เฉินเยี่ยนซูจ้องเขาเขม็งทีหนึ่ง ก่อนจะกล่าวประเมินด้วยน้ำเสียงชืด ๆ “เด็กมีอนาคตสอนได้”ในตอนนี้ฮ่องเต้หย่งอันถึงนับว่าได้ถอนหายใจทีหนึ่งเข้าใจแล้ว! ต่อไปคำถามที่ไม่ควรถาม ก็อย่าถามสุ่มสี่สุ่มห้าหลังเฉินเยี่ยนซูออกจากวังไป ก็มีบ่าวรับใช้เข้ามารายงาน “ฝ่าบาท ไทเฮาเชิญให้ฝ่าบาทไปตำหนักหย่งหนิงเพคะ”ฮ่องเต้หย่งอันพยักหน้าก่อนจะรุดหน้าไปเมื่อมาถึงต่อหน้าไทเฮา ฮ่องเต้หย่งอันก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งน้อมทักทาย “ลูกขอถวายพระพรเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”ไทเฮาฉีกยิ้มพลางตอบ “หย่งอัน รีบลุกขึ้นเถอะ”ฮ่องเต้หย่งอันลุกขึ้น ก็เห็นลุงของตน ท่านลุงเซี่ยเองก็อยู่ด้วย เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน ส่วนท่านลุงเซี่ยเองก็รีบคุกเข่าคารวะฮ่องเต้หย่งอัน “ท่านลุงไม่ต้องมากพิธี”ท่านลุงเซี่ย “ขอบพระทับฝ่าบาท”ต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคน ฮ่องเต้น้อยสุขุมอมภูมิเป็นอย่างมาก ไม่ซนเป็นลิงเป็นค่างเหมือนอย่างตอนอยู่หน้าเฉินเยี่ยนซูเลยสักนิด เขานั่งลงตรงโต๊ะเล็ก ๆ ตรงหน้าไทเฮาโดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมานางกำนัลนำชามาให้หลังท่านลุงเซี่ยลุกขึ้น ฮ่องเต้หย่งอันก็ไม่เป็นฝ่ายพูดคุยกับพวกเขาก่อนสองพี่น้องมองหน้ากันสุด
เฉินเยี่ยนซูเก็บกระดาษวาดรูป ไม่สนใจเขา แล้วส่งให้เซิ่งเฟิงเลย ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงชืด ๆ ว่า “เอาไปที่จวนมหาราชครู ให้ท่านหญิงดูว่าพอใจหรือไม่”ครั้นเห็นว่าไม่มีใครสนใจตน ฮ่องเต้ก็เดือดดาลเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปที่เซิ่งเฟิงแล้วกล่าวว่า “เจ้าพูดมา! นี่คือสิ่งใดกันแน่!”เซิ่งเฟิงกล้าไม่เชื่อฟัวฝ่าบาทที่ไหนกัน?จึงตอบกลับไปตามตรงว่า “ภาพที่นายท่านวาดให้ท่านหญิงหนานหยางขอรับ หากท่านหญิงพอใจ ก็จะเริ่มก่อสร้างภายในจวนเสนาบดี เปลี่ยนจวนที่นางจะอยู่ในอนาคต ให้เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หย่งอันกะพริบตาปริบ ๆ “นั่นก็แปลว่า ท่านอัครมหาเสนาบดีท่านจะแต่งงานแล้ว? ในที่สุดคุณหนูใหญ่สกุลหรงก็ตาสว่างแล้ว?”หน้าของเฉินเยี่ยนซูร้อนผ่าว น้ำเสียงเย็นเยียบ “ฝ่าบาทยังทรงเยาว์วัย นี่ไม่ใช่เรื่องที่พระองค์ควรถามพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้น้อยเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึ “ตอนที่ท่านทิ้งงานราชการบ้านเมืองให้ข้า กลับบอกว่าข้าโตแล้ว!”เฉินเยี่ยนซูไม่ได้สนใจเขาเซิ่งเฟิงเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านเสนาบดี จะให้บอกว่าท่านเป็นคนวาดภาพนี้เองกับมือหรือไม่ขอรับ?”เฉินเยี่ยนซูตอบกลับด้วยน้ำเสียงชืด ๆ “บอกไปว่าช่างเป็นคนวาด”เช่น
หรงจือจือมองมหาราชครูหรง แล้วเอ่ยถามอย่างจริงใจ “เหตุใดท่านพ่อจึงคิดว่า ท่านไปพูดดี ๆ ด้วยตัวเองจะไม่ได้ผล แต่หากข้าไปเกลี้ยกล่อมแล้วจะได้ผลเล่า?”มหาราชครูหรง “เรื่องที่อัครมหาเสนาบดีเฉินอยากจะแต่งงานกับเจ้า คนสกุลอวิ๋นเองก็รู้ดี หากเจ้าไป มีพี่เขยเช่นอัครมหาเสนาบดีเฉิน สกุลอวิ๋นอาจจะพิจารณาการแต่งงานครั้งนี้ใหม่อีกครั้ง”“และก่อนหน้านี้สกุลอวิ๋นไม่พอใจที่ความสัมพันธ์ของซื่อเจ๋อกับเจ้าไม่ค่อยดีนัก หากเจ้าไป จะได้แสดงด้วยพอดีว่าแม้เจ้ากับซื่อเจ๋อจะทะเลาะกันอย่างไร ก็ยังเป็นพี่น้องกันแท้ ๆ ดังเดิม”หรงจือจือ “เรื่องนี้ข้าไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย หากเรื่องไม่สำเร็จ”มหาราชครูหรงกล่าว “วางใจ ขอเพียงเจ้ายอมไปไกล่เกลี่ย หากทำไมสำเร็จ ข้าก็จะไม่ตำหนิเจ้า”หรงจือจือถอนหายใจทีหนึ่ง “เช่นั้นก็ได้เจ้าค่ะ! คิดแล้วสองสามวันนี้สกุลอวิ๋นยังมีอารมณ์โกรธคุกรุ่นอยู่ อีกสองสามวันข้าค่อยไป ท่านพ่อให้คลังเตรียมของขวัญไว้บางส่วนด้วย ข้าจะได้นำไปเป็นของขวัญขอโทษให้คุณหนูสกุลอวิ๋น”อยู่ดี ๆ ทำให้เขารู้สึกรังเกียจเล็กน้อย ก็ต้องให้ของเสียหน่อยมหาราชครูหรงเห็นหรงจือจือยอมไป ก็ชอบนางขึ้นมาอีกสองสามส
หรงจือจือ “...”ที่จริงนางเองก็อยากรู้เช่นกันว่า ตนเป็นคนเช่นไรกันแน่อวิ๋นเสวี่ยเซียวขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็คิดว่าท่านหญิงไม่ใช่คนไม่ดี”คนเลวที่ไหน ในตอนแรกที่ได้แต่งงานกับฉีจื่อฟู่ จะทำให้สกุลฉีถึงขนาดนั้น?หรงซื่อเจ๋อคิดเพียงอยากปลอบคนในใจของตน จึงพยักหน้าคล้อยตามนาง “ก็ได้ ๆ ๆ เจ้าบอกว่านางไม่ใช่คนเลวก็ไม่ใช่!”หรงจือจือคิดในใจ หากตนมรน้องสะใภ้ที่ฉลาดหลักแหลมเช่นอวิ๋นเสวี่ยเซียวได้ ไม่แน่ว่าน้องชายแสนเลอะเลือนของตนผู้นี้ จะยังกลับมามีสมองได้อีกครั้งคิดว่าท่านพ่อเองก็คงคิดเช่นนี้เหมือนกันกระมัง?อวิ๋นเสวี่ยเซียวพลันลังเล หรงซื่อเจ๋อเลอะเลือนก็เลอะเลือน ทว่าหากยอมเชื่อฟังคำของนาง ก็ใช่ว่าจะใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้นางจึงเปรยถามขึ้นประโยคหนึ่งว่า “เช่นนั้นเรื่องที่ให้ข้ามาขอโทษน้องสาวท่านครั้งก่อน...”ครั้นหรงซื่อเจ๋อได้ยินเช่นนั้น บนหน้าก็พลันเผยรอยยิ้มออกมา “ข้ารู้อยู่แล้วเชียวว่า เจ้ายังใส่ใจข้าอยู่ ถึงได้จำคำพูดที่ข้าส่งคนไปบอกได้”“วันนี้เจ้ามาพอดี ไม่สู้ข้าพาเจ้าไปโถงบรรพชน พูดกับเจียวเจียวดี ๆ นางเองก็กำลังอารมณ์เสียกับเรื่องเมื่อวันนั้นอยู่ เมื่อวานเพิ่งจะ
เมื่ออวิ๋นเสวี่ยเซียวฟังจบ ก็รีบเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณชายรองหรงอย่าพูดซี้ซั้ว ข้ากับท่านไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกัน!”หรงซื่อเจ่อคิดแค่ว่านางคงอาย จึงคลี่ยิ้มแล้วตอบกลับว่า “ขอเลอะเลือนเอง พูดเช่นนี้เร็วเกินไป คุณหนูอวิ๋นอู่อย่าตำหนิเลย!”ทั้งสองคนยังไม่ได้แต่งงานกัน ตนก็บอกว่าเป็นคนในครอบครัวเสียแล้ว รีบร้อนเกินไปหน่อยจริง ๆทว่าหรงจือจือเข้าใจสีหน้าของอวิ๋นเสวี่ยเซียวดี นางเห็นความรังเกียจที่มีต่อซื่อเจ๋อนางเตือนหรงซื่อเจ๋อด้วยน้ำเสียงชืด ๆ “น้องรอง ไม่เช่นนั้นเจ้ายืนยันให้มั่นใจก่อนดีหรือไม่ว่า ผู้ที่คุณหนูอวิ๋นอู่คิดว่าเห็นแก่ตัวผู้นั้นเป็นผู้ใดกันแน่?”หรงซื่อเจ๋อราวกับมองจนฉงนไปแล้วก็มิปาน เขามองหรงจือจือทีหนึ่ง “คู่หมั้นของข้า ก็ต้องเข้าข้างข้าอยู่แล้ว หรือว่าจะเข้าข้างท่าน คิดว่าข้าเห็นแก่ตัวหรืออย่างไร?”สำหรับเขา ตนกับอวิ๋นเสวี่ยเซียวคือคนที่สนิทสนมกันที่สุด อีกฝ่ายต้องเข้าข้างตนโดยไร้เหตุผลอย่างแน่นอนอวิ๋นเสวี่ยเซียวรีบกล่าวขึ้นว่า “ที่จริงที่ข้ามาวันนี้ ก็เพื่อจะถอนหมั้น หลังจากนี้คุณชายรองอย่าแสดงตัวตนเป็นคู่หมั้นของข้าอีก”หรงซื่อเจ๋อมองหรงจือจืออย่างสะใจ “ท่านได้ยิน
หรงจือจือบอกเขาอย่างชัดเจน “ใช่ ข้าไม่ยินดี”หรงซื่อเจ๋อฉงน “ท่านไม่ยินดีได้อย่างไร? หลายปีที่ผ่านมา ท่านไม่ได้พยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะเอาน้องชายอย่างข้ากลับมาตลอดมิใช่หรือ?”ความสนใจที่หรงจือจือมีต่อเขา คือเบี้ยชิ้นใหญ่ที่สุดของเขาแม้ในหลายวันมานี้ ท่าทีที่นางมีต่อตนจะไม่ได้ดีขนาดนั้น ทว่าหรงซื่อเจ๋อเองก็คิดมาตลอดว่า นางก็แค่ไม่อยากใช้ใจแลกเท้ากับตนต่อ หลังจากที่หลังชนฝามาหลายคราขอเพียงตนวางทิฐิลง แล้วพูดจาประนีประนอมกับนางดี ๆ นางจะต้องดีใจแย่แน่หรงจือจือมองเขา พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงชืด ๆ “ก่อนหน้านี้ข้าใส่ใจเจ้า ทะนุถนอมน้องชายอย่างเจ้า แต่ความทะนุถนอมของเขา กลับได้มาการดูแคลนของเจ้ามาเป็นการตอบแทน”“ความเป็นห่วงและความเอ็นดูที่ข้ามีต่อเจ้าในหลายปีมานี้ ไม่เคยมีเงื่อนไข และไม่ขอให้ตอบแทน ตอนนี้เจ้าบอกข้าว่าจะคืนดีกับข้า แต่ก็ยังเอาการสละผลประโยชน์ของตัวข้าเองเป็นที่ตั้ง” “หรงซื่อเจ๋อ เจ้าไม่คู่ควรกับสิ่งต่าง ๆ ที่ข้าเคยทำให้เจ้าในก่อนหน้านี้เลย”“ฉะนั้นวันนี้ ไม่ต้องบอกว่าเจ้าจะคืนดีกับข้าถ้าข้าสละงานแต่งงาน ต่อให้เจ้ามาขอให้ข้าเป็นพี่สาวที่ดีของเจ้าอีกครั้ง โดยไม่มีเ
แม้ว่าหรงซื่อเจ๋อจะยังคงทำให้นางผิดหวัง อวิ๋นเสวี่ยเซียวก็ยังอยากไปอยู่ดี นั่นเพราะนางอยากเป็นสหายกับหรงจือจือมานานแล้ว แท้จริงแล้วนี่จึงเป็นโอกาสอันดีหลังจากที่นางลุกออกมาจากห้องโถงมหาราชครูหรงก็พูดคุยสัพเพเหระกับสองสามีภรรยาสกุลอวิ๋น ท่าทีของเขาดีมาก ดีจนไม่กล้าเสียมารยาทด้วย นอกจากนี้ หากจะยุติการหมั้นหมายก็เป็นอะไรที่น่าเสียดาย สองสามีภรรยาสกุลอวิ๋นจึงพูดคุยอย่างเป็นมิตรภายในห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะใต้เท้าอวิ๋นกับฮูหยินอวิ๋นสบตากันปราดหนึ่งและสื่อสายตาแบบเดียวกัน ตอนนี้ท่านมหาราชครูหรงไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจต่อพวกเขาแม้แต่น้อย บ่งบอกว่าเห็นคุณค่าในตัวเซียวเซียวหากพวกลูกๆ พึงพอใจกันทั้งสองฝ่าย นั่นก็ย่อมเป็นการแต่งงานที่ทุกฝ่ายล้วนแต่อยากเห็น ทุกอย่างคงขึ้นอยู่กับความประพฤติของหรงซื่อเจ๋อแล้ว……เรือนอี่เหมยหรงจือจือได้ยินเจาซีรายงานว่าหรงซื่อเจ๋อมาพอขอพบก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดวันนี้เขามีมารยาทกว่าครั้งก่อนๆ มาก รู้จักรออยู่ด้านนอกและให้คนเข้ามารายงานก่อน หรือว่าคำตักเตือนเรื่องที่ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกันเมื่อครั้งก่อนจะเป็นผล?เจาซีถาม “คุณหนู ท่านจะพบเขาห
มหาราชครูหรง “ใต้เท้าอวิ๋น ข้ารู้มาโดยตลอดว่าท่านไม่ใช่คนไร้เหตุผล วันนี้พวกเรามาคุยกันอย่างตรงไปตรงมาดีกว่า ไม่ทราบว่ามีเรื่องเข้าใจผิดอะไรหรือไม่?”ครานี้ฮูหยินอวิ๋นเป็นคนตอบ “คิดว่าท่านมหาราชครูคงจะได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่จวนสกุลหลี่มาแล้ว คุณชายรองหรงไม่มีความเคารพต่อพี่หญิงของตัวเองแม้แต่น้อย…”“ท่านมหาราชครูก็ทราบว่าสกุลอวิ๋นของพวกข้ารักใคร่ปรองดองกันมาก พี่น้องทุกคนสนิทสนมกันเป็นอย่างดี”“การได้เห็นคุณชายรองหรงทำกับพี่หญิงแท้ๆ ของตัวเองเช่นนี้มันทำให้ข้ากังวลว่าวันหน้าเขาจะไม่ดีต่อเซียวเซียว”มหาราชครูหรงฟังจบก็มีสีหน้าย่ำแย่มาก!ความจริงแล้วพ่อบ้านจากจวนราชเลขาธิการได้เล่าให้เขาฟังแล้วว่าหรงซื่อเจ๋อใช้ถ้อยคำไม่ดี เพียงแต่ตอนนั้นเพลิงโทสะของเขาอยู่ที่นางหวังกับหรงเจียวเจียว ด้วยเหตุนี้จึงไม่ทันได้สั่งสอนเขามหาราชครูหรงสะกดกลั้นความโมโหในใจก่อนจะพูดว่า “บางทีอาจจะเพราะยังหนุ่มจึงเลือดร้อน ด้วยเหตุนี้จึงพูดผิด…”หากก่อนหน้านี้สกุลอวิ๋นมาบอกว่าต้องการถอนหมั้น เขาคงต้องโมโหอย่างแน่นอนแต่บัดนี้ เขาอยากให้บุตรชายของตัวเองแต่งงานกับบุตรสาวสกุลอวิ๋นมากจริงๆ สาเหตุไม่ใช่อื
หรงเจียวเจียวเห็นหรงซื่อเจ๋อมั่นใจขนาดนี้ก็ยังลังเลอยู่เล็กน้อยหรงซื่อเจ๋อวางกล่องอาหารในมือลงและเอ่ยปาก “ข้ารู้ว่าหลายวันมานี้พวกท่านลำบากมามาก ข้าจึงตั้งใจไปซื้อขนมมาฝากโดยเฉพาะ ในนี้ยังมีรังนกที่เป็นของโปรดของน้องหญิงด้วย”“พวกท่านรีบกินเถิด ประเดี๋ยวกินเสร็จแล้วข้ายังต้องนำกล่องอาหารกลับไปด้วย มิเช่นนั้นอาจจะถูกท่านพ่อจับได้”หรงเจียวเจียวน้ำลายไหล ที่ผ่านมานางไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะมีให้กินเป็นปกติ แต่เมื่อถูกสั่งห้ามไม่ให้กิน นางกลับนึกถึงรสชาติที่เคยกินอยู่ตลอดเวลานางยกอาหารออกมากินคำโตทันทีตอนแรกนางหวังยังลังเลอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเห็นบุตรสาวกินอย่างเอร็ดอร่อยก็กินตามแต่นางไม่ลืมที่จะกำชับหรงซื่อเจ๋อ “ต่อไปเจ้าอย่าได้มาที่นี่อีก หากท่านพ่อของเจ้ารู้เข้า เจ้าเองก็จะถูกลงโทษไปด้วย ช่วงนี้เขาไม่ค่อยพอใจเจ้านัก แผลที่หลังเจ้าก็ยังไม่หายดี”หรงซื่อเจ๋อพยักหน้า “ลูกเข้าใจขอรับ”นางหวังถามต่อ “เจ้ากับคุณหนูสกุลอวิ๋นเป็นอย่างไรบ้าง? ถึงแม้ฐานะครอบครัวนางจะต่ำกว่าพวกเรามาก แต่บรรดาพี่ชายของนางล้วนแต่ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะพี่ชายคนโตที่ได้เข้าสำนักฮั่นหลินแล้ว ได้ยินว่าฮ่องเต้ทรงให้