공유

บทที่ 8  

작가: สั่งไม่หยุด
เจาซีได้ยินเช่นนี้ ก็ตกใจจนหน้าซีดเผือดทันที ทว่าภายใต้ความขลาดกลัวและความดื้อรั้น ภายในใจกลับเกิดความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวขึ้นมาอย่างประหลาด ขณะที่กำลังคิดว่าในเมื่อฮูหยินจะตีตนเองให้ตายจริงแล้ว ก่อนที่นางจะต้องสิ้นใจตาย ต้องช่วยพูดเข้าข้างคุณหนูของตนเองสักสองประโยค

กลับคิดไม่ถึงเลยว่าหรงจือจือจะสืบเท้าเข้ามาหนึ่งก้าว เอาตัวเข้าขวางหน้าเจาซีไว้ แสดงเจตจำนงชัดเจนว่าห้ามมิให้ผู้ใดแตะต้องนาง

เจาซีเห็นเงาแผ่นหลังบอบบางอ่อนแอของคุณหนู แต่กลับรู้สึกว่ากว้างใหญ่ไร้สิ่งใดเปรียบ ริมฝีปากของนางสั่นไหวเล็กน้อย ในดวงตากำลังรื้นคลอด้วยน้ำตา “คุณหนู…”

บัดนี้ภายในใจของนางเกิดรู้สึกผิดขึ้นมาจนจะตายให้ได้ คุณหนูคอยเตือนสตินางไม่รู้กี่หนต่อกี่หน ให้เข้มแข็งหนักแน่น เงียบไว้อย่ามากวาจา เพราะด้วยฐานะของนางถึงอย่างไรแล้วก็เป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้ ถูกจับผิดง่าย แต่เหตุใดหนอตนเองถึงไม่รู้จักจำใส่หัวไว้บ้าง!

นางหวังมองการกระทำของหรงจือจือ หัวคิ้วก็ขมวดขึ้นมา พร้อมถากถางอย่างรังเกียจ “เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอะไร? เจ้าคิดจะอกตัญญูต่อมารดา เพียงเพื่อปกป้องบ่าวชั้นต่ำคนหนึ่งหรือ?”

หรงจือจือมิได้สนใจความเจ็บปวดบนใบหน้าแล้ว สายตาที่มองนางหวังเย็นชาอย่างถึงที่สุด “ท่านแม่คิดมากเกินเหตุ เพียงแต่เจาซีเป็นสาวใช้ที่ท่านย่าซื้อตัวมาเพื่อปรนนิบัติรับใช้ลูก หากท่านมีคำสั่งให้โบยนางถึงชีวิต เกรงว่าท่านย่าคงไม่ยินดีแน่”

เจาซีทำอะไรผิดหรือ? อันที่จริงนางก็แค่อยากช่วยเปิดโปงความจริงที่หรงเจียวเจียวเข้ามายั่วยุโทสะตนเองก็เท่านั้น

ทว่าเจาซีไม่เข้าใจ สิ่งที่ท่านแม่ไม่โปรดปรานหาใช่เจาซีสอดปากไม่ดูสถานการณ์ที่ไหน สิ่งที่นางไม่โปรดปรานก็มีแต่บุตรีอย่างตนเองเท่านั้น! ฉะนั้น มารดาที่เห็นอะไรก็ขัดตาอยู่เป็นทุนเดิม มีหรือจะอนุญาตให้ตนเองและเจาซีออกปากแก้ต่าง?

นางหวังมีหรือจะฟังแล้วไม่เข้าใจ สิ่งที่เจ้าเด็กเวรคนนี้อยากจะสื่อ ก็คือขู่ว่าหากตนเองทำร้ายเจาซีจนสิ้นใจขึ้นมาจริง ๆ นางจะแจ้นไปฟ้องนายหญิงใหญ่ทันที!

ถ้อยคำนี้ทำให้สีหน้าของนางหวัง หมองคล้ำลงมาทันใด “นางเด็กอกตัญญู เจ้ากล้ายกท่านย่าของเจ้ามาข่มขู่ข้าหรือ!”

หรงจือจือตอบเสียงเบา “ท่านแม่พูดเกินเหตุ ลูกมิบังอาจเจ้าค่ะ ลูกเพียงแต่คิดด้วยความเป็นห่วงท่านแม่ กังวลใจว่าท่านแม่จะผิดใจกับท่านพ่อด้วยเหตุผลนี้ก็เท่านั้น”

ถ้อยคำนี้กระแทกไปถึงก้นบึ้งหัวใจของนางหวัง

หลายปีมานี้นายหญิงใหญ่ยิ่งไม่โปรดปรานลูกสะใภ้อย่างตนเองมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งไปกว่านั้นท่านพี่เองก็เป็นคนกตัญญูต่อบุพการี เพราะตนเองไม่สามารถทำให้แม่สามีพอใจได้ แม้ท่านพี่จะมิได้เอ่ยออกมา แต่กระนั้นก็มองออกว่าเขาเองก็มิได้พึงพอใจกับตนเองมากนัก

หากมีเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นอีก จนทำให้นายหญิงใหญ่ไม่พอใจแล้วละก็ เกรงว่าท่านพี่คงขอแยกไปนอนที่ห้องหนังสือแน่ นางหวังรักมหาราชครูหรงจากใจจริง มีหรือจะทำใจยอมรับเรื่องนี้ไหว?

เมื่อใคร่ครวญกระจ่างแจ้ง นางหวังฝืนข่มไฟโทสะไว้ในใจ จ้องมองหรงจือจือพลางใช้วาจาแดกดัน “ลำบากเจ้าต้องมาเป็นห่วงแล้ว!”

หรงจือจือมีหรือจะคิดด้วยความเป็นห่วงตนเอง ชัดเจนแล้วว่าอีกฝ่ายรู้จุดอ่อนของตนเองกระจ่างแก่ใจ รู้ว่าสิ่งที่ตนเองเครียดและกลัวคืออะไร

หรงจือจือรู้ดี ที่ท่านแม่เอ่ยวาจานี้ออกมา ก็หมายความว่าเจาซีปลอดภัยแล้ว

ทว่าหรงเจียวเจียวยังคงไม่เข้าใจสิ่งที่แฝงอยู่ในนั้น จึงดึงมือของนางหวังไว้พร้อมเอ่ยว่า “ท่านแม่ ท่านเชื่อจริงหรือว่าพี่หญิงคิดคำนึงถึงท่าน? เจาซีก็เป็นแค่บ่าวรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น นางเป็นห่วงสาวใช้ของตนเอง ไม่อยากให้ท่านตีนางจนสิ้นใจตาย ถึงได้ยกท่านพ่อมาอ้าง ท่านพ่อมีหรือจะคิดเล็กคิดน้อยกับท่านจริง!”

นางหวังมองนางปราดหนึ่ง ก่อนจะตัดบทด้วยเสียงหงุดหงิด “ช่างเถิด ไม่ต้องพูดถึงแล้ว!”

ทั้งที่เป็นบุตรของตนเองด้วยกันทั้งคู่ แต่บุตรีคนเล็กคนนี้ของนาง กลับมิได้เรียนรู้เอาความฉลาดของหรงจือจือมาด้วยเลยแม้เพียงสักนิด หากเจียวเจียวมีความฉลาดเฉลียวได้สักครึ่งหนึ่งของหรงจือจือ ตนจะลดความกังวลใจลงได้มากน้อยเท่าใดกัน?

หรงเจียวเจียวถูกนางหวังตะคอกใส่ ก็สะดุ้งตกใจ ไม่กล้าเสี้ยมให้มารดาฆ่าคนอีก

เพียงแต่แสดงท่าทางปกป้องนางหวัง พลางสอดสายตามองเจาซีที่อยู่ด้านหลังหรงจือจือ : “นางบ่าวชั้นต่ำ ท่านแม่ไว้ชีวิตเจ้าแล้ว เจ้ายังไม่รีบคำนับคุกเข่าขอบคุณอีกหรือ! โชคดีที่เจ้าได้เจอนายหญิงที่จิตใจกว้างขวางมีเหตุผลอย่างท่านแม่ของข้า ไม่เช่นนั้นต่อให้เจ้าจะมีสักกี่ชีวิตก็ไม่พอให้ฆ่าตายหรอก!”

หรงเจียวเจียวเกลียดหรงจือจือ ย่อมเกลียดสุนัขรับใช้ของหรงจือจือด้วย เจาซีในสายตาของหรงเจียวเจียว ก็คือสุนัขรับใช้ที่จงรักภักดีต่อหรงจือจือตัวหนึ่ง ประเภทที่ว่าแม้ไม่โยนกระดูกให้กิน ก็จะช่วยหรงจือจืออาละวาดกัดคนทำนองนั้น

นางหวังฟังจบ ก็รู้สึกว่าสมควรแล้วที่เจียวเจียวจะเป็นบุตรีที่ตนเองรักมากที่สุด คำพูดคำจารู้ใจเป็นที่สุด

เจาซีได้ยินถ้อยคำกลับขาวเป็นดำของเจียวเจียวแล้ว ก็โกรธขึ้นมาทันที

ใช่เพราะฮูหยินรู้เหตุรู้ผลมีจิตใจกว้างขวางจึงเว้นชีวิตตนเองที่ไหน เป็นเพราะคุณหนูของตนเองแย่งชิงโอกาสมีชีวิตรอดของนางไว้ได้ก่อนต่างหาก

ทว่าเพื่อเลี่ยงไม่ให้คุณหนูต้องลำบากใจอีก นางจึงคุกเข่าลง “ขอบพระคุณฮูหยินเจ้าค่ะ ที่ยกโทษให้ด้วยใจโอบอ้อมอารี!”

นางหวังปรายสายตามองนางอย่างดูแคลน และคร้านจะเอาใจไปคิดเรื่องของเจาซีแล้ว นางก็แค่บ่าวรับใช้ชั้นต่ำคนหนึ่งเท่านั้น

นางหันมามองหรงจือจือแทน : “เรื่องในจวนของเจ้า ข้าได้ยินมาหมดแล้ว! ช่างเป็นคนไร้ประโยชน์จริง ๆ ออกเรือนไปแล้วสามปี แม้แต่หัวใจของสามีตนเองยังเฝ้าเอาไว้ไม่ได้!”

“ก่อเรื่องน่าขายหน้าเช่นนี้ บัดนี้ยังมีใครในเมืองหลวงอีกที่ไม่นินทาว่าเจ้าไร้ประโยชน์? มีคุณธรรมอย่างนั้นหรือ มีแค่ชื่อเสียงคุณธรรมอย่างเดียวมันจะไปทำอะไรได้? ตราบใดที่คว้าใจบุรุษไว้ไม่ได้ ทั้งหมดนั่นมันก็เปล่าประโยชน์!”

“เขาไปแคว้นเจา เจ้าก็ไม่รู้จักเขียนจดหมายสักสองสามฉบับส่งไปหาเขา แสดงความคิดถึงห่วงใย ให้เขาพึงคิดถึงเป็นห่วงเจ้าเลยหรืออย่างไร? กลับปล่อยให้องค์หญิงแคว้นสิ้นเอกราชฉกฉวยโอกาสไป จนพวกข้าสกุลหรงต้องขายหน้าไปด้วย!”

หากเป็นเมื่อก่อน นางหวังจะต่อว่าตนอย่างไร จะก่นด่าตนอย่างไร หรงจือจือล้วนรับฟังและเก็บไปใส่ใจทั้งสิ้น

แต่บัดนี้ ทุกเรื่องราวที่สั่งสมรวมกันมา ทำให้หัวใจของนางเหนื่อยล้าเกินไปแล้ว นางไม่อยากอดทนอีกแล้ว

ด้วยเหตุนี้นางจึงเอ่ยอย่างราบเรียบ “ท่านแม่ ฉีจื่อฟู่จำเป็นต้องปลอมแปลงชื่อปกปิดที่อยู่เพื่อไปทำหน้าที่เป็นจารชน เขามิอาจรับจดหมายของลูกได้เจ้าค่ะ”

คนที่พอมีความรู้สักหน่อย ย่อมตระหนักได้ว่าคนที่ต้องออกไปเป็นจารชนนอกดินแดน เป็นเรื่องลับสุดยอดเพียงใด บางครั้งในดินแดนยังต้องสร้างภาพลวงว่าคนคนนั้นล้มหายตายจากไปแล้วก็มี หลอกลวงแม้กระทั่งคนในครอบครัวด้วยซ้ำไป

จะเอาอะไรไปส่งจดหมายหาเขา ติดต่อพูดคุยสารทุกข์สุกดิบ?

ท่านแม่ไม่มีทางไม่เข้าใจเหตุผลนี้ แต่ที่อีกฝ่ายพูดออกมาเช่นนี้ ก็แค่ไม่ชอบตนเองเท่านั้น กอปรกับคร้านจะครุ่นคิดถึงเหตุผลเหล่านี้ ฉะนั้นเมื่อคิดอะไรได้ก็ตำหนิเลยทันที

นางหวังสะอึกไป รู้สึกเสียหน้าอยู่ลึก ๆ เห็นชัดว่าตนเองเหมือนไร้หัวคิดอย่างไรอย่างนั้น

จึงดึงหน้าขรึมขึ้นทันที และเปลี่ยนประเด็นอีกครั้ง “เพราะฉะนั้นพอเจ้าเป็นภรรยาเอกของฉีจื่อฟู่ไม่ได้ ก็เลยกลับมาหาเรื่องน้องหญิงของเจ้า ขู่ขวัญรังแกน้องหญิงของเจ้าให้จบสิ้นไปพร้อมกันหรือ?”

“ข้าช่างมีกรรมจริง ๆ ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วข้าไปก่อกรรมทำเข็ญอะไรมา ถึงได้มีบุตรีชั่วช้าเหมือนอสรพิษอย่างเจ้า!”

“หากรู้แบบนี้ตั้งแต่แรก ตอนเจ้าเกิด ข้าน่าจะบีบคอเจ้าให้ตายไปเสียสิ้นเรื่อง! จะได้ไม่ต้องมีปัญหาวุ่นวายเกิดขึ้นเหมือนอย่างวันนี้!”

หรงจือจือเตือนสติด้วยคำพูดนุ่มนวล “ท่านแม่ ตอนข้าเกิด ท่านก็เคยบีบคอข้าไปครั้งหนึ่งแล้ว”

ควรเป็นนางมากกว่าที่ต้องถามว่า ชาติที่แล้วตนเองไปทำเรื่องเลวร้ายอะไรมา ถึงได้มีมารดาเลือกที่รักมักที่ชังและยังไร้เหตุผลเช่นนี้

นางหวังได้ยินก็ขึงตาใส่ทันที มองนางอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ไม่เคยคิดเลยว่าความลับนี้ หรงจือจือจะล่วงรู้ด้วย

นางตะคอกด้วยความโกรธทันที “ก็เป็นความผิดเจ้า! แค่ตอนเกิดมาก็คลอดยากแล้ว หันเท้าออกมาก่อนได้อย่างไร ทำให้ข้าเจ็บจนเกือบตายแล้วแท้ ๆ! ดูอย่างน้องหญิงของเจ้าสิ ข้าแทบไม่ต้องออกแรงเบ่งอะไร ก็คลอดออกมาได้สบาย นี่สิถึงจะเรียกว่าเด็กรู้จักบุญคุณ!”

“แต่เจ้า! วันที่เจ้าคลอดออกมา ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้ามาเพื่อทวงแค้น! มิเช่นนั้น เจ้าจะอกตัญญูไม่รู้บุญคุณ ทรมานมารดาเจ้าจนเกือบตายได้อย่างไร?”

“บัดนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เกือบพรากเอาชีวิตข้าไปแล้วยังไม่พอ ยังต้องถูกคนสกุลฉีลดขั้นให้เป็นเพียงอนุ ลากข้าไปอับอายขายหน้ากับเจ้าด้วย!”

“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าวันนี้เจ้าจะกลับมาให้มันได้อะไร เหตุใดเจ้าถึงไม่ผูกคอตายที่เรือนสกุลฉีไปเสียก็สิ้นเรื่อง หากเป็นเช่นนี้พวกข้ายังพอแห่ไปทวงความยุติธรรมจากสกุลฉี เรียกร้องชื่อเสียงเกียรติยศกลับคืนสู่คนในสกุล จะได้ไม่พาลกระทบไปถึงเรื่องสมรสของน้องหญิงเจ้าหลังจากนี้ด้วย!”
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 428

    เมื่อได้ยินน้ำเสียงนี้ สีหน้าของนางกงซุนก็เปลี่ยนไปทันที ไม่นานนักก็เห็นหญิงชราคนหนึ่ง ในมือถือไม้เท้าเดินออกมาเสิ่นเยี่ยนซูออกไปพยุงด้วยตนเอง “ท่านย่า!”นายหญิงผู้เฒ่าเสิ่นแซ่อวี๋ มองหลานชายแวบหนึ่ง “เจ้ามีน้ำใจแล้ว ไม่เหมือนใครบางคน เห็นข้าแล้วก็ยังไม่รู้จักคารวะ”นางกงซุนหนังหน้ากระตุก จากนั้นก็รีบคารวะ “ลูกสะใภ้คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ” นางก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่ภายในใจเช่นกัน เหตุใดเสิ่นเยี่ยนซูถึงเชิญหญิงชราคนนี้เข้ามา?นางอวี๋นั่งลง พลางมองนางอย่างสื่อความนัย “ยากนักที่เจ้าจำได้ว่าข้ายังเป็นแม่สามีของเจ้า แต่เจ้าตามเยี่ยนซูเข้าเมืองหลวงมานานหลายปีแล้ว ก็ยังไม่เคยไปทักทายข้าที่จวนสกุลอวี๋เลย มีลูกสะใภ้ที่กตัญญูเช่นเจ้า ช่างเป็นวาสนาของข้าเสียจริง!”“กตัญญู” สองคำนี้ นางอวี๋จงใจเน้นน้ำเสียง และแฝงไปด้วยความเย้ยหยันอย่างมากนางกงซุนหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน แล้วรีบก้มหน้ากล่าว “ท่านแม่พูดรุนแรงไปแล้วเจ้าค่ะ ความจริงลูกสะใภ้รู้ว่าท่านกำลังรักษาอาการป่วยอยู่ จึงกลัวว่าหากตนเองไปที่นั่น จะรบกวนความสงบของท่าน”นางกงซุนพูดจบก็เหลือบมองเสิ่นเยี่ยนซู ซึ่งภายในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 427

    เขาถอนหายใจอีกครั้ง “เฮ้อ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้ พวกเรามาคิดกันดีกว่า ว่าอีกไม่กี่เดือนหลังออกจากคุกหลวงแล้ว พวกเราจะไปอยู่ที่ไหน!”ตอนนี้อยู่ในห้องขัง ไม่ต้องกังวลเรื่องกินอยู่ก็จริง แต่เพื่อจัดการปัญหาเรื่องกินอยู่ ต่อไปพวกเขาจะต้องฝ่าฝืนกฎหมายซ้ำ ๆ แล้วพอออกจากคุกไปไม่กี่วัน ก็จะถูกจับกลับเข้ามาใหม่อีกอย่างนั้นหรือ?ฉีจื่อเสียนกล่าวอย่างทรมานว่า “พวกเรายังจะไปอยู่ที่ใดได้อีกขอรับ? ไปแย่งวัดร้างและใต้สะพานกับพวกขอทานเหล่านั้นงั้นหรือ?”ครานี้ ถานผิงถิงกลับเอ่ยปากขึ้นว่า “หรือว่า...ข้าจะกลับไปที่บ้านมารดาเพื่อขอร้องท่านแม่ แล้วให้นางรับพวกเราไว้สักระยะหนึ่งดีเจ้าคะ?”ทันทีที่นางพูดคำนี้ออกมา ทุกคนต่างก็นิ่งเงียบไปเพียงเพราะว่าจวนสกุลถานคือสถานที่ที่นางถานกับอันธพาลนั่นถูกจับได้ว่าเป็นชู้รักกัน จนทำให้คนสกุลฉีต้องอับอายขายขี้หน้าอย่างถึงที่สุด!ตามหลักการ นางหลิวยังตั้งท้องกับอันธพาลนั่นด้วย ซึ่งหากเจอกับครอบครัวที่เคร่งครัด และเพื่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลแล้ว จะต้องจับนางใส่กรงหมูแล้วนำไปถ่วงน้ำเป็นแน่แต่นางดันโชคดี สกุลหลิวกับสกุลถานเป็นครอบครัวขนาดเล็ก ถึงกับไม่มีคนเห

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 426

    อวี้หมัวมัวยังอยากจะพูดอะไรหรงจือจือกลับกล่าวเสียงราบเรียบว่า “หมัวมัว ข้ารู้ว่าเจ้าทำเพื่อข้า แล้วเจ้าก็หวังว่าข้าจะมีชีวิตแต่งงานที่ดีในอนาคต และมีคนคอยใส่ใจอยู่ข้างกาย เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้นในวันข้างหน้า”“แต่เจ้าคิดดูให้ดี ๆ หากแต่งเข้าไปในครอบครัวที่แม่สามีไม่ชอบข้า ข้าจะมีชีวิตที่ดีได้แค่ไหนกันเชียว?”อวี้หมัวมัวกลับไม่เห็นด้วย “คุณหนู หากสามีเป็นคนมีเหตุผล และปกป้องคุณหนูทุกอย่าง เช่นนั้นแม้จะเป็นแม่สามีที่ไร้เหตุผล แต่ก็ยังใช้ชีวิตที่ดีได้”“อย่างฮูหยินแซ่เจียงของเสนาบดีกรมพิธีการคนนั้น มิใช่ตัวอย่างที่ดีที่สุดแล้วหรือเจ้าคะ?”หรงจือจือคิดสักพัก มันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เสนาบดีกรมพิธีการมู่หรงเย่า เขามองนางเจียงด้วยความชื่นชม ไม่สนเรื่องที่ก่อนแต่งงานนางเจียงจะเคยชอบมหาราชครูหรง หลังจากแต่งงานก็ยังดูแลนางเป็นอย่างดีแต่เพราะเรื่องที่ก่อนแต่งงานนางเจียงเคยแย่งมหาราชครูหรงกับนางหวัง เลยทำให้แม่สามีของนางไม่พอใจเป็นอย่างมาก แม้นางเจียงจะเป็นองค์หญิงใหญ่ หลังแต่งงานก็ยังคงถูกทำให้ลำบากใจอยู่ดีแต่มู่หรงเย่าคอยปกป้องทุกอย่าง จึงทำให้แม่สามีของนางไม่สามา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 425

    เฉินเยี่ยนซูพยายามวางท่าสงบนิ่ง ทว่าในใจกลับสับสนว้าวุ่นไร้ที่พึ่ง กว่าจะเกลี้ยกล่อมให้นางยอมตกลงเรื่องแต่งงานได้สำเร็จ มาบัดนี้กลับเกิดเรื่องพลิกผันขึ้นเสียได้ด้วยนิสัยของนางแล้ว เกรงว่าคงยากที่จะให้อภัยเขาได้เรื่องนี้ทำให้ส่วนลึกในใจของเขาเกิดความรู้สึกโกรธแค้นต่อจวนกั๋วจิ้วเป็นครั้งแรก ความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นความเกลียดชัง ส่งผลให้แววตาของเขาเย็นเยียบประดุจน้ำแข็ง......เจาซีกลับมายังเรือนอี่เหมยเมื่อเห็นนางนำกล่องใบเล็กนั้นกลับมาด้วย หรงจือจือก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเจาซีถ่ายทอดคำพูดทั้งหมดของเฉินเยี่ยนซูให้ฟัง หรงจือจือได้แต่นิ่งเงียบ ไม่เอ่ยคำใดอวี้หมัวมัวกล่าวว่า “ท่านเสนาบดีก็ยังนับว่ารู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่ได้มายืนขวางหน้าประตูบ้านไม่ยอมไป จนเป็นที่ครหาของผู้คน ทั้งยังไม่ดึงดันที่จะเข้ามาพบท่านให้ได้ มิเช่นนั้นคงยิ่งทำให้ท่านขุ่นเคืองใจมากขึ้น”“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวกลับเห็นว่า เรื่องการแต่งงานครั้งนี้ คุณหนูลองนำกลับไปไตร่ตรองดูอีกครั้งจะดีหรือไม่ แล้วค่อยรอดูว่าหลังจากนี้ท่านเสนาบดีจะมีคำชี้แจงใดให้ท่าน”หรงจือจือพยายามข่มอารมณ์ที่ปั่นป่วนใ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 424

    เพียงไม่นานหลังจากที่หรงซื่อเจ๋อได้แสดงอำนาจในฐานะบุตรชายสายตรงของตน ก็ถูกเรียกตัวไปพบมหาราชครูหรง และถูกตำหนิอย่างรุนแรง......เจาซีเดินออกจากเรือนพร้อมกุญแจในมือแล้วก็เห็นเสนาบดีเฉินยืนอยู่หน้าประตูในชุดขุนนาง ดูท่าว่าคงเพิ่งเสร็จจากว่าราชการแล้วรีบมาที่นี่อีกฝ่ายรูปงามโดดเด่น เย็นชาแต่สูงส่ง เฉิดฉายเหนือผู้ใด แถมยังปฏิบัติต่อคุณหนูของตนอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นว่าที่เขยที่เหมาะสมอย่างหาที่เปรียบมิได้ เพียงแต่...คาดไม่ถึงว่าเรื่องของเขาคล้ายกับสถานการณ์ของจวนอ๋องเฉียนนั่นทำให้ในใจของเจาซีอดรู้สึกเสียดายมิได้เมื่อเห็นกล่องผ้าไหมในมือนาง แววตาเฉินเยี่ยนซู ก็พลันหม่นลงทันที “นางให้เจ้าคืนของสิ่งนี้แก่ข้าหรือ?”เจาซีพยักหน้า และถ่ายทอดถ้อยคำที่หรงจือจือฝากมาให้นางเหล่านั้นพอพูดจบก็อดกลั้นไม่ไหว กล่าวขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ท่านเสนาบดี คุณหนูของข้านับแต่หย่าขาดจากสามี ก็ถูกคนซุบซิบนินทาเสียๆ หายๆ คำนินทาแสนโหดร้ายแบบไหน นางก็เคยได้ยินมาหมดแล้ว”“บ่าวดูออกว่าเดิมทีคุณหนูไม่ได้คิดจะแต่งงานอีก หากไม่ใช่เพราะท่านแสดงความจริงใจ นางก็คงไม่รับของสิ่งนี้ไว้ด้วยซ้ำ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 423

    หรงเจียวเจียวเหมือนยังอยากจะเอ่ยอะไรอีก “ท่านพี่...”แต่หรงซื่อเจ๋อกลับตัดบท “หรือจริงๆ แล้วเจ้ามิได้ทำเพื่อข้า แต่เป็นเพราะเจ้ารู้ว่าตั้งแต่เด็กมา นางก็เก่งกว่าเจ้า เป็นเพราะเจ้าริษยาเรื่องท่านเสนาบดีเฉิน จึงหาเรื่องนางอยู่ร่ำไป แล้วก็อ้างเอาว่าทำเพื่อข้า?”ขณะกล่าว ดวงตาของหรงซื่อเจ๋อก็เพ่งมองนางอย่างพินิจพิจารณาความจริง ความคิดนี้เขาก็เคยแอบสงสัยอยู่หลายครั้ง เพียงแค่ไม่อยากนำมันมาคิดให้มากนักกับน้องสาวผู้เคยช่วยชีวิตเขาไว้ในอดีตจนกระทั่งนางทำเรื่องต่ำช้า ใช้แผนทรมานตัวเองกลั่นแกล้งหรงจือจือ แล้วยังกล้าโยนความผิดให้เขาต่อหน้าบิดา ความเชื่อใจที่เขามีต่อนางก็เริ่มร้าวรานหรงเจียวเจียวถูกทิ่มใจเข้าเต็มๆ แต่ก็รีบกลบเกลื่อน “ท่านพี่ ท่านพูดอะไรอย่างนั้นเล่า!”“ข้าแค่กลัว กลัวว่าท่านพี่จะทำร้ายคนอื่นเพียงเพื่อตัวเองอีก นางทำอย่างนั้นถึงสามครั้งแล้ว ข้าไม่กล้าผูกสัมพันธ์กับคนเช่นนี้ หากวันหน้าเกิดเรื่องขึ้นอีกเล่า?”หรงซื่อเจ๋อเม้มริมฝีปากแน่น ครู่หนึ่งก็พูดไม่ออกใช่ ถึงสามครั้ง! หนแรกเกือบคร่าชีวิตเขา หนที่สองพรากชีวิตพี่หญิงหนานจือ หนที่สามก็คือเรื่องหย่าร้างที่ทำให้น้องสาวร่ว

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status