ในห้องชุดขนาดกลางของคอนโดมิเนียมย่านใจกลางเมือง มีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนั่งแบ่งสรรปันส่วนสิ่งของบางอย่างที่วางกองอยู่บนโต๊ะกลางในห้องรับแขก
ถุงซิปล็อกหลายสิบถุงหลายขนาด มีปากกาเคมีเขียนตัวเลขและอักษรย่อไว้แล้วเรียบร้อยถูกวางเรียงบนโต๊ะ ส่วนถุงที่ยังไม่เขียนนั้นฝ่ายชายเป็นคนนับแล้วเก็บรวบรวมลงในถุงซิปล็อกขนาดใหญ่อีกทีหนึ่ง จากนั้นชายหนุ่มก็ถือถุงนั้นไปห้องน้ำ เปิดฝาถังพักน้ำของชักโครกแล้วหย่อนถุงซิปล็อกลงไปและใช้อิฐมอญที่อยู่ในนั้นกดทับไว้อีกที เมื่อมั่นใจว่ามันไม่ลอยขึ้นมาแล้วจึงปิดฝาไว้ตามเดิม
“ตกลงไอ้เพื่อนของเธอคนนั้นจะมาที่นี่แน่นอนใช่ไหมเกรซ” ชายหนุ่มเปิดปากถามพลางหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาว
“คิดว่ามาแน่นอน เพราะเท่าที่รู้จักเขามา เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นไม่เคยรับปากส่ง ๆ” เกรซยิ้มมุมปาก
“แน่ใจนะว่าไอ้นี่มันไม่ปากโป้ง” ชายหนุ่มยังไม่ค่อยวางใจผู้ชายที่แฟนสาวของตนนัดมาคืนนี้เท่าไรนัก
“แน่ใจสิ ดินเขาเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเท่าไร อะไรที่ไม่เดือดร้อนมาถึงตัวเขา เขาก็จะไม่ยุ่งเด็ดขาด พวกเด็กเนิร์ดไม่สนโลกน่ะ” เกรซยักไหล่แต่ในใจอยากไล่ให้เวย์ แฟนหนุ่มของตนออกไปจากห้องนี้โดยเร็วเพราะเกรงว่าหากนฤบดินทร์โผล่มาตอนนี้แล้วจะเจอกับอีกฝ่ายเข้า
เธออยากหาที่เกาะใหม่เต็มทีเพราะไม่อยากใช้ชีวิตบนความเสี่ยงและต้องคอยระแวดระวังตัวตลอดเวลาอย่างนี้แล้ว และนฤบดินทร์ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะอย่างไรเสียเธอก็เคยคบหากับเขามาก่อนย่อมรู้ใจเขาดีว่าอีกฝ่ายชอบอะไร
เห็นนฤบดินทร์เป็นคนเงียบขรึมแบบนั้น แต่ผู้หญิงที่เคยนอนกับเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเรื่องบนเตียงของชายหนุ่มช่างเผ็ดร้อนผิดกับบุคลิกเย็นชาอย่างสิ้นเชิง เขาชอบมีเซ็กซ์แบบรุนแรงและชอบคนที่ตอบสนองเขาได้อย่างถึงใจ หากผู้หญิงคนไหนเข้าขากับเขาในเรื่องบนตียงได้ เขาก็จะคบนานหน่อย แต่การคบนานของเขานั้นไม่เคยเกินหนึ่งเทอมเลยสักคน
“แล้วตอนนั้นทำไมเธอเลิกกับมันล่ะ” เวย์ถามพร้อมกับยิ้มมุมปาก
“ก็ไม่เห็นเขาจะจริงจังกับใครสักคน คบผู้หญิงเทอมละคน พอหมดเทอมเขาก็บอกเลิกหน้าตาเฉย ตอนนี้รู้สึกว่าคบกับเด็กม.ปลายอยู่มั้ง”
เกรซเบะปากเล็กน้อยเมื่อนึกถึงหญิงสาวที่เดินคู่กับนฤบดินทร์ในห้างสรรพสินค้าที่ตนเจอวันนี้
ยังเด็กน้อยอยู่แท้ ๆ จะรับแรงกระแทกกระทั้นแรง ๆ จากเขาได้หรือ แต่จะว่าไปเด็กม.ปลายสมัยนี้ก็แรงใช่ย่อย เห็นหน้าใส ๆ แบบนั้นอาจจะผ่านศึกมาโชกโชนแล้วก็เป็นได้
เวย์ชี้มาทางหญิงสาวแล้วพูดสำทับว่า “ถ้ามันมาก็อย่าลืมที่คุยกันไว้ล่ะ หลอกเอาเงินมันมาให้ได้เพราะตอนนี้เราต้องการทุนมาหมุน” จากนั้นเขาก็ยื่นหน้าเข้ามาพูดเบา ๆ ว่า
“ชวนมันอัปยาให้ได้ละ อย่าลืมเช็กกล้องในห้องให้ดี ๆ ด้วยจะได้เอาไว้ใช้ไถเงินมันอีก เรารู้ว่าเกรซทำได้อยู่แล้ว กี่รายต่อกี่รายเธอก็ไม่เคยปล่อยให้หลุดมือเลยนี่นา” เขายิ้มพลางมองแฟนสาวด้วยแววตาเป็นประกาย
“เชื่อมือเกรซได้เลย” เธอยิ้มให้เขาอย่างยั่วยวนเพราะงานนี้ไม่ใช่งานแรกที่เกรซต้องหลอกล่อผู้ชายคนอื่นให้มาหาที่ห้องแล้วร่วมหลับนอนด้วยเพื่อหลอกเอาเงินมาใช้จ่าย คนไหนที่ชอบเที่ยวกลางคืนอยู่แล้วเธอก็จะชักชวนให้เล่นยาเคหรือยาอี ซึ่งแน่นอนว่าผู้ชายเหล่านั้นจะต้องเป็นพวกหัวอ่อนชักจูงได้ง่าย หากคนไหนดูรอบจัด เกรซก็จะไม่ยุ่งด้วย
ที่เกรซต้องทำแบบนี้ก็เพราะแฟนหนุ่มเกลี้ยกล่อมให้ทำ หญิงสาวจำได้ว่ารายแรกที่เธอต้องไปนอนด้วยนั้นเป็นตำรวจคนหนึ่งเพื่อแลกกับการที่ไม่ต้องถูกตรวจปัสสาวะ และหลังจากนั้นเป็นต้นมา เกรซก็ต้องเดินสายหลับนอนกับคนนั้นทีคนนี้ทีเพื่อให้เส้นทางการค้าขายของแฟนหนุ่มเป็นไปอย่างราบรื่น
เวย์เป็นแฟนของเธอก็จริง แต่เขาก็ทำแบบเดียวกับที่เกรซทำอยู่เช่นกัน และเขาก็เลือกแต่ผู้หญิงหน้าตาดีมีฐานะ ยิ่งสาวรักสนุกและชอบเที่ยวกลางคืนเขาก็ยิ่งหมายตา ฉะนั้นเกรซจึงรู้สึกว่าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป อนาคตของเธอคงไม่มีอะไรเหลือเป็นแน่ ดังนั้นจึงค่อนข้างคาดหวังกับนฤบดินทร์เป็นพิเศษ
แต่นฤบดินทร์ไม่ใช่พวกหัวอ่อน ตรงกันข้ามชายหนุ่มค่อนข้างฉลาดและไว้ตัว การที่เขาพูดน้อยจึงทำให้เธอเดาใจเขาไม่ถูกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่กระนั้นเกรซก็อยากลองเสี่ยงดู เพราะหากมีหนทางอื่นใดที่ทำให้หลุดพ้นจากเวย์ แฟนหนุ่มคนปัจจุบันได้โดยไม่ต้องถูกอีกฝ่ายตามล่า เธอก็จะทำ
และหากสามารถย้อนเวลากลับไปได้ เธอสาบานว่าจะไม่ยุ่งกับผู้ชายอย่างเวย์เด็ดขาด
เสียงโทรศัพท์ของเกรซดังขึ้น ครั้นพอหญิงสาวมองชื่อของผู้ที่โทร. เข้ามาก็ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความดีใจ แต่เธอก็ต้องรักษาท่าทีนิ่งเข้าไว้เพราะเวย์นั่งมองอยู่
“เขาโทร. มาอีกแล้วละ” เธอบอกเวย์ ชายหนุ่มจึงพยักหน้าเป็นเชิงให้กดรับสาย
“ฮัลโหล ดินมาถึงแล้วหรือ” หญิงสาวรับสายเสียงอ่อน แต่ตามองที่แฟนหนุ่มซึ่งนั่งฟังอยู่ฝั่งตรงข้าม
“น่าจะอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง ว่าแต่ห้องเกรซมีโค้กไหม ถ้าไม่มีจะได้เอาติดมือเข้าไปด้วย”
ครั้นพอได้ยินคำถามจากชายหนุ่ม เกรซก็ถึงกับเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหู เพราะรู้ดีว่าโค้กที่อีกฝ่ายถามถึงนั้นหมายถึงโคเคน แต่เธอก็ต้องถามให้แน่ชัดเพราะไม่อยากเชื่อนักว่าคนสมบูรณ์แบบอย่างนฤบดินทร์จะเล่นยาด้วย
“โค้กงั้นหรือ เอ่อ...ดินชอบหรือ หรือว่าปกติก็ดื่มอยู่แล้ว” เธอพูดพลางสบตากับเวย์
“เพิ่งเริ่มดื่มไม่นานนี้เอง จะไปเมืองนอกแล้วเลยอยากทำอะไรสุดเหวี่ยงหน่อย”
ได้ยินคำตอบนั้นเกรซก็ยิ้มออกทันที หญิงสาวยักคิ้วให้แฟนหนุ่มพลางพูดกับปลายสายว่า
“ห้องเกรซไม่มีโค้กเลย มีแต่น้ำกับขนมน่ะ น้ำแข็งก็มีนิดหน่อย”
“โอเค เดี๋ยวเจอกัน” พูดจบเขาก็วางสายไป เกรซจึงถามแฟนหนุ่มทันที
“เขาใกล้ถึงแล้วล่ะ คราวนี้เวย์เก็บของไว้ในห้องน้ำใช่ไหม”
เวย์พยักหน้าเพราะพวกเขาเปลี่ยนที่เก็บของไปเรื่อยภายในห้องชุดแห่งนี้
“มันเล่นโค้กด้วยหรือ รวยจริงนี่หว่า” ชายหนุ่มถามพลางหัวเราะแผ่ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าเขาจึงพูดต่อ
“งั้นก็ดีเลย เข้าทางพวกเราพอดี ยังไงรอบนี้ก็จัดการให้อยู่หมัดเลยนะจ๊ะที่รัก” เวย์ลุกขึ้นแล้วจูบแก้มแฟนสาวฟอดใหญ่ก่อนจะหยิบถุงขนมขบเคี้ยวตรงหน้าซึ่งภายในนั้นมีถุงซิปล็อกปะปนเอาไว้แล้วเดินออกจากห้องไป
คล้อยหลังแฟนหนุ่มแล้ว เกรซจึงรีบเดินเข้าไปหยิบของในถังพักน้ำของชักโครกเพื่อเอาออกมาเตรียมไว้ จากนั้นก็แต่งหน้าเพิ่มอีกเล็กน้อย ฉีดน้ำหอมที่กกหูทั้งสองข้าง และเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่เปิดเผยเนื้อหนังมากขึ้น
ขณะเดียวกัน รถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีดำคันหนึ่งก็ขับมาจอดอยู่ริมทางเท้าฝั่งตรงข้ามกับคอนโดมิเนียมที่เกรซอาศัย เขามองไปยังทางเข้าของคอนโดฯ เห็นรถกระบะสีบรอนซ์เงินเลี้ยวเข้าไปในนั้นพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น
“ครับพี่ ผมบอกให้เขาเตรียมน้ำกับขนมไว้แล้วครับ เห็นว่ามีไอซ์ด้วย” น้ำกับขนมที่ชายหนุ่มพูดถึงคือยาเคกับยาอี ซึ่งสองคำนั้นเป็นศัพท์เฉพาะในการเรียกยาเสพติดแต่ละชนิดของกลุ่มคนที่เล่นยา
“โอเค พวกพี่กำลังจะขึ้นไปแล้ว” ปลายสายพูดจบก็ตัดบทสนทนาไป นฤบดินทร์จึงวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัวแล้วจดจ้องไปที่หน้าคอนโดมิเนียมตาแทบไม่กะพริบ
“ก็ไม่มีนะ ทุกอย่างมันเป็นไปเองตามธรรมชาติ บางเรื่องมันไม่ต้องพูดอะไรเยอะแยะหรอก แค่มองตาก็รู้กัน” เขาไม่เคยจีบพราวนภาก่อน และเธอก็ไม่เคยจีบเขาเช่นกัน เขารู้แต่ว่าสายใยเส้นบาง ๆ ระหว่างกันยิ่งนานวันก็ยิ่งถักทอแน่นหนาขึ้นเรื่อย ๆ กว่าจะรู้ตัวอีกที พราวนภาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปแล้ว“เออ! พ่อคนหล่อ รีบกินเถอะย่ะ จะได้ไปคุยกับแมทธิว เขารอแกอยู่ที่ร้านเนี่ย” หญิงสาวนั่งเท้าคางกดดันให้เพื่อนรีบกิน เพราะเวลานี้แฟนหนุ่มของตนรอคุยรายละเอียดเรื่องการเรียนชกมวยกับเขาอยู่ในเวลาเดียวกัน ห้องพักของอันธิกายังคงสลัวลางเพราะเจ้าของห้องไม่ยอมรูดม่านเพื่อให้แสงสว่างส่องเข้ามา หญิงสาวนอนมองเพดานด้วยแววตาเลื่อนลอย ภาพในอดีตหลั่งไหลเข้ามาในหัวฉากแล้วฉากเล่ามัธยมปลาย เธอเคยเป็นดาวเด่นของโรงเรียน เพราะนอกจากหน้าตาสะสวยแล้วยังเรียนเก่งอีกด้วย เธอเคยเป็นเชียร์ลีดเดอร์ เป็นดรัมเมเยอร์ของโรงเรียน ไปไหนมีแต่คนมองด้วยความชื่นชม วันวาเลนไทน์มีแต่หนุ่ม ๆ มาให้ดอกไม้เธอเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศได้ บิดามารดาต่างดีใจ ญาติ ๆ และเพื่อนบ
หลังจากส่งบิดามารดาของพวกตนขึ้นรถกลับไปแล้ว อภัสราก็หันมาพูดกับพราวนภาทันทีราวกับตนเก็บคำพูดนี้ไว้นานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้พูด“พราว! นั่นพ่อเธอจริง ๆ น่ะหรือ หล่อมากกก” คำสุดท้ายเจ้าตัวลากเสียงยาวจนกาญจน์เกล้าได้แต่ยิ้มพลางส่ายหน้าไปมา“ก็จริงน่ะสิ เธอว่าหน้าฉันไม่เหมือนคุณพ่อหรือ มีแต่คนบอกว่าเหมือนจะตายไป ลักยิ้มยังมีข้างเดียวกันเลย” พราวนภาชี้ลักยิ้มของตัวเองบนแก้มซ้าย ก่อนจะพูดต่อ“ตอนหนุ่ม ๆ คุณพ่อหล่อกว่านี้อีก คุณแม่เคยเล่าให้ฟังว่าสมัยที่ท่านเป็นนักบินนะ สาว ๆ เพียบเลย” เธอหมายถึงแม่จันทร์เจ้าที่เป็นคนเล่าให้ฟัง เพราะตอนที่บิดาคบหากับแม่มัลลิกาแล้วนั้น ท่านถอดเขี้ยวเล็บแล้ว“เคยเป็นนักบินมาก่อนนี่เอง มิน่าละ บุคลิกคุณพ่อเธอถึงดูดีมากเลย แต่ท่านก็ยังดูหนุ่มอยู่มากจริง ๆ นะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีลูกสาววัยมหา’ลัยแบบเธอแล้วน่ะ บ้านเธอนี่หน้าตาดีกันทั้งครอบครัวเลยจริง ๆ เพราะคุณแม่เธอก็สวยแซ่บมาเชียว” กาญจน์เกล้าพูดขึ้นบ้าง ยอมรับว่าตอนแรกที่เห็นบิดามารดาของพราวนภายังอดแปลกใจไม่ได
“ว่า-ไง-นะ” น้ำเสียงของนฤบดินทร์เน้นหนักอย่างที่ไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก ซึ่งพราวนภารู้ดีว่าทุกครั้งที่เขาพูดจาลักษณะนี้นั่นหมายความว่าชายหนุ่มกำลังโกรธ ดังนั้นเธอจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังอย่างหมดเปลือก“โคตรน่าโมโหเลย อย่างนี้ต้องเล่นให้หนัก เอาให้มันอยู่มหา’ลัยไม่ได้ต้องลาออกไปอยู่ที่อื่น”นฤบดินทร์พูดเสียงห้วน หญิงสาวฟังแล้วกลับรู้สึกอุ่นใจที่เขาเป็นเดือดเป็นร้อนเวลาเธอถูกรังแก ทำให้อดคิดถึงตอนเป็นเด็กไม่ได้ ทุกครั้งที่เธอถูกเด็กผู้ชายในหมู่บ้านกลั่นแกล้ง เขามักจะไปเอาคืนให้เสมอจนผู้ปกครองของเด็กพวกนั้นต่างพากันมาฟ้องบิดามารดาของเขาว่าเขาเป็นอันธพาลไล่ต่อยตีคนอื่น แต่เขาก็ไม่เคยปริปากแก้ตัวสักคำว่าที่ทำลงไปนั้นเป็นเพราะเอาคืนให้เธอ“พรุ่งนี้พ่อเราจะไปมหา’ลัยด้วยใช่ไหม ดี! พี่เชื่อว่าพ่อเราจัดหนักแน่”“ใช่ คุณพ่อไม่ปล่อยไว้แน่นอน นี่ก็เพิ่งกลับมาจากสถานีตำรวจเอง เพราะต้องไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้ก่อน ตอนพราวโดนตบนะ โกรธมากเลยเพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยโดนใครตบจนหน้าหันอย่างนี้มาก่อน พวกนั้
“พี่ก็แค่เตือนเอาไว้ ถ้าไม่ยุ่งอย่างที่น้องพูดมาจริงมันก็ดี แต่เท่าที่พี่เห็นมันไม่ใช่ไง” รุ่นพี่คนนั้นยังคงพูดต่อ พราวนภากำลังจะอ้าปากเถียงก็มีนักศึกษาคนอื่นมาเข้าห้องน้ำด้วยเช่นกัน และดูเหมือนนักศึกษารุ่นพี่เหล่านั้นก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับคนที่กำลังหาเรื่องเธออยู่“หนูกับพี่ตาร์ไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้นนอกจากรุ่นพี่รุ่นน้อง เข้าใจซะใหม่ด้วยนะคะ” พราวนภาเริ่มอารมณ์ขุ่นมัว ต่อให้กลุ่มคนตรงหน้าจะมีกันถึงสามคนเธอก็ไม่กลัว เพราะหากคนพวกนี้ทำอะไรเธอแม้แต่ปลายก้อย เธอจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และจะไม่มีการยอมความหรือรอมชอมใด ๆ ทั้งสิ้น!“พวกเด็กไซด์ไลน์ก็ตอแหลอย่างนี้ทุกคนนั่นแหละ” หนึ่งในนั้นโพล่งขึ้นมาพร้อมกับเบะปากใส่ ยิ่งทำให้พราวนภาเดือดจัดที่ถูกกล่าวหาและต่อว่าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย“เดี๋ยวนะพี่ ไซด์ไลน์อะไร ใครเป็นไซด์ไลน์ และพี่ว่าใครตอแหล!”เธอเริ่มขึ้นเสียงใส่พวกรุ่นพี่ หนึ่งในนั้นจึงยกมือเท้าเอวแล้วชี้หน้าเธออย่างเอาเรื่อง“ก็แกไงนังกะหรี่ แล้วกล้าดียังไงถึงมาขึ้นเสียงใส่รุ่นพี่แบบนี้ กราบขอ
ชายหนุ่มยื่นกระเป๋าใบนั้นให้โอเวนแล้วพูดว่า“นายเอาไปคืนให้เธอหน่อยสิ ถ้าฉันเอาไปคืนด้วยตัวเอง แอนคงคิดเป็นตุเป็นตะอีกว่าฉัน...” เขาไม่อยากพูดจบประโยคเพราะเกรงว่าจะฟังดูใจร้ายเกินไป จึงได้แต่กลอกตามองเพดานแทนโอเวนหัวเราะเบา ๆ แล้วรับกระเป๋าของอันธิกาไป นฤบดินทร์จึงนั่งลงที่เดิมแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเข้าไปดูเฟซบุ๊กของพราวนภาเพราะอยากรู้ว่าวันแรกของการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยของเธอนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเขาเชื่อว่าหญิงสาวจะต้องอัปเรื่องราวต่าง ๆ บนไทม์ไลน์ของตัวเองไว้แน่นอนและก็เป็นตามคาด พราวนภาโพสต์ภาพต่าง ๆ ลงไปไม่ว่าจะเป็นเพื่อนใหม่ สถานศึกษาใหม่ ตึกเรียนที่ตนเรียน กิจกรรมที่ตนเข้าร่วม รวมไปถึงการถ่ายรูปกับชายหนุ่มคนหนึ่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส...ไอ้หน้าขาวนี่ใครวะ!นฤบดินทร์ได้แต่เก็บความสงสัย แต่เมื่อเห็นว่ารูปนั้นมีการแท็กชื่อผู้ชายที่อยู่ในภาพด้วย เขาจึงกดเข้าไปที่ชื่อนั้นแล้วไล่ดูหน้าไทม์ไลน์ของอีกฝ่าย ทำให้เขาได้รู้ว่าผู้ชายหน้าขาวปากแดงคนนี้ชื่อตาร์ ทั้งยังเป็นพี่รหัสของพราวนภาอีกต่างหาก ความหงุดหงิดไม่สบอารมณ์เข้าครอ
นฤบดินทร์กลับเข้าไปในบ้านพักตากอากาศอีกครั้งหลังจากที่ดื่มไวน์หมดขวดแล้ว ครั้นพอชายหนุ่มเดินเข้าไปในบ้าน โรเบิร์ตก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “นี่นายไม่ได้นอนอยู่ข้างบนหรือ ฉันนึกว่านายจะไปนอนพักเสียอีก”นฤบดินทร์ยิ้มอ่อนพลางทรุดตัวนั่งบนโซฟายาวตัวเดียวกับโรเบิร์ต ขณะที่เพื่อนอีกหลายคนจดจ่ออยู่ที่จอแอลซีดีขนาดใหญ่ซึ่งกำลังถ่ายทอดเทปบันทึกการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล“เปล่า ฉันออกไปนั่งรับลมที่ชายหาดน่ะ เอารอยัล เดอมาเรียไปนั่งดื่มด้วย” นฤบดินทร์พูดไปยิ้มไป แต่คนฟังนั้นพ่นเบียร์ในปากออกมาทันทีพร้อมกับหันมามองเขาตาเหลือก“นายว่าอะไรนะดิน รอยัล เดอมาเรีย? นายล้อฉันเล่นใช่ไหม นายเอารอยัล เดอมาเรียไปนั่งดื่มที่ชายหาดเนี่ยนะ พระเจ้า! นั่นไวน์ของพ่อฉัน”โรเบิร์ตกุมขมับแทบหายเมาเป็นปลิดทิ้งเพราะไวน์ยี่ห้อ Royal DeMaria นั้นสนนราคาขวดละสามหมื่นกว่าเหรียญ...เขาถูกพ่อฆ่าแน่นฤบดินทร์หัวเราะออกมาทันทีด้วยความสะใจที่หลอกเพื่อนได้ ก่อนจะยอมเฉลยความจริง“ล้อเล่นน่า ฉันหยิบแค่ชาร์โต มูตองไปเท่านั้นเอง&rd