Home / โรแมนติก / โอบฟ้ามาห่มดิน / บทที่ 2 หลานนอกไส้ - 25%

Share

บทที่ 2 หลานนอกไส้ - 25%

last update Last Updated: 2025-05-23 13:05:26

พราวนภาหยิบผ้านวมมาห่มให้รุ้งจันทราอย่างเบามือเพราะเด็กน้อยค่อนข้างตื่นง่าย เป็นเวลาเดียวกับที่จันทร์เจ้า ผู้เป็นมารดาของรุ้งจันทราเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี หญิงสาวจึงพูดโดยไม่มีเสียงว่า

“หลับปุ๋ยแล้วค่ะ”

จันทร์เจ้ายิ้มพลางเดินเข้ามาดูบุตรสาวตัวน้อย ก่อนจะทรุดตัวนั่งบนเตียงข้างพราวนภาแล้วพูดว่า

“หนูรุ้งน่ะเหมือนหนูพราวตอนเด็ก ๆ เลยนะรู้ไหม ดูสิเนี่ย ชอบเอาตุ๊กตามานอนเรียงเป็นเพื่อนกัน แล้วยังไม่ชอบกินแคร์รอตเหมือนกันอีกด้วย”

“แต่ตอนนี้หนูกินแคร์รอตแล้วนะ และกินผักเก่งมากเลยด้วยคุณแม่ก็รู้นี่นา” พราวนภายิ้มกว้างอย่างประจบ ก่อนจะเอนตัวลงนอนหนุนตักผู้เป็นน้า แต่ตนเรียกอีกฝ่ายว่าแม่มาตั้งแต่จำความได้

จันทร์เจ้ายิ้มพร้อมกับลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู สายตาที่มองพราวนภายังคงมีแต่ความรักไม่แปรเปลี่ยนแม้ว่าตนจะมีบุตรสาวและบุตรชายของตัวเองแล้วก็ตาม

“เป็นอะไรล่ะฮึ จู่ ๆ ก็มาอ้อนแม่” น้ำเสียงอ่อนโยนของจันทร์เจ้า ทำให้พราวนภายกแขนขึ้นโอบเอวอีกฝ่ายไว้

“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ หนูพราวแค่รู้สึกว่าอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งจัง ไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่เลย” หญิงสาวพูดไปตามที่คิด เพราะเป็นเด็กไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องเครียดกับปัญหาต่าง ๆ ไม่ต้องแข่งขันกับใคร อีกทั้งยังรักใครไม่เป็นอีกด้วย เมื่อรักไม่เป็นก็ไม่รู้จักความเจ็บปวดที่หน่วงหนึบอยู่ในใจ และไม่ต้องคาดหวังให้ใครมารักตอบ

“คิดได้ แต่เป็นไปไม่ได้ หนูก็รู้นี่นาว่าเวลาไม่เคยเดินย้อนกลับหลัง มีแต่เดินไปข้างหน้า เรากลับไปอดีตไม่ได้แต่เราเตรียมตัวรับมือกับอนาคตได้ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่เราได้ใช้ชีวิตในปัจจุบันให้มีความสุขที่สุดนะลูก”

“หนูรู้ค่ะ แต่ตอนนี้ถ้ามีพรวิเศษสักข้อมาให้เลือก หนูก็จะขอกลับไปเด็กอีกครั้ง” และถ้าได้กลับเป็นเด็กจริง ๆ สิ่งที่เธอจะทำเป็นอย่างแรกก็คือไม่ไปวอแววุ่นวายกับผู้ชายเย็นชาอย่างนฤบดินทร์เด็ดขาด เธอจะไม่ออดอ้อนให้เขาเล่นด้วย จะไม่ขอร้องให้เขาอุ้ม จะไม่ขอให้เขาช่วยติวคณิตศาสตร์ จะไม่ไปหาเขาที่บ้านบ่อย ๆ จะไม่ไปแอบนั่งมองตอนเขาหลับ

เธอจะไม่รักเขา

เธอจะมองเขาเป็นเพื่อนบ้าน จะนับถือเขาเป็นญาติคนหนึ่ง และจะเรียกเขาว่าน้าอย่างที่ชายหนุ่มต้องการ

ทว่าทุกอย่างมันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว

“หนูพราว หนูมีอะไรอยากระบายให้แม่ฟังไหม” น้ำเสียงอ่อนโยนของจันทร์เจ้ากับการลูบศีรษะอย่างแผ่วเบานั้นทำให้พราวนภารู้สึกอุ่นวาบขึ้นในใจ ขณะที่กระบอกตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมาด้วยเช่นกัน

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อตั้งหลัก และสะกดกลั้นอาการสะอื้นของตนเพราะรู้ดีว่าหากเอ่ยปากพูดไปตอนนี้ เสียงจะต้องสั่นเป็นแน่

พราวนภาเงียบไปนาน จันทร์เจ้าก็รออย่างใจเย็นไม่คิดซักไซ้ไล่เลียงให้พูดเดี๋ยวนั้น ยังคงลูบศีรษะและสางผมให้อย่างเบามือเช่นทุกครั้งที่อีกฝ่ายมานอนหนุนตัก

“พี่ดินจะไปเรียนต่อเมืองนอกค่ะ” จู่ ๆ พราวนภาก็พูดขึ้น

“อืม แม่ก็ได้ข่าวมาบ้างเหมือนกัน” จันทร์เจ้ารู้เรื่องนี้มาจากชินดนัย สามีซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับภาวิน บิดาของพราวนภา และตนก็รู้ด้วยว่าหลานสาวที่เธอรักเหมือนลูกในไส้คนนี้คิดอย่างไรกับนฤบดินทร์

“คุณแม่รู้ไหมว่าพี่ดินเตรียมการเรื่องนี้มาเป็นปี ๆ แล้ว แต่หนูเพิ่งมารู้เรื่องเดือนที่แล้วนี่เอง ถ้าหนูไม่ไปได้ยินคุณพ่อคุยกับแม่มะลิโดยบังเอิญ หนูก็คงไม่รู้เรื่องนี้เลยเพราะเขาไม่เคยคิดจะบอกหนู”

ยิ่งพูดเสียงของพราวนภาก็ยิ่งสั่น ขณะที่คนฟังอย่างจันทร์เจ้าลอบถอนหายใจแผ่วด้วยความสงสารหลาน แต่ในฐานะที่อาบน้ำร้อนมาก่อน เธอจึงพอเข้าใจเจตนารมณ์ของนฤบดินทร์เป็นอย่างดีว่าเหตุใดถึงต้องไปเรียนต่อไกลถึงสหรัฐอเมริกา และเหตุใดถึงปิดปากเงียบมาเป็นปีไม่ยอมบอกให้พราวนภารู้เลยแม้แต่น้อย

“แม่เชื่อว่าพี่เขาก็มีเหตุผลของเขา หนูก็น่าจะรู้จักเขาดีไม่ใช่หรือว่าเขาเป็นคนยังไง”

“แต่หนูคิดว่าเขาไม่เคยเห็นหนูอยู่ในสายตาเลยมากกว่า” น้ำเสียงแผ่วพร่าของพราวนภาราวกับใกล้ร้องไห้เต็มทีนั้น ทำให้จันทร์เจ้าต้องพูดเพื่อเตือนสติอีกฝ่าย

“หนูพราว ฟังแม่นะ ทุกคนย่อมมีเหตุผลในการกระทำเรื่องต่าง ๆ ดินก็เหมือนกัน แม่เชื่อว่าเขาก็มีเหตุผลของเขาที่ไม่บอกหนู เพราะถ้าบอกไปแล้วหนูอาจจะร้องไห้ขอร้องไม่ให้เขาไป หนูอาจจะโกรธจนไม่ยอมพูดกับเขาก็ได้ เขาถึงไม่บอก แม่พูดถูกไหม เพราะแม่เชื่อว่าถ้าหนูรู้ตั้งแต่แรก หนูจะต้องไปขอร้องให้เขายกเลิกการไปเรียนต่อทุกวันแน่”

พราวนภาฟังที่จันทร์เจ้าพูดก็คิดตามก่อนจะพยักหน้ารับเล็กน้อย เพราะทุกวันนี้เธอทั้งอ้อนวอนและขอร้องไม่ให้นฤบดินทร์ไปเรียนต่อทุกครั้งที่เจอหน้าเลยก็ว่าได้

“ก็หนูไม่อยากให้ไปนี่ เรียนเมืองไทยไม่ได้หรือไง ทำไมต้องไปไกลขนาดนั้น และไปตั้งหลายปีแน่ะ” หญิงสาวพูดจบก็สูดน้ำมูกเบา ๆ

“เขาก็คงอยากไปหาประสบการณ์ต่างบ้านต่างเมืองบ้าง อีกอย่างแม่เห็นด้วยนะที่พี่ดินเขาไปเรียนต่อเมืองนอกเพราะสาขาที่เขาจบมากำลังเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะฉะนั้นการที่เขาไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมก็ถือเป็นเรื่องที่ดี”

พราวนภานอนฟังเงียบ ๆ ไม่โต้แย้งอะไร นฤบดินทร์จบวิศวกรรมซอฟต์แวร์ และด้วยมันสมองของเขาจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชายหนุ่มจะจบมาโดยมีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งพ่วงท้ายมาด้วย เขาคงคิดว่ามหาวิทยาลัยในเมืองไทยไม่มีอะไรให้น่าค้นหาอีกแล้วกระมัง จึงคิดไปเรียนต่อต่างประเทศ

“และอีกเรื่องที่แม่อยากจะพูดก็คือแม่คิดว่าดินไปเรียนต่อตอนนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะหนูกับเขาจะได้แยกย้ายกันไป ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองให้เต็มที่” ทันทีที่จันทร์เจ้าพูดจบ พราวนภาก็เบิกตาโพลงพร้อมกับเงยหน้ามองอีกฝ่าย

“คุณแม่หมายความว่ายังไงคะ”

“แม่เลี้ยงหนูมาตั้งแต่เกิด แม่จะไม่รู้เชียวหรือว่าหนูคิดยังไงกับพี่ดิน” จันทร์เจ้าวางมือบนศีรษะของหญิงสาวแล้วพูดอีกว่า

“แต่ตอนนี้หนูอายุยังน้อย พี่ดินเขาก็เพิ่งยี่สิบสอง แม่คิดว่าเวลานี้แต่ละคนควรจะไปใช้ชีวิตของตัวเองให้เต็มที่ก่อนดีกว่า เพราะในอนาคตทั้งหนูและพี่ดินจะต้องพบเจอคนอีกมาก ถึงตอนนี้หนูจะชอบพี่เขา แต่ถ้าเวลาผ่านไปหนูเข้าเรียนมหา’ลัย เรียนจบก็ได้ทำงาน ได้พบคนอื่นอีกมากหน้าหลายตา หนูอาจจะคิดได้ว่าความรู้สึกของหนูตอนนี้เป็นเหมือนการแอบชอบรุ่นพี่สักคนแล้วมานั่งขำกับตัวเองก็ได้”

สิ่งที่จันทร์เจ้าไม่พูดออกไปนั่นก็คือนฤบดินทร์นั้นเป็นชายหนุ่มเต็มตัว ขณะที่พราวนภาก็เริ่มเป็นสาว การใกล้ชิดสนิทสนมที่มากเกินไปอาจทำให้ความรู้สึกที่มีต่อกันไขว้เขวจนคิดว่าเป็นความรัก ซึ่งหากไม่ระวังตั้งแต่ตอนนี้อาจเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงตัดไฟตั้งแต่ต้นลมด้วยการเป็นฝ่ายเดินห่างออกไปเพื่อรักษาความสัมพันธ์ในแบบญาติสนิทเอาไว้ และเจือจางความรู้สึกที่มีต่อกันในเชิงชู้สาว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 2 หลานนอกไส้ - 50%

    อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน หากทั้งคู่คบหากันตั้งแต่ตอนนี้ และถ้าวันข้างหน้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปเจอคนที่ใช่กว่า สุดท้ายคงไม่พ้นต้องเลิกรา และมองหน้ากันไม่ติดทั้งสองบ้านแน่นอน“เชื่อแม่นะหนูพราว ถ้าหนูกับเขาเป็นเนื้อคู่กันจริง ๆ ยังไงก็ต้องได้อยู่ด้วยกันอีกแน่ แต่ถ้าไม่ใช่ ต่อให้เราดึงดันยังไงมันก็ไม่ใช่อยู่วันยังค่ำ ตอนนี้แม่อยากให้หนูใช้ชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่มากกว่า”พราวนภายิ้มพลางลุกขึ้นนั่งแล้วกอดจันทร์เจ้าอย่างออดอ้อน“ค่ะคุณแม่ หนูพราวเชื่อคุณแม่ค่ะ”แต่แล้วหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มแหยให้ “แต่หนูพราวขอร้องคุณแม่อย่างหนึ่งนะคะ อย่าบอกเรื่องที่หนูชอบพี่ดินให้คุณพ่อกับแม่มะลิรู้เชียวนะ คุณแม่มะลิน่ะไม่เท่าไรหรอกค่ะ แต่คุณพ่อนี่สิถ้ารู้ละก็ระเบิดลงแน่”จันทร์เจ้าหัวเราะเบา ๆ พลางพยักหน้ารับปาก ทั้งที่ตนอยากบอกเหลือเกินว่าทุกคนน่าจะรู้กันหมดแล้ว รวมทั้งภาวิน คุณพ่อจอมหวงนั่นก็ด้วยสองวันถัดมา นฤบดินทร์เดินออกจากห้องน้ำโดยนุ่งผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียวเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเปิดตู้เสื้อผ้านั้น เขาก็ได้ย

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 2 หลานนอกไส้ - 25%

    พราวนภาหยิบผ้านวมมาห่มให้รุ้งจันทราอย่างเบามือเพราะเด็กน้อยค่อนข้างตื่นง่าย เป็นเวลาเดียวกับที่จันทร์เจ้า ผู้เป็นมารดาของรุ้งจันทราเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี หญิงสาวจึงพูดโดยไม่มีเสียงว่า“หลับปุ๋ยแล้วค่ะ”จันทร์เจ้ายิ้มพลางเดินเข้ามาดูบุตรสาวตัวน้อย ก่อนจะทรุดตัวนั่งบนเตียงข้างพราวนภาแล้วพูดว่า“หนูรุ้งน่ะเหมือนหนูพราวตอนเด็ก ๆ เลยนะรู้ไหม ดูสิเนี่ย ชอบเอาตุ๊กตามานอนเรียงเป็นเพื่อนกัน แล้วยังไม่ชอบกินแคร์รอตเหมือนกันอีกด้วย”“แต่ตอนนี้หนูกินแคร์รอตแล้วนะ และกินผักเก่งมากเลยด้วยคุณแม่ก็รู้นี่นา” พราวนภายิ้มกว้างอย่างประจบ ก่อนจะเอนตัวลงนอนหนุนตักผู้เป็นน้า แต่ตนเรียกอีกฝ่ายว่าแม่มาตั้งแต่จำความได้จันทร์เจ้ายิ้มพร้อมกับลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู สายตาที่มองพราวนภายังคงมีแต่ความรักไม่แปรเปลี่ยนแม้ว่าตนจะมีบุตรสาวและบุตรชายของตัวเองแล้วก็ตาม“เป็นอะไรล่ะฮึ จู่ ๆ ก็มาอ้อนแม่” น้ำเสียงอ่อนโยนของจันทร์เจ้า ทำให้พราวนภายกแขนขึ้นโอบเอวอีกฝ่ายไว้“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ หนูพราวแค่รู้สึกว่าอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งจัง ไม่อยากโตเป็น

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 100%

    “ใช่ครับ คนจีบพี่พราวเยอะมากเลย เวลาพีทไปเล่นข้างนอกก็มีแต่คนถามหาพี่พราว เนอะพายเนอะ”“แล้วไปยังไง เรียกแท็กซี่หรือพ่อเราไปส่ง” ชายหนุ่มยังถามต่อ“แท็กซี่ครับ/มีคนมารับค่ะ” สองพี่น้องพูดพร้อมกัน แต่คำตอบไปคนละทางจนทั้งคู่ต่างหันมามองหน้ากันและกัน ขณะที่ผู้เป็นน้าอย่างนฤบดินทร์ได้แต่ถอนหายใจที่คงไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรจากหลานตัวแสบเป็นแน่“ไม่เป็นไร เดี๋ยวน้าไปถามแม่เราเองก็ได้” เขาพูดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดโทร. ออก แต่สองพี่สองรีบโบกมือห้ามเป็นพัลวัน“อย่านะคะน้าดิน พี่พราวสั่งเอาไว้ว่าห้ามบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าพี่พราวไปเที่ยวกับแฟน ไม่งั้นคุณพ่อจะดุเอาได้ น้าดินอย่าถามคุณแม่นะคะ ขอร้องล่ะ นะคะน้าดิน” ภัทร์นรินท์ยกมือไหว้ปะหลก ๆ พร้อมกับทำตาสลดอย่างน่าสงสาร ภานุภัทร์เห็นอย่างนั้นจึงทำตามบ้าง“ใช่ครับน้าดิน เห็นใจพวกเราเถอะนะครับ พี่พราวอุตส่าห์ไว้ใจให้พวกเราเก็บความลับ พีทไม่อยากให้พี่พราวถูกดุครับ นะครับน้าดิน”ชายหนุ่มลอบยิ้ม “ก็ได้ ไม่ถามก็ไม่ถาม น้าเข้าบ้านก่อนนะ พวกเราก็เข้าบ้านเถอะ ข้างนอกมันร้อน”เขาเตรียมตัวจะหันหลังกลับ แต่จู่ ๆ หลานสาวตัวดีก็ยื่นมือมากระตุกชายเสื้อเขาเบา ๆ คร

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 75%

    “แล้วแกล่ะ จะไม่คิดถึงหนูพราวบ้างหรือ” มัลลิกาอมยิ้ม แต่เจ้าตัวกลับขมวดคิ้วมุ่นพลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคย“คิดถึงทำไม ปกติก็ต่างคนต่างอยู่กันอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันสักหน่อย”“ถามจริง! แกไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์หนูพราวบ้างเลยรึไง สามปีเชียวนะที่จะไม่ได้เจอกัน” มัลลิกายังคงเย้าไม่เลิกจนชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาราวกับหงุดหงิดเต็มทีก่อนพูดว่า“แล้วไง ต่อให้สามปีหรือสามสิบปีก็ไม่มีอะไรแตกต่าง มันก็ชีวิตใครชีวิตมันอยู่แล้ว พี่เลิกชงเถอะ ไม่ได้ผลหรอก”“ชิ!” ไอ้คนปากแข็ง!มัลลิกาเบ้ปากใส่น้องชายด้วยความหมั่นไส้ แค่นี้ก็รู้แล้วว่านฤบดินทร์เองก็ใจหายและคงคิดถึงพราวนภาไม่น้อย แต่ไม่ยอมพูดความจริงออกมา เธอเป็นพี่น้องกับชายหนุ่มตรงหน้ามายี่สิบกว่าปีมีหรือจะเดาใจอีกฝ่ายไม่ออก เพราะหากนฤบดินทร์ไม่สนใจพราวนภาจริง เจ้าตัวก็จะแสดงออกด้วยการนิ่งเฉย ไม่ต่อปากต่อคำมาหลายประโยคแบบนี้แน่“ก็ดี พี่จะได้เลิกกั๊กหนูพราวไว้ให้แก คราวนี้ถ้ามีคนมาจีบหนูพราวอีกพี่จะได้ปล่อยเลยตามเลย ไม่กันท่าไว้ให้แกแล้วเพราะแกเอ็นดูหนูพราวเหมือนน้องสาว โธ่เอ๊ย...นี่พี่เข้าใจผิดไปเองหรือเนี่ย”เมื่อมัลลิกาพูดจบก็ได้รับส

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 50%

    แม้ช่วงแรกจะเอ่ยปากชม แต่สุดท้ายภาวินก็อดเกทับอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะเมื่อครั้งที่เขาอายุยี่สิบต้น ๆ แม้จะมีปาร์ตี้และเที่ยวกลางคืนบ่อย แต่เขาก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเมามายจนไม่มีสติเลยสักครั้งกว่าสิบปีที่เขารู้จักนฤบดินทร์มาตั้งแต่อีกฝ่ายยังเป็นเด็กวัยรุ่นเลือดร้อนจนกระทั่งเติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัว เขาเห็นว่าน้องภรรยาคนนี้จัดว่าเป็นผู้ชายที่ครบเครื่องคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหล่อเหลาจนบางมุมแทบจะเรียกได้ว่าสวยด้วยซ้ำ รูปร่างก็สูงโปร่งพอกันกับเขา นิสัยก็เงียบขรึม และมีความสุขุม ทุกอย่างดูดีไปหมดเสียอย่างเดียว สายตาที่มองพราวนภานั้นดูจะร้อนแรงมากเกินไปหน่อยราวกับต้องการกลืนกินบุตรสาวของเขาไปทั้งตัว เขาไม่ชอบเอาเสียเลย!พราวนภายังเด็ก อายุเพิ่งจะสิบเจ็ดปีเท่านั้น ยังไม่จบมัธยมปลายเลย แต่บุตรสาวของเขาดันหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู อีกไม่กี่ปีก็จะเติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง ขณะที่นฤบดินทร์ก็เป็นหนุ่มเต็มตัว และสองคนนี้มักใกล้ชิดกันบ่อยเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นในบ้าน“ทำไงได้ ผมมันพวกคออ่อนซะด้วยสิ” นฤบดินทร์พูดยิ้ม ๆ พลางชะเง้อมองเข้าไปในบ้านของภาวินแล้วพูดว่า“เดี๋ยวผมเอ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 25%

    ในห้องที่ปิดไฟจนมืดสลัว นอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศแล้วก็มีเพียงเสียงสวบสาบของผ้าห่มและเสียงถอนหายใจอย่างแผ่วเบาดังมาจากเตียงนอนหลังใหญ่ ผู้ที่อยู่ใต้ผ้าห่มพลิกตัวไปมาบ่อยครั้งราวกับคนที่กำลังมีเรื่องกลัดกลุ้มเกาะกินใจจนไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้พราวนภานอนลืมตาโพลงท่ามกลางความมืดอยู่บนเตียงนอนของตน หญิงสาวไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาใด แต่คิดว่าน่าจะล่วงเข้าวันใหม่แล้วเพราะก่อนนอนเธอคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทร่วมชั่วโมงกว่า และเพิ่งวางสายไปตอนห้าทุ่มเศษ เนื้อหาของบทสนทนานั้นก็เป็นเรื่องเดิม ๆ คือปรึกษาปัญหาหัวใจ เพราะต่างคนก็ต่างมีชายหนุ่มให้แอบรักเป็นของตัวเองหญิงสาวเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนอนตะแคง สายตาจึงตกที่ตุ๊กตาหมีสองตัวที่นอนเคียงคู่กันอยู่บนพื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของเตียง ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ชายหญิงคู่นี้นฤบดินทร์ซื้อให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุครบสิบสามปีหมีผู้ชายใส่ชุดเอี๊ยมกางเกงลายสก๊อตสีน้ำเงินกับเสื้อสีขาว หมีผู้หญิงใส่ชุดเอี๊ยมกระโปรงลายสก๊อตสีแดงกับเสื้อสีขาวเช่นกัน เธอรักมันมาก ไม่ว่าจะนอนที่บ้านนี้ หรือบ้านของแม่จันทร์เจ้า ผู้เป็นน้าสาว เธอก็จะนำตุ๊กตาหมีคู่นี้ไปนอนข้างกายด้วยทุก

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   ปฐมบท

    ร่างสมส่วนในชุดเสื้อยืดพอดีตัวสีชมพูกับกางเกงขาสั้นสีดำที่กำลังเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วจากการเล่นโรลเลอร์สเกตอยู่กลางถนนของหมู่บ้านนั้น เรียกความสนใจทั้งหมดของชายหนุ่มที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าต่างห้องนอนของตัวเองได้ทันที เขาลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยตัดบทกับคู่สนทนาแล้วกดวางสาย จากนั้นก็เดินออกจากห้องนอนลงไปยังสวนสาธารณะของหมู่บ้านเพื่อไปดักเจอหญิงสาว อุปกรณ์ป้องกันก็ไม่ใส่ บอกตั้งหลายครั้งแล้วไม่รู้จักจำ! แม้ในใจจะบ่น แต่ก่อนออกจากบ้านนฤบดินทร์ก็ยังอุตส่าห์หยิบน้ำดื่มขวดเล็กจากตู้เย็นติดมือไปด้วย เพราะเท่าที่เขาเห็นตอนมองจากหน้าต่างเมื่อครู่ พราวนภาไม่ได้พกน้ำหรืออะไรติดตัวเลยแม้แต่อย่างเดียวชายหนุ่มดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ เลยสิบแปดนาฬิกามาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วแต่ท้องฟ้ากลับเริ่มสลัวลงราวกับเป็นช่วงหัวค่ำทั้งที่ไม่ใช่ฤดูหนาวแต่กลับมืดเร็วกว่าปกติ เพื่อนบ้านที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีหลายคนต่างพากันจูงลูกจูงหลานทยอยกลับบ้านใครบ้านมัน เขายกมือไหว้คนเหล่านั้นเพื่อทักทายก่อนจะหย่อนตัวบนม้านั่งแล้วรออย่างใจเย็นไม่นานนัก นฤบดินทร์ก็เห็นร่างคุ้นตาเคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียวมาจา

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status