공유

บทที่ 7  

작가: สั่งไม่หยุด
นางถานยังคงรอแล้วรอเล่า เฝ้าแต่รอ

ก็ยังไม่เห็นคนของหรงจือจือ ขณะที่นางกำลังหมดความอดทนลงเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็รอจนกระทั่งสาวใช้กลับมารายงานว่า “ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินซื่อจื่อออกไปข้างนอกแล้วเจ้าค่ะ!”

นางถานที่ทนความหนาวเย็นมาเกือบครึ่งชั่วยามจนหน้าเขียวแล้ว ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน “ว่าอย่างไรนะ?!”

แล้วสิ่งที่ตนเองอุตส่าห์เตรียมการไว้ตลอดทั้งเช้านี้ จะสูญเปล่าไปดื้อ ๆ หรือ? เรื่องนี้ทำให้นางถานยิ่งมีโทสะ

สิ่งที่น่าโมโหที่สุด คือสิ่งที่เตรียมไว้มิได้ใช้ทรมานนางหรง แต่กลับทรมานตนเองแทน แล้วจะไม่ให้เดือดดาลได้อย่างไร?

หญิงชรารับใช้ที่วิ่งเต้นสืบข่าวมาเอ่ยว่า : “ได้ยินคนของหลันย่วนบอกว่า ฮูหยินซื่อจื่อเดินทางกลับเรือนมารดาแล้วเจ้าค่ะ!”

สาวใช้เฉินฟังมาถึงตรงนี้ ก็วิตกกังวลขึ้นมาทันใด “ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินซื่อจื่อคงมิได้กลับเรือนมารดาไป เพื่อร้องเรียนต่อท่านมหาราชครูหรอกนะเจ้าคะ?”

นางถานฟังจบ ตอนแรกก็เครียดขึ้นมาทันที

แต่ทันใดนั้นก็กลับมาสงบเยือกเย็นลงอีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงดูแคลน “หาใช่เรื่องใหญ่อันใด มหาราชครูหรงคร่ำครึหัวโบราณมาแต่ไหนแต่ไร นางกลับไปก็มีแต่จะถูกก่นด่า!”

“อีกอย่าง บัดนี้จื่อฟู่สร้างความดีความชอบสำเร็จแล้ว กำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ หากว่ามหาราชครูฉลาดจริง ก็ควรจะสนิทชิดเชื้อกับสกุลเราถึงจะถูก มีหรือจะเลือกยืนข้างหรงจือจือ?”

“จะต้อนรับบุตรีที่หย่าขาดสามีกลับเรือนสกุลหรงให้คนนินทา หรือจะรักใคร่ปรองดองกับบุตรเขยที่มีอนาคตไกล มหาราชครูหรงหรือจะเลือกไม่เป็น?”

สาวใช้เฉิน : “ฮูหยินพูดถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ!”

นางถาน : “ช่างเถิด ให้นางได้กลับเรือนไปตั้งสติก็สมควรแล้ว! มิเช่นนั้นก็ยังคิดว่าตนเอง คือคุณหนูใหญ่สกุลหรงผู้สูงส่งล้ำค่าคนนั้นเหมือนเดิม!”

“แต่งเข้าจวนซิ่นหยางโหวเรา ก็ควรจะรักษากฎระเบียบของจวนโหวเรา ช่างเถิด ไม่อยากพูดถึงแล้ว รีบจุดถ่านไฟเสียที ข้าหนาวจนจะแข็งตายอยู่แล้ว!”

……

หรงจือจือนั่งบนรถม้า หลับตาพักผ่อน

กลับมาถึงเรือนสกุลหรงแล้ว คนเฝ้าประตูก็ออกมาต้อนรับทันที

เพียงแต่สายตาของอีกฝ่ายที่มองหรงจือจือนั้น เจือด้วยความสงสาร หรงจือจือเข้าใจดี ว่าเรื่องที่วังหลวงเมื่อคืน คนทั้งเรือนย่อมทราบแล้วแน่

ก็สมควรแล้ว เรื่องใหญ่ขนาดนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีคนนำไปแจ้งแก่ท่านพ่อ

บ่าวรับใช้น้อมต้อนรับหรงจือจือเข้าไปด้านใน จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “นายท่านอยู่ที่เรือนนายหญิงใหญ่ และขอให้คุณหนูใหญ่วางธุระอื่นใดของท่านไว้ก่อน และไปรอเขาที่ห้องโถงหลักขอรับ เขามีเรื่องต้องคุยกับคุณหนู”

หรงจือจือขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย

เหตุใดเวลานี้ท่านพ่อจึงอยู่ที่เรือนของท่านย่า? แล้วมีเรื่องอันใดหรือ จึงมิอาจคุยต่อหน้าท่านย่าได้? ท่านพ่ออ่อนน้อมเชื่อฟังและมีความกตัญญู หลายเรื่องยังต้องถามความเห็นจากท่านย่าด้วยเสมอ ซึ่งผู้อาวุโสอย่างนางก็มีบทบาทสำคัญในเรือนและถ้อยคำวาจาก็มีน้ำหนักมาตลอด

แต่ในเมื่อท่านพ่อมีคำสั่งเช่นนี้แล้ว หรงจือจือแม้รู้สึกประหลาดใจ ทว่านางก็ยังรออยู่ที่โถงหลักเหมือนเดิม

ไม่นานนัก ดรุณีน้อยนางหนึ่งซึ่งมีโฉมหน้าคล้ายหรงจือจืออยู่หลายส่วน ก็สืบเท้ายาวเดินเข้ามา “ตายแล้ว นี่พี่หญิงมิใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดวันนี้พี่หญิงจึงมีเวลาว่างกลับมาเจ้าคะ? หรือเพราะอยู่ที่เรือนสกุลฉีต่อไปไม่ไหวแล้ว?”

หรงจือจือมองนางด้วยความเงียบงัน มิได้เอ่ยวาจาใด

สิ่งที่หรงเจียวเจียวเกลียดที่สุดคือท่าทางนิ่งเฉยสงบเสงี่ยมเช่นนี้ของหรงจือจือ ตั้งแต่เล็กจนโต พี่หญิงกดตนเองไว้ทุกอย่าง แม้ทุกคนจะชมตนเองว่างามเพริศพริ้ง แต่เมื่อเป็นพี่หญิงกลับถูกสรรเสริญว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง

พอทุกคนออกปากชมว่าตนเองมีพรสวรรค์ แต่เมื่อเป็นพี่หญิงแล้วกลับถูกยกยอว่าเป็นสตรีผู้มีความสามารถเลิศล้ำอันดับหนึ่งในเมืองหลวง

และที่น่าโมโหที่สุด ก็คือตอนที่พี่หญิงแต่งกับเจ้าขี้โรคสกุลฉี เดิมคิดว่าอีกฝ่ายจะต้องกลายเป็นแม่หม้ายแน่แล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าหรงจือจือจะสามารถช่วยชีวิตฉีจื่อฟู่คนนั้นกลับมาได้ มิหนำซ้ำยังได้รับการขนานนามว่าเป็นภรรยาคุณธรรมอันดับหนึ่งของเมืองหลวง

หรงจือจือในสายตาของคนทั้งใต้หล้า เรียกได้ว่าเป็นคนที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบในทุกด้าน

ทั้งหมดนี้ จะไม่ทำให้หรงเจียวเจียวโมโหได้อย่างไร?

ได้ยินว่าสกุลฉีจะให้หรงจือจือเป็นอนุ หรงเจียวเจียวก็ดีใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน ตื่นเต้นเป็นที่สุด พอได้ยินว่านางกลับมาแล้ว ตนเองก็รีบแจ้นมาดูเรื่องสนุกทันที

นางทิ้งตัวนั่งลงเต็มบั้นท้าย ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงดูแคลนทันที “พี่หญิง ท่านพูดอะไรสักอย่างเถิด! ท่านเป็นสะใภ้คุณธรรมอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมิใช่หรือ? พี่เขยก็แค่ขอให้ท่านเป็นอนุภรรยาเท่านั้น หาใช่เรื่องลำบากอะไร ท่านว่าไม่จริงหรือ?”

“หรือที่ท่านกลับมาวันนี้ อันที่จริงแล้วก็เพื่อมาขอคำชี้แนะจากท่านแม่ว่าควรเลี้ยงดูอบรมบุตรอย่างไร? จริงด้วยสิ คนที่ตั้งครรภ์คือองค์หญิง ต่อให้เป็นองค์หญิงจากแคว้นสิ้นเอกราชอย่างไรก็คือองค์หญิง วันข้างหน้าท่านเองก็ต้องปรนนิบัติรับใช้นางหลังคลอดด้วย”

“ตายจริง ดูท่านยามนี้สิ คนที่ต้องอับอายขายหน้าไม่จบสิ้นก็มีแต่ท่านคนเดียว และยังเสื่อมเสียมาถึงเกียรติยศศักดิ์ศรีของสกุลหรงของพวกข้าด้วย! หลังจากนี้หากต้องเป็นอนุจริง หรือต้องหย่าขาดกับสามี ทุกคนคงไม่วายที่จะต้องหัวเราะเยาะเย้ยท่าน! เวทนาที่ตัวข้าเองก็ต้องอับอายขายหน้าไปด้วย”

เจาซีได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ก็เดือดดาลขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

ตอนแรกหากมิใช่เพราะทำเพื่อพิธีสมรสของคุณหนูท่านอื่นในสกุลหรง คุณหนูใหญ่มีหรือจะยอมออกเรือน ทั้งที่หมอหลวงบอกว่าฉีจื่อฟู่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่เพียงไม่กี่วันแล้วเท่านั้น?

บัดนี้คุณหนูใหญ่ถูกข่มเหงรังแกหนักหนาเพียงนี้แล้ว คุณหนูสามแทนที่จะสงสารนางบ้าง กลับพูดจาประชดประชันเช่นนี้ออกมาได้ลงคอ!

นางคิดจะออกปากช่วยพูดเข้าข้างแทนคุณหนู ทว่าหรงจือจือกลับเลื่อนมือขึ้นไปกุมมือของเจาซีไว้ ห้ามมิให้นางส่งเสียงโวยวาย

ครั้นปลอบขวัญเจาซีให้ใจเย็นลงได้แล้ว นางถึงจะมองไปยังหรงเจียวเจียว “น้องหญิงพูดถูก แต่เจ้าเองก็น่าจะทราบดี บัดนี้ข้าจวนจะได้หย่าขาดแล้ว ถึงอย่างไรชื่อเสียงก็ต้องเสื่อมเสียแน่ หลังจากนี้ก็คงต้องกลายเป็นตัวตลกของทุกคนแล้วจริง ๆ”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าเดาดูสิว่า หากข้าออกไปพูดจาด่าทออยู่ข้างนอก หรือพูดจาอยาบคายต่อหน้าธารกำนัลในหอน้ำชาหรือเรือนแรม ถึงยามนั้นคนที่ต้องได้รับผลกระทบไปด้วยจะเป็นผู้ใด?”

“ถึงยามนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องหญิงจะได้ออกเรือนมีคู่ครองได้อีกหรือไม่! หากข้าเป็นน้องหญิง ในยามนี้ข้าคงเลือกเคารพให้เกียรติพี่หญิงอย่างเต็มที่ เพื่อมิให้พี่หญิงเลอะเลือนขาดสติ จนพังพินาศไปพร้อมกับเจ้า”

หรงเจียวเจียว : “ท่าน…”

นางหรือจะไม่ทราบ พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ลึก ๆ แล้วก็แอบสมน้ำหน้าหรงจือจืออยู่ไม่น้อย แต่ความจริงก็ยังด่าทอสาปแช่งครอบครัวที่ใจโหดเยี่ยงหมาป่าลมหายใจเยี่ยงสุนัขของซิ่นหยางโหวมากกว่า

ฉะนั้น แม้การสมรสครั้งที่สองของพี่หญิงหลังหย่าขาดสามีกลับมาจะยากลำบากสักหน่อย ทว่าการได้เป็นฮูหยินโดยถูกต้องชอบธรรมนั้น สามารถคลายปัญหาของพี่หญิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ และจะไม่ส่งผลกระทบใดมาถึงการสมรสของตนเอง

หากว่าหรงจือจือปล่อยให้ไหร้าวแตกซ้ำอีกรอบ[footnoteRef:1] ออกไปคลุ้มคลั่งเสียสติด้านนอก และทำให้คนอื่นคิดว่านิสัยเดิมของดรุณีสกุลหรงน่ารังเกียจ เช่นนั้นพิธีสมรสของนางได้เป็นอันจบสิ้นจริง ๆ แน่ ทุกคนจะต้องคิดว่า ตนเองออกจากครรภ์มารดาเดียวกับพี่หญิง อุปนิสัยใจคอย่อมไม่แตกต่างกัน! [1: หมายถึง การทำเรื่องที่แย่อยู่แล้ว แย่ยิ่งขึ้นไปอีก]

ในขณะที่กำลังหงุดหงิดอยู่นั้น

ก็มีสตรีวัยกลางคนท่านหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก

หลังจากอีกฝ่ายเข้ามาแล้ว หรงจือจือก็ยืนขึ้นทันที ก่อนจะเอ่ยอย่างเคารพนบนอบ “คารวะท่านแม่!”

คนที่มาคือมารดาผู้ให้กำเนิดหรงจือจือ นางหวังนายหญิงปัจจุบันของจวนมหาราชครู

นางหวังสืบเท้าเข้ามาหยุดเบื้องหน้าหรงจือจือ ก่อนจะยกมือขึ้น ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ตบหน้าหรงจือจือไปหนึ่งฉาดทันที!

เจาซีเบิกตาโพลง : “ฮูหยิน…”

หรงจือจือถูกตบจนหน้าหัน มุมปากได้กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ดวงหน้าชาแปลบขึ้นมา ไม่ต้องส่องคันฉ่องก็รู้ว่า ต้องมีรอยฝ่ามือขนาดใหญ่ประทับอยู่บนใบหน้าอย่างแน่นอน

นางกัดฟันแน่น ข่มความรู้สึกทั้งหมดไว้ และจ้องมองไปยังนางหวัง

นางหวังก่นด่าด้วยโทสะ “เมื่อครู่ข้ายังไม่เข้ามา ก็เห็นว่าเจ้าใช้วาจาโอหังอวดดี รังแกน้องหญิงของเจ้า! กฎระเบียบที่เจ้าร่ำเรียนมาเป็นปี คงไปอยู่ในท้องสุนัขหมดแล้ว!”

หรงเจียวเจียวรีบรุดเข้าไปทันที และดึงแขนของนางหวังไว้ ก่อนจะเอ่ยอย่างฉอเลาะว่า “ท่านแม่ พี่หญิงก็เหลือเกินจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าเพิ่งได้ฟังเรื่องในวังเมื่อคืน ก็คิดจะเข้ามาปลอบใจพี่หญิงสักหน่อย ไม่คิดเลยว่าพี่หญิงจะขู่ขวัญให้ข้าตกใจกลัว เคราะห์ดีที่ท่านแม่มาแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าคงกลัวจนน้ำตาไหลแน่เจ้าค่ะ!”

เจาซีเอ่ยด้วยความโมโห “คุณหนูสาม เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าท่าน…”

นางหวังมองเจาซีอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้านายกำลังคุยกัน มีที่ให้บ่าวรับใช้อย่างเจ้าสอดปากเข้ามาพูดด้วยหรือ? ไปถึงจวนโหว คงจะโอ้อวดแสนยานุภาพอยู่ข้างกายนายหญิงของเจ้าอยู่ประจำกระมัง ถึงได้ทำให้นายหญิงของเจ้าเลอะเลือนเพียงนี้! ใครก็ได้ จับเจาซีนางบ่าวจอมโอหังคนนี้ ไปโบยให้ตายเสีย!”
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 428

    เมื่อได้ยินน้ำเสียงนี้ สีหน้าของนางกงซุนก็เปลี่ยนไปทันที ไม่นานนักก็เห็นหญิงชราคนหนึ่ง ในมือถือไม้เท้าเดินออกมาเสิ่นเยี่ยนซูออกไปพยุงด้วยตนเอง “ท่านย่า!”นายหญิงผู้เฒ่าเสิ่นแซ่อวี๋ มองหลานชายแวบหนึ่ง “เจ้ามีน้ำใจแล้ว ไม่เหมือนใครบางคน เห็นข้าแล้วก็ยังไม่รู้จักคารวะ”นางกงซุนหนังหน้ากระตุก จากนั้นก็รีบคารวะ “ลูกสะใภ้คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ” นางก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่ภายในใจเช่นกัน เหตุใดเสิ่นเยี่ยนซูถึงเชิญหญิงชราคนนี้เข้ามา?นางอวี๋นั่งลง พลางมองนางอย่างสื่อความนัย “ยากนักที่เจ้าจำได้ว่าข้ายังเป็นแม่สามีของเจ้า แต่เจ้าตามเยี่ยนซูเข้าเมืองหลวงมานานหลายปีแล้ว ก็ยังไม่เคยไปทักทายข้าที่จวนสกุลอวี๋เลย มีลูกสะใภ้ที่กตัญญูเช่นเจ้า ช่างเป็นวาสนาของข้าเสียจริง!”“กตัญญู” สองคำนี้ นางอวี๋จงใจเน้นน้ำเสียง และแฝงไปด้วยความเย้ยหยันอย่างมากนางกงซุนหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน แล้วรีบก้มหน้ากล่าว “ท่านแม่พูดรุนแรงไปแล้วเจ้าค่ะ ความจริงลูกสะใภ้รู้ว่าท่านกำลังรักษาอาการป่วยอยู่ จึงกลัวว่าหากตนเองไปที่นั่น จะรบกวนความสงบของท่าน”นางกงซุนพูดจบก็เหลือบมองเสิ่นเยี่ยนซู ซึ่งภายในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 427

    เขาถอนหายใจอีกครั้ง “เฮ้อ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้ พวกเรามาคิดกันดีกว่า ว่าอีกไม่กี่เดือนหลังออกจากคุกหลวงแล้ว พวกเราจะไปอยู่ที่ไหน!”ตอนนี้อยู่ในห้องขัง ไม่ต้องกังวลเรื่องกินอยู่ก็จริง แต่เพื่อจัดการปัญหาเรื่องกินอยู่ ต่อไปพวกเขาจะต้องฝ่าฝืนกฎหมายซ้ำ ๆ แล้วพอออกจากคุกไปไม่กี่วัน ก็จะถูกจับกลับเข้ามาใหม่อีกอย่างนั้นหรือ?ฉีจื่อเสียนกล่าวอย่างทรมานว่า “พวกเรายังจะไปอยู่ที่ใดได้อีกขอรับ? ไปแย่งวัดร้างและใต้สะพานกับพวกขอทานเหล่านั้นงั้นหรือ?”ครานี้ ถานผิงถิงกลับเอ่ยปากขึ้นว่า “หรือว่า...ข้าจะกลับไปที่บ้านมารดาเพื่อขอร้องท่านแม่ แล้วให้นางรับพวกเราไว้สักระยะหนึ่งดีเจ้าคะ?”ทันทีที่นางพูดคำนี้ออกมา ทุกคนต่างก็นิ่งเงียบไปเพียงเพราะว่าจวนสกุลถานคือสถานที่ที่นางถานกับอันธพาลนั่นถูกจับได้ว่าเป็นชู้รักกัน จนทำให้คนสกุลฉีต้องอับอายขายขี้หน้าอย่างถึงที่สุด!ตามหลักการ นางหลิวยังตั้งท้องกับอันธพาลนั่นด้วย ซึ่งหากเจอกับครอบครัวที่เคร่งครัด และเพื่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลแล้ว จะต้องจับนางใส่กรงหมูแล้วนำไปถ่วงน้ำเป็นแน่แต่นางดันโชคดี สกุลหลิวกับสกุลถานเป็นครอบครัวขนาดเล็ก ถึงกับไม่มีคนเห

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 426

    อวี้หมัวมัวยังอยากจะพูดอะไรหรงจือจือกลับกล่าวเสียงราบเรียบว่า “หมัวมัว ข้ารู้ว่าเจ้าทำเพื่อข้า แล้วเจ้าก็หวังว่าข้าจะมีชีวิตแต่งงานที่ดีในอนาคต และมีคนคอยใส่ใจอยู่ข้างกาย เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้นในวันข้างหน้า”“แต่เจ้าคิดดูให้ดี ๆ หากแต่งเข้าไปในครอบครัวที่แม่สามีไม่ชอบข้า ข้าจะมีชีวิตที่ดีได้แค่ไหนกันเชียว?”อวี้หมัวมัวกลับไม่เห็นด้วย “คุณหนู หากสามีเป็นคนมีเหตุผล และปกป้องคุณหนูทุกอย่าง เช่นนั้นแม้จะเป็นแม่สามีที่ไร้เหตุผล แต่ก็ยังใช้ชีวิตที่ดีได้”“อย่างฮูหยินแซ่เจียงของเสนาบดีกรมพิธีการคนนั้น มิใช่ตัวอย่างที่ดีที่สุดแล้วหรือเจ้าคะ?”หรงจือจือคิดสักพัก มันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เสนาบดีกรมพิธีการมู่หรงเย่า เขามองนางเจียงด้วยความชื่นชม ไม่สนเรื่องที่ก่อนแต่งงานนางเจียงจะเคยชอบมหาราชครูหรง หลังจากแต่งงานก็ยังดูแลนางเป็นอย่างดีแต่เพราะเรื่องที่ก่อนแต่งงานนางเจียงเคยแย่งมหาราชครูหรงกับนางหวัง เลยทำให้แม่สามีของนางไม่พอใจเป็นอย่างมาก แม้นางเจียงจะเป็นองค์หญิงใหญ่ หลังแต่งงานก็ยังคงถูกทำให้ลำบากใจอยู่ดีแต่มู่หรงเย่าคอยปกป้องทุกอย่าง จึงทำให้แม่สามีของนางไม่สามา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 425

    เฉินเยี่ยนซูพยายามวางท่าสงบนิ่ง ทว่าในใจกลับสับสนว้าวุ่นไร้ที่พึ่ง กว่าจะเกลี้ยกล่อมให้นางยอมตกลงเรื่องแต่งงานได้สำเร็จ มาบัดนี้กลับเกิดเรื่องพลิกผันขึ้นเสียได้ด้วยนิสัยของนางแล้ว เกรงว่าคงยากที่จะให้อภัยเขาได้เรื่องนี้ทำให้ส่วนลึกในใจของเขาเกิดความรู้สึกโกรธแค้นต่อจวนกั๋วจิ้วเป็นครั้งแรก ความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นความเกลียดชัง ส่งผลให้แววตาของเขาเย็นเยียบประดุจน้ำแข็ง......เจาซีกลับมายังเรือนอี่เหมยเมื่อเห็นนางนำกล่องใบเล็กนั้นกลับมาด้วย หรงจือจือก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเจาซีถ่ายทอดคำพูดทั้งหมดของเฉินเยี่ยนซูให้ฟัง หรงจือจือได้แต่นิ่งเงียบ ไม่เอ่ยคำใดอวี้หมัวมัวกล่าวว่า “ท่านเสนาบดีก็ยังนับว่ารู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่ได้มายืนขวางหน้าประตูบ้านไม่ยอมไป จนเป็นที่ครหาของผู้คน ทั้งยังไม่ดึงดันที่จะเข้ามาพบท่านให้ได้ มิเช่นนั้นคงยิ่งทำให้ท่านขุ่นเคืองใจมากขึ้น”“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวกลับเห็นว่า เรื่องการแต่งงานครั้งนี้ คุณหนูลองนำกลับไปไตร่ตรองดูอีกครั้งจะดีหรือไม่ แล้วค่อยรอดูว่าหลังจากนี้ท่านเสนาบดีจะมีคำชี้แจงใดให้ท่าน”หรงจือจือพยายามข่มอารมณ์ที่ปั่นป่วนใ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 424

    เพียงไม่นานหลังจากที่หรงซื่อเจ๋อได้แสดงอำนาจในฐานะบุตรชายสายตรงของตน ก็ถูกเรียกตัวไปพบมหาราชครูหรง และถูกตำหนิอย่างรุนแรง......เจาซีเดินออกจากเรือนพร้อมกุญแจในมือแล้วก็เห็นเสนาบดีเฉินยืนอยู่หน้าประตูในชุดขุนนาง ดูท่าว่าคงเพิ่งเสร็จจากว่าราชการแล้วรีบมาที่นี่อีกฝ่ายรูปงามโดดเด่น เย็นชาแต่สูงส่ง เฉิดฉายเหนือผู้ใด แถมยังปฏิบัติต่อคุณหนูของตนอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นว่าที่เขยที่เหมาะสมอย่างหาที่เปรียบมิได้ เพียงแต่...คาดไม่ถึงว่าเรื่องของเขาคล้ายกับสถานการณ์ของจวนอ๋องเฉียนนั่นทำให้ในใจของเจาซีอดรู้สึกเสียดายมิได้เมื่อเห็นกล่องผ้าไหมในมือนาง แววตาเฉินเยี่ยนซู ก็พลันหม่นลงทันที “นางให้เจ้าคืนของสิ่งนี้แก่ข้าหรือ?”เจาซีพยักหน้า และถ่ายทอดถ้อยคำที่หรงจือจือฝากมาให้นางเหล่านั้นพอพูดจบก็อดกลั้นไม่ไหว กล่าวขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ท่านเสนาบดี คุณหนูของข้านับแต่หย่าขาดจากสามี ก็ถูกคนซุบซิบนินทาเสียๆ หายๆ คำนินทาแสนโหดร้ายแบบไหน นางก็เคยได้ยินมาหมดแล้ว”“บ่าวดูออกว่าเดิมทีคุณหนูไม่ได้คิดจะแต่งงานอีก หากไม่ใช่เพราะท่านแสดงความจริงใจ นางก็คงไม่รับของสิ่งนี้ไว้ด้วยซ้ำ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 423

    หรงเจียวเจียวเหมือนยังอยากจะเอ่ยอะไรอีก “ท่านพี่...”แต่หรงซื่อเจ๋อกลับตัดบท “หรือจริงๆ แล้วเจ้ามิได้ทำเพื่อข้า แต่เป็นเพราะเจ้ารู้ว่าตั้งแต่เด็กมา นางก็เก่งกว่าเจ้า เป็นเพราะเจ้าริษยาเรื่องท่านเสนาบดีเฉิน จึงหาเรื่องนางอยู่ร่ำไป แล้วก็อ้างเอาว่าทำเพื่อข้า?”ขณะกล่าว ดวงตาของหรงซื่อเจ๋อก็เพ่งมองนางอย่างพินิจพิจารณาความจริง ความคิดนี้เขาก็เคยแอบสงสัยอยู่หลายครั้ง เพียงแค่ไม่อยากนำมันมาคิดให้มากนักกับน้องสาวผู้เคยช่วยชีวิตเขาไว้ในอดีตจนกระทั่งนางทำเรื่องต่ำช้า ใช้แผนทรมานตัวเองกลั่นแกล้งหรงจือจือ แล้วยังกล้าโยนความผิดให้เขาต่อหน้าบิดา ความเชื่อใจที่เขามีต่อนางก็เริ่มร้าวรานหรงเจียวเจียวถูกทิ่มใจเข้าเต็มๆ แต่ก็รีบกลบเกลื่อน “ท่านพี่ ท่านพูดอะไรอย่างนั้นเล่า!”“ข้าแค่กลัว กลัวว่าท่านพี่จะทำร้ายคนอื่นเพียงเพื่อตัวเองอีก นางทำอย่างนั้นถึงสามครั้งแล้ว ข้าไม่กล้าผูกสัมพันธ์กับคนเช่นนี้ หากวันหน้าเกิดเรื่องขึ้นอีกเล่า?”หรงซื่อเจ๋อเม้มริมฝีปากแน่น ครู่หนึ่งก็พูดไม่ออกใช่ ถึงสามครั้ง! หนแรกเกือบคร่าชีวิตเขา หนที่สองพรากชีวิตพี่หญิงหนานจือ หนที่สามก็คือเรื่องหย่าร้างที่ทำให้น้องสาวร่ว

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status