เมื่อสิบปีก่อนตอนที่ครอบครัวของเขาย้ายมาอยู่หมู่บ้านนี้ใหม่ ๆ เธออายุเพียงเจ็ดขวบเท่านั้น และนฤบดินทร์อายุสิบสอง หญิงสาวจำได้ว่าช่วงปีแรกที่เขาย้ายมา เขาต่อยตีกับเด็กผู้ชายในหมู่บ้านหลายครั้งมาก สาเหตุก็มาจากเด็กผู้ชายกลุ่มนั้นมักชอบล้อเลียนเรื่องหน้าตาของเขาว่าสวยเหมือนผู้หญิง เธอเองก็ไม่ชอบให้ใครมาล้อเขาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกเสียจากวิ่งไปฟ้องบิดากับมัลลิกา พี่สาวของเขาและเป็นว่าที่แม่เลี้ยงของเธอด้วยเพื่อให้มาช่วยเขาจากเด็กกลุ่มนั้น ใครจะรู้เล่าว่าพอพวกเธอกับบิดามาถึงสถานที่เกิดเหตุแล้ว กลับกลายเป็นว่าเด็กผู้ชายทั้งสามคนถูกนฤบดินทร์ซัดจนลงไปนอนหมอบกับพื้น ในขณะที่เจ้าตัวแค่หอบเบา ๆ ด้วยความเหนื่อยเท่านั้น
“ซื้อสิ พี่ดินซื้อของให้พราวตั้งเยอะ พราวถึงได้อยากเก็บทุกอย่างไว้ให้ดีที่สุด”
“อยากกินข้าวผัดไส้กรอก ทำให้กินหน่อยสิ” จู่ ๆ เขาก็โพล่งขึ้นมา เธอจึงรีบตอบรับทันที
“ได้ ๆ บ้านพี่ดินมีไส้กรอกไหม ถ้าไม่มีพราวจะได้เอาจากในครัวไปทำให้” หญิงสาวบุ้ยหน้าไปทางห้องครัวของบ้านตัวเอง
“ไม่มีอะไรสักอย่างหรอกก็น่าจะรู้อยู่ พราวทำจากที่บ้านเนี่ยแหละ ทำเสร็จแล้วค่อยเอาไปให้น้า หรือจะให้เจ้าพายกับพีทเอาไปให้ก็ได้ เร็วหน่อยละกัน ตื่นมายังไม่ได้กินอะไรเลย”
พราวนภาอดค้อนใส่เขาไม่ได้ คงไม่มีใครหน้าไหนน่าหมั่นไส้เท่าผู้ชายตรงหน้าเธออีกแล้ว มีอย่างที่ไหน มาขอร้องคนอื่นทำอาหารให้ตนกินแท้ ๆ แต่ก็ยังไม่วายพูดออกมาเป็นประโยคคำสั่งจนได้
“เจ้าค่ะคุณชาย ทำเสร็จแล้วจะรีบไปเสิร์ฟให้เลยเจ้าค่ะ” พูดจบเธอก็ลุกขึ้นยืน ขณะที่กำลังจะเดินออกจากศาลาก็ได้ยินเสียงเอื่อยเฉื่อยของเขาพูดขึ้นลอย ๆ
“เอาไปวางบนโต๊ะกินข้าวนั่นแหละนะ ไม่ต้องขึ้นไปบนห้องน้าล่ะ เดี๋ยวเจอของดีเข้าอีกแล้วจะหาว่าน้าไม่เตือน”
พราวนภาหันขวับไปมองเขาทันที ใบหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาจนรู้สึกได้ เธออุตส่าห์ทำเป็นลืมไปแล้วเชียวแต่เขาก็ยังอุตส่าห์มาย้ำเตือนความจำกันอีก...คนนิสัยเสีย!
นฤบดินทร์เดินกลับมาบ้านตัวเองอย่างอารมณ์ดี ชายหนุ่มเปิดตู้เย็นแล้วต้องนิ่วหน้าเล็กน้อยเพราะบรรดาเครื่องดื่มที่เห็นอยู่ นอกจากเบียร์กระป๋องแล้วก็มีเพียงน้ำเปล่าครึ่งขวดแช่ไว้ นอกนั้นเป็นของว่างและเครื่องปรุงรสต่าง ๆ ที่มารดาซื้อมา เขามองขวดเปล่าที่วางกองอยู่บนเคาน์เตอร์ครัวแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ สุดท้ายจึงเดินไปกรอกน้ำใส่ขวดแล้วนำมาแช่ตู้เย็นด้วยตัวเอง
เขายอมรับว่าตนเคยตัวเสียแล้วกับการที่มีมารดาจัดแจงอะไรให้ทุกอย่างในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้หรืออาหารการกิน อาจเพราะเขาเป็นบุตรชายคนเล็กด้วยกระมัง บิดามารดาจึงค่อนข้างตามใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งพอพวกท่านไม่อยู่ การใช้ชีวิตในแต่ละวันของเขาจึงค่อนข้างขลุกขลักพอสมควร ตั้งแต่น้ำดื่มในตู้เย็นไม่มีเพราะเขาลืมกรอกน้ำใส่ขวด ไปจนกระทั่งห้องครัวมีกลิ่นเหม็นเน่าเพราะเขาลืมเอาขยะไปทิ้ง
โชคดีที่มัลลิกา พี่สาวของเขาอยู่บ้านติดกัน อีกฝ่ายจึงมาช่วยจัดการให้บ้างเป็นบางครั้งบางคราว แต่อีกไม่นานตนต้องไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศแล้ว เห็นทีคงต้องแก้นิสัยของตัวเองในเรื่องนี้ให้ได้
ขณะที่กำลังนั่งรอข้าวผัดจากพราวนภา เสียงกริ่งจากหน้าประตูรั้วก็ดังขึ้นในบ้าน ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย คิดว่าไม่ใช่หญิงสาวแน่นอนเพราะเธอจะเข้าบ้านหลังนี้ได้จากประตูเชื่อมระหว่างสองบ้านอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกดกริ่งเรียกจากหน้าบ้าน ครั้นพอมองออกไปแล้วเห็นว่าเป็นใครก็ได้แต่ส่ายศีรษะช้า ๆ พลางถอนหายใจแผ่ว
เขานำขวดน้ำที่กรอกเรียบร้อยแล้วเข้าตู้เย็นก่อนจะเดินออกไปเปิดประตูรั้วให้เพื่อนสนิททั้งสามคนที่ยืนยิ้มหน้าสลอนพร้อมกับถุงกับแกล้มและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“อะไรกันเนี่ยพวกมึง จะเมากันแต่หัววันเลยรึไงวะ” นฤบดินทร์เปิดประตูรั้วออกกว้างเพื่อให้เพื่อนนำรถจักรยานยนต์เข้ามาจอดด้านใน
“เออสิวะ มึงนี่โคตรคิวทองเลยนะไอ้ดิน จะก๊งเหล้ากับมึงแต่ละทีนี่เจอตัวยากฉิบหาย วันนี้พวกกูเลยต้องมาดักมึงแต่ไก่โห่นี่แหละ” เกม ณวัฒน์ชูถุงกับแกล้มและขนมขบเคี้ยวขึ้นมาในระดับสายตา
“พ่อกับแม่มึงไม่อยู่บ้านทั้งทีก็ต้องปาร์ตีกันหน่อยสิวะเพื่อน ไหน ๆ มึงก็จะไปอเมริกาแล้วนี่หว่า” บาส ภราดรเดินเข้าบ้านมาหลังจากจอดรถเรียบร้อยดีแล้ว
“ว่าแต่พี่มึงไม่อยู่ใช่ปะ” เจ จิตตินันท์พูดเสียงเบาพลางมองเข้าไปในตัวบ้านเพื่อมองหามัลลิกา เมื่อเห็นนฤบดินทร์พยักหน้าแทนคำตอบจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่มแล้วพูดต่อ
“ถ้าอย่างนั้นกูชวนสาว ๆ มาด้วยได้ไหมวะจะได้ครึกครื้น”
“ผู้หญิงที่ไหนของมึง” นฤบดินทร์ถามอย่างไม่ใส่ใจ เพราะอย่างไรเสียทั้งสามคนนี้ก็คบหากันมาตั้งแต่เด็กเพราะเป็นเพื่อนในหมู่บ้านเดียวกัน แม้ช่วงแรกที่ตนมาอยู่ที่นี่จะมีเรื่องต่อยตีกับทั้งสามคนนี้อยู่เสมอ ทว่าไป ๆ มา ๆ กลับกลายเป็นเพื่อนสนิทเสียแล้ว
“มึงจำน้องอุ้มที่กูเคยพาไปทองหล่อวันโน้นได้รึเปล่า” จิตตินันท์ถามพลางวางของที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะกลางห้องรับแขก ขณะที่บาสกับเกมเดินไปหยิบจานชามและแก้วน้ำในครัว
“ใครจะไปจำได้วะ กูไม่เคยเห็นมึงพาผู้หญิงมาซ้ำหน้ากันสักคน”
นฤบดินทร์ยิ้มมุมปาก จากนั้นรอยยิ้มก็หุบลงเมื่อเห็นร่างคุ้นตายืนถือจานข้าวผัดอยู่หน้าประตูบ้าน และมองมาทางเขากับเพื่อนตาโต
เขาลุกพรวดขึ้นทันทีและเดินเข้าไปหาหญิงสาว แต่ภราดรกลับไวกว่าเขาเพราะรายนั้นรีบวิ่งไปยืนตรงหน้าแล้วรับจานข้าวจากมือเธอไปถือเสียเอง
“น้องพราวเอาข้าวมาให้ไอ้ดินมันหรือครับ พี่บาสช่วยถือนะ แล้วน้องพราวกินข้าวมารึยัง กินกับพวกพี่ได้นะ พวกพี่ซื้อของกินมาเพียบเลย เป๊บซี่ก็มีนะ...” ภราดรยังพูดไม่จบ จานข้าวในมือก็ถูกนฤบดินทร์แย่งเอาไปถือ ครั้นพอหันไปมองอีกฝ่ายก็เห็นสายตาพิฆาตที่เพื่อนส่งมาให้ เขาจึงได้แต่ปิดปากเงียบแล้วเดินถอยหลังกลับไปนั่งที่เดิม แต่กระนั้นก็ยังไม่วายยิ้มหวานให้สาวน้อยหน้าประตู
นฤบดินทร์ยืนเอาตัวบังพราวนภาให้พ้นจากการมองเห็นของเพื่อน ๆ ก่อนจะหันไปส่งสายตาปรามเพื่อนทุกคนที่นั่งอยู่ ทั้งสามคนจึงไม่กล้าพูดแซวหญิงสาวเพราะรู้กันดีว่าเพื่อนของตนหวงแหนหลานนอกไส้คนนี้มากแค่ไหน
“ขอบใจมาก กลับบ้านไปได้แล้วละ แล้ววันนี้ก็ไม่ต้องมาบ้านน้าแล้วนะเพราะน้ากับเพื่อนคงกินกันดึก”
นฤบดินทร์แตะหลังเธอแล้วดันเบา ๆ ให้เดินกลับไปทางเดิม พราวนภาจึงได้แต่พยักหน้าแล้วมองเขาตาละห้อยก่อนเดินจากไป ชายหนุ่มยืนมองจนเห็นว่าร่างของเธอพ้นไปจากประตูเชื่อมแล้วจึงเดินกลับเข้าไปในบ้านตามเดิม
“แหมไอ้ดิน หวงเข้าไปนะมึง แค่มองแค่คุยก็ยังไม่ได้ กูอยากจะรู้นักว่าตอนที่มึงไม่อยู่แล้วเนี่ย มึงจะมีปัญญามาห้ามกูไม่ให้จีบน้องพราวไหม”
ภราดรแกล้งพูดทีเล่นทีจริง เขาแอบลุ้นให้นฤบดินทร์มีแฟนเป็นตัวเป็นตนที่เมืองนอกเสียเลย จะได้เลิกหวงเลิกกีดกันตนเสียที เขาตั้งใจไว้ว่าช่วงที่นฤบดินทร์ไม่อยู่เมืองไทย ตนจะค่อย ๆ สานสัมพันธ์กับพราวนภาไปช้า ๆ รอจนกระทั่งเพื่อนรักไฟเขียวเมื่อไรค่อยเดินหน้าจีบเต็มที่เพราะนั่นหมายความว่านฤบดินทร์ไม่ได้คิดนอกลู่นอกทางกับหลานสาวนอกไส้คนนี้แล้ว เขาจึงมีหวัง แต่ถ้าเพื่อนรักยังมีความรู้สึกเดิม ๆ กับพราวนภาอยู่เขาก็ไม่คิดจะแย่งของรักของเพื่อน
“มึงพูดงี้มึงมาต่อยกับกูเลยดีกว่าไอ้บาส”
นฤบดินทร์พูดเนิบ ๆ ไม่ได้มีทีท่าโกรธเคืองอะไร แต่เพื่อน ๆ นั้นรู้กันดีว่าถ้าเป็นเรื่องต่อยตีนั้นอีกฝ่ายพูดจริงทำจริงเสมอ
“เยี่ยมเลยเมียจ๋า” วิเศษยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะ ณ เวลานี้นอกจากเขาจะได้นอนมองภูเขาไฟฟูจิแล้ว ตรงหน้าเขาก็ยังมีสาวเปลือยหุ่นเซ็กซี่มาส่ายบั้นท้ายสวย ๆ สร้างความสุขให้เขาอีกด้วย แม้จะเห็นแค่แผ่นหลังของเธอ แต่แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องมากระทบร่างของหญิงสาวจนทำให้ดูเหมือนร่างทั้งร่างของเธอเปล่งประกายขึ้น ก็ยิ่งทำให้ภาพเบื้องหน้าเขาตอนนี้สวยงามราวกับศิลปะชิ้นเอกสองปีกว่าที่อยู่ในฐานะคู่หมั้น แต่เขากับเธอใช้ชีวิตร่วมกันในคอนโดฯ ไม่ต่างจากสามีภรรยาคู่หนึ่ง จะต่างก็แค่พราวนภาไม่ได้นอนค้างกับเขาเพราะต้องกลับไปนอนที่บ้าน เขาเองก็เช่นกันที่ต้องกลับไปนอนบ้านของตัวเอง นอกเหนือจากนั้นเราสองคนต่างดูแลกันและกันเป็นอย่างดีเขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้พราวนภาทั้งเรื่องการเรียน การทำงาน รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ทั่วไป ให้เงินเธอใช้ และดูแลให้เธอสุขสบายเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ ส่วนพราวนภาก็คอยมาดูแลทำความสะอาดห้องในคอนโดฯ ให้เขา ทำกับข้าวให้กิน และดูแลเขาในเรื่องอื่น ๆ ไม่ต่างจากภรรยาคนหนึ่งดังนั้นเขาจึงเห็นว่าถ้าพราวนภาเรียนจบเมื่อไรจึงอยากจัดงานแต่งงานทันที เพราะอยา
พราวนภาค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงียจากนั้นก็เดินไปเข้าห้องน้ำราวกับยังไม่ตื่นดี เธอเข้าไปสักพักก็ออกมาด้วยสีหน้าแจ่มใส ตามไรผมมีหยดน้ำเกาะอยู่ประปรายบ่งบอกว่าเจ้าตัวล้างหน้าเพื่อความสดชื่น“พี่ดินทำเสร็จแล้วหรือ” หญิงสาวมองไปยังคอมพิวเตอร์ที่วางเรียงรายกันหกเครื่องแล้วก็ห่อปากทำตาโต“โห อย่างกับฐานปฏิบัติการในซีรีส์ฝรั่งเลย แต่พี่ต้องรอให้เขามาติดอินเทอร์เน็ตให้ก่อนใช่ไหม”“ใช่ แต่ทำเรื่องขอไปแล้วละ รอเขาติดต่อกลับมา พราวหิวรึยัง แล้วทำไมดูเหมือนเดินขาสั่น ๆ ล่ะ”เขาแกล้งถามทั้งที่รู้ดีแก่ใจ วันนี้เขาให้หญิงสาวขึ้นคุมเกมทั้งควบทั้งขย่มได้ตามต้องการ เธอเร่าร้อนได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเขาก็ชอบมากที่หญิงสาวปลดปล่อยอารมณ์ปรารถนาออกมาอย่างเต็มที่ คู่หมั้นของเขาแซ่บลืมโลกขนาดนี้แล้วทำไมเขาต้องรับไมตรีจากผู้หญิงคนอื่นมาทำให้ชีวิตคู่ของเขาต้องวุ่นวายอีกเล่า“ยังจะถามอีกนะ” เธอหันมาค้อนให้วงใหญ่ก่อนจะพูดอีกว่า“พราวไม่คิดมาก่อนเลยนะว่าคนนิ่ง ๆ แบบพี่ดินจะหื่นจัดได้ขนาดนี้”นฤบดินทร์ห
“พี่ดิน เดี๋ยวพี่ รอผมก่อน” เสียงห้าวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในหมู่บ้านตะโกนเรียกมาแต่ไกล ทำให้นฤบดินทร์ต้องหยุดรออย่างเสียไม่ได้ เมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นวิ่งมาถึงก็ยื่นช่อดอกกุหลาบช่อเล็กที่มักทำขายกันในวันวาเลนไทน์มาให้เขาแล้วพูดว่า“ผมฝากให้พราวหน่อยสิพี่ วันนี้ขี่จักรยานผ่านหลายรอบแล้วแต่ก็ไม่เห็นพราวออกจากบ้านเลย นะพี่นะ”นฤบดินทร์ยืนเท้าเอวมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องทันที “นี่ไอ้อั๋น มึงเอากลับไปเลยนะ หรือจะเอาไปให้สาวที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่พราว น้องมันเพิ่งอยู่ม.สองมึงจะมาให้ดอกไม้บ้าบออะไรเนี่ย เดี๋ยวกูเตะให้เลย”“โธ่พี่ผมไหว้ล่ะ ผมชอบพราวจริง ๆ นะแต่ผมไม่กล้าเอาไปให้ที่บ้าน ผมกลัวพ่อเขาน่ะ” อั๋นยิ้มแหยเมื่อพูดถึงบิดาของพราวนภานฤบดินทร์ทำทีเป็นหักนิ้วดังเป๊าะ ๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยว่า “แล้วมึงไม่กลัวกูรึไง กูก็มีศักดิ์เป็นน้าของพราวนะเว้ยมึงอย่าลืม หลานกูยังเด็ก โอเค้ มึงไปไกล ๆ ตีนกูเลยก่อนที่กูจะของขึ้น”“โธ่พี่ จะหวงไว้กินเองรึไงเนี่ย เหวอ!”
“ไม่จริงมั้งพี่ต่าย วันก่อนผมเห็นนะว่าพี่ควงสาวไปกินซูชิน่ะ สาวคนนั้นก็หน้าคุ้น ๆ ซะด้วยสิเหมือนว่าจะทำงานที่นี่เหมือนกันด้วยนี่นา” เขาพูดไปแค่นั้น ในแผนกก็ฮือฮาขึ้นทันที ต่างพากันรุมถามกันยกใหญ่ว่าหญิงสาวที่ต่ายพาไปออกเดตนั้นคือใคร แต่นฤบดินทร์ไม่ตอบเพราะต้องการให้เจ้าตัวพูดเอง“แหมไอ้นี่ พี่อุตส่าห์แกล้งทำเป็นไม่เห็นแกกับสาวนักศึกษาคนนั้นแล้วนะ แต่แกเสือกเห็นพี่ด้วยหรือวะ” ต่ายพูดไปยิ้มไป ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย“เห็นสิพี่ ผมยังชี้ให้แฟนผมดูเลยว่านั่นน่ะรุ่นที่พี่แผนก ส่วนสาวคนนั้นก็...พวกพี่ไปสอบถามกันเองละกันนะ ผมพับไมค์ละ” เขาเว้นเอาไว้เพราะจะให้ทุกคนไปถามกับเจ้าตัวเลยดีกว่าหลังจากเลิกงาน นฤบดินทร์รีบไปที่คอนโดมิเนียมที่ตนซื้อเอาไว้เพราะช่างโทรศัพท์มาแจ้งว่าเดินสายไฟเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว และอยากให้เขาเข้าไปตรวจเช็กความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่งเมื่อตรวจดูและทดสอบทุกจุดแล้วไม่มีปัญหา อีกทั้งช่างก็เก็บงาน และทำรางเก็บสายไฟเอาไว้ให้ด้วยทำให้นฤบดินทร์พอใจมาก จึงโอนเงินค่าจ้างส่วนที่เหลือให้ช่างทันที ครา
“เพิ่งซื้อเมื่อไม่กี่วันนี่เอง เป็นคอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมอยู่น่ะ ความจริงแล้วพี่ซื้อดาวน์ต่อมาจากคนอื่นเพราะเขาผ่อนต่อไม่ไหว จะเอาไว้แอบกินอีหนูคนนี้นี่แหละเพราะมีอยู่คนเดียวเนี่ย” เขายื่นหน้าไปจูบริมฝีปากอิ่ม“พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานแล้วนะ พราวคงต้องติดรถพ่อไปเรียนเหมือนเดิมแล้วละ”“อืม แต่คุณตากับคุณยายยังไม่รู้เลยใช่ไหมว่าพี่ได้งานทำแล้ว” พราวนภายังคงติดเรียกบิดามารดาของเขาว่าคุณตาคุณยายอยู่ แต่เขาก็ไม่อยากเคี่ยวเข็ญว่าต้องเปลี่ยน เอาที่เธอสบายใจดีกว่า“ใช่ อยากเห็นจริง ๆ ว่าพรุ่งนี้จะทำหน้ากันยังไง คงเหวอน่าดู” เขาหัวเราะคิกคัก คนอื่นอาจจะชอบแกล้งเพื่อนแกล้งแฟน แต่เขาชอบแกล้งบิดามารดาของตัวเอง“คอนโดฯ ที่พี่ดินซื้ออยู่แถวที่ทำงานหรือ” หญิงสาวเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนอนคว่ำแล้วยกตัวช่วงบนขึ้น ส่งผลให้ทรวงอกกลมกลึงชูช่ออะร้าอร่ามอวดสายตาจนชายหนุ่มได้แต่มองตาปรอย“ใช่ เพราะบ้านพี่มันไม่มีพื้นที่สำหรับทำห้องทำงานน่ะ บ้านพี่หลังเล็กไม่ใหญ่เหมือนบ้านพราวก็เลยต้องออกมาซื้อข้างนอกไว้ทำออฟฟิศส่
บิดามารดาของนฤบดินทร์มองดูบุตรชายที่กำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาในห้องรับแขกอย่างไม่ทุกข์ร้อน ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกจนกระทั่งหมั้นกับสาวข้างบ้านไปแล้วเรียบร้อย เจ้าตัวก็ยังไม่มีทีท่าจะออกไปหางานทำอย่างที่ควรจะเป็น จนในที่สุดผู้เป็นบิดาก็ทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถามออกไปในที่สุด“ไอ้ดิน นี่แกไม่คิดจะออกไปหางานหาการทำรึไงเนี่ย แกจะเอ้อระเหยเกินไปแล้วนะ”“ไว้ก่อนครับ ขี้เกียจ” เจ้าตัวตอบมาสั้น ๆ พลางหยิบขนมในจานมากินทั้งที่ยังนอนอยู่“ตาดิน แกจะทำตัวอย่างนี้ไม่ได้นะลูก เรามีคู่หมั้นคู่หมายแล้วนะ นี่ถ้าบ้านโน้นเขาเห็นแกยังนอนไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ยอมออกไปหางานทำเขาจะคิดยังไง” ผู้เป็นมารดาเอ่ยปากเตือนขึ้นมาบ้าง เพราะกิจวัตรประจำวันของบุตรชายตอนนี้นอกจากไปรับส่งคู่หมั้นสาวที่มหาวิทยาลัยทุกวันแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรอีกนอกจากนอนดูโทรทัศน์“เอาน่า ถ้าผมอยากไปหางานทำเมื่อไรเดี๋ยวก็ไปเองนั่นแหละ พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงหรอก” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ ยิ่งได้ยินบิดามารดาบ่นกันตามประสาคนแก่ เขาก็แทบกลั้นขำไม่ไหว นั่นเ