Share

บทที่ 233

Author: สั่งไม่หยุด
“ข้าไม่ได้มีหน้าที่เก็บกวาดความยุ่งเหยิงให้พวกเจ้าทุกครั้ง คนบ้าที่เจ้ายั่วยุด้วยตัวเอง ตัวเองปลอบไม่อยู่ เหตุใดจึงมาโทษข้าล่ะ?”

“ส่วนที่ซวยไปพร้อมกับสกุลฉี นี่เป็นสิ่งที่เจ้าเอาแต่ร้องขอในก่อนหน้านี้มิใช่หรือ?”

“วันส่งท้ายปีเก่าวันแรกที่ข้าแต่งงานเข้าสกุลฉี เจ้ามาพูดอะไรกับท่านอาของเจ้าแต่เช้าตรู่ หรือว่าเจ้าลืมไปแล้ว?”

หรงจือจือไม่มีทางลืมวันนั้น

ตอนนั้นนางแต่งเข้ามาอยู่ในสกุลฉียังไม่ถึงสองเดือน วันที่มีแต่ลมและหิมะ ฉีจื่อฟู่ไปแคว้นเจาแล้ว นางเห็นว่าหิมะตกหนัก จึงตั้งใจเย็บเสื้อตัวนอกขนสุนัขจิ้งจอกอุ่นร่างกายไปให้นางถาน

ยังไม่ทันเดินถึงประตู ก็ได้ยินเสียงพูดคุยของนางถานกับถานผิงถิง

นางถานกล่าว “นางหรงแต่งงานกับลูกชายข้าเพราะอยากเข้ามาพึ่งใบบุญ ในใจของข้ายังจำสิ่งนี้ได้ดี”

แม้ถานผิงถิงจะเข้าใจผิดว่า ในตอนนั้นลูกพี่ลูกน้องของตนยังรักษาโรคอยู่ในจวน ก็ยังกล่าวกับนางถานดังเดิมว่า “อาหญิง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ก็ควรค่าให้ท่านจดจำด้วยหรือ?”

“ท่านพี่เขาเป็นคนมีความสามารถ หากเป็นข้า ไม่ว่าท่านพี่จะมีชาติกำเนิดอะไร ไม่ว่าท่านพี่จะสุขภาพร่างกายเป็นอย่างไร ข้าก็ยินดีทั้งนั้น”

“สิ่งที่หรง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 234

    ทันใดนั้นเขาก็ไม่สนสุขภาพของตนเอง รีบเรียกให้ชิวยี่ประคองตนลุกขึ้นมาจากเตียง ไปนั่งบนรถเข็นที่แค่นั่งก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างมากในสามปีก่อน ก่อนจะถูกชิวยี่เข็นออกไประหว่างทางเขายังเร่งรัดตลอด “ชิวยี่ เจ้าเร็วหน่อยสิ! หากไปช้า เกรงว่าจะไม่ทันแล้ว”ชิวยี่พูดอยู่ในใจ ด้วยท่าทีไม่แยแสคุณชายเลยแม้แต่น้อยของฮูหยินรองเมื่อคืน ต่อให้ไปเร็วก็ไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก ทว่าอย่างไรก็ไม่ดีที่จะฉีกหน้าคุณชายจึงทำได้เพียงสับฝีเท้าให้เร็วขึ้นหรงจือจือพร้อมคนเพิ่งออกมาจากประตูบุปผาย้อยของเรือนชั้นใน ครั้นเหยียบเข้าไปในเรือนชั้นนอกของสกุลฉี ก็ถูกผู้อาวุโสของสกุลฉีขวางเอาไว้ทีแรกได้ยินว่ามหาราชครูหรงสั่งให้คนยกเกี้ยวมา ระหว่างทางเจอเพื่อนร่วมงานจึงสอบถาม ไม่คิดเลยว่าจะกล่าวอย่างเปิดเผยว่ามารับลูกสาวที่หย่าร้างกลับบ้านผู้อาวุโสของสกุลฉีที่อยู่ใกล้จวนสกุลฉีได้ยินข่าวต่างก็รีบมาพากันโน้มน้าวหรงจือจือกันอื้ออึง “นางหรง! เมืองหลวงแห่งนี้มีสตรีสูงศักดิ์บ้านไหน ที่หลังแต่งงานออกไปแล้วยังโวยวายหย่ากลับบ้านมารดาบ้าง? เจ้าทำเช่นนี้มันไร้สาระมิใช่หรือ?”“แม้จะไม่ลงรอยกับจื่อฟู่ ระหว่างผัวเมีย มีคู่ไหนบ้า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 235

    หรงจือจือได้ยินดังนั้นก็ขำพรืด เวลาไหนแล้ว สกุลฉียังคิดจะใช้ตนช่วยให้พวกเขาพ้นผิดอีก ฝันหวานจริง ๆ!ครั้นเห็นว่านางไม่ได้เถียงกลับมาในทันที คนสกุลฉีก็ยังคิดว่าคำพูดของพวกเขา โน้มน้าวหรงจือจือได้ท่านปู่ฉีจิ่วรีบฉวยโอกาสตีเหล็กตอนร้อน “นางหรง เจ้าคิดดูสิ ตอนนี้คือช่วงที่สกุลฉีลำบากที่สุด!”“ขอเพียงเจ้ายอมอยู่ที่จวนสกุลฉีต่อ ช่วยทำให้เราข้ามผ่านความยากลำบากไปได้ ก็จะเป็นผู้มีพระคุณของสกุลฉีเราแล้ว เราจะจดจำความดีของเจ้าเอาไว้!”“นับตั้งแต่นี้ จะไม่มีผู้ใด เขย่าตำแหน่งภรรยาเอกของเจ้าได้แล้ว ต่อไปหากจื่อฟู่เลอะเลือนอีก เราจะดุด่าเขาแน่นอน!”ใบหน้าของหรงจือจือเต็มไปด้วยการเหยียดหยาม พร้อมกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตอนแรกที่ข้าแต่งงานเข้ามา ข้าคุกเข่าหมอบกราบขึ้นภูเขาเพื่อขอยาให้ฉีจื่อฟู่ ตอนที่โขกหัว ทุกท่านก็บอกว่าข้ามีความรู้สึกลึกซึ้งมีความหมายต่อฉีจื่อฟู่มิใช่หรือ?”“หลังจากนั้นพวกท่านทำกับข้าอย่างไร? พวกท่านคนสกุลฉี คู่ควรให้ข้าก้าวข้ามความยากลำบากไปกับพวกท่านหรือ?”ส่วนตำแหน่งภรรยาเอกของฉีจื่อฟู่ กระทั่งหมายังไม่แยแสเลยด้วยซ้ำ!ฉีอวิ่นกล่าว “ลูกสะใภ้แสนดี คนธรรมดามิใช่นักปรา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 236

    กล่าวจบ ไม่คิดเลยว่าเขาจะโซเซคุกเข่าลงจริง ๆหรงจือจือหลบออกไปหลายก้าวนางจะยอมรับการคุกเข่าของฉีจื่อฟู่ ต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้จริง ๆ หรือ? เช่นนี้หากแพร่ออกไป ต่อให้ตนมีเหตุผล ก็อาจทำให้เกิดชื่อเสียงที่ไม่ดี ตกไปยังเหล่าพี่หญิงน้องหญิงของสกุลหรงคนอื่น ๆ ได้หรงจือจือ “ใต้เท้าฉี ที่จริงท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย ไม่มีผู้ใดจงใจจะเหยียดหยามคนในครอบครัวของท่าน พวกเขาเป็นคนขวางข้าเอาไว้ หากท่านเป็นห่วงพวกเขาจริง ๆ ก็ให้พวกเขาทั้งหมดกลับไปเสีย”ฉีจื่อฟู่กล่าวขึ้นพลางขมวดคิ้ว “จือจือ พวกผู้อาวุโสเองก็ทำเพื่อเราสองคนทั้งนั้น”หรงจือจือเย้ยหยันเบา ๆ เพื่อนางหรือเพื่อสกุลฉีของพวกเขากันแน่?ฉีจื่อฟู่มองไปที่มหาราชครูหรง แล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อตา ขอข้าคุยกับจือจือเพียงลำพังสักหน่อยได้หรือไม่?”มหาราชครูหรงกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าไม่ใช่พ่อตาของเจ้า และไม่ได้มีเวลาว่างมากมายขนาดนั้น”ผู้อาวุโสสกุลฉีกลับพากันตำหนิมหาราชครูหรงว่าไม่ได้เรื่อง “มหาราชครูหรง ถึงฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับท่านมาก แต่ท่านจะหยาบคายไร้เหตุผลเช่นนี้ไม่ได้นะ!”“เขาผัวเมียมีอะไรจะพูดกัน พ่อตาอย่างท่านกลับขวางเอา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 237

    ฉีจื่อฟู่หลับตาลงอย่างห่อเหี่ยวใจ ใช่ เขารู้ นี่เป็นเรื่องที่มารดาทำออกมาได้เขาจะลืมได้อย่างไร ก่อนหน้านี้หรงจือจือพาตนกลับไปเล่นละครที่สกุลหรง ใส่ใจฮูหยินผู้เฒ่าหรงถึงเพียงนั้น ระหว่างพวกเขากลายเป็นศัตรูกัน ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีทางอภัยให้สกุลพวกเขาฉีจื่อฟู่กล่าวทั้งลำคอแห้งผาก “ที่แท้เจ้าก็ไม่ได้อยู่ต่อเพราะตัดใจจากข้าไม่ได้ ข้ากลับคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอด...”หรงจือจือไม่ได้ปฏิเสธ นางคิดว่าฉีจื่อฟู่ควรรู้ตัวนานแล้วฉีจื่อฟู่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เช่นนั้น...ในใจของเจ้า เคยมีเยื่อใยต่อข้าบ้างหรือไม่?”หรงจือจือถามกลับชืด ๆ “ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ?”ฉีจื่อฟู่เงียบไปครู่หนึ่ง ถึงกล่าวต่อว่า “ที่จริงสามปีก่อนข้ามักคิดว่า คล้ายกับเจ้ารักข้า แล้วก็คล้ายกับไม่รักเลยเช่นกัน ข้าไม่เข้าใจ สิ่งที่เจ้าสนใจคือข้า หรือว่าชื่อเสียงสะใภ้ใหญ่คุณธรรมของเจ้ากันแน่”และด้วยเหตุนี้ เขาถึงไปคบกับอวี้ม่านหวา และจงใจกลับมาหาเรื่องนาง เขาอยากพิสูจน์ว่านางรักเขาเป็นอย่างยิ่งและเขาเองก็อยากเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของนางเป็นอย่างยิ่งหรงจือจือเองก็รู้สึกว่า ควรพูดให้ชัดเจนจึงกล่าวขึ้นอย่างไม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 238

    หรงจือจือมองไปที่เขา จงใจกล่าวคำฟังไม่เข้าหูสุด ๆ ออกมา “ท่านคิดเองว่าตอนนี้จะชดเชยอะไรข้าได้? ตอนนี้ขนาดยืนท่านยังยืนไม่ไหวเลยด้วยซ้ำ ท่านมีตรงไหนที่คู่ควรกับข้า?”“ท่านพาอวี้ม่านหวากลับมา หากโดนโทษหนัก ท่านไม่ทำให้ข้ากับสกุลหรงพลอยติดร่างแหไปด้วย ก็เป็นการชดเชยให้ข้าที่ดีที่สุดแล้ว มิใช่หรือ?”นางรู้ว่าแม้ฉีจื่อฟู่จะดูราวกับไร้ยางอาย คิดเข้าข้างตัวเอง ทว่าคนผู้นี้รักศักดิ์ศรีเป็นอย่างมากนางกล่าวเช่นนี้ ต้องทำให้เขาถอยไปได้แน่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆสีหน้าของฉีจื่อฟู่ซีดเผือดไปหมด เขาหลับตาลงพลางกล่าว “เจ้าไปเถอะ! ข้าจะไม่ขวางเจ้าเอาไว้! ทีแรกข้าเองก็ป่วยจนกลายเป็นเช่นนี้ เจ้าเคยดูแลข้ามาครั้งหนึ่ง ข้าไม่มีหน้าให้เจ้ามาดูแลเป็นครั้งที่สองแล้ว”เขารู้ว่า หรงจือจือพูดอย่างชัดเจนขนาดนี้แล้ว ตนก็จนปัญญาจะรั้งให้นางอยู่แล้วเช่นกันหรงจือจือสาวเท้าก้าวยาวเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามองทว่าฉีจื่อฟู่เรียกให้นางหยุด “จือจือ อย่างไรข้าก็เคยสร้างความดีความชอบในการรบชนะเอาไว้ ไม่แน่ว่าฝ่าบาทจะให้ข้าไปตาย”“ท่านย่าของเจ้าถูกท่านแม่ข้าบีบให้ตาย เจ้าเองก็ฆ่าท่านแม่ของข้า นับว

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 239

    หรงจือจือคิดว่าเขาเป็นบ้า คร้านจะสนใจแล้วจริง ๆทว่าในจังหวะนี้เอง เมื่อฉีอวี่เยียนได้รับข่าว ก็พุ่งออกมาจากในจวน “หรงจือจือ ท่านจะไปก็ไป แต่สินเดิมพวกนี้ท่านเอาไปไม่ได้!”“นี่เป็นของที่ท่านรับปากข้าไว้ก่อนหน้านี้! หากข้าแต่งงานออกไปท่านจะให้สินเดิมข้าร้อยหาบ เรื่องนี้ตกลงกันไว้แล้ว ตอนนี้ท่านจะมาเอาไปหมายความว่าอย่างไร?”หรงจือจือแค่นเสียงฮึทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามว่า “ข้าเคยรับปากไว้ตั้งแต่เมื่อไร?”ฉีอวี่เยียนอึ้งไป พร้อมมองนางอย่างยากจะเชื่อ “ท่านเป็นคนรับปากเองนะ! หรือว่าท่านจะไม่ยอมรับ?”หรงจือจือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะฉีกยิ้มอ่อน ๆ แล้วกล่าวว่า “อาจจะเคยว่าเอาไว้จริง ๆ กระมัง แต่ข้าเองก็ไม่เคยเขียนสัญญาให้เจ้านี่ ตอนนี้ข้าไม่ให้แล้ว เจ้าเองก็ไปฟ้องข้าที่ที่ว่าการไม่ได้!”สีหน้าของฉีอวี่เยียนแข็งทื่อไม่นานก็นึกคำพูดที่ตนพูดกับหรงจือจือ ในวันที่ตนไปขอสินเดิมกับหรงจือจือขึ้นได้“ข้าเองก็รู้ว่าปีนั้นท่านพี่บอกว่าจะไม่ติดค้างท่าน และยังบอกว่าจะขอพระราชทานฮูหยินตราตั้งให้ท่าน แต่เขาก็ไม่ได้เขียนสัญญาให้ท่านนี่ ตอนนี้ท่านเกิดไม่พอใจขึ้นมา ก็ไปฟ้องเขาไม่ได้!”ถูกคำพูดของตัวเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 240

    สีหน้าของฉีจื่อฟู่คล้ำดำเขียว “อวี่เยียน! เจ้าหลีกไปเสีย!”ทว่าในตอนนี้ฉีอวี่เยียน คล้ายกับเป็นบ้าไปแล้ว ฟังไม่เข้าหูเลยสักนิดนางกดปิ่นปักผมตรงคอของตนเอง เลือดซิบออกมาแล้ว ก่อนจะกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “ไม่มีทาง! หากทิ้งสินเดิมเอาไว้ ข้าก็จะหลีก! ไม่เช่นนั้นข้าจะนองเลือดอยู่ตรงนี้เสีย!”หรงจือจือกล่าวเตือนชืด ๆ “ความเป็นตายของเจ้า ขู่ได้แค่ผู้ที่สนใจความเป็นความตายของเจ้าเท่านั้น เจ้าคิดว่าข้าสนใจหรือ?”ฉีอวี่เยียนสำลึก ก่อนจะกล่าวประชดประชัน “ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะไม่สนใจชื่อเสียงของท่าน!”หรงจือจือยิ้มอ่อน ๆ “ข้าหย่าแล้ว ในเมืองหลวงจะยังมีชื่อเสียงดี ๆ ได้อีก?”ในใจของฉีอวี่เยียนพลันไม่แน่ใจขึ้นมาแต่ไม่นานนางก็แข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็ส่งปิ่นปักผมไปด้านหน้าอีกครั้ง แววตาหวาดระแวงและบ้าคลั่ง “อย่างไรก็ดีกว่าบีบให้อดีตน้องสามีให้ตายโขกระมัง?”มหาราชครูหรงเองก็ขมวดคิ้วมุ่นอันที่จริงเขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนสกุลฉีจะไร้ยางอายเช่นนี้ สินเดิมของบุตรสาวตน ตามเหตุผลตามกฎมณเทียรบาลแล้ว ในเมื่อหย่ากันแล้วก็ไม่ควรทิ้งเอาไว้สิ่งนี้ทำให้แววตาดูถูกของเขาก็มองไปที่ฉีอวิ่นเช่นกันใน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 241

    มหาราชครูหรงแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ด่าทอพี่ชายและอดีตพี่สะใภ้ต่อหน้าธารกำนัล ขู่เข็ญเอาชีวิตเพื่อเรียกร้องสินเดิมของอดีตพี่สะใภ้ การสั่งสอนของตระกูลฉี ข้าได้ประจักษ์แล้วจริงๆ!”“ก็ใช่น่ะสิ! มีมารดาอย่างนางถานที่คบชู้ จะมีลูกหลานที่ได้เรื่องได้อย่างไร?”“หากลูกสาวของข้าทำตัวน่าอับอายขายหน้าเช่นนี้ ข้าคงจะโบยจนตายนานแล้ว!”“ฉีอวิ่น เจ้าจงจำไว้ สองตระกูลเรามิใช่เพียงหย่าร้าง แต่เป็นการตัดขาด! ครอบครัวเจ้าทำให้แม่ข้าเสียใจ สองตระกูลเราไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกันอีกต่อไป”“ต่อไปนี้ หากเจ้าเจอข้า จงเรียกข้าว่าใต้เท้าด้วยความเคารพ! ถ้าครอบครัวเจ้ายังมีชีวิตรอดเจอข้าในภายภาคหน้า!”พูดจบ มหาราชครูหรงก็สะบัดแขนเสื้อ “กลับจวน!”หากไม่ใช่เพราะตัวต้นเหตุอย่างนางถานได้ตายไปแล้ว เขาคงจะสาดคำพูดร้ายๆ ใส่มากกว่านี้ ก่อนจะยุติเรื่องหรงจือจือขึ้นรถม้า ท่ามกลางสายตาอาลัยอาวรณ์ของฉีจื่อฟู่เจาซีที่ถือกระเป๋าน้ำร้อนขึ้นไปปรนนิบัติ พูดอย่างโกรธเคือง “คุณหนู ฉีอวี่เยียนนี่มันไม่ใช่คนจริงๆ!”หรงจือจือ “ไม่ต้องโกรธ ต่อไปนี้ตระกูลฉีจะดีจะร้าย ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราอีกแล้ว”เจาซีพยักหน้า “ก่อนหน้า

Latest chapter

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 338

    เสิ่นเยี่ยนซูดวงตาเย็นยะเยือก และเดินไปตรงหน้าหรงเจียวเจียวเขามองนางด้วยสายตาที่เหนือกว่า พลางถามเสียงเย็นว่า “เจ้าว่าผู้ใดเป็นคนชั้นต่ำ?”เขามักจะมีอำนาจในฐานะผู้เหนือกว่าอยู่เสมอ ทำเอาหรงเจียวเจียวตกใจสีหน้าซีดเผือด อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าและถอยหลังไปหนึ่งก้าว น้ำตาก็คลอเบ้า จนแทบจะไหลลงมาอีกครั้งนางกล่าวด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา “ข้า ข้า ข้า...”ดวงตาที่เสิ่นเยี่ยนซูมองนาง มองราวกับเป็นของที่ตายแล้ว “วันนี้ข้าจะให้เกียรติมหาราชครูหรง”“เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่สองชั่วยาม ตบหน้าหนึ่งร้อยที ก็จะสามารถลุกขึ้นได้”“หากครั้งหน้าข้าได้ยินคำพูดเช่นนี้อีก ลิ้นของเจ้าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป องครักษ์หลงสิงมีวิธีดึงลิ้นออกมามากมาย เข้าใจหรือไม่?”หรงเจียวเจียวตกใจมากจนฉี่จะราดอยู่แล้ว นั่นเป็นครั้งแรกที่รู้ว่า ชายที่ตนเองชื่นชอบ มีด้านที่น่ากลัวเช่นนี้ด้วย จึงกล่าวด้วยตัวสั่นเทิ้มว่า “เข้า เข้าใจเจ้าค่ะ!”เสิ่นเยี่ยนซูหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและจากไปหรงจือจือเห็นเช่นนี้ ยังตกตะลึงอยู่เล็กน้อยแม้ท่านย่าจะเอ็นดูนาง แต่ก็ไม่ค่อยออกไปด้านนอก ดังนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรก ที่นางสัม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 337

    สายตาที่ประจบของฮูหยินหลี่ มองไปทางหรงจือจือ “จือจือ ได้ยินว่าเจ้าเป็นสตรีผู้มีพรสวรรค์เป็นเลิศอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมาตั้งนาน ไม่สู้เจ้าแต่งกวีเสียหนึ่งบท จะได้เปิดหูเปิดตาให้พวกข้าด้วย!”หรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้เตรียมตัว ให้คนอื่นแต่งดีกว่าเจ้าค่ะ”สีหน้าของฮูหยินหลี่ดูจะเก็บอาการไม่ค่อยอยู่แล้ว แต่ก็รู้ ว่าก่อนหน้านี้ตนเองประพฤติตัวไม่ดี หรงจือจือจะโกรธก็สมควร ดังนั้นจึงเดินไปตรงหน้าหรงจือจือเมื่อจับมือของนาง ขณะที่ยิ้มก็กล่าว “เจ้ามีความคิดที่ปราดเปรื่อง การแต่งบทกวีจำเป็นต้องเตรียมตัวเสียที่ใด? ตอนนี้สุ่มเขียนมาเสียหนึ่งบท คิดดูแล้วก็ดีมากแล้ว”หรงจือจือดึงมือของตนเองออกมาจากอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พูดขึ้นมาแล้ว ตอนนั้นป้าสะใภ้บอกว่า วันนี้ข้าไม่ได้รับเชิญไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ จริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ท่านเสนาบดี ทุกท่าน ขอให้เพลิดเพลินให้เต็มที่ ข้าขอตัวลาไปก่อนเจ้าค่ะ!”ขณะที่พูด หรงจือจือก็ลุกขึ้นเตรียมจะจากไปฮูหยินหลี่ตื่นตระหนกแล้ว จึงรีบกล่าว “นี่...จือจือ เข้าใจผิด! ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ป้าสะใภ้แค่เลอะเลือนไปชั่วขณะจึงพู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 336

    แม้หรงจือจือเห็นท่าทางของเซิ่งเฟิง ล้วนยังต้องหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดมุมปากไว้เล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าเสิ่นเยี่ยนซูไปหาคนที่มีอารมณ์ขันเช่นนี้มาจากที่ใดช่างน่าสนุกยิ่งนัก!เดิมทีหรงเจียวเจียวไม่สบายใจ ยังถูกเซิ่งเฟิงก่อเรื่องเช่นนี้อีก ก็เกิดความคิดอยากตายขึ้นมาจริง ๆ แล้ว “ข้า ข้า...”คิดว่าวันนี้ชื่อเสียงของตนเองคงเสียหายเป็นแน่ นางจึงตัดสินใจทุ่มสุดตัวไปเลย!ขณะมองหรงจือจืออย่างดุร้ายก็กล่าวว่า “หรงจือจือ เจ้าตั้งใจขโมยงานแต่งของข้าใช่หรือไม่? เจ้าก็แค่ไม่อยากให้ข้ามีชีวิตที่ดี เจ้า...”หรงจือจือยังไม่ทันได้เอ่ยปากเสิ่นเยี่ยนซูก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไร้สาระ! เดิมทีก็เป็นของของนาง เหตุใดต้องพูดถึงการขโมยด้วย? เจ้าไม่ลองดูใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องเจ้า และคิดดูอีกทีว่าควรจะพูดจาไร้สาระต่อไปหรือไม่”เพียงคำพูดเดียว ก็ทำให้หรงเจียวเจียวสั่นสะเทือนแล้วจากสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนซู นางมองออก ว่าเขาไม่ได้กำลังล้อเล่นกับนาง หากตนเองโวยวายต่อไป มีหวังโดนตบหน้าจริง ๆ แน่เห็นนางสงบลงได้เสียทีฮูหยินหนิงกั๋วกงก็ยิ้มพลางกล่าว “ครั้งก่อนข้าไปงานเลี้ยงของสกุลฉี เห็นสกุลฉีวุ่นวายไปหมด แม่นา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 335

    เขาเอ่ยเน้นย้ำทีละคำอย่างชัดเจน “คุณหนูสามหรง เจ้าฟังให้ดี ก่อนหน้าวันนี้ แม้แต่หน้าตาของเจ้าเป็นเช่นไรข้าก็ยังไม่รู้ชัด ไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งเจ้าเป็นชายาเลยแม้แต่น้อย”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ที่ข้าต้องการสู่ขอ ก็คือพี่สาวของเจ้ามาโดยตลอด หากเจ้ายังไม่เชื่อ ก็ลองกลับไปสอบถามบิดาของเจ้าดูเถิด”หรงเจียวเจียวส่ายศีรษะไปมา ไม่อาจยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้นางยังคงคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าหาใช่ความจริงไม่ แต่เป็นเพียงฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น นางยิ่งร่ำไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม “ไม่จริง เป็นไปได้อย่างไร... เป็นไปไม่ได้...”ในชั่วขณะนั้นเอง บ่าวรับใช้ของจวนตระกูลหลี่ ก็ได้พาเหวินหมัวมัวเข้ามาด้านในพอเหวินหมัวมัวเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ก็รู้ได้ทันทีว่าคงเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแล้วเป็นแน่เฉินเยี่ยนซูเหลือบมองเหวินหมัวมัวแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ดูท่าแล้ว เจ้าคงมาเพื่อจะบอกคุณหนูสามของเจ้ากระมัง ว่าแท้จริงแล้วผู้ที่ข้าต้องการหมั้นหมายด้วยคือผู้ใดกันแน่?”เมื่อท่านอัครมหาเสนาบดีเอ่ยถาม มีหรือที่เหวินหมัวมัวจะกล้าไม่ตอบ? นางรีบคุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าซีดขา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 334

    ครานี้ ทุกผู้คนต่างตกตะลึงงัน สายตาตำหนิหลายคู่พลันจับจ้องไปยังฮูหยินหลี่อะไรกัน! ในเมื่อไม่ได้หมั้นหมาย แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาหลอกลวงพวกเรา? เช่นนั้นเมื่อครู่พวกเราก็ประจบเอาใจนางเสียเปล่าไปตั้งนานนะสิ?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่พวกเราต้องสรรหาคำเยินยอหรงเจียวเจียวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเมื่อครู่นั้น มันต้องสิ้นเปลืองความคิดอ่านไปมากเพียงใด? สมองแทบจะระเบิดอยู่แล้ว!ฮูหยินหลี่เองก็ตกตะลึงงันไปเช่นกัน ตามเหตุผลแล้ว นาวหวังไม่น่าจะวิปลาสถึงขั้นกุเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้! เมื่อเห็นสายตาตำหนิของผู้คนจับจ้องมา นางจึงพยายามอธิบายอย่างตะกุกตะกัก “ไม่... ไม่ใช่! ข้า... เจียวเจียว นี่มันเรื่องอันใดกันแน่!”หรงเจียวเจียวมองไปยังเฉินเยี่ยนซู ด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ “ท่านอัครมหาเสนาบดี! ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้! ท่านเห็นข้าโกรธจนเอ่ยปากขอถอนหมั้น ท่านไม่คิดจะง้อก็แล้วไปเถิด แต่ยังจะกล่าวปดว่าไม่เคยมาสู่ขอข้าอีกอย่างนั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ประกอบกับเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของหรงเจียวเจียว ผู้คนก็เริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมาอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความกังขาจับจ้องสลับไปมาระหว่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 333

    หรงเจียวเจียวชะงักไปครู่หนึ่ง “อ๊ะ?”จ้าวหมัวมัวกล่าวว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดีคงต้องการจะแสดงอำนาจความเป็นสามี ทั้งยังต้องการจะดูท่าทีคุณหนูด้วยว่าจะยอมอ่อนข้อให้เขาหรือไม่ อย่างไรเสีย ฐานะฮูหยินของราชเลขาธิการผู้ทรงเกียรติ จะเป็นเพียงสตรีที่เอาแต่ใจตน พอเขาขุ่นเคืองก็เอาแต่ร้องขออภัยไปเสียทุกเรื่องไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”หรงเจียวเจียวมีสีหน้าลังเล “เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”จ้าวหมัวมัวกล่าว “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ต้องเป็นเช่นนี้เป็นแน่! คุณหนู ท่านต้องรู้จักแสดงความอ่อนแอบ้าง คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งและทรงอำนาจเช่นท่านอัครมหาเสนาบดี หรือจะยอมลดตัวลงมาง้อคุณหนูได้เล่าเจ้าคะ?”หากไม่เช่นนั้นแล้ว จะอธิบายได้อย่างไรว่าเหตุใดท่านอัครมหาเสนาบดีจึงจงใจสร้างความลำบากให้คู่หมั้นของตนต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้เล่า?เมื่อสองนายบ่าวปรึกษาหารือกันเสร็จสิ้นในที่สุดหรงเจียวเจียวก็รวบรวมความกล้าได้ นางรอจนกระทั่งบัณฑิตผู้หนึ่งแต่งบทกวีเสร็จสิ้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดี... ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ท่านจะโปรดให้ข้าลุกขึ้นได้หรือไม่เจ้าคะ เจียวเจียวปวดเข่าเหลือเกิน พื้นก็ทั้งเย็นทั้งแข็

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 332

    ทุกคนย่อมเห็นแผ่นหลังของหรงเจียวเจียวที่กำลังหันหลังจากไป และพอจะเดาได้ว่านางกำลังแสดงความเอาแต่ใจออกมาบรรดาสตรีที่สนิทสนมกับหรงเจียวเจียวต่างแอบตำหนิอัครมหาอัครมหาเสนาบดีเฉินอยู่ในใจ ว่าช่างไม่รู้จักถนอมบุปผาเทิดทูนหยกล้ำค่าเอาเสียเลย เหตุใดจึงไม่รู้จักไว้หน้าคู่หมั้นของตนเองเช่นนี้?เฉินเยี่ยนซูสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของหรงเจียวเจียวอยู่แล้ว จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หยุดอยู่ตรงนั้น!”ฝีเท้าของหรงเจียวเจียวพลันชะงัก นางคิดในใจ ในที่สุดเขาก็เรียกข้าแล้ว หรือว่าในใจเขายังคงเป็นห่วงข้าอยู่?นางแค่นเสียงหึเบาๆ แล้วหันไปมองเฉินเยี่ยนซู “ในใจของท่าน ไม่ใช่มีเพียงแต่พี่สาวของข้าหรอกหรือ? แล้วจะมารั้งข้าไว้อีกด้วยเหตุใด?”กล่าวจบ นางก็เช็ดน้ำตาพลางหันเสี้ยวหน้าอย่างดื้อรั้นให้เฉินเยี่ยนซูมองนางเชื่อว่าเมื่อเขาเห็นหยาดน้ำตาบนใบหน้าของนาง จะต้องสำนึกได้แน่ว่าตนเองทำผิดไปแล้ว นางเคยส่องกระจกพิจารณาดูตนเองยามร้องไห้อย่างละเอียดแล้ว รู้อยู่แก่ใจว่าท่าทางเช่นนี้จะยิ่งขับเน้นความงดงามแววตาของเฉินเยี่ยนซูเย็นชา “ในใจของข้ามีผู้ใดอยู่ ถึงตาเจ้ามาสอดปากวิจารณ์ด้วยหรือ?”หรงเจียวเจียวฟั

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 331

    ถึงจะอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ แต่เมื่อนางทำผิด หากเฉินเยี่ยนซูไม่เอ่ยอนุญาต นางก็ไม่อาจนั่งได้เมื่อได้รับอนุญาตให้นั่งจากเฉินเยี่ยนซู หลี่เซียงเหยากลับยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ นางรู้สึกราวกับว่าพี่เขยสาม ผู้นี้กำลังตบหน้านางอย่างแรง แล้วค่อยยื่นขนมหวานปลอบใจ ทว่าการตบหน้านี้ช่างหนักหน่วงเหลือเกินนางร่ำไห้ออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อระคนน้อยใจ “ขอบคุณท่านอัครมหาเสนาบดีเจ้าค่ะ!”เมื่อครู่หรงเจียวเจียว ไม่ได้ออกหน้าช่วยนาง ตอนนี้จึงรีบเข้ามากล่าวกลบเกลื่อน “เหยาเหยา เห็นหรือไม่ ท่านอัครมหาเสนาบดียังคงให้ความสำคัญกับเจ้านะ ถึงได้อนุญาตให้เจ้าอยู่ในงานเลี้ยงแต่งบทกวีต่อ!”เฉินเยี่ยนซูเอ่ย “ย่อมต้องให้ความสำคัญ”หรงเจียวเจียวพลันยิ้มออก นางคิดว่าอย่างไรเสียท่านอัครมหาเสนาบดีก็ต้องไว้หน้านางบ้าง แต่คาดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนซู จะเอ่ยประโยคถัดมาว่า “หากนางจากไปแล้ว ไม่มีนางอยู่ที่นี่เป็นข้อเปรียบเทียบ ผู้ใดจะรู้เล่าว่าจุดจบของการลบหลู่ท่านหญิงเป็นเช่นไร?”ทุกคน “…”เหล่าสตรีที่เมื่อครู่ร่วมวงนินทาหรงจือจือ ตอนนี้ต่างรู้สึกชาวาบไปทั้งศีรษะ!ส่วนหรงเจียวเจียวยิ่งหน้าเขียวคล้ำ นางเข้าใจในท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 330

    วันนี้หรงจือจือถึงได้รู้ว่า อันที่จริงเฉินเยี่ยนซูคนผู้นี้ใจดำอำมหิตเป็นอย่างมาก บางทีก่อนหน้านี้ที่เขาไม่รู้จักเจียวเจียวอาจเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี้ที่บิดเบือนความหมายของหรงเจียวเจียว เขาต้องจงใจเป็นแน่สายตาของทุกคนเองก็ตกไปที่ตัวหรงจือจือที่พวกเขากระแหนะกระแหนอยู่นานสองนานนี่...เหตุใดท่านเสนาบดีจัดการเรื่อง ไม่ให้หน้าหรงเจียวเจียวแม้แต่น้อยก็ช่างมันเถอะ ยังจะถามความเห็นของหรงจือจืออีก? นี่หากไม่รู้ ยังคิดว่าคู่ที่ดูตัวหมั้นหมายกัน เป็นหรงจือจือจริง ๆ เสียอีก!หรงจือจือทำทีท่าไม่เกี่ยวกับตน ตอบกลับชืด ๆ ว่า “เรื่องนี้ท่านเสนาบดีตัดสินใจก็พอเจ้าค่ะ”เฉินเยี่ยนซูพยักหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่หรงเจียวเจียว “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะถูกตบปากไปด้วย?”จากสายตาของเขา หรงเจียวเจียวมองออกว่า เขาพูดจริง และไม่ได้ล้อเล่นกับตน สีหน้าของนางก็ยิ่งซีดเผือดเข้าไปอีกนางรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ข้า...ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นเจ้าค่ะ!”หลี่เซียงเหยามองพี่หญิงสามของตนอย่างยากจะเชื่อทีหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะตนช่วยนางพูด ก็คงไม่ตกมาอยู่ในขั้นนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่อยากแยแสตนเฉินเยี่ยนซูกวาดสา

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status