Home / โรแมนติก / โอบฟ้ามาห่มดิน / บทที่ 5 ให้ความรักเป็นหนังสือ - 25%

Share

บทที่ 5 ให้ความรักเป็นหนังสือ - 25%

last update Last Updated: 2025-05-29 13:05:17

“ทำไมมึงไม่บอกน้องเขาให้เคลียร์ไปเลยวะไอ้ดินว่ามึงรู้สึกยังไง ถ้าเป็นกูนะเรียบร้อยไปแล้ว”

จิตตินันท์ถามไปตามตรงเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมนฤบดินทร์ต้องปิดปากเงียบเอาไว้ อีกทั้งเขาค่อนข้างมั่นใจว่าพราวนภาก็ชอบอีกฝ่ายเช่นกัน แต่เพื่อนตัวดีของเขากลับท่ามาก ปากแข็งไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง

“เรียบร้อยอะไรของมึง แล้วทำไมกูต้องพูดให้เคลียร์ด้วย” นฤบดินทร์พูดทั้งที่ยังมีข้าวเต็มปาก

“กูอยากหาอะไรมาง้างปากมึงจริง ๆ เลยไอ้ดิน ไอ้คนปากแข็ง ระวังไว้เถอะมึง ปล่อยเอาไว้แบบนี้เดี๋ยวหมาก็คาบไปแดกจนได้ ตั้งสามสี่ปีเชียวนะเว้ยที่มึงไปอเมริกา กลับมาอีกทีถ้าเขามีแฟนแล้วจะร้องไม่ออก” ตอนที่พูดคำว่าหมา จิตตินันท์บุ้ยหน้าไปทางภราดรเพราะอีกฝ่ายก็กำลังเล็งจะจีบพราวนภาเช่นกัน

“แล้วมึงจะไปเตือนมันทำไมวะไอ้เจ มันไม่พูดก็ปล่อยมันไปดิ พอมันไปแล้วกูจะได้ทำคะแนนกับน้องเขา” ภราดรยิ้มร่า ส่งผลให้นฤบดินทร์ยกเท้าถีบขาด้วยความหมั่นไส้

“บอกพวกมึงไปก็ไม่เข้าใจหรอก ขี้เกียจอธิบาย”

นฤบดินทร์เข้าใจความหวังดีของเพื่อน แต่เขาก็มีเหตุผลของตัวเองที่ไม่บอกความรู้สึกของตนให้พราวนภาได้รู้ ใครไม่มาอยู่ในจุดเดียวกับเขาก็คงไม่เข้าใจ และมันก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่เขาจะต้องอธิบายเรื่องแบบนี้ให้เพื่อนฟัง

“แต่กูเข้าใจไอ้ดินมันนะเว้ย” ณวัฒน์วางกระติกน้ำแข็งไว้บนโต๊ะเพื่อความสะดวกในการหยิบใช้ จากนั้นก็ทรุดตัวนั่งบนโซฟาอีกตัวก่อนพูดต่อ

“มึงคิดดูนะ ตอนนี้ไอ้ดินกับน้องพราวเป็นญาติกัน บ้านก็อยู่ติดกัน ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมามันจะมองหน้ากันไม่ติดเลยนะมึง แล้วอีกอย่างนะ ตอนนี้น้องพราวกำลังจะขึ้นม.หก อีกหน่อยก็ต้องเข้ามหา’ลัย เราไม่รู้หรอกว่าตอนที่น้องเขาเรียนมหา’ลัยน่ะสังคมมันกว้างขึ้น เขาได้เจอคนอีกเยอะแยะแล้วเขาจะคบกับคน ๆ นั้นรึเปล่า ถ้าไอ้ดินมันบอกชอบน้องพราวไปตอนนี้ก็เหมือนกับผูกมัดเขาไว้น่ะสิวะ”

“อ้าว แล้วไม่ดีตรงไหนวะ เขาจะได้ไม่ไปคบกับคนอื่นไง” จิตตินันท์ยังคงไม่เห็นด้วย ณวัฒน์จึงพูดเสริม

“ไอ้ควาย! มันจะดีได้ยังไงวะ ผูกมัดเขาไว้ด้วยคำพูดแต่ใจน้องเขาไปอยู่กับคนอื่นแล้วเนี่ยนะ แล้วถ้า...อันนี้กูสมมตินะ สมมติว่าไอ้ดินมันบอกว่าชอบน้องเขาแล้วเกิดมีอะไรกันขึ้นมา พอไอ้ดินไปเมืองนอก ผ่านไปปีสองปีน้องเขาเจอคนใหม่สังคมใหม่แล้วเกิดชอบผู้ชายคนนั้นจนคบกัน พอไอ้ดินกลับมามันจะมองหน้ากันติดเหรอ ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่มีปัญหาอะไร แต่นี่เป็นญาติกันนะโว้ย บ้านติดกัน ต้องเจอหน้ากันเกือบทุกวัน ไอ้ดินต้องแทนตัวเองว่าน้าทั้งที่นอนด้วยกันแล้วเนี่ยนะ และถ้าสมมติต่างคนต่างมีแฟนใหม่ มันจะไม่รู้สึกแปลก ๆ กันเลยหรือวะเวลาเจอหน้ากัน”

“เออว่ะ ไอ้เกมพูดถูก” ภราดรพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะหันไปพูดกับนฤบดินทร์ว่า

“ถ้าอย่างนั้นกูจะคอลไปถามมึงเรื่อย ๆ นะว่ากูจีบน้องพราวได้รึยัง ถ้ามึงโอเคเมื่อไรกูจะได้เดินหน้าต่อ”

“มึงไม่ต้องคอลมาถามกูหรอกเพราะคำตอบของกูก็เหมือนเดิม”

นฤบดินทร์พูดจบก็วางจานเปล่าไว้บนโต๊ะเพราะกินหมดพอดี จากนั้นก็ยกน้ำขึ้นดื่ม

ณวัฒน์พูดได้ตรงใจเขาทุกอย่างจนเขาไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่ม เรื่องของความรู้สึกเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเพราะเขาแคร์พราวนภามากถึงได้ทำอย่างนี้ ช่วงที่เขาไม่อยู่เมืองไทย เขาอยากให้หญิงสาวเติบโตขึ้นทั้งในด้านความคิดและวุฒิภาวะ เธอจะได้ทบทวนความรู้สึกของตัวเองว่าความจริงแล้วรู้สึกกับเขาอย่างไรกันแน่ระหว่างญาติห่าง ๆ พี่ชายข้างบ้าน หรือคนรัก

และหลังจากที่เขากลับมาเมืองไทย ถ้าพราวนภายังมองเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่อยากจะรักและเดินไปด้วยกัน เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะเป็นฝ่ายโอบเธอเข้ามาหาเอง

“โถ...ไอ้ดิน มึงพูดอย่างกับว่าไปอยู่ที่โน่นแล้วจะไม่มีแฟนเลยอย่างนั้นแหละ กูไม่เชื่อหรอกน้ำหน้าอย่างมึงน่ะ ไม่เกินหนึ่งเดือนมึงมีหญิงให้ควงแน่นอน” ภราดรแค่นยิ้มให้เพื่อน ในกลุ่มพวกเขานั้นนฤบดินทร์หน้าตาดีที่สุดจึงมีสาว ๆ มากหน้าหลายตามาวนเวียนอยู่ข้างกายไม่เคยขาด

ตั้งแต่รู้จักกันมา เขาไม่เคยเห็นนฤบดินทร์เป็นฝ่ายเข้าหาหรือจีบใครก่อน มีแต่ผู้หญิงที่เป็นฝ่ายเข้ามาหาก่อนทั้งนั้น แต่ก็ใช่ว่าเพื่อนของเขาจะอ้าแขนรับไว้ทั้งหมด นฤบดินทร์จะเลือกเฉพาะคนที่นิสัยใจคอไปด้วยกันได้ ไม่เรื่องมาก หรือคบแล้วมีปัญหาน้อยที่สุด แต่กระนั้นก็ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทุบทำลายสถิติหรือคบได้เกินสามเดือนเลยสักคน

“นั่นมันอีกเรื่อง” นฤบดินทร์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจเพราะเขารู้ตัวเองดีว่ากำลังทำอะไรอยู่

“ว่าแต่มึงคิดเอาไว้รึยังว่าเรียนจบกลับมาแล้วจะทำอะไร หรือจะเปิดบริษัทเอง ตอนนั้นเห็นมึงบอกว่าอยากเปิดบริษัทเอง”

ณวัฒน์ถามด้วยความสนใจเพราะตอนนี้มีตนเพียงคนเดียวที่ยังเป็นนักศึกษา เพราะเขาเรียนคณะสัตวแพทย์ซึ่งต้องใช้เวลาเรียนหกปี ในขณะที่เพื่อน ๆ เรียนคณะอื่นใช้เวลาแค่สี่ปี

“คงทำงานบริษัทไปก่อนนั่นแหละ หาประสบการณ์ให้แน่นสักห้าปีสิบปีแล้วค่อยออกมาทำเอง”

นฤบดินทร์ตอบไปตามที่คิดเพราะครอบครัวของเขาไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการเหมือนภราดรกับจิตตินันท์ บิดาของเขาเคยรับราชการที่กรมศุลกากร ส่วนมารดาก็ทำงานในบริษัทเอกชน และตอนนี้ท่านทั้งสองคนก็เกษียณแล้วทั้งคู่ แม้เขาจะหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำจากการเทรดค่าเงินและเล่นหุ้น แต่เงินก้อนนั้นเขาก็ไม่ต้องการเอาไปเสี่ยงกับการเปิดบริษัทเพื่อยืนด้วยลำแข้งตัวเอง เพราะในโลกของธุรกิจและการทำงานนั้น นอกเหนือไปจากประสบการณ์และคอนเนกชันแล้ว เงินก็เป็นส่วนสำคัญ หากสายป่านไม่ยาวพอ ธุรกิจก็อยู่รอดได้ลำบาก

“มันก็ต้องอย่างนั้นแหละวะ เปิดบริษัทเองใช้เงินเยอะจะตาย ไอ้ดินมันต้องเก็บเงินไว้แต่งเมียนะเว้ย เพราะดูท่าทางบ้านโน้นเรียกสินสอดมันหมดตัวแน่นอน ฮ่า ๆ” จิตตินันท์พูดจบ เพื่อนอีกสองคนก็ฮาครืนเพราะทุกคนรู้กันดีว่าภาวิน บิดาของพราวนภานั้นหวงบุตรสาวขนาดไหน

นฤบดินทร์ยิ้มอ่อนไม่พูดอะไรต่อ จิตตินันท์จึงเอ่ยถึงเรื่องที่ตนถามค้างเอาไว้ก่อนหน้าด้วยแววตาเป็นประกาย

“แล้วตกลงกูโทร. เรียกน้องอุ้มกับเพื่อนมาที่นี่ได้รึเปล่าวะ สี่คนครบคู่เลยนะมึงสวย ๆ ทั้งนั้น มึงจำน้องปุ๊กกี้ได้ไหมไอ้ดิน เขาบอกว่าชอบมึงมากเลยนะเว้ย บ่นใหญ่เลยว่าให้เบอร์มึงไปแล้วแต่มึงไม่เคยโทร. หาเขาเลย ถ้าวันนี้มึงโอเคกูจะโทร. หาน้องอุ้มทันทีเลยเนี่ย”

“มึงจะเล่นเซ็กซ์หมู่ในบ้านกูรึไง ไม่ต้องเลย ปุ๊กกี้ไหนกูไม่รู้จัก จำไม่ได้ เรียกมาก็วุ่นวายเปล่า ๆ” นฤบดินทร์ปฏิเสธทันที เขาไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว ผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยคบหาด้วยเขาก็ไม่เคยพามาที่บ้านแม้แต่คนเดียว สาเหตุหลักก็เพราะเขาไม่ต้องการให้พราวนภาเห็น และอีกสาเหตุก็คือพื้นที่ส่วนตัวตรงนี้เขาสงวนไว้ให้สำหรับคนในครอบครัว และเพื่อนสนิทเท่านั้น

“หมู่อะไรเล่า ก็กูบอกอยู่นี่ไงว่าคู่ใครคู่มัน” จิตตินันท์พูดกลั้วหัวเราะเพราะรู้คำตอบอยู่แล้วว่าเจ้าของบ้านไม่อนุญาตแน่นอน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 14 ถูกบูลลี่ - 50%

    ชายหนุ่มยื่นกระเป๋าใบนั้นให้โอเวนแล้วพูดว่า“นายเอาไปคืนให้เธอหน่อยสิ ถ้าฉันเอาไปคืนด้วยตัวเอง แอนคงคิดเป็นตุเป็นตะอีกว่าฉัน...” เขาไม่อยากพูดจบประโยคเพราะเกรงว่าจะฟังดูใจร้ายเกินไป จึงได้แต่กลอกตามองเพดานแทนโอเวนหัวเราะเบา ๆ แล้วรับกระเป๋าของอันธิกาไป นฤบดินทร์จึงนั่งลงที่เดิมแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเข้าไปดูเฟซบุ๊กของพราวนภาเพราะอยากรู้ว่าวันแรกของการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยของเธอนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเขาเชื่อว่าหญิงสาวจะต้องอัปเรื่องราวต่าง ๆ บนไทม์ไลน์ของตัวเองไว้แน่นอนและก็เป็นตามคาด พราวนภาโพสต์ภาพต่าง ๆ ลงไปไม่ว่าจะเป็นเพื่อนใหม่ สถานศึกษาใหม่ ตึกเรียนที่ตนเรียน กิจกรรมที่ตนเข้าร่วม รวมไปถึงการถ่ายรูปกับชายหนุ่มคนหนึ่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส...ไอ้หน้าขาวนี่ใครวะ!นฤบดินทร์ได้แต่เก็บความสงสัย แต่เมื่อเห็นว่ารูปนั้นมีการแท็กชื่อผู้ชายที่อยู่ในภาพด้วย เขาจึงกดเข้าไปที่ชื่อนั้นแล้วไล่ดูหน้าไทม์ไลน์ของอีกฝ่าย ทำให้เขาได้รู้ว่าผู้ชายหน้าขาวปากแดงคนนี้ชื่อตาร์ ทั้งยังเป็นพี่รหัสของพราวนภาอีกต่างหาก ความหงุดหงิดไม่สบอารมณ์เข้าครอ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 13 ถูกบูลลี่ - 25%

    นฤบดินทร์กลับเข้าไปในบ้านพักตากอากาศอีกครั้งหลังจากที่ดื่มไวน์หมดขวดแล้ว ครั้นพอชายหนุ่มเดินเข้าไปในบ้าน โรเบิร์ตก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “นี่นายไม่ได้นอนอยู่ข้างบนหรือ ฉันนึกว่านายจะไปนอนพักเสียอีก”นฤบดินทร์ยิ้มอ่อนพลางทรุดตัวนั่งบนโซฟายาวตัวเดียวกับโรเบิร์ต ขณะที่เพื่อนอีกหลายคนจดจ่ออยู่ที่จอแอลซีดีขนาดใหญ่ซึ่งกำลังถ่ายทอดเทปบันทึกการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล“เปล่า ฉันออกไปนั่งรับลมที่ชายหาดน่ะ เอารอยัล เดอมาเรียไปนั่งดื่มด้วย” นฤบดินทร์พูดไปยิ้มไป แต่คนฟังนั้นพ่นเบียร์ในปากออกมาทันทีพร้อมกับหันมามองเขาตาเหลือก“นายว่าอะไรนะดิน รอยัล เดอมาเรีย? นายล้อฉันเล่นใช่ไหม นายเอารอยัล เดอมาเรียไปนั่งดื่มที่ชายหาดเนี่ยนะ พระเจ้า! นั่นไวน์ของพ่อฉัน”โรเบิร์ตกุมขมับแทบหายเมาเป็นปลิดทิ้งเพราะไวน์ยี่ห้อ Royal DeMaria นั้นสนนราคาขวดละสามหมื่นกว่าเหรียญ...เขาถูกพ่อฆ่าแน่นฤบดินทร์หัวเราะออกมาทันทีด้วยความสะใจที่หลอกเพื่อนได้ ก่อนจะยอมเฉลยความจริง“ล้อเล่นน่า ฉันหยิบแค่ชาร์โต มูตองไปเท่านั้นเอง&rd

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 12 เฟรชชี่หน้าใส - 100%

    อันธิการีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองแล้วเลื่อนตัวไปอยู่ตรงหว่างขาของเขา จากนั้นก็จัดการถอดกางเกงของชายหนุ่มออกบ้างโดยที่ส่วนบนของร่างกายเขาเธอไม่เสียเวลาถอดให้ เธอปล่อยให้ศีรษะของนฤบดินทร์มุดอยู่ในหมอนใบนุ่มเช่นเคยเพราะต้องการให้เขาคิดว่าทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นนั้นคือความฝันแต่กว่าจะรู้ว่าทุกอย่างคือความจริง มันก็สายไปแล้ว อย่างไรเสียเขาก็ต้องรับผิดชอบเธออันธิกาหลับตาคลี่ยิ้มอย่างเป็นสุขขณะที่ค่อย ๆ เคลื่อนไหวอยู่บนร่างของชายหนุ่มอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งทะยานผสานไปกับเสียงครวญครางแผ่วเบาที่ตนไม่อาจกักเก็บเอาไว้ได้ขณะเดียวกัน เงาตะคุ่มของใครบางคนก็เดินลัดเลาะออกมาจากทางเดินที่เชื่อมระหว่างหลังบ้านกับลานจอดรถหน้าบ้าน คนผู้นั้นถือขวดไวน์ขวดใหญ่ออกจากบริเวณบ้านแล้วเดินลงไปที่ชายหาด จากนั้นก็ทรุดตัวนั่งบนผืนทรายท่ามกลางแสงสลัวชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพราะรู้ว่าก่อนหน้านี้พราวนภาคอลมาหาแต่เขาไม่สะดวกรับ แต่พอดูเวลาแล้วคิดว่าตอนนี้คงไม่เหมาะนักหากจะโทร. กลับไปเพราะหญิงสาวคงเข้าเรียนไปแล้ว ดังนั้นจึงได้แต่มองรูปที่เธอส่ง

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 12 เฟรชชี่หน้าใส - 75%

    เปิดเรียนวันแรก พราวนภาตื่นแต่เช้าตรู่เพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย และเป็นเพราะเพื่อนสนิทในกลุ่ม หรือเพื่อนร่วมชั้นที่เคยเรียนห้องเดียวกัน ไม่มีใครเลือกเรียนภาคอินเตอร์เหมือนเธอสักคน ดังนั้นหญิงสาวจึงรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูกพราวนภาเปิดลิ้นชักเพื่อหยิบนาฬิกาข้อมือเรือนใหม่ล่าสุดที่ได้เป็นของขวัญมาจากลุงชินดนัยกับแม่จันทร์เจ้า แต่พอเอามาใส่ข้อมือแล้วหญิงสาวกลับเพิ่งนึกได้ว่านาฬิกาแบรนด์หรูที่ราคาเกือบครึ่งล้านเรือนนี้ไม่เหมาะอย่างยิ่งหากจะใส่ไปเรียนวันแรกเพราะอาจถูกเพื่อนหรือรุ่นพี่เขม่นเอาได้ โทษฐานที่อวดรวยมากเกินไปแต่สำหรับเธอแล้ว นาฬิกายี่ห้อหรูราคาแสนแพงเหล่านี้ เธอเห็นมาตั้งแต่เด็กจนแทบลืมไปว่าราคาค่างวดของมันไม่ใช่คนธรรมดาจะหาซื้อได้ เพราะลุงชินดนัยเป็นเจ้าของบริษัทที่นำเข้านาฬิกาแบรนด์นี้แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นบิดามารดา คุณปู่คุณย่า หรือแม้กระทั่งนฤบดินทร์ต่างก็มีนาฬิกายี่ห้อนี้คนละหนึ่งเรือนเป็นอย่างต่ำพราวนภาถอดนาฬิกาเก็บไว้ในกล่องตามเดิมแล้วหยิบนาฬิกาแฟชั่นมาใส่แทน หลังจากเช็กความเรียบร้อยขอ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 12 เฟรชชี่หน้าใส - 50%

    พราวนภาเผลอยิ้มออกมาจนต้องเม้มปากเพื่อกลั้นยิ้มเอาไว้เมื่อได้ยินว่านฤบดินทร์ไม่ค่อยโทรศัพท์กลับมาที่บ้านเพราะไม่มีเรื่องจะคุย แต่กับเธอ เขาโทร. หามาทุกวันไม่เคยขาด บางวันโทร. มาสองครั้งด้วยซ้ำ จนเธอยังแปลกใจตัวเองว่ามีเรื่องอะไรคุยกับเขานักหนาและดูเหมือนว่าความคิดถึงของพราวนภาจะถูกส่งไปถึงนฤบดินทร์ เพราะชายหนุ่มวิดีโอคอลเข้ามาที่เครื่องพอดี หญิงสาวจึงต้องหลบออกไปจากห้องรับแขกเพื่อหาที่คุยกับเขาเงียบ ๆ“ตื่นเช้าอีกแล้วนะพี่ดิน” พราวนภาทักทายเขาด้วยน้ำเสียงสดใส ตอนนี้เธอเชี่ยวชาญเรื่องเวลาของเมืองไทยกับบอสตันเป็นอย่างดี เช่นตอนนี้เมืองไทยประมาณสิบเจ็ดนาฬิกา ที่บอสตันก็จะเป็นเวลาหกโมงเช้า“ตื่นไปวิ่งน่ะ สายหน่อยก็จะไปยิม แล้วตอนนี้ที่บ้านก็กำลังกินเลี้ยงกันอยู่ล่ะสิ”“ใช่ อยู่กันครบเลยละ อาคินยังมาเลย คุณย่าบ่นคิดถึงพี่ดินด้วยนะ” พูดจบหญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อจู่ ๆ คนที่คุยด้วยก็ถอดเสื้อของตัวเองออกจนเปลือยท่อนบนแล้วเดินไปหยิบเสื้อวอร์มในตู้ออกมาถือไว้“มาถอดเสื้อโชว์ทำไมเนี่ย คนนิสัยเสีย” เธอยู่หน้

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 12 เฟรชชี่หน้าใส - 25%

    เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าจนในที่สุดก็ถึงวันสอบปลายภาควันสุดท้ายของภาคเรียนที่สอง และเป็นวันสุดท้ายที่พราวนภาจะได้ใช้ชีวิตในฐานะนักเรียนมัธยมปลาย ดังนั้นเธอกับเพื่อนในห้องจึงขออนุญาตอาจารย์จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ กันในห้องเรียนเพื่อเป็นการอำลา โดยก่อนหน้าที่จะมีการสอบปลายภาคนั้น เพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคนได้ประชุมหารือกันแล้วว่ากลุ่มไหนรับผิดชอบอะไร ซึ่งกลุ่มของพราวนภานั้นรับผิดชอบเกี่ยวกับขนมขบเคี้ยว ส่วนเงินที่นำไปซื้อนั้นก็เป็นเงินกองกลางของห้องที่เหลือจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดปีการศึกษาขณะที่พราวนภากับเพื่อนกำลังแกะขนมใส่จานกระดาษนั้น เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาแล้วบอกว่า“พราว บีมที่อยู่ทับห้าบอกว่ามีเรื่องอยากคุยด้วยน่ะ” เพื่อนคนนั้นพูดพลางพยักพเยิดไปทางนอกห้องเรียน ก่อนจะป้องปากพูดต่ออีกประโยคราวกับจะกระซิบ ทว่าระดับเสียงที่พูดนั้นไม่ใช่การกระซิบอย่างที่แสดงออก เพื่อนคนอื่นในห้องจึงได้ยินไปด้วย“มาสารภาพรักแน่เลยว่ะ ว้าย...” เจ้าตัวพูดจบเพื่อนหลายคนก็กรี๊ดกร๊าดจนเสียงดังไปทั้งห้อง“นังอุ้ม เดี๋ยวเถอะ!

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status