Share

บทที่ 7  

Penulis: สั่งไม่หยุด
นางถานยังคงรอแล้วรอเล่า เฝ้าแต่รอ

ก็ยังไม่เห็นคนของหรงจือจือ ขณะที่นางกำลังหมดความอดทนลงเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็รอจนกระทั่งสาวใช้กลับมารายงานว่า “ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินซื่อจื่อออกไปข้างนอกแล้วเจ้าค่ะ!”

นางถานที่ทนความหนาวเย็นมาเกือบครึ่งชั่วยามจนหน้าเขียวแล้ว ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน “ว่าอย่างไรนะ?!”

แล้วสิ่งที่ตนเองอุตส่าห์เตรียมการไว้ตลอดทั้งเช้านี้ จะสูญเปล่าไปดื้อ ๆ หรือ? เรื่องนี้ทำให้นางถานยิ่งมีโทสะ

สิ่งที่น่าโมโหที่สุด คือสิ่งที่เตรียมไว้มิได้ใช้ทรมานนางหรง แต่กลับทรมานตนเองแทน แล้วจะไม่ให้เดือดดาลได้อย่างไร?

หญิงชรารับใช้ที่วิ่งเต้นสืบข่าวมาเอ่ยว่า : “ได้ยินคนของหลันย่วนบอกว่า ฮูหยินซื่อจื่อเดินทางกลับเรือนมารดาแล้วเจ้าค่ะ!”

สาวใช้เฉินฟังมาถึงตรงนี้ ก็วิตกกังวลขึ้นมาทันใด “ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินซื่อจื่อคงมิได้กลับเรือนมารดาไป เพื่อร้องเรียนต่อท่านมหาราชครูหรอกนะเจ้าคะ?”

นางถานฟังจบ ตอนแรกก็เครียดขึ้นมาทันที

แต่ทันใดนั้นก็กลับมาสงบเยือกเย็นลงอีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงดูแคลน “หาใช่เรื่องใหญ่อันใด มหาราชครูหรงคร่ำครึหัวโบราณมาแต่ไหนแต่ไร นางกลับไปก็มีแต่จะถูกก่นด่า!”

“อีกอย่าง บัดนี้จื่อฟู่สร้างความดีความชอบสำเร็จแล้ว กำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ หากว่ามหาราชครูฉลาดจริง ก็ควรจะสนิทชิดเชื้อกับสกุลเราถึงจะถูก มีหรือจะเลือกยืนข้างหรงจือจือ?”

“จะต้อนรับบุตรีที่หย่าขาดสามีกลับเรือนสกุลหรงให้คนนินทา หรือจะรักใคร่ปรองดองกับบุตรเขยที่มีอนาคตไกล มหาราชครูหรงหรือจะเลือกไม่เป็น?”

สาวใช้เฉิน : “ฮูหยินพูดถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ!”

นางถาน : “ช่างเถิด ให้นางได้กลับเรือนไปตั้งสติก็สมควรแล้ว! มิเช่นนั้นก็ยังคิดว่าตนเอง คือคุณหนูใหญ่สกุลหรงผู้สูงส่งล้ำค่าคนนั้นเหมือนเดิม!”

“แต่งเข้าจวนซิ่นหยางโหวเรา ก็ควรจะรักษากฎระเบียบของจวนโหวเรา ช่างเถิด ไม่อยากพูดถึงแล้ว รีบจุดถ่านไฟเสียที ข้าหนาวจนจะแข็งตายอยู่แล้ว!”

……

หรงจือจือนั่งบนรถม้า หลับตาพักผ่อน

กลับมาถึงเรือนสกุลหรงแล้ว คนเฝ้าประตูก็ออกมาต้อนรับทันที

เพียงแต่สายตาของอีกฝ่ายที่มองหรงจือจือนั้น เจือด้วยความสงสาร หรงจือจือเข้าใจดี ว่าเรื่องที่วังหลวงเมื่อคืน คนทั้งเรือนย่อมทราบแล้วแน่

ก็สมควรแล้ว เรื่องใหญ่ขนาดนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีคนนำไปแจ้งแก่ท่านพ่อ

บ่าวรับใช้น้อมต้อนรับหรงจือจือเข้าไปด้านใน จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “นายท่านอยู่ที่เรือนนายหญิงใหญ่ และขอให้คุณหนูใหญ่วางธุระอื่นใดของท่านไว้ก่อน และไปรอเขาที่ห้องโถงหลักขอรับ เขามีเรื่องต้องคุยกับคุณหนู”

หรงจือจือขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย

เหตุใดเวลานี้ท่านพ่อจึงอยู่ที่เรือนของท่านย่า? แล้วมีเรื่องอันใดหรือ จึงมิอาจคุยต่อหน้าท่านย่าได้? ท่านพ่ออ่อนน้อมเชื่อฟังและมีความกตัญญู หลายเรื่องยังต้องถามความเห็นจากท่านย่าด้วยเสมอ ซึ่งผู้อาวุโสอย่างนางก็มีบทบาทสำคัญในเรือนและถ้อยคำวาจาก็มีน้ำหนักมาตลอด

แต่ในเมื่อท่านพ่อมีคำสั่งเช่นนี้แล้ว หรงจือจือแม้รู้สึกประหลาดใจ ทว่านางก็ยังรออยู่ที่โถงหลักเหมือนเดิม

ไม่นานนัก ดรุณีน้อยนางหนึ่งซึ่งมีโฉมหน้าคล้ายหรงจือจืออยู่หลายส่วน ก็สืบเท้ายาวเดินเข้ามา “ตายแล้ว นี่พี่หญิงมิใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดวันนี้พี่หญิงจึงมีเวลาว่างกลับมาเจ้าคะ? หรือเพราะอยู่ที่เรือนสกุลฉีต่อไปไม่ไหวแล้ว?”

หรงจือจือมองนางด้วยความเงียบงัน มิได้เอ่ยวาจาใด

สิ่งที่หรงเจียวเจียวเกลียดที่สุดคือท่าทางนิ่งเฉยสงบเสงี่ยมเช่นนี้ของหรงจือจือ ตั้งแต่เล็กจนโต พี่หญิงกดตนเองไว้ทุกอย่าง แม้ทุกคนจะชมตนเองว่างามเพริศพริ้ง แต่เมื่อเป็นพี่หญิงกลับถูกสรรเสริญว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง

พอทุกคนออกปากชมว่าตนเองมีพรสวรรค์ แต่เมื่อเป็นพี่หญิงแล้วกลับถูกยกยอว่าเป็นสตรีผู้มีความสามารถเลิศล้ำอันดับหนึ่งในเมืองหลวง

และที่น่าโมโหที่สุด ก็คือตอนที่พี่หญิงแต่งกับเจ้าขี้โรคสกุลฉี เดิมคิดว่าอีกฝ่ายจะต้องกลายเป็นแม่หม้ายแน่แล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าหรงจือจือจะสามารถช่วยชีวิตฉีจื่อฟู่คนนั้นกลับมาได้ มิหนำซ้ำยังได้รับการขนานนามว่าเป็นภรรยาคุณธรรมอันดับหนึ่งของเมืองหลวง

หรงจือจือในสายตาของคนทั้งใต้หล้า เรียกได้ว่าเป็นคนที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบในทุกด้าน

ทั้งหมดนี้ จะไม่ทำให้หรงเจียวเจียวโมโหได้อย่างไร?

ได้ยินว่าสกุลฉีจะให้หรงจือจือเป็นอนุ หรงเจียวเจียวก็ดีใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน ตื่นเต้นเป็นที่สุด พอได้ยินว่านางกลับมาแล้ว ตนเองก็รีบแจ้นมาดูเรื่องสนุกทันที

นางทิ้งตัวนั่งลงเต็มบั้นท้าย ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงดูแคลนทันที “พี่หญิง ท่านพูดอะไรสักอย่างเถิด! ท่านเป็นสะใภ้คุณธรรมอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมิใช่หรือ? พี่เขยก็แค่ขอให้ท่านเป็นอนุภรรยาเท่านั้น หาใช่เรื่องลำบากอะไร ท่านว่าไม่จริงหรือ?”

“หรือที่ท่านกลับมาวันนี้ อันที่จริงแล้วก็เพื่อมาขอคำชี้แนะจากท่านแม่ว่าควรเลี้ยงดูอบรมบุตรอย่างไร? จริงด้วยสิ คนที่ตั้งครรภ์คือองค์หญิง ต่อให้เป็นองค์หญิงจากแคว้นสิ้นเอกราชอย่างไรก็คือองค์หญิง วันข้างหน้าท่านเองก็ต้องปรนนิบัติรับใช้นางหลังคลอดด้วย”

“ตายจริง ดูท่านยามนี้สิ คนที่ต้องอับอายขายหน้าไม่จบสิ้นก็มีแต่ท่านคนเดียว และยังเสื่อมเสียมาถึงเกียรติยศศักดิ์ศรีของสกุลหรงของพวกข้าด้วย! หลังจากนี้หากต้องเป็นอนุจริง หรือต้องหย่าขาดกับสามี ทุกคนคงไม่วายที่จะต้องหัวเราะเยาะเย้ยท่าน! เวทนาที่ตัวข้าเองก็ต้องอับอายขายหน้าไปด้วย”

เจาซีได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ก็เดือดดาลขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

ตอนแรกหากมิใช่เพราะทำเพื่อพิธีสมรสของคุณหนูท่านอื่นในสกุลหรง คุณหนูใหญ่มีหรือจะยอมออกเรือน ทั้งที่หมอหลวงบอกว่าฉีจื่อฟู่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่เพียงไม่กี่วันแล้วเท่านั้น?

บัดนี้คุณหนูใหญ่ถูกข่มเหงรังแกหนักหนาเพียงนี้แล้ว คุณหนูสามแทนที่จะสงสารนางบ้าง กลับพูดจาประชดประชันเช่นนี้ออกมาได้ลงคอ!

นางคิดจะออกปากช่วยพูดเข้าข้างแทนคุณหนู ทว่าหรงจือจือกลับเลื่อนมือขึ้นไปกุมมือของเจาซีไว้ ห้ามมิให้นางส่งเสียงโวยวาย

ครั้นปลอบขวัญเจาซีให้ใจเย็นลงได้แล้ว นางถึงจะมองไปยังหรงเจียวเจียว “น้องหญิงพูดถูก แต่เจ้าเองก็น่าจะทราบดี บัดนี้ข้าจวนจะได้หย่าขาดแล้ว ถึงอย่างไรชื่อเสียงก็ต้องเสื่อมเสียแน่ หลังจากนี้ก็คงต้องกลายเป็นตัวตลกของทุกคนแล้วจริง ๆ”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าเดาดูสิว่า หากข้าออกไปพูดจาด่าทออยู่ข้างนอก หรือพูดจาอยาบคายต่อหน้าธารกำนัลในหอน้ำชาหรือเรือนแรม ถึงยามนั้นคนที่ต้องได้รับผลกระทบไปด้วยจะเป็นผู้ใด?”

“ถึงยามนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องหญิงจะได้ออกเรือนมีคู่ครองได้อีกหรือไม่! หากข้าเป็นน้องหญิง ในยามนี้ข้าคงเลือกเคารพให้เกียรติพี่หญิงอย่างเต็มที่ เพื่อมิให้พี่หญิงเลอะเลือนขาดสติ จนพังพินาศไปพร้อมกับเจ้า”

หรงเจียวเจียว : “ท่าน…”

นางหรือจะไม่ทราบ พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ลึก ๆ แล้วก็แอบสมน้ำหน้าหรงจือจืออยู่ไม่น้อย แต่ความจริงก็ยังด่าทอสาปแช่งครอบครัวที่ใจโหดเยี่ยงหมาป่าลมหายใจเยี่ยงสุนัขของซิ่นหยางโหวมากกว่า

ฉะนั้น แม้การสมรสครั้งที่สองของพี่หญิงหลังหย่าขาดสามีกลับมาจะยากลำบากสักหน่อย ทว่าการได้เป็นฮูหยินโดยถูกต้องชอบธรรมนั้น สามารถคลายปัญหาของพี่หญิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ และจะไม่ส่งผลกระทบใดมาถึงการสมรสของตนเอง

หากว่าหรงจือจือปล่อยให้ไหร้าวแตกซ้ำอีกรอบ[footnoteRef:1] ออกไปคลุ้มคลั่งเสียสติด้านนอก และทำให้คนอื่นคิดว่านิสัยเดิมของดรุณีสกุลหรงน่ารังเกียจ เช่นนั้นพิธีสมรสของนางได้เป็นอันจบสิ้นจริง ๆ แน่ ทุกคนจะต้องคิดว่า ตนเองออกจากครรภ์มารดาเดียวกับพี่หญิง อุปนิสัยใจคอย่อมไม่แตกต่างกัน! [1: หมายถึง การทำเรื่องที่แย่อยู่แล้ว แย่ยิ่งขึ้นไปอีก]

ในขณะที่กำลังหงุดหงิดอยู่นั้น

ก็มีสตรีวัยกลางคนท่านหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก

หลังจากอีกฝ่ายเข้ามาแล้ว หรงจือจือก็ยืนขึ้นทันที ก่อนจะเอ่ยอย่างเคารพนบนอบ “คารวะท่านแม่!”

คนที่มาคือมารดาผู้ให้กำเนิดหรงจือจือ นางหวังนายหญิงปัจจุบันของจวนมหาราชครู

นางหวังสืบเท้าเข้ามาหยุดเบื้องหน้าหรงจือจือ ก่อนจะยกมือขึ้น ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ตบหน้าหรงจือจือไปหนึ่งฉาดทันที!

เจาซีเบิกตาโพลง : “ฮูหยิน…”

หรงจือจือถูกตบจนหน้าหัน มุมปากได้กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ดวงหน้าชาแปลบขึ้นมา ไม่ต้องส่องคันฉ่องก็รู้ว่า ต้องมีรอยฝ่ามือขนาดใหญ่ประทับอยู่บนใบหน้าอย่างแน่นอน

นางกัดฟันแน่น ข่มความรู้สึกทั้งหมดไว้ และจ้องมองไปยังนางหวัง

นางหวังก่นด่าด้วยโทสะ “เมื่อครู่ข้ายังไม่เข้ามา ก็เห็นว่าเจ้าใช้วาจาโอหังอวดดี รังแกน้องหญิงของเจ้า! กฎระเบียบที่เจ้าร่ำเรียนมาเป็นปี คงไปอยู่ในท้องสุนัขหมดแล้ว!”

หรงเจียวเจียวรีบรุดเข้าไปทันที และดึงแขนของนางหวังไว้ ก่อนจะเอ่ยอย่างฉอเลาะว่า “ท่านแม่ พี่หญิงก็เหลือเกินจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าเพิ่งได้ฟังเรื่องในวังเมื่อคืน ก็คิดจะเข้ามาปลอบใจพี่หญิงสักหน่อย ไม่คิดเลยว่าพี่หญิงจะขู่ขวัญให้ข้าตกใจกลัว เคราะห์ดีที่ท่านแม่มาแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าคงกลัวจนน้ำตาไหลแน่เจ้าค่ะ!”

เจาซีเอ่ยด้วยความโมโห “คุณหนูสาม เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าท่าน…”

นางหวังมองเจาซีอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้านายกำลังคุยกัน มีที่ให้บ่าวรับใช้อย่างเจ้าสอดปากเข้ามาพูดด้วยหรือ? ไปถึงจวนโหว คงจะโอ้อวดแสนยานุภาพอยู่ข้างกายนายหญิงของเจ้าอยู่ประจำกระมัง ถึงได้ทำให้นายหญิงของเจ้าเลอะเลือนเพียงนี้! ใครก็ได้ จับเจาซีนางบ่าวจอมโอหังคนนี้ ไปโบยให้ตายเสีย!”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 475

    นี่คือคำพูดที่ออกมาจากปากท่านแม่ได้จริง ๆ หรือ? ไม่ว่าจะว่าอย่างไร หรงจือจือก็เป็นลูกที่ท่านแม่อุ้มท้องมาสิบเดือนจนคลอดนะ!หรงเจียวเจียวเอ่ย “แต่ว่าท่านแม่ หากท่านพ่อรู้เข้า จะดีได้อย่างไร?”หรงจือจือมองหรงซื่อเจ๋อทีหนึ่ง แล้วหัวเราะเย้ยหยันทีหนึ่ง “น้องรองพูดถูก พวกนางสนใจข้าด้วยใจจริงจริง ๆ”และไม่ได้มีความตั้งใจจะกดน้ำเสียงแต่อย่างใดนางหวังและหรงเจียวเจียวที่อยู่ด้านใน พลันเงียบเสียงไปทันใดหรงจือจือย่างเท้าเดินเข้าไปนางหวังหันกลับมาด้วยความไม่สบอารมณ์ พลางมองหรงจือจือแล้วกล่าวว่า “เจ้ามาทำไม?”หรงจือจือ “ข้ามีบางอย่างอยากจะพูดกับน้องสามเป็นการส่วนตัว แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาได้จังหวะพอดี ถึงกับทำให้ฮูหยินกับน้องสามเสียเวลาในการหารือวางแผนทำร้ายข้า”“แต่พวกท่านไม่ต้องร้อนใจไป เดี๋ยวพอข้าออกไปแล้ว พวกท่านปรึกษาหารือกันต่อก็สิ้นเรื่องแล้ว”คิดวางแผนทำร้ายคนอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ครั้นนางหวังกับหรงเจียวเจียวได้ยินถึงตรงนี้ หน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อยยิ่งอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่สาวใช้ของพวกนาง เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ไม่คิดเลยว่าจะประมาทเลินเล่อขนาดนี้ ไม่รู้จักเฝ้าอยู่ข้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 474

    ดังนั้นตอนที่นางเซี่ยบอกให้เขาพิจารณาจงเจิ้งอวี๋ดู เขาจึงปฏิเสธไปทว่าสภาพของพี่ใหญ่ในวันนี้...ในจวนแห่งนี้มีบุตรชายสายตรงเพียงพวกเขาสองคน เรื่องมีลูกหลานสืบสกุล คงหวังพึ่งได้แค่ตนแล้ว พูดตามตรง ในเรื่องนี้พี่ใหญ่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์โดยรวมเท่าตนบางทีผู้ที่รู้รสชาติแห่งความรัก ถึงได้เป็นเช่นนี้กระมังเขาเพียงโชคดี โชคดีที่ตนไม่เข้าใจความรัก!นางเซี่ยมองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า มีบุตรชายทำตามการจัดการของตนสักคนก็ดี บุตรชายคนโตคงบีบไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริง ๆ...จวนสกุลหรง หลังจากอ่านราชโองการจบคนสกุลหรงรับพระประสงค์พร้อมกัน กระทั่งหรงเจียวเจียวที่ถูกเฆี่ยน ไม่ให้คนประคองลุกขึ้นมาจากเตียงไม่ได้ และคุกเข่าร่วมฟังด้วยกันครั้นฟังจบสีหน้าของนางก็ซีดเผือดไปหมดเพียงเพราะฝ่าบาทมีพระราชโองการมา คิดว่าเรื่องที่จะสลับเกี้ยวเกรงว่าจะไม่สำเร็จแล้ว เช่นนี้จะเป็นการหลอกลวงฮ่องเต้สีหน้าของนางหวังเองก็ปั้นยากเช่นกันไหนเลยเฉินเยี่ยนซูจะสนใจความรู้สึกของพวกนางสองแม่ลูก มองไปที่หรงจือจือเท่านั้น พร้อมเอ่ยขึ้นทั้งหูที่แดงเล็กน้อย “เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะ”หรงจือจือ “

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 473

    ครั้นเฉินเยี่ยนซูเห็นนางทำเช่นนี้ และยังได้ยินคำพูดเช่นนี้ ความเย็นเยียบที่กลอกไปมาอยู่ในนัยน์ตาหงส์ ก็พลันสลายไป เป็นความกระตือรือร้นและรอยยิ้มไม่ขาดสายจากนั้นก็พลิกไปจับมือของนางด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างมาก พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างขึงขังว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ข้าจะขอให้แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินแห่งแคว้นขั้นหนึ่ง”“ฮูหยินตราตั้งขั้นหกอะไร ไม่คู่ควรกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย”ครั้นเขาพูดจบ รถม้าก็หยุดลงพอดีคนขับรถม้าเปิดประตูรถม้าออก คำพูดนี้ของเขาย่อมเข้าไปในหูของเซิ่งเฟิงที่อยู่ด้านนอกเช่นกัน เซิ่งเฟิงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นแล้วกลอกตาขาวทีหนึ่งอีกครั้งเยี่ยมไปเลย นี่ท่านเสนาบดีเหยียบขึ้นไปบนอดีตสามีของท่านหญิงแล้ว!ไหนเลยที่หรงจือจือจะไม่เข้าใจ จู่ ๆ เขาก็เอ่ยถึงฮูหยินตราตั้งขั้นหกเพื่ออะไร? วันนี้ก็เพิ่งรู้เช่นกัน ดูท่าท่านเสนาบดีที่อยู่เหนือผู้คน เย็นชาและลำพอง ไม่คิดเลยว่าจะมีความคิดเปรียบเทียบพวกนี้ด้วยนางกลั้นขำ ไม่ให้มีเสียงออกมาส่วนเฉินเยี่ยนซูมองไปนอกรถ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชืด ๆ ว่า “ราชโองการสมรส ประกาศเสียตอนนี้เถอะ”เซิ่งเฟิง “ขอรับ”...ในขณะที่คนสกุลหรงรับราชโองการน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 472

    เมื่อครู่นางเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ได้รับความหนาวเย็นเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก หลังกลับไปท่านเสนาบดีจะต้องกินน้ำขิงติดต่อกันสามวัน หนึ่งวันไม่ต่ำกว่าสามครั้ง”เฉินเยี่ยนซูยังเม้มริมฝีปากบาง ในใจกระวนกระวายไปหมดหรงจือจือ “ท่านเสนาบดี?”เขาได้สติกลับมา ในตอนนี้ถึงพยักหน้าอย่างไม่แยแส “ดื่มน้ำขิงสามวันใช่หรือไม่? ข้าจะจำเอาไว้”เห็นอีกฝ่ายแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง หรงจือจือก็คิดว่าอย่างไรตนก็ควรไว้หน้าเขาสองสามส่วน ฉะนั้นครานี้นางจึงไม่ได้โพล่งหัวเราะออกมาอีกหลังเงียบอยู่ครู่สั้น ๆท่านราชเลขาธิการก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวจริง ๆ ก็ยังเอ่ยถามขึ้นว่า “นางเซี่ยยังไม่ละทิ้งความคิดชั่วร้ายเช่นเดิมหรือ?”หรงจือจือมองเขาทีหนึ่งเขารีบแสร้งทำเป็นไม่แยแส “ข้าเพียงแค่เอ่ยปากถามส่ง ๆ เท่านั้น อันที่จริง...”ทีแรกเขาอยากจะเอ่ยว่า อันที่จริงตนไม่ได้สนใจอะไร ปิดหูปิดตาหรงจือจือต่อ ซ่อนความคิดของตนทว่าเมื่อคำพูดนี้มาถึงข้างปาก ท่านราชเลขาธิการก็รู้สึกว่า หากบอกว่าตนไม่สนใจ ก็ฝืนตัวเองเกินไปจริง ๆกระทั่งดูปลอมจนเขายากจะรับไหวเล็กน้อยจึงหยุดไปทั้งดื้อ ๆหรงจือจือเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 471

    กระทั่งนางอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว อยากจะเล่าถึงความพยายามทั้งหมดของอู๋เหิงที่ทำในจวน และการต่อกรที่ทำกับตนเพื่อให้ได้แต่งงานกับหรงจือจือ ให้หรงจือจือฟังในคราวเดียว“ที่จริงหลายวันมานี้ อู๋เหิงเพื่อ...”หรงจือจือพูดขัด “พระชายาซื่อจื่อ ในเมื่อไร้วาสนา เช่นนั้นคำพูดพวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้ว บางทีในอนาคตข้ากับคุณชายใหญ่ อาจจะได้พบเจอกันอีก ตอนนี้รู้เยอะเกินไป เมื่อเจอกันในอนาคตอาจอึดอัดใจ”ครั้นนางเซี่ยฟังถึงตรงนี้ ในใจก็เย็นเยียบไปโดยสิ้นเชิง ไหนเลยจะไม่เข้าใจ นี่หรงจือจือไม่พิจารณาเลยแม้แต่น้อยแม้จะรู้สึกว่าตนพูดเช่นนี้จะไร้ยางอายเกินไปเล็กน้อย ทว่าเพื่อบุตรชายแล้ว นางก็ยังก้มหน้าแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่เรียกท่านแม่เลยแม้แต่น้อย? ก่อนหน้านี้แม่คิดถึงเจ้าทุกเรื่อง มักจะช่วยเจ้าพูด...”หรงจือจือถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง ทีแรกนางไม่ยอมพูดให้ชัดเจน กลับยิ่งทำให้ดูเหินห่างอย่างชัดเจน ทว่าในเมื่อนางเซี่ยคิดจะบีบให้ตอบแทนบุญคุณหรงจือจือเองก็ทำได้เพียงต้องเอ่ยว่า “พระชายาซื่อจื่อ ชายาอ๋องผู้เฒ่านางเป็นคนดีจริง ๆ แต่ขอท่านอย่าลืมว่า ข้าเป็นคนช่วยชายาอ๋องก่อน”หลายปีมานี้ชายาอ๋องดีกับตนทุกเรื่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 470

    เหอะๆ หากหรงจือจือกลายเป็นหญิงปากร้ายจริงๆ เขาจะคอยดูว่าท่านราชเลขาธิการยังจะได้อยู่อย่างสงบสุขอีกหรือไม่! ท่านราชเลขาธิการเลอะเลือนไปแล้ว แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็จะสนับสนุนหรือ?……หรงจือจือตามเฉินเยี่ยนซูออกจากวังนึกไม่ถึงว่านางเซี่ยจะยังไม่จากไป กำลังรอพวกนางอยู่นอกวังนางเซี่ยมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เอ่ยถามว่า “จือจือ ข้าขอคุยกับเจ้าได้หรือไม่?”หรงจือจือลังเลเล็กน้อย นึกถึงการดูแลที่พระชายาอ๋องเฉียนมีต่อตัวเองตลอดหลายปีมานี้ ก่อนหน้านี้นางหลงผิด พูดแนะนำให้ฉีอวี่เยียนแต่งไปอยู่บ้านพวกเขา พวกเขาก็ไม่เคยถือโทษเรื่องนี้แต่อย่างไร มิหนำซ้ำ วันนี้นางเซี่ยก็ช่วยขอความเมตตาให้กับนางด้วยเหตุนี้จึงตอบตกลงนางเห็นไปมองเฉินเยี่ยนซูที่เม้มปากเหมือนไม่สบอารมณ์ “ผมของท่านราชเลขาธิการยังแห้งไม่สนิท ด้านนอกอากาศหนาว ท่านไปรอข้าบนรถม้าก่อนเถิด”เฉินเยี่ยนซู “ได้”เขาเหมือนจะเชื่อฟังดีมาก มีเพียงเซิ่งเฟิงที่มองออกว่าเขากำลังอดทนที่จะไม่โยนนางเซี่ยออกจากแคว้นต้าฉีผู้ใดจะมองไม่ออกกันว่านางเซี่ยยังคิดที่จะโน้มน้าวอยู่?น่าเสียดาย เวลาอยู่ต่อหน้าภรรยา เขาจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นสุภาพอ่อนโยนเข้าไว้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status