ว่าก่อนหน้านี้ตนเองประพฤติตัวไม่ดี หรงจือจือจะโกรธก็สมควร ดังนั้นจึงเดินไปตรงหน้าหรงจือจือเมื่อจับมือของนาง ขณะที่ยิ้มก็กล่าว “เจ้ามีความคิดที่ปราดเปรื่อง การแต่งบทกวีจำเป็นต้องเตรียมตัวเสียที่ใด? ตอนนี้สุ่มเขียนมาเสียหนึ่งบท คิดดูแล้วก็ดีมากแล้ว”หรงจือจือดึงมือของตนเองออกมาจากอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พูดขึ้นมาแล้ว ตอนนั้นป้าสะใภ้บอกว่า วันนี้ข้าไม่ได้รับเชิญไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ จริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ท่านเสนาบดี ทุกท่าน ขอให้เพลิดเพลินให้เต็มที่ ข้าขอตัวลาไปก่อนเจ้าค่ะ!”ขณะที่พูด หรงจือจือก็ลุกขึ้นเตรียมจะจากไปฮูหยินหลี่ตื่นตระหนกแล้ว จึงรีบกล่าว “นี่...จือจือ เข้าใจผิด! ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ป้าสะใภ้แค่เลอะเลือนไปชั่วขณะจึงพู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 336

    แม้หรงจือจือเห็นท่าทางของเซิ่งเฟิง ล้วนยังต้องหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดมุมปากไว้เล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าเสิ่นเยี่ยนซูไปหาคนที่มีอารมณ์ขันเช่นนี้มาจากที่ใดช่างน่าสนุกยิ่งนัก!เดิมทีหรงเจียวเจียวไม่สบายใจ ยังถูกเซิ่งเฟิงก่อเรื่องเช่นนี้อีก ก็เกิดความคิดอยากตายขึ้นมาจริง ๆ แล้ว “ข้า ข้า...”คิดว่าวันนี้ชื่อเสียงของตนเองคงเสียหายเป็นแน่ นางจึงตัดสินใจทุ่มสุดตัวไปเลย!ขณะมองหรงจือจืออย่างดุร้ายก็กล่าวว่า “หรงจือจือ เจ้าตั้งใจขโมยงานแต่งของข้าใช่หรือไม่? เจ้าก็แค่ไม่อยากให้ข้ามีชีวิตที่ดี เจ้า...”หรงจือจือยังไม่ทันได้เอ่ยปากเสิ่นเยี่ยนซูก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไร้สาระ! เดิมทีก็เป็นของของนาง เหตุใดต้องพูดถึงการขโมยด้วย? เจ้าไม่ลองดูใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องเจ้า และคิดดูอีกทีว่าควรจะพูดจาไร้สาระต่อไปหรือไม่”เพียงคำพูดเดียว ก็ทำให้หรงเจียวเจียวสั่นสะเทือนแล้วจากสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนซู นางมองออก ว่าเขาไม่ได้กำลังล้อเล่นกับนาง หากตนเองโวยวายต่อไป มีหวังโดนตบหน้าจริง ๆ แน่เห็นนางสงบลงได้เสียทีฮูหยินหนิงกั๋วกงก็ยิ้มพลางกล่าว “ครั้งก่อนข้าไปงานเลี้ยงของสกุลฉี เห็นสกุลฉีวุ่นวายไปหมด แม่นา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 335

    เขาเอ่ยเน้นย้ำทีละคำอย่างชัดเจน “คุณหนูสามหรง เจ้าฟังให้ดี ก่อนหน้าวันนี้ แม้แต่หน้าตาของเจ้าเป็นเช่นไรข้าก็ยังไม่รู้ชัด ไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งเจ้าเป็นชายาเลยแม้แต่น้อย”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ที่ข้าต้องการสู่ขอ ก็คือพี่สาวของเจ้ามาโดยตลอด หากเจ้ายังไม่เชื่อ ก็ลองกลับไปสอบถามบิดาของเจ้าดูเถิด”หรงเจียวเจียวส่ายศีรษะไปมา ไม่อาจยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้นางยังคงคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าหาใช่ความจริงไม่ แต่เป็นเพียงฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น นางยิ่งร่ำไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม “ไม่จริง เป็นไปได้อย่างไร... เป็นไปไม่ได้...”ในชั่วขณะนั้นเอง บ่าวรับใช้ของจวนตระกูลหลี่ ก็ได้พาเหวินหมัวมัวเข้ามาด้านในพอเหวินหมัวมัวเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ก็รู้ได้ทันทีว่าคงเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแล้วเป็นแน่เฉินเยี่ยนซูเหลือบมองเหวินหมัวมัวแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ดูท่าแล้ว เจ้าคงมาเพื่อจะบอกคุณหนูสามของเจ้ากระมัง ว่าแท้จริงแล้วผู้ที่ข้าต้องการหมั้นหมายด้วยคือผู้ใดกันแน่?”เมื่อท่านอัครมหาเสนาบดีเอ่ยถาม มีหรือที่เหวินหมัวมัวจะกล้าไม่ตอบ? นางรีบคุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าซีดขา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 334

    ครานี้ ทุกผู้คนต่างตกตะลึงงัน สายตาตำหนิหลายคู่พลันจับจ้องไปยังฮูหยินหลี่อะไรกัน! ในเมื่อไม่ได้หมั้นหมาย แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาหลอกลวงพวกเรา? เช่นนั้นเมื่อครู่พวกเราก็ประจบเอาใจนางเสียเปล่าไปตั้งนานนะสิ?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่พวกเราต้องสรรหาคำเยินยอหรงเจียวเจียวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเมื่อครู่นั้น มันต้องสิ้นเปลืองความคิดอ่านไปมากเพียงใด? สมองแทบจะระเบิดอยู่แล้ว!ฮูหยินหลี่เองก็ตกตะลึงงันไปเช่นกัน ตามเหตุผลแล้ว นาวหวังไม่น่าจะวิปลาสถึงขั้นกุเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้! เมื่อเห็นสายตาตำหนิของผู้คนจับจ้องมา นางจึงพยายามอธิบายอย่างตะกุกตะกัก “ไม่... ไม่ใช่! ข้า... เจียวเจียว นี่มันเรื่องอันใดกันแน่!”หรงเจียวเจียวมองไปยังเฉินเยี่ยนซู ด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ “ท่านอัครมหาเสนาบดี! ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้! ท่านเห็นข้าโกรธจนเอ่ยปากขอถอนหมั้น ท่านไม่คิดจะง้อก็แล้วไปเถิด แต่ยังจะกล่าวปดว่าไม่เคยมาสู่ขอข้าอีกอย่างนั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ประกอบกับเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของหรงเจียวเจียว ผู้คนก็เริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมาอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความกังขาจับจ้องสลับไปมาระหว่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 333

    หรงเจียวเจียวชะงักไปครู่หนึ่ง “อ๊ะ?”จ้าวหมัวมัวกล่าวว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดีคงต้องการจะแสดงอำนาจความเป็นสามี ทั้งยังต้องการจะดูท่าทีคุณหนูด้วยว่าจะยอมอ่อนข้อให้เขาหรือไม่ อย่างไรเสีย ฐานะฮูหยินของราชเลขาธิการผู้ทรงเกียรติ จะเป็นเพียงสตรีที่เอาแต่ใจตน พอเขาขุ่นเคืองก็เอาแต่ร้องขออภัยไปเสียทุกเรื่องไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”หรงเจียวเจียวมีสีหน้าลังเล “เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”จ้าวหมัวมัวกล่าว “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ต้องเป็นเช่นนี้เป็นแน่! คุณหนู ท่านต้องรู้จักแสดงความอ่อนแอบ้าง คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งและทรงอำนาจเช่นท่านอัครมหาเสนาบดี หรือจะยอมลดตัวลงมาง้อคุณหนูได้เล่าเจ้าคะ?”หากไม่เช่นนั้นแล้ว จะอธิบายได้อย่างไรว่าเหตุใดท่านอัครมหาเสนาบดีจึงจงใจสร้างความลำบากให้คู่หมั้นของตนต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้เล่า?เมื่อสองนายบ่าวปรึกษาหารือกันเสร็จสิ้นในที่สุดหรงเจียวเจียวก็รวบรวมความกล้าได้ นางรอจนกระทั่งบัณฑิตผู้หนึ่งแต่งบทกวีเสร็จสิ้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดี... ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ท่านจะโปรดให้ข้าลุกขึ้นได้หรือไม่เจ้าคะ เจียวเจียวปวดเข่าเหลือเกิน พื้นก็ทั้งเย็นทั้งแข็

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 332

    ทุกคนย่อมเห็นแผ่นหลังของหรงเจียวเจียวที่กำลังหันหลังจากไป และพอจะเดาได้ว่านางกำลังแสดงความเอาแต่ใจออกมาบรรดาสตรีที่สนิทสนมกับหรงเจียวเจียวต่างแอบตำหนิอัครมหาอัครมหาเสนาบดีเฉินอยู่ในใจ ว่าช่างไม่รู้จักถนอมบุปผาเทิดทูนหยกล้ำค่าเอาเสียเลย เหตุใดจึงไม่รู้จักไว้หน้าคู่หมั้นของตนเองเช่นนี้?เฉินเยี่ยนซูสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของหรงเจียวเจียวอยู่แล้ว จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หยุดอยู่ตรงนั้น!”ฝีเท้าของหรงเจียวเจียวพลันชะงัก นางคิดในใจ ในที่สุดเขาก็เรียกข้าแล้ว หรือว่าในใจเขายังคงเป็นห่วงข้าอยู่?นางแค่นเสียงหึเบาๆ แล้วหันไปมองเฉินเยี่ยนซู “ในใจของท่าน ไม่ใช่มีเพียงแต่พี่สาวของข้าหรอกหรือ? แล้วจะมารั้งข้าไว้อีกด้วยเหตุใด?”กล่าวจบ นางก็เช็ดน้ำตาพลางหันเสี้ยวหน้าอย่างดื้อรั้นให้เฉินเยี่ยนซูมองนางเชื่อว่าเมื่อเขาเห็นหยาดน้ำตาบนใบหน้าของนาง จะต้องสำนึกได้แน่ว่าตนเองทำผิดไปแล้ว นางเคยส่องกระจกพิจารณาดูตนเองยามร้องไห้อย่างละเอียดแล้ว รู้อยู่แก่ใจว่าท่าทางเช่นนี้จะยิ่งขับเน้นความงดงามแววตาของเฉินเยี่ยนซูเย็นชา “ในใจของข้ามีผู้ใดอยู่ ถึงตาเจ้ามาสอดปากวิจารณ์ด้วยหรือ?”หรงเจียวเจียวฟั

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 331

    ถึงจะอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ แต่เมื่อนางทำผิด หากเฉินเยี่ยนซูไม่เอ่ยอนุญาต นางก็ไม่อาจนั่งได้เมื่อได้รับอนุญาตให้นั่งจากเฉินเยี่ยนซู หลี่เซียงเหยากลับยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ นางรู้สึกราวกับว่าพี่เขยสาม ผู้นี้กำลังตบหน้านางอย่างแรง แล้วค่อยยื่นขนมหวานปลอบใจ ทว่าการตบหน้านี้ช่างหนักหน่วงเหลือเกินนางร่ำไห้ออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อระคนน้อยใจ “ขอบคุณท่านอัครมหาเสนาบดีเจ้าค่ะ!”เมื่อครู่หรงเจียวเจียว ไม่ได้ออกหน้าช่วยนาง ตอนนี้จึงรีบเข้ามากล่าวกลบเกลื่อน “เหยาเหยา เห็นหรือไม่ ท่านอัครมหาเสนาบดียังคงให้ความสำคัญกับเจ้านะ ถึงได้อนุญาตให้เจ้าอยู่ในงานเลี้ยงแต่งบทกวีต่อ!”เฉินเยี่ยนซูเอ่ย “ย่อมต้องให้ความสำคัญ”หรงเจียวเจียวพลันยิ้มออก นางคิดว่าอย่างไรเสียท่านอัครมหาเสนาบดีก็ต้องไว้หน้านางบ้าง แต่คาดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนซู จะเอ่ยประโยคถัดมาว่า “หากนางจากไปแล้ว ไม่มีนางอยู่ที่นี่เป็นข้อเปรียบเทียบ ผู้ใดจะรู้เล่าว่าจุดจบของการลบหลู่ท่านหญิงเป็นเช่นไร?”ทุกคน “…”เหล่าสตรีที่เมื่อครู่ร่วมวงนินทาหรงจือจือ ตอนนี้ต่างรู้สึกชาวาบไปทั้งศีรษะ!ส่วนหรงเจียวเจียวยิ่งหน้าเขียวคล้ำ นางเข้าใจในท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 330

    วันนี้หรงจือจือถึงได้รู้ว่า อันที่จริงเฉินเยี่ยนซูคนผู้นี้ใจดำอำมหิตเป็นอย่างมาก บางทีก่อนหน้านี้ที่เขาไม่รู้จักเจียวเจียวอาจเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี้ที่บิดเบือนความหมายของหรงเจียวเจียว เขาต้องจงใจเป็นแน่สายตาของทุกคนเองก็ตกไปที่ตัวหรงจือจือที่พวกเขากระแหนะกระแหนอยู่นานสองนานนี่...เหตุใดท่านเสนาบดีจัดการเรื่อง ไม่ให้หน้าหรงเจียวเจียวแม้แต่น้อยก็ช่างมันเถอะ ยังจะถามความเห็นของหรงจือจืออีก? นี่หากไม่รู้ ยังคิดว่าคู่ที่ดูตัวหมั้นหมายกัน เป็นหรงจือจือจริง ๆ เสียอีก!หรงจือจือทำทีท่าไม่เกี่ยวกับตน ตอบกลับชืด ๆ ว่า “เรื่องนี้ท่านเสนาบดีตัดสินใจก็พอเจ้าค่ะ”เฉินเยี่ยนซูพยักหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่หรงเจียวเจียว “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะถูกตบปากไปด้วย?”จากสายตาของเขา หรงเจียวเจียวมองออกว่า เขาพูดจริง และไม่ได้ล้อเล่นกับตน สีหน้าของนางก็ยิ่งซีดเผือดเข้าไปอีกนางรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ข้า...ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นเจ้าค่ะ!”หลี่เซียงเหยามองพี่หญิงสามของตนอย่างยากจะเชื่อทีหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะตนช่วยนางพูด ก็คงไม่ตกมาอยู่ในขั้นนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่อยากแยแสตนเฉินเยี่ยนซูกวาดสา

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status