แชร์

บทที่ 257

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
“แต่ก่อนหน้านี้ท่านพี่ทำตัวไม่ดี นางจึงยังขุ่นเคืองอยู่ก็เท่านั้น”

“แท้จริงแล้วนางกำลังรอให้ครอบครัวของเราไปรับตัวกลับมา!”

ฉีจื่อฟู่ฟังจบก็ตาเป็นประกาย “เรื่องนี้เป็นความจริงหรือ?”

ฉีอวี่เยียนตอบทันที “เรื่องนี้จะเป็นเท็จได้อย่างไร? หากไม่ใช่เพราะแบบนี้ ข้าก็คงไม่ยืนอยู่หน้าจวนสกุลหรงนานขนาดนั้นหรอก พูดไปพูดมา ที่ข้าไปสอบถามมาก็เพราะรู้ว่าท่านปล่อยวางพี่สะใภ้ไม่ได้”

ฉีจื่อฟู่รู้สึกว่าหัวใจที่แห้งเหือดของตัวเองกลับมามีชีวิตอีกครั้งเพราะคำพูดของฉีอวี่เยียน แม้แต่จิตวิญญาณก็ฟื้นกลับมา

ฉีอวี่เยียนพูดต่อ “ท่านพี่ ข้าว่านะ ท่านให้ผู้อาวุโสไปรับพี่สะใภ้กลับมาด้วยตัวเองเถิด!”

“ตัวข้าที่เป็นเพียงน้องสาวสามีไปรับเพียงลำพังนั้นดูเสียมารยาทเล็กน้อย นางจะไม่อยากกลับมากับข้าก็ไม่แปลก”

“แต่หากท่านไปด้วยตัวเองจะไม่เหมือนกัน นางจะไม่ยอมไว้หน้าท่านสักหน่อยหรือ? ท่านว่าใช่หรือไม่?”

หัวคิ้วของฉีจื่อฟู่ขมวดเข้าด้วยกัน เห็นได้ชัดว่าเริ่มคล้อยตาม

แต่เมื่อนึกถึงว่าก่อนหน้านี้ตัวเองสาบานกับจือจือว่าสกุลฉีของพวกเขาจะผ่านพ้นอุปสรรคครั้งนี้ไปด้วยตัวเอง หากเขาไปหานางตอนนี้ก็อาจจะทำให้นางดูแคลนเขาได้

ไม่แ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 258

    ถานผิงถิงตะลึงงันกับความมั่นใจของฉีจื่อฟู่นางไม่รู้ว่าหรงจือจือทำใจไปจากฉีจื่อฟู่ได้หรือไม่ได้ ที่นางรู้ก็คือ ฉีจื่อฟู่ไม่ได้มองนางเป็นมนุษย์แม้แต่น้อยนางลองย้ำเตือนให้ฉีจื่อฟู่รู้ถึงสถานะของนาง “ท่านพี่ ในเมื่อฮูหยินน้อยก็หย่ากับท่านไปแล้ว ท่านมิสู้ให้ความสำคัญกับคนที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้จะดีกว่านะเจ้าคะ หันกลับมามองคนที่รักท่านด้วยใจจริงและอยู่เคียงข้างท่าน!”ฉีจื่อฟู่ “คนเบื้องหน้า? เบื้องหน้าข้ายังมีผู้ใดอีกกัน? ม่านหวาก็ถูกจับไปแล้ว ข้านี่มันโง่เขลาจริงๆ หลงเชื่อไปได้ว่านางจริงใจต่อข้า ไม่ทันได้ป้องกันอะไรมากมาย…”บัดนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดตั้งแต่โบราณกาลมา วีรบุรุษหลายคนจึงมักตายด้วยน้ำมือหญิงงามผู้กล้ายากจะฝ่าด่านหญิงงาม เรื่องนี้เป็นความจริง“ข้าเองก็รู้สึกขบขันเช่นกัน ทั้งที่ข้าไม่ได้รักม่านหวา คิดว่าตัวเองยืนอยู่บนที่สูง ก้มหน้าลงมองนางที่มอบความรักให้ข้า ทว่าสุดท้ายแล้ว ตัวข้ากลับกลายเป็นตัวตลกเสียเอง”ถานผิงถิงเกือบต้องอกแตกตายด้วยความโมโห “ท่านพี่ ข้างกายท่านมีแค่ฮูหยินน้อยกับอนุอวี้แค่สองคนหรืออย่างไร?”ฉีจื่อฟู่ถามกลับด้วยความสงสัย “หรือว่าข้ายังมีคนอื่นอีกห

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 259

    ด้วยความโมโห นางรุดหน้าไปที่เรือนของฉีอวี่เยียน แทนที่จะมาโทษตัวเอง มิสู้ไปทรมานคนอื่นดีกว่า! ฉีอวี่เยียนทำให้นางเสียโฉม ทั้งยังยุยงให้พี่ชายของตัวเองไปรับหรงจือจือกลับมา เห็นนางเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอกหรืออย่างไร?ฉีอวี่เยียนกลับถึงเรือนตัวเองได้ไม่นานก็เห็นถานผิงถิงบุกเข้ามาเหมือนคนบ้ากระชากผมของฉีอวี่เยียนแล้วลากไปทางสระน้ำในลานบ้าน จากนั้นกดศีรษะนางลงในสระฉีอวี่เยียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ถานผิงถิง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”ถานผิงถิง “ใช่! ข้าบ้าไปแล้ว! เป็นบ้าเพราะเจ้า! ในเมื่อเจ้าไม่ให้ข้าอยู่สบาย เช่นนั้นเจ้าก็อย่าคิดจะอยู่สบายเช่นกัน ตายเสียเถอะ!”เซี่ยอวี่ตกใจหน้าซีด “อนุถาน ท่านใจเย็นก่อน…”หลังจากที่ฉีอวี่เยียนสลัดตัวหลุดออกมาได้ก็ผลักถานผิงถิงตกน้ำ แต่ถานผิงถิงมีหรือจะยอม? นางดึงชายกระโปรงของอีกฝ่ายให้ตกน้ำไปด้วยกัน!“ตายเสียเถอะ!”“ถานผิงถิง เจ้ามันบ้าไปแล้ว!”“อย่างน้อยก็ดีกว่านังแพศยาแบบเจ้าก็แล้วกัน!”บรรดาสาวใช้ต่างตื่นตกใจและเรียกคนให้มาช่วย ตอนนี้เป็นเหมันต์ฤดู ยามที่ช่วยทั้งสองคนขึ้นมา พวกนางต่างหน้าซีดเขียวราวกับตายไปแล้วครึ่งชีวิต จากนั้นป่วยไข้กันทั้งสองคนฉีจื่อฟู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 260

    หรงซื่อเจ๋อรู้สึกขนหัวลุกเมื่อเห็นท่าทีโมโหของผู้เป็นบิดาเขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าสาเหตุที่ตัวเองถูกไล่ออกจากจวนราชเลขาธิการจะเป็นเพราะได้ด่าว่าหรงจือจือแค่คำเดียว?ที่ยิ่งคิดไม่ถึงก็คือ ราชเลขาธิการเฉินไม่เพียงไล่เขาออกมา แต่ยังส่งคนมาฟ้องเรื่องนี้กับท่านพ่อด้วย นี่มันจะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เกินไปแล้ว!หรงซื่อเจ๋อรีบตอบ “ท่านพ่อ ตอนนั้นข้าเพียงแต่ต้องการหาเรื่องเป็นกันเองมาคุยกับราชเลขาธิการเฉินเพื่อตีสนิทเท่านั้น!”ได้ยินดังนี้ มหาราชครูหรงมีหรือจะไม่เข้าใจอีกว่าลูกของตัวเองพูดโง่เขลาแบบนั้นออกไปจริงๆ!มหาราชครูหรงหัวเราะด้วยความโมโห “เป็นกันเองอย่างนั้นหรือ? เป็นกันเองก็เลยด่าพี่หญิงของตัวเองว่าต่ำช้าต่อหน้าคนนอก? หากพี่หญิงของเจ้าต่ำช้า เช่นนั้นตัวเจ้าเล่า? พ่อของเจ้าเล่า?”“เจ้าด่าแค่พี่หญิงของเจ้าคนเดียวหรือว่าด่าทั้งครอบครัวกันแน่? เรื่องแค่นี้ก็คิดไม่ได้หรือ?”“รู้หรือไม่ว่าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป สกุลหรงจะกลายเป็นตัวตลกของทั้งเมืองหลวง?”หรงซื่อเจ๋อฟังถึงตรงนี้แล้วเพิ่งจะเข้าใจความร้ายแรงของปัญหานี้กระนั้นก็ยังคงแก้ตัวเสียงเบา “ท่านพ่อ ข้าเพียงแต่คิดว่าราชเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 261

    นางหวังเห็นบุตรชายมีแต่แผลเต็มตัวไปหมด ก็ปวดใจเป็นอย่างมาก “ท่านพี่ ซื่อเจ๋อเองก็พูดถูกนะเจ้าคะ! สตรีที่ถูกสามีทอดทิ้งหย่าร้างมาอย่างจือจือ ถ้าไม่ใช่คนชั้นต่ำ แล้วจะเป็นคนสูงส่งหรืออย่างไร?”มหาราชครูหรงเดือดดาลอย่างมาก “คำพูดในวันนี้ ข้าจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น! พวกเจ้าฟังให้ดีล่ะ นางมิใช่คนไม่ได้เรื่องอีกต่อไป และเป็นท่านหญิงที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งเองด้วย”“หากไปพูดข้างนอกว่านางชั้นต่ำ ก็เท่ากับตบหน้าฝ่าบาท! พวกเจ้าฟังเข้าใจได้จะดีที่สุด หากฟังไม่เข้าใจจริง ๆ นับตั้งแต่วันนี้ก็อย่าออกจากจวนอีก ขังตัวเองอยู่ในจวนนี้ไปทั้งชีวิตเสีย!”นางหวังเองก็ถูกเสียงดังลั่นของมหาราชครูหรงทำให้ตกใจเช่นกันพูดอยู่ในใจว่าต่อไปไม่ให้ด่านางว่าชั้นต่ำข้างนอก ด่าในจวนก็ได้แต่ปากก็รีบกล่าวไปว่า “ท่านพี่พูดมีเหตุผล ซื่อเจ๋อ รีบรับผิดกับพ่อเจ้าดี ๆ เสียสิ!”“ท่านพี่เองก็จริง ๆ เลย ซื่อเจ๋อทำไม่ถูก ท่านในฐานะพ่อสั่งสอนดี ๆ ก็สิ้นเรื่องแล้ว เหตุใดต้องถึงขั้นใช้กฎบ้านด้วย?”มหาราชครูหรงยังไม่หายโกรธ “เจ้าหลีกไปเสีย! ไอ้ลูกเวรนี่ เขารู้หรือไม่ว่าอัครมหาเสนาบดีเฉินไม่ได้เป็นแค่สมุหราชเลขาธิการ แต่ยังดำรงตำ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 262

    หรงซื่อเจ่อถูกเฆี่ยนตีอย่างโหดเหี้ยม แม้จะได้นางหวังและหรงเจียวเจียวช่วยเอาไว้ระหว่างนั้น ทว่าก็ยังจับไข้อย่างเดิม ทำเอานางหวังกลัวจนไม่ได้นอนทั้งคืนมหาราชครูหรงดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร ทว่ากว่าจะวางใจลงได้ ก็ตอนพ่อบ้านรายงานว่า อีกฝ่ายไข้ลดแล้วเช่นกัน เขาเพียงถอนหายใจยาวทีหนึ่ง นิสัยเช่นนี้ของบุตรชาย ช่างทำเขากังวลกับอนาคตของสกุลหรงมากจริง ๆขณะที่หรงจือจือรู้เรื่องทั้งหมดนี้ ในใจก็พลันวาบความกังวลขึ้นมา ทว่าคิด ๆ ดูแล้วสองสามปีมานี้หรงซื่อเจ๋อพูดจาเย็นชากับตน ก็รู้สึกเพียงใจสลายขึ้นมาฉับพลัน และไม่ได้คิดอะไรมากอีกทว่าเพื่อเลี่ยงเผื่อมีคนปากมาก อย่างไรนางก็ไปเยี่ยมสักหน่อยเพียงแต่ครั้นมาถึงหน้าประตูเรือนของหรงซื่อเจ๋อ ก็ถูกขวางเอาไว้ อวี้เล่อบ่าวรับใช้ตรงประตูกล่าวขึ้นว่า “คุณหนูใหญ่ เชิญกลับไปเถิดขอรับ คุณชายรองบอกเอาไว้ตั้งนานแล้วว่า เรือนของเขาไม่ต้อนรับคุณหนู!”หากเป็นตอนที่หรงซื่อเจ๋อป่วยก่อนหน้านี้ เมื่อหรงจือจือถูกขวางเอาไว้ด้านนอก ก็จะคอยเฝ้าด้วยความเป็นกังวล ผ่านไปครู่หนึ่งก็ถามว่าหรงซื่อเจ๋อเป็นเช่นไรบ้างหนำซ้ำยังต้มยามาถ้วยหนึ่งอยู่เป็นระยะ ทว่าก็ถูกหรงซื่อเจ๋อสาดทิ้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 263

    อวี้เล่อพลันคุกเข่าลง และรีบกล่าวว่า “คุณชาย กล่าวหาแล้ว บ่าวจงรักภักดีต่อคุณชาย จะถูกคุณหนูใหญ่ซื้อตัวได้อย่างไร!”“หากคุณชายไม่เชื่อ ไปถามพวกบ่าวรับใช้คนอื่น ๆ ดูก็ได้ขอรับ หลังคุณหนูใหญ่ถูกขวางเอาไว้ ก็เดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองอีก”ในใจของหรงซื่อเจ๋อ มีความผิดหวังที่ยากจะบรรยายอย่างหนึ่ง “เป็นไปได้อย่างไร?”นางใส่ใจตนที่สุดมิใช่หรือ? ก่อนหน้านี้ตนทำหน้าเย็นชาใส่นางเยอะแค่ไหน นางก็ยังเป็นห่วงตนเช่นเดิมมิใช่หรือ? หรือว่านางไม่สนใจไยดีน้องชายอย่างตนผู้นี้แล้ว?ไม่คิดเลยว่าเขาจะกระวนกระวายใจเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าเข้าใจแล้ว! นี่นางใช้ลูกไม้ถอยเพื่อจะได้เข้าใกล้ก็เท่านั้น!”“นางคิดว่าใช้ท่าทีเสแสร้งเช่นนี้แล้วข้าจะสนใจ จากนั้นก็กลับไปรักใคร่ปรองดองกับนางอีกอย่างนั้นหรือ? น่าขันจริง ๆ!”อวี้เล่อเองก็กล่าวว่า “บ่าวเองก็คิดเหมือนกับคุณชาย คุณหนูใหญ่ไม่สนใจคุณชายแล้ว พูดแบบนี้ออกไปผู้ใดจะเชื่อ?”หรงซื่อเจ๋อเย้ยหยันเบา ๆ “คอยดูเถอะ อีกไม่กี่วัน นางจะต้องมาขอเอาใจใส่ข้า!”...เรือนอี่เหมยอวี้หมัวมัวกระซิบรายงานต

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 264

    ทว่าหรงจือจือกลับไม่ประหลาดใจกับการกระทำของนางหวังเลยแม้แต่น้อย แอบคิดเอาไว้ในใจอยู่แล้ว บางทีครั้งหน้าตนอาจต้องหลบให้เร็วกว่านี้หน่อย แบบนี้ไหล่ก็คงไม่ถูกปาจนบาดเจ็บ แตกต่างจากนางหวังที่เต้นเร่า ๆ ด้วยความโกรธอารมณ์ของหรงจือจือเรียบเฉย “ฮูหยินหรง น้องรองไม่อยากเจอข้า และพวกท่านก็บอกว่าข้าอัปมงคลยิ่งมิใช่หรือ? คิดดูแล้วหากข้าไปยืนอยู่หน้าประตูเรือนไม่ยอมไป ถึงทำให้เตะถ่วงการรักษาอาการบาดเจ็บของน้องรอง”น่าขันจริง ๆ เขาไม่ยอมพบนาง ทว่ายังโทษว่าตนไม่ยอมไปเฝ้าอยู่นอกเรือนเหมือนสุนัขอย่างก่อนหน้านี้ต่อนางโง่ดักดานมาหลายปี ทว่าไม่คิดจะโง่ไปตลอดชีวิตนางหวังถูกคำพูดของหรงจือจือทำให้สำลักไป “เจ้า...”หรงจือจือกล่าวต่ออย่างเรียบเฉย “ชาติกำเนิดของฮูหยินหรงอยู่ในสกุลมีชื่อเสียง อย่างไรอย่าเอะอะก็ตบตีคน ทุบตีคนเลยจะดีกว่า หากแพร่ออกไป คนนอกยังคิดว่าฮูหยินหรงเป็นหญิงใจหยาบ คิดแล้วก็ไม่เป็นผลดีกับชื่อเสียงของเจียวเจียวเช่นกัน”สีหน้าของนางหวังแดงซีดสลับกัน “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้าด่าคนเป็นแม่อย่างข้าว่าเป็นหญิงใจหยาบ?”สิ่งนี้คือสิ่งที่ทำให้หรงจือจือรำคาญใจที่สุด แม้สองแม่ลูกพูดเอาไว้ว่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 265

    หรงจือจือกล่าวขึ้นชืด ๆ “ข้าแค่สั่งสอนให้นางเคารพพี่สาวคนโต เข้าใจว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูดเท่านั้น”“คิดแล้วหากทำให้ท่านพ่อรู้เข้าว่า นางอ้าปากทีก็มีแต่คำพูดอย่างหอคณิกาเช่นนี้ จุดจบของนางไม่ได้ดูดีไปกว่าน้องรองแน่!”ครั้นนางหวังได้ยินเช่นนั้น ก็เดือดดาลจนอยากจะอาเจียนเป็นเลือด ไหนเลยจะไม่รู้ว่า ที่หรงจือจือกล่าวเช่นนี้เป็นการขู่ จะโวยวายจนไปเข้าหูมหาราชครูหรงไม่ได้นางเองก็ลอบโทษหรงเจียวเจียวพูดจาซี้ซั้ว แม้พวกนางจะมีเหตุผล ทว่าถูกหรงเจียวเจียวกล่าวเช่นนี้ออกมา ก็ไม่มีเหตุผลแล้ว!ต่อให้หรงจือจือจะเกลียดมารดาอย่างตนแค่ไหน ก็คงไม่มีทางโพล่งบอกให้อีกฝ่ายไปหาเลี้ยงชีพที่หอคณิกาเช่นนี้แน่!นางรีบส่งสายตาให้สาวใช้จ้าวทีหนึ่ง “เจ้ายังไม่ไปตามหมอประจำจวนมาอีก เจ้ายังบื้ออยู่ทำอะไร?”สาวใช้จ้าว “เจ้าค่ะ!”นางหวังมองไปรอบ ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะกล่าวทั้งหน้าคล้ำดำเขียวว่า “เรื่องในวันนี้ บอกไปแค่ว่าคุณหนูสามหกล้มเอง พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่?”หากทำให้ท่านพี่รู้ว่าหรงเจียงเจียวพูดอะไร บุตรสาวต้องโดนลงแส้จนจับไข้ และต้องล้มหมอนนอนเสื่อเช่นเดียวกับบุตรชายเป็นแน่พวกบ่าวรับใช้ “เจ้าค่ะ!”หรงเจียว

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 338

    เสิ่นเยี่ยนซูดวงตาเย็นยะเยือก และเดินไปตรงหน้าหรงเจียวเจียวเขามองนางด้วยสายตาที่เหนือกว่า พลางถามเสียงเย็นว่า “เจ้าว่าผู้ใดเป็นคนชั้นต่ำ?”เขามักจะมีอำนาจในฐานะผู้เหนือกว่าอยู่เสมอ ทำเอาหรงเจียวเจียวตกใจสีหน้าซีดเผือด อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าและถอยหลังไปหนึ่งก้าว น้ำตาก็คลอเบ้า จนแทบจะไหลลงมาอีกครั้งนางกล่าวด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา “ข้า ข้า ข้า...”ดวงตาที่เสิ่นเยี่ยนซูมองนาง มองราวกับเป็นของที่ตายแล้ว “วันนี้ข้าจะให้เกียรติมหาราชครูหรง”“เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่สองชั่วยาม ตบหน้าหนึ่งร้อยที ก็จะสามารถลุกขึ้นได้”“หากครั้งหน้าข้าได้ยินคำพูดเช่นนี้อีก ลิ้นของเจ้าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป องครักษ์หลงสิงมีวิธีดึงลิ้นออกมามากมาย เข้าใจหรือไม่?”หรงเจียวเจียวตกใจมากจนฉี่จะราดอยู่แล้ว นั่นเป็นครั้งแรกที่รู้ว่า ชายที่ตนเองชื่นชอบ มีด้านที่น่ากลัวเช่นนี้ด้วย จึงกล่าวด้วยตัวสั่นเทิ้มว่า “เข้า เข้าใจเจ้าค่ะ!”เสิ่นเยี่ยนซูหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและจากไปหรงจือจือเห็นเช่นนี้ ยังตกตะลึงอยู่เล็กน้อยแม้ท่านย่าจะเอ็นดูนาง แต่ก็ไม่ค่อยออกไปด้านนอก ดังนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรก ที่นางสัม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 337

    สายตาที่ประจบของฮูหยินหลี่ มองไปทางหรงจือจือ “จือจือ ได้ยินว่าเจ้าเป็นสตรีผู้มีพรสวรรค์เป็นเลิศอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมาตั้งนาน ไม่สู้เจ้าแต่งกวีเสียหนึ่งบท จะได้เปิดหูเปิดตาให้พวกข้าด้วย!”หรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้เตรียมตัว ให้คนอื่นแต่งดีกว่าเจ้าค่ะ”สีหน้าของฮูหยินหลี่ดูจะเก็บอาการไม่ค่อยอยู่แล้ว แต่ก็รู้ ว่าก่อนหน้านี้ตนเองประพฤติตัวไม่ดี หรงจือจือจะโกรธก็สมควร ดังนั้นจึงเดินไปตรงหน้าหรงจือจือเมื่อจับมือของนาง ขณะที่ยิ้มก็กล่าว “เจ้ามีความคิดที่ปราดเปรื่อง การแต่งบทกวีจำเป็นต้องเตรียมตัวเสียที่ใด? ตอนนี้สุ่มเขียนมาเสียหนึ่งบท คิดดูแล้วก็ดีมากแล้ว”หรงจือจือดึงมือของตนเองออกมาจากอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พูดขึ้นมาแล้ว ตอนนั้นป้าสะใภ้บอกว่า วันนี้ข้าไม่ได้รับเชิญไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ จริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ท่านเสนาบดี ทุกท่าน ขอให้เพลิดเพลินให้เต็มที่ ข้าขอตัวลาไปก่อนเจ้าค่ะ!”ขณะที่พูด หรงจือจือก็ลุกขึ้นเตรียมจะจากไปฮูหยินหลี่ตื่นตระหนกแล้ว จึงรีบกล่าว “นี่...จือจือ เข้าใจผิด! ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ป้าสะใภ้แค่เลอะเลือนไปชั่วขณะจึงพู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 336

    แม้หรงจือจือเห็นท่าทางของเซิ่งเฟิง ล้วนยังต้องหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดมุมปากไว้เล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าเสิ่นเยี่ยนซูไปหาคนที่มีอารมณ์ขันเช่นนี้มาจากที่ใดช่างน่าสนุกยิ่งนัก!เดิมทีหรงเจียวเจียวไม่สบายใจ ยังถูกเซิ่งเฟิงก่อเรื่องเช่นนี้อีก ก็เกิดความคิดอยากตายขึ้นมาจริง ๆ แล้ว “ข้า ข้า...”คิดว่าวันนี้ชื่อเสียงของตนเองคงเสียหายเป็นแน่ นางจึงตัดสินใจทุ่มสุดตัวไปเลย!ขณะมองหรงจือจืออย่างดุร้ายก็กล่าวว่า “หรงจือจือ เจ้าตั้งใจขโมยงานแต่งของข้าใช่หรือไม่? เจ้าก็แค่ไม่อยากให้ข้ามีชีวิตที่ดี เจ้า...”หรงจือจือยังไม่ทันได้เอ่ยปากเสิ่นเยี่ยนซูก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไร้สาระ! เดิมทีก็เป็นของของนาง เหตุใดต้องพูดถึงการขโมยด้วย? เจ้าไม่ลองดูใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องเจ้า และคิดดูอีกทีว่าควรจะพูดจาไร้สาระต่อไปหรือไม่”เพียงคำพูดเดียว ก็ทำให้หรงเจียวเจียวสั่นสะเทือนแล้วจากสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนซู นางมองออก ว่าเขาไม่ได้กำลังล้อเล่นกับนาง หากตนเองโวยวายต่อไป มีหวังโดนตบหน้าจริง ๆ แน่เห็นนางสงบลงได้เสียทีฮูหยินหนิงกั๋วกงก็ยิ้มพลางกล่าว “ครั้งก่อนข้าไปงานเลี้ยงของสกุลฉี เห็นสกุลฉีวุ่นวายไปหมด แม่นา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 335

    เขาเอ่ยเน้นย้ำทีละคำอย่างชัดเจน “คุณหนูสามหรง เจ้าฟังให้ดี ก่อนหน้าวันนี้ แม้แต่หน้าตาของเจ้าเป็นเช่นไรข้าก็ยังไม่รู้ชัด ไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งเจ้าเป็นชายาเลยแม้แต่น้อย”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ที่ข้าต้องการสู่ขอ ก็คือพี่สาวของเจ้ามาโดยตลอด หากเจ้ายังไม่เชื่อ ก็ลองกลับไปสอบถามบิดาของเจ้าดูเถิด”หรงเจียวเจียวส่ายศีรษะไปมา ไม่อาจยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้นางยังคงคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าหาใช่ความจริงไม่ แต่เป็นเพียงฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น นางยิ่งร่ำไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม “ไม่จริง เป็นไปได้อย่างไร... เป็นไปไม่ได้...”ในชั่วขณะนั้นเอง บ่าวรับใช้ของจวนตระกูลหลี่ ก็ได้พาเหวินหมัวมัวเข้ามาด้านในพอเหวินหมัวมัวเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ก็รู้ได้ทันทีว่าคงเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแล้วเป็นแน่เฉินเยี่ยนซูเหลือบมองเหวินหมัวมัวแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ดูท่าแล้ว เจ้าคงมาเพื่อจะบอกคุณหนูสามของเจ้ากระมัง ว่าแท้จริงแล้วผู้ที่ข้าต้องการหมั้นหมายด้วยคือผู้ใดกันแน่?”เมื่อท่านอัครมหาเสนาบดีเอ่ยถาม มีหรือที่เหวินหมัวมัวจะกล้าไม่ตอบ? นางรีบคุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าซีดขา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 334

    ครานี้ ทุกผู้คนต่างตกตะลึงงัน สายตาตำหนิหลายคู่พลันจับจ้องไปยังฮูหยินหลี่อะไรกัน! ในเมื่อไม่ได้หมั้นหมาย แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาหลอกลวงพวกเรา? เช่นนั้นเมื่อครู่พวกเราก็ประจบเอาใจนางเสียเปล่าไปตั้งนานนะสิ?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่พวกเราต้องสรรหาคำเยินยอหรงเจียวเจียวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเมื่อครู่นั้น มันต้องสิ้นเปลืองความคิดอ่านไปมากเพียงใด? สมองแทบจะระเบิดอยู่แล้ว!ฮูหยินหลี่เองก็ตกตะลึงงันไปเช่นกัน ตามเหตุผลแล้ว นาวหวังไม่น่าจะวิปลาสถึงขั้นกุเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้! เมื่อเห็นสายตาตำหนิของผู้คนจับจ้องมา นางจึงพยายามอธิบายอย่างตะกุกตะกัก “ไม่... ไม่ใช่! ข้า... เจียวเจียว นี่มันเรื่องอันใดกันแน่!”หรงเจียวเจียวมองไปยังเฉินเยี่ยนซู ด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ “ท่านอัครมหาเสนาบดี! ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้! ท่านเห็นข้าโกรธจนเอ่ยปากขอถอนหมั้น ท่านไม่คิดจะง้อก็แล้วไปเถิด แต่ยังจะกล่าวปดว่าไม่เคยมาสู่ขอข้าอีกอย่างนั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ประกอบกับเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของหรงเจียวเจียว ผู้คนก็เริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมาอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความกังขาจับจ้องสลับไปมาระหว่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 333

    หรงเจียวเจียวชะงักไปครู่หนึ่ง “อ๊ะ?”จ้าวหมัวมัวกล่าวว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดีคงต้องการจะแสดงอำนาจความเป็นสามี ทั้งยังต้องการจะดูท่าทีคุณหนูด้วยว่าจะยอมอ่อนข้อให้เขาหรือไม่ อย่างไรเสีย ฐานะฮูหยินของราชเลขาธิการผู้ทรงเกียรติ จะเป็นเพียงสตรีที่เอาแต่ใจตน พอเขาขุ่นเคืองก็เอาแต่ร้องขออภัยไปเสียทุกเรื่องไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”หรงเจียวเจียวมีสีหน้าลังเล “เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”จ้าวหมัวมัวกล่าว “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ต้องเป็นเช่นนี้เป็นแน่! คุณหนู ท่านต้องรู้จักแสดงความอ่อนแอบ้าง คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งและทรงอำนาจเช่นท่านอัครมหาเสนาบดี หรือจะยอมลดตัวลงมาง้อคุณหนูได้เล่าเจ้าคะ?”หากไม่เช่นนั้นแล้ว จะอธิบายได้อย่างไรว่าเหตุใดท่านอัครมหาเสนาบดีจึงจงใจสร้างความลำบากให้คู่หมั้นของตนต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้เล่า?เมื่อสองนายบ่าวปรึกษาหารือกันเสร็จสิ้นในที่สุดหรงเจียวเจียวก็รวบรวมความกล้าได้ นางรอจนกระทั่งบัณฑิตผู้หนึ่งแต่งบทกวีเสร็จสิ้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดี... ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ท่านจะโปรดให้ข้าลุกขึ้นได้หรือไม่เจ้าคะ เจียวเจียวปวดเข่าเหลือเกิน พื้นก็ทั้งเย็นทั้งแข็

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 332

    ทุกคนย่อมเห็นแผ่นหลังของหรงเจียวเจียวที่กำลังหันหลังจากไป และพอจะเดาได้ว่านางกำลังแสดงความเอาแต่ใจออกมาบรรดาสตรีที่สนิทสนมกับหรงเจียวเจียวต่างแอบตำหนิอัครมหาอัครมหาเสนาบดีเฉินอยู่ในใจ ว่าช่างไม่รู้จักถนอมบุปผาเทิดทูนหยกล้ำค่าเอาเสียเลย เหตุใดจึงไม่รู้จักไว้หน้าคู่หมั้นของตนเองเช่นนี้?เฉินเยี่ยนซูสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของหรงเจียวเจียวอยู่แล้ว จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หยุดอยู่ตรงนั้น!”ฝีเท้าของหรงเจียวเจียวพลันชะงัก นางคิดในใจ ในที่สุดเขาก็เรียกข้าแล้ว หรือว่าในใจเขายังคงเป็นห่วงข้าอยู่?นางแค่นเสียงหึเบาๆ แล้วหันไปมองเฉินเยี่ยนซู “ในใจของท่าน ไม่ใช่มีเพียงแต่พี่สาวของข้าหรอกหรือ? แล้วจะมารั้งข้าไว้อีกด้วยเหตุใด?”กล่าวจบ นางก็เช็ดน้ำตาพลางหันเสี้ยวหน้าอย่างดื้อรั้นให้เฉินเยี่ยนซูมองนางเชื่อว่าเมื่อเขาเห็นหยาดน้ำตาบนใบหน้าของนาง จะต้องสำนึกได้แน่ว่าตนเองทำผิดไปแล้ว นางเคยส่องกระจกพิจารณาดูตนเองยามร้องไห้อย่างละเอียดแล้ว รู้อยู่แก่ใจว่าท่าทางเช่นนี้จะยิ่งขับเน้นความงดงามแววตาของเฉินเยี่ยนซูเย็นชา “ในใจของข้ามีผู้ใดอยู่ ถึงตาเจ้ามาสอดปากวิจารณ์ด้วยหรือ?”หรงเจียวเจียวฟั

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 331

    ถึงจะอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ แต่เมื่อนางทำผิด หากเฉินเยี่ยนซูไม่เอ่ยอนุญาต นางก็ไม่อาจนั่งได้เมื่อได้รับอนุญาตให้นั่งจากเฉินเยี่ยนซู หลี่เซียงเหยากลับยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ นางรู้สึกราวกับว่าพี่เขยสาม ผู้นี้กำลังตบหน้านางอย่างแรง แล้วค่อยยื่นขนมหวานปลอบใจ ทว่าการตบหน้านี้ช่างหนักหน่วงเหลือเกินนางร่ำไห้ออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อระคนน้อยใจ “ขอบคุณท่านอัครมหาเสนาบดีเจ้าค่ะ!”เมื่อครู่หรงเจียวเจียว ไม่ได้ออกหน้าช่วยนาง ตอนนี้จึงรีบเข้ามากล่าวกลบเกลื่อน “เหยาเหยา เห็นหรือไม่ ท่านอัครมหาเสนาบดียังคงให้ความสำคัญกับเจ้านะ ถึงได้อนุญาตให้เจ้าอยู่ในงานเลี้ยงแต่งบทกวีต่อ!”เฉินเยี่ยนซูเอ่ย “ย่อมต้องให้ความสำคัญ”หรงเจียวเจียวพลันยิ้มออก นางคิดว่าอย่างไรเสียท่านอัครมหาเสนาบดีก็ต้องไว้หน้านางบ้าง แต่คาดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนซู จะเอ่ยประโยคถัดมาว่า “หากนางจากไปแล้ว ไม่มีนางอยู่ที่นี่เป็นข้อเปรียบเทียบ ผู้ใดจะรู้เล่าว่าจุดจบของการลบหลู่ท่านหญิงเป็นเช่นไร?”ทุกคน “…”เหล่าสตรีที่เมื่อครู่ร่วมวงนินทาหรงจือจือ ตอนนี้ต่างรู้สึกชาวาบไปทั้งศีรษะ!ส่วนหรงเจียวเจียวยิ่งหน้าเขียวคล้ำ นางเข้าใจในท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 330

    วันนี้หรงจือจือถึงได้รู้ว่า อันที่จริงเฉินเยี่ยนซูคนผู้นี้ใจดำอำมหิตเป็นอย่างมาก บางทีก่อนหน้านี้ที่เขาไม่รู้จักเจียวเจียวอาจเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี้ที่บิดเบือนความหมายของหรงเจียวเจียว เขาต้องจงใจเป็นแน่สายตาของทุกคนเองก็ตกไปที่ตัวหรงจือจือที่พวกเขากระแหนะกระแหนอยู่นานสองนานนี่...เหตุใดท่านเสนาบดีจัดการเรื่อง ไม่ให้หน้าหรงเจียวเจียวแม้แต่น้อยก็ช่างมันเถอะ ยังจะถามความเห็นของหรงจือจืออีก? นี่หากไม่รู้ ยังคิดว่าคู่ที่ดูตัวหมั้นหมายกัน เป็นหรงจือจือจริง ๆ เสียอีก!หรงจือจือทำทีท่าไม่เกี่ยวกับตน ตอบกลับชืด ๆ ว่า “เรื่องนี้ท่านเสนาบดีตัดสินใจก็พอเจ้าค่ะ”เฉินเยี่ยนซูพยักหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่หรงเจียวเจียว “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะถูกตบปากไปด้วย?”จากสายตาของเขา หรงเจียวเจียวมองออกว่า เขาพูดจริง และไม่ได้ล้อเล่นกับตน สีหน้าของนางก็ยิ่งซีดเผือดเข้าไปอีกนางรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ข้า...ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นเจ้าค่ะ!”หลี่เซียงเหยามองพี่หญิงสามของตนอย่างยากจะเชื่อทีหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะตนช่วยนางพูด ก็คงไม่ตกมาอยู่ในขั้นนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่อยากแยแสตนเฉินเยี่ยนซูกวาดสา

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status