共有

บทที่ 6

last update 最終更新日: 2025-11-11 19:18:28

ฝนและพรเริ่มเข้ามาทำงานเป็นพี่เลี้ยงและแม่บ้านให้คะนึงนิจภายในสองวันหลังจากที่เธอตัดสินใจเลือก ทั้งหมดดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เพราะภูวินทร์เป็นคนจัดการเรื่องเอกสารและการจ้างงานด้วยความรอบคอบและคล่องแคล่วตามแบบฉบับของเขา

ส่วนหนุ่ยและป้าสร้อยนั้น ทั้งสองขอเวลาเก็บข้าวของหนึ่งสัปดาห์ คะนึงนิจจึงมอบหมายให้ฝนกับพรช่วยกันทำความสะอาดห้องพักที่เตรียมไว้สำหรับทั้งสองคน ส่วนภูวินทร์ก็จัดการเรื่องรถไปรับตามวันที่นัดหมายไว้เรียบร้อย

              วันที่ป้าสร้อยกับหนุ่ยมาถึงบ้าน บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น คะนึงนิจรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนหัวใจที่เคยขาดหายไปกลับมาเต็มอีกครั้ง

ภาคินทร์ยิ้มกว้างเมื่อเห็นทั้งสองคน เด็กน้อยพยายามเดินเขย่งเท้าเข้าหาอย่างทะเล้นเหมือนตั้งใจจะอวดว่า “ตอนนี้ผมเดินได้แล้วนะ!”

เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบห้องอย่างเอ็นดู เด็กน้อยหัวเราะคิกคัก ส่วนป้าสร้อยก็ย่อตัวลงอ้าแขนรับหลานไว้แน่นด้วยความรัก

คะนึงนิจยืนนิ่งมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่พองโต ความสุขเอ่อท่วมในอก จากความสูญเสียในชาติก่อน วันนี้เธอได้ป้าสร้อย และหนุ่ย น้องชายที่รัก กลับมาอยู่เคียงข้างอีกครั้ง

“ยินดีต้อนรับครับป้าสร้อย หนุ่ย” ภูวินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและจริงใจ “ผมกับนิจดีใจมากที่ทั้งป้าและหนุ่ยย้ายมาอยู่ด้วยกัน อยากให้ถือว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของป้ากับหนุ่ย ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นของใช้หรือสิ่งของอะไร ก็บอกผมหรือนิจได้เลยนะครับ”

เขาหันไปมองภรรยาพร้อมยิ้มบางเบาก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเกรงใจ

“เย็นนี้พี่มีนัดทานข้าวกับลูกค้าชาวรัสเซีย คงต้องขอตัวออกไปก่อน ส่วนงานเลี้ยงต้อนรับป้ากับหนุ่ย เราจัดกันเย็นพรุ่งนี้ดีไหมครับ นิจช่วยพี่จัดการหน่อย ถ้ามีอะไรที่ต้องการเพิ่มเติมหรือต้องจัดการด่วน โทรหาวิทยาได้เลย พี่สั่งเขาไว้แล้วว่าให้คอยดูแลทุกเรื่องให้เรียบร้อย”

ภูวินทร์พูดจบก็หันไปยิ้มให้ป้าสร้อยอีกครั้ง

“ฝากดูแลนิจกับเจ้าตัวเล็กด้วยนะครับป้า ผมสบายใจขึ้นมากเลยครับที่มีป้ามาอยู่ด้วย”

คะนึงนิจเชื้อเชิญ “แก้ว” รุ่นน้องร่วมคณะ ซึ่งยังเป็นน้องรหัสของเธอด้วยให้มาที่บ้านในวันที่เธอจัดงานเลี้ยงต้อนรับป้าสร้อยกับหนุ่ยพอดี เพราะจังหวะเหมาะกับที่แก้วเพิ่งโทรหาเธอเพื่อพูดคุยถามข่าวคราวกัน แก้วเป็นคนที่ทั้งป้าสร้อยและหนุ่ยรู้จักมานานหลายปีแล้ว

ในอดีตชาติ...คะนึงนิจจำได้ดีถึงน้ำใจของแก้วที่มักจะช่วยหางานอีเว้นท์มาให้เธอเสมอในช่วงเวลาที่ชีวิตกำลังตกต่ำ ความช่วยเหลือนั้นอาจดูเล็กน้อยในสายตาคนอื่น แต่สำหรับเธอแล้ว...มันคือแสงไฟสำคัญที่ช่วยพาเธอกลับมายืนได้อีกครั้งหลังหย่าร้าง

ปัจจุบัน แก้วยังคงทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทเครื่องสำอางชั้นนำแห่งหนึ่ง เธอแต่งงานกับเก่ง เพื่อนชายที่คบหากันตั้งแต่ช่วงมหาวิทยาลัย แต่ยังไม่มีลูก แม้จะพยายามทำกิฟต์มาหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ

คะนึงนิจคอยให้กำลังใจแก้วอยู่เสมอ เพราะเธอรู้ดีว่าเบื้องหลังรอยยิ้มสดใสของหญิงสาวคนนั้น มีความอ่อนโยนและความเข้มแข็งซ่อนอยู่มากเพียงใด เธอชื่นชอบในนิสัยตรงไปตรงมาของแก้ว...ผู้หญิงที่ไม่มีพิษมีภัยกับใคร มีแต่น้ำใจและความเอื้ออารีที่อบอุ่นอย่างแท้จริง

“สวัสดีค่ะ ป้าสร้อย โชคดีจังที่แก้วได้มางานเลี้ยงต้อนรับด้วย ลาภปากเลยค่ะ!” เสียงใสร่าเริงของแก้วทำให้บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเสียงหัวเราะ

“สวัสดีค่ะ พี่ภู ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะคะ” เธอหันไปทักภูวินทร์ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นิด ๆ ตามนิสัยคนพูดเก่ง

ภูวินทร์หัวเราะเบา ๆ “สวัสดีครับ แก้ว พูดแบบนี้พี่เขินเลย”

ทุกคนหัวเราะกันครึกครื้น คะนึงนิจเองก็ยิ้มตามอย่างอารมณ์ดี

“น้องคิน สวัสดีน้าแก้วสิลูก”

หนุ่มน้อยยืนมองแก้วด้วยแววตาใสแจ๋ว ก่อนจะยิ้มเขิน ๆ แล้วซุกเข้าหาแม่

แก้วหัวเราะเสียงใส “สุดหล่อของน้าแก้ว! ขอน้าอุ้มหน่อยนะครับคนเก่ง”

เธออ้าแขนออกอย่างอ้อน ๆ เจ้าตัวเล็กทำท่าอิดออด ม้วนไปม้วนมาแอบเหล่ตามองอยู่หลายรอบเหมือนจะชั่งใจ จนสุดท้ายก็ยอมโผให้แก้วอุ้มแต่โดยดี

“อุ้ย ตัวแน่นน่าฟัดจังเลย!” แก้วหัวเราะด้วยความเอ็นดู เธอแต่งงานมาได้สามปีแล้วและหวังอยากมีลูกน้อยคล้องใจกับสามีมานานแล้ว แต่ก็พบกับความผิดหวังมาตลอด

“สวัสดีครับ พี่แก้ว” เสียงหนุ่ยดังขึ้นอย่างสุภาพและอบอุ่นทันทีที่เขาเดินมาถึงหน้าบ้าน

แก้วหันไปมอง ก่อนอุทานด้วยความตกใจปนเอ็นดู

“ต๊าย! นี่หนุ่ยเหรอเนี่ย ทำไมตัวสูงขนาดนี้ โอ๊ย...แบบนี้แก้วก็กลายเป็นคนเตี้ยที่สุดในกลุ่มพวกเราไปเลยสิคะเนี่ย!”

ทุกคนรอบตัวหัวเราะออกมาพร้อมกัน เสียงหัวเราะของผู้ใหญ่และเด็กน้อยอย่างภาคินทร์ที่เห็นผู้ใหญ่หัวเราะก็หัวเราะตามไปด้วย ผสมปนกันจนกลายเป็นบรรยากาศแสนอบอุ่นที่อบอวลไปทั่วบ้าน

หลังจากรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จ สมาชิกทุกคนพากันมานั่งพักผ่อนที่ห้องนั่งเล่น เสียงหัวเราะคุยคละเคล้ากับเสียงของเล่นที่กระทบพื้นเบา ๆ

ฝน พี่เลี้ยงเด็กคนใหม่ กำลังช่วยดูแลภาคินทร์ที่นั่งเล่นตัวต่ออยู่บนพรมอย่างเพลิดเพลิน ส่วนผู้ใหญ่ทั้งห้า คะนึงนิจ ภูวินทร์ ป้าสร้อย แก้วและหนุ่ย ต่างนั่งล้อมวงพูดคุยกันต่ออย่างผ่อนคลาย ระลึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ ที่ทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่น

ระหว่างนั้น แก้วเอ่ยขึ้นอย่างนึกขึ้นได้

“อ้อ พี่นิจคะ เมื่อวานนี้แก้วเพิ่งเจอจันทร์มาค่ะ เห็นน้องกำลังวิ่งวุ่นหางานอยู่”

เธอพูดพลางเปิดกระเป๋าหยิบซองเอกสารส่งให้ “จันทร์ฝากเรซูเม่มาให้แก้วหลายชุดเลยค่ะ แก้วเลยเอามาเผื่อพี่นิจหนึ่งชุด เผื่อพี่จะช่วยหางานให้น้องได้อีกทางหนึ่ง”

คะนึงนิจชะงักไปเล็กน้อย เพียงแค่ได้ยินชื่อ “จันทร์” หัวใจของเธอก็สะดุดขึ้นมาทันที เธอพยายามนิ่งเฉยปล่อยวางหลังจากรับสายจันทร์รวีเมื่อวันก่อน ด้วยไม่อยากชักนำผู้หญิงคนนี้เข้ามาใกล้เธอกับครอบครัวอีก

แก้วยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงเห็นใจ

“จันทร์น่าสงสารมากเลยค่ะ เห็นว่ายัยเถ้าแก่เนี้ยที่บริษัทเก่าเที่ยวใส่ร้ายเธอไปทั่ว หลายบริษัทที่รู้จักกันเลยไม่กล้ารับจันทร์เข้าทำงาน ตอนนี้ก็เลยลำบากหน่อย แก้วก็กำลังถามเพื่อน ๆ คนรู้จักให้เหมือนกัน เผื่อจะมีตำแหน่งไหนที่พอให้จันทร์ลองสมัครได้บ้าง” เสียงของแก้วยังคงอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความเมตตา

คะนึงนิจจำใจรับซองจากมือของแก้วมา เพราะแก้วไม่อาจล่วงรู้ได้ถึงเรื่องราวในอดีตชาติ...เรื่องราวที่จันทร์รวีเคยทำกับเธอไว้

เธอเปิดซองเอกสารออกดูช้า ๆ รูปถ่ายหญิงสาวในชุดสูทเรียบอยู่ตรงหน้า แววตาในภาพนั้นทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาทันที หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นน้อย ๆ ก่อนจะสูดลมหายใจลึก เหมือนกำลังรวบรวมสติ แล้วส่งเอกสารนั้นต่อให้          ภูวินทร์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

“พี่ภูคะ...ที่บริษัทพอจะมีตำแหน่งงานให้จันทร์ลองสมัครไหมคะ” เสียงของเธอนุ่มเรียบแต่แฝงความพยายามควบคุมอารมณ์

“จันทร์เป็นหลานรหัสของนิจ แล้วก็เป็นน้องรหัสของแก้วอีกต่อหนึ่งค่ะ เคยทำงานเป็นเลขานุการผู้บริหารมาก่อน ตอนนี้ตกงาน เห็นว่า...พยายามหางานมาพักหนึ่งแล้ว”

ภูวินทร์รับเอกสารจากมือเธออย่างสุภาพ และวางไว้บนโต๊ะข้างตัวโดยไม่ใส่ใจมากนัก

“ไว้พี่จะลองถามวุฒิดูนะครับ ตอนนี้ในส่วนงานที่พี่รับผิดชอบอยู่ ตำแหน่งเต็มหมดแล้ว”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ พลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “แต่เมื่อวานได้ยินว่า วุฒิกำลังหาเลขาฯ ส่วนตัวอยู่พอดี คนเดิมกำลังจะลาออก ไว้พี่จะส่งเอกสารต่อให้วุฒินะครับ ถ้าเขาสนใจก็คงติดต่อกลับหารุ่นน้องคนนี้ของนิจเอง”

คะนึงนิจพยักหน้าช้า ๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ มือเธอยังสัมผัสความสั่นเบา ๆ ของกระดาษที่เพิ่งส่งต่อให้เขา ความรู้สึกในใจเจือปนไปด้วยความหงุดหงิด เธออยากขว้างเอกสารชุดนั้นทิ้งออกไปไกล ๆ นอกบ้านแต่ก็ข่มอารมณ์ไว้

ภูวินทร์ลุกขึ้นพร้อมส่งยิ้มอ่อนโยน “เดี๋ยวพี่ไปสั่งให้ป้าพรชงชาอู่หลงที่พี่เพิ่งได้มาจากลูกค้าให้ชิมกันนะครับ เห็นว่าเป็นเกรดพรีเมี่ยม หาซื้อยากมาก แล้วก็มีผลไม้ที่พี่ให้ปอกไว้ พวกเรามาทานกันไปคุยกันไปต่อดีกว่า”

เขาพูดพลางเดินไปทางห้องครัว ทิ้งให้คะนึงนิจนั่งมองซองเอกสารที่เพิ่งถูกวางไว้ตรงโต๊ะ หัวใจของเธอสั่นระริกเบา ๆ ...

จันทร์รวี (ข้อความไลน์):

“พี่นิจคะ จันทร์ได้งานที่บริษัทของสามีพี่แล้วค่ะ จันทร์โทรหาพี่หลายรอบแล้ว จะขอบคุณเรื่องงานแต่เหมือนพี่นิจจะไม่ว่างรับสาย จันทร์เลยส่งไลน์มาขอบคุณแทนค่ะ ❤️”

คะนึงนิจมองหน้าจอโทรศัพท์ที่สว่างขึ้นด้วยข้อความนั้น ดวงตาเธอไล่อ่านตัวอักษรอย่างนิ่งเฉย ก่อนริมฝีปากจะคลี่ยิ้มบาง ๆ...รอยยิ้มที่ไร้แววอารมณ์ใด ๆ นอกจากความเหนื่อยหน่ายและความระแวดระวัง เธอวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะช้า ๆ

“พยายามเข้ามาจนได้สินะ”

น้ำเสียงในใจของเธอเยือกเย็นแต่แน่วแน่

“แต่ครั้งนี้ ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มันจะไม่ง่ายเหมือนครั้งก่อนแน่...จันทร์รวี”

เธอเงยหน้าขึ้น มองภาพลูกชายตัวน้อยที่กำลังนั่งเล่นของเล่นข้างตัวอย่างมีความสุข รอยยิ้มที่อ่อนโยนแตะแต้มบนริมฝีปาก

“น้องคิน...จะต้องได้รับความสุขและความมั่นคงจากพ่อของเขาอย่างครบถ้วน”

หลังจากรายงานตัวกับฝ่ายบุคคลเรียบร้อยแล้ว จันทร์รวีก็ขออนุญาตเข้าพบภูวินทร์ เพื่อแนะนำตัวและกล่าวขอบคุณด้วยตนเองก่อนจะเข้าร่วมการปฐมนิเทศพนักงานใหม่

“สวัสดีค่ะ ดิฉัน จันทร์รวี รุ่นน้องของคุณคะนึงนิจ ภรรยาของคุณภูวินทร์ค่ะ วันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มงาน ก็เลยอยากมาสวัสดีและขอบคุณคุณภูวินทร์ด้วยตัวเองค่ะ”

เธอกล่าวกับเลขาฯ หน้าห้องของภูวินทร์ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน พยายามยิ้มอย่างสุภาพ แต่แววตากลับแฝงด้วยประกายความมั่นใจลึก ๆ

จังหวะนั้นเอง ประตูห้องทำงานใหญ่เปิดออก ภูวินทร์ก้าวออกมาพร้อมแฟ้มเอกสารในมือ ข้างกายมีวิทยา เลขานุการส่วนตัว เดินตามมาติด ๆ

เลขานุการหน้าห้องรีบเอ่ยรายงานทันที “คุณจันทร์รวีขออนุญาตเข้าพบค่ะ พอดีท่านติดประชุมกับฝ่าย R&D ดิฉันได้แจ้งไปแล้วว่าให้รอการนัดหมายภายหลัง แต่คุณจันทร์รวียืนยันว่าจะรอพบให้ได้ เพื่อจะขอบคุณท่านด้วยตัวเอง”

น้ำเสียงของเลขาฯ สาวฟังดูสุภาพแต่แฝงความหวั่นใจ เพราะเธอจำได้ดีว่าเจ้านายเพิ่งกำชับไว้เมื่อเช้าว่า ไม่รับการเข้าพบจากบุคคลภายนอกโดยไม่ได้นัดหมาย

ภูวินทร์หยุดยืนอยู่ตรงหน้า เขาเหลือบมองหญิงสาวตรงหน้าเพียงเสี้ยววินาที แววตานิ่งสงบ เยือกเย็นจนยากจะคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

“อืม...ไม่เป็นไร” เขาพยักหน้าตอบรับสั้น ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบโดยไม่แม้แต่จะสบตาจันทร์รวี

“ผมรับทราบแล้ว”

จากนั้น ก็หันหลังกลับอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมามองจันทร์รวีแม้แต่น้อย

เสียงส้นรองเท้าหนังของภูวินทร์กระทบพื้นห้องเป็นจังหวะสม่ำเสมอ จนประตูห้องทำงานค่อย ๆ ปิดลง

เหลือเพียงจันทร์รวีที่ยืนค้างอยู่ตรงนั้น ใบหน้ายังประดับด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นค่อย ๆ แผ่วลงทีละน้อยจนแทบไม่เหลือเค้าความมั่นใจเดิม มือเรียวกำแน่นแนบลำตัว ดวงตาฉายแววขุ่นมัวและอัดอั้น

เธอสูดลมหายใจลึก พยายามกลืนความขุ่นเคืองที่ตีขึ้นมาในอก...ความรู้สึกอยากจะกรีดร้องให้สุดเสียงถูกบีบเก็บไว้ภายในอย่างเจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้ดังหวัง

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 16

    ภูวินทร์ลืมตาขึ้น เมื่อเสียงลมแรงพัดกระทบกระจกหน้าต่างดังแผ่ว ๆ ความคิดของเขาถูกดึงกลับจากอดีตอันขมขื่นสู่ปัจจุบัน เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาวราวกับอยากระบายบางสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในอกให้หลุดออกไปกับลมหายใจนั้นชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปที่ห้องนอนของลูกเพื่อดูความเรียบร้อย แสงไฟจากโถงทางเดินลอดผ่านประตูแง้มเข้าไป เผยให้เห็นภาคินทร์นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเล็ก ใบหน้าไร้เดียงสาของลูกชายทำให้หัวใจที่หนักอึ้งของเขาอ่อนยวบลง“ฝันดีนะ...ลูกพ่อ” เขาพึมพำเสียงแผ่ว พลางดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวลูกให้มิดชิด ก่อนจะปิดประตูห้องอย่างเบามือจากนั้น เดินกลับไปยังห้องนอนใหญ่ของตนกับคะนึงนิจ เสียงน้ำจากฝักบัวดังคลอเบา ๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงียบลง ภูวินทร์เช็ดตัว ลูบผมให้แห้ง แล้วเอนกายลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาคะนึงนิจนอนอยู่ด้านหนึ่งของเตียง แสงไฟสีอบอุ่นจากโคมหัวเตียงอีกฝั่งหนึ่งสะท้อนให้เห็นใบหน้าสงบนิ่งยามหลับสนิทของเธอบางส่วน เขามองภาพนั้นนิ่งก่อนจะดับไฟที่โคมหัวเตียงข้างตัว ขยับตัวเข้าใกล้ วาดแขนโอบรอบร่างของภรรยาอย่างแผ่วเบา เขาหลับตาลงช้า ๆคืนนี้ เขายังมีเธออยู่ตรงนี้ มีลูกน้อยที่รอการปกป้องอยู่

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 15

    ตอนสายของวัน ภูวินทร์เดินเข้าบ้านอย่างเงียบเชียบ เสียงหัวเราะสดใสของภาคินทร์ดังแว่วออกมาจากมุมห้องนั่งเล่นคะนึงนิจนั่งอยู่บนโซฟา กำลังอ่านนิทานให้ลูกชายฟัง เมื่อเห็นสามีก้าวเข้ามา เธอเงยหน้าขึ้น ยิ้มอ่อนโยนตามเคย“พี่ภูกลับมาแล้วเหรอคะ นิจเป็นห่วงทั้งคืนเลย” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลภูวินทร์หลบสายตา ก่อนฝืนยิ้มตอบจาง ๆ “จ้ะ... เมื่อคืนขอโทษด้วยนะ พอดีดื่มมากไปหน่อย กลัวจะกลับมากวนทั้งนิจกับลูก พี่เลยนอนค้างที่ออฟฟิศ เพราะอยู่ใกล้กับที่จัดเลี้ยง มือถือพี่ก็ดันแบตหมด พี่ไม่ทันดูตอนเผลอหลับไปก่อนจะโทรบอกนิจ”น้ำเสียงของเขาเรียบเรื่อยเหมือนพยายามพูดให้เป็นเรื่องปกติ ทว่ามีบางอย่างในแววตาและท่าทางนั้น...ไม่เหมือนเดิม คล้ายคนที่กำลังปิดบังบางสิ่งไว้ใต้รอยยิ้มอ่อนล้าและคำแก้ตัวที่พยายามอธิบายอย่างเบี่ยงประเด็นเขาพูดพลางย่อตัวลงจูบหน้าผากลูกน้อยเบา ๆ ภาคินทร์ยิ้มกว้าง ก่อนจะโผเข้ากอดคอพ่อแน่นด้วยความดีใจ“นิจก็เป็นห่วงอยู่พอดี โชคดีที่พี่ภูบอกไว้ก่อนแล้วว่าจะมีงานเลี้ยง พี่ภูขึ้นไปอาบน้ำก่อนไหมคะ เดี๋ยวนิจเตรียมข้าวเช้าให้”“อืม...พี่ทานมาแล้ว พอดีวิทยามาออฟฟิศแต่เช้า เลย

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 14

    ภูวินทร์นั่งอยู่บนโซฟาในห้องทำงาน ข้างกายมีขวดวิสกี้วางอยู่ เงาแสงจากโคมไฟสะท้อนบนแก้วที่เหลือวิสกี้อยู่ค่อนแก้ว ใบหน้าของเขาดูนิ่งสงบ แต่แววตาเหม่อลอยคล้ายคนหลงอยู่ในภวังค์เบื้องนอก หน้าต่างบานใหญ่เผยให้เห็นท้องฟ้ามืดสนิท ไร้แม้แต่แสงดาว มีเพียงแสงจันทร์ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาแต้มเงาบางบนพื้นห้องทั้งห้องเงียบสงัด มีเพียงเสียงนาฬิกาที่เดินเป็นจังหวะภูวินทร์เอนหลังลงบนโซฟา ปล่อยให้แอลกอฮอล์ไหลซึมเข้าสู่กระแสเลือดช้า ๆ ความอุ่นจากของเหลวในลำคอไม่ได้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อยเขานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ความคิดค่อย ๆ ลอยย้อนกลับไปทีละน้อย ความทรงจำที่ผ่านไปเนิ่นนานเหลือเกินในความรู้สึก ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของจิตใจในอดีตชาติ...“นิจ วันนี้พี่ได้รับรางวัล สตาร์ทอัพดาวรุ่งแห่งปี จากกระทรวงพาณิชย์ด้วยนะ นี่ไง...โล่รางวัลของพี่”ภูวินทร์ในชุดสูทดำเรียบหรูพอดีตัวเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เขาชูโล่รางวัลขึ้นให้ภรรยาสาวดู ดวงตาเปล่งประกายด้วยความดีใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาล้มลุกคลุกคลานไม่น้อยกว่าจะพาบริษัทก้าวมาถึงจุดนี้ได้ วันที่ทุกอย่างเริ่มมั่นคง แล

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 13

    ภาคินทร์หันซ้ายหันขวาอยู่ในอ้อมแขนของภูวินทร์ เด็กน้อยดูตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบตัว สีสันสดใสจากร้านรวงและของตกแต่งดึงดูดสายตาเขาให้หันมองไม่หยุดภูวินทร์อาสาอุ้มลูกเอง เพราะไม่อยากให้ลูกน้อยนั่งรถเข็นอยู่ลำพังโดยมองไม่เห็นพ่อแม่ ถึงลูกจะเริ่มตัวโตและหนักขึ้น แต่ในอ้อมแขนของเขากลับรู้สึกเบาสบาย เขามีความสุขที่ได้อุ้มลูกไว้แนบอก คอยชี้ชวนให้ดูนั่นดูนี่ระหว่างเดินบางครั้ง ภาคินทร์ก็พูดเลียนเสียงพ่อออกมาสั้น ๆ หนึ่งหรือสองพยางค์ เสียงใส ๆ นั้นทำให้ภูวินทร์หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู หัวใจของเขาอิ่มเอมจนพองโตที่ได้ใกล้ชิดลูกในวันนี้“เฮ้ย ภู มาได้ยังไงเนี่ย ฉันก็นึกว่านายเข้าออฟฟิศซะอีก เลยฝากเอกสารไว้กับเลขาฯ นายไปแล้ว”เสียงของวุฒิดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง หญิงสาวที่เดินเคียงข้างมากับเขารีบปล่อยมือที่เกาะแขนชายหนุ่มไว้แทบจะทันที“อ้าว วุฒิ บังเอิญจริง” ภูวินทร์เอ่ยเรียบ ๆ พลางยกคิ้วเล็กน้อย “วันนี้พอดีมีธุระตอนเช้า ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จกี่โมง ก็เลยบอกวิทยาไว้ก่อนว่าไม่เข้า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะรีบดูเอกสารให้นะ”“สวัสดีครับ นิจ ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย” วุฒิหันมาทักคะนึงนิจด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง“สวัสดี

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 12

    “แล้วก็...ป้าลืมบอกนิจไป พรุ่งนี้ป้าจะไปโรงพยาบาลกับภูนะ”ป้าสร้อยพูดขึ้นพลางตักข้าวเข้าปาก “ภูคุยกับป้าเมื่อวานซืน ว่าอยากให้ป้าไปตรวจสุขภาพบ้าง ป้าว่าก็ดีเหมือนกันเลยตกลงไป ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร ท้องอืดบ่อย แล้วก็มีอาการท้องเสียถี่ ๆ ด้วย ป้าเลยว่าจะให้หมอตรวจดูให้แน่ใจ”“แล้วมีอาการอื่นที่ผิดปกติอีกไหมคะป้า”คะนึงนิจถามพลางวางช้อนในมือลง เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยด้วยความตกใจและเป็นห่วงเธอรู้สึกตื่นตระหนก หัวใจเหมือนถูกบีบรัดทันทีที่ได้ยินคำว่า ท้องอืดบ่อย...ท้องเสียถี่ความทรงจำจากชาติที่แล้วแล่นวาบเข้ามาในหัว ครั้งนั้น กว่าที่จะรู้ว่าป้าสร้อยป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ ก็สายเกินกว่าที่จะรักษาไปแล้ว ระยะสุดท้าย...หมอก็บอกได้เพียงให้เตรียมใจในชาติก่อน เธอวุ่นวายอยู่กับงานจนไม่มีเวลาแม้แต่จะหันมามองคนใกล้ตัวด้วยงานที่หนักและวุ่นวาย จนเวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับการทำงาน คะนึงนิจผลักภาระการดูแลลูกให้ป้าสร้อยแทบทั้งหมด โดยไม่รู้เลยว่าคนที่เธอรักมากที่สุด...กำลังเจ็บป่วยอยู่เงียบ ๆและในชาตินี้ เธอกลับกำลังทำสิ่งเดิมซ้ำอีกครั้งความรู้สึกผิดแล่นวูบขึ้นในใจ คะนึงนิจเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนเอ่ยด้วยเสียง

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 11

    ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จันทร์รวีเริ่มเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของภูวินทร์อย่างเงียบ ๆเธอศึกษาทุกอย่าง ตั้งแต่เวลาที่เขาเข้าหรือออกจากสำนักงาน ช่วงที่เขาออกไปประชุม หรือแม้กระทั่งนิสัยส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มณีรัตน์ เลขาฯ หน้าห้องมักเผลอหลุดปากเล่าให้ฟังระหว่างพักกลางวัน“คุณภูเป็นคนตรงเวลาเป๊ะเลยค่ะ ขนาดประชุมที่ว่าด่วนแค่ไหน ก็ไม่เคยให้ลูกน้องรอนาน” มณีรัตน์เคยพูดอย่างชื่นชมจันทร์รวีเพียงยิ้มบาง “แหม ผู้ชายแบบนี้สิคะ ที่น่าชื่นชม”ในขณะที่มือเรียวกำลังถือแก้วกาแฟ เธอแอบสังเกตสายตาของเลขาฯ สาวที่พูดถึงเจ้านายด้วยน้ำเสียงชื่นชอบเกินกว่าความเคารพตามหน้าที่มณีรัตน์เองก็คงชอบเขาอยู่สินะ...แต่เธอไม่ทันฉันหรอก จันทร์รวีคิดพลางยกแก้วจิบเบา ๆเธอเริ่มวางแผนอย่างเป็นขั้นตอนเริ่มจากการปรากฏตัว “โดยบังเอิญ” ตามจุดต่าง ๆ ที่เขาผ่าน เช่น ล็อบบี้บริษัท ห้องอาหารชั้นล่าง หรือแม้แต่ลิฟต์โดยสารที่เธอคำนวณเวลาไว้ล่วงหน้าเขาแทบไม่มองเธอเลย แต่เธอก็ไม่เร่งรีบ จันทร์รวีรู้ดีว่า ผู้ชายอย่างเขา...ต้องการเวลาและช่องว่างที่พอดีให้ความสนใจค่อย ๆ เติบโตจนกระทั่งวันหนึ่ง ระหว่างที่ภูวินทร์กำลังรอรถอยู่หน้าตึก เ

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status