Masuk“ทำไมมึงไม่บอกน้องเขาให้เคลียร์ไปเลยวะไอ้ดินว่ามึงรู้สึกยังไง ถ้าเป็นกูนะเรียบร้อยไปแล้ว”
จิตตินันท์ถามไปตามตรงเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมนฤบดินทร์ต้องปิดปากเงียบเอาไว้ อีกทั้งเขาค่อนข้างมั่นใจว่าพราวนภาก็ชอบอีกฝ่ายเช่นกัน แต่เพื่อนตัวดีของเขากลับท่ามาก ปากแข็งไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง
“เรียบร้อยอะไรของมึง แล้วทำไมกูต้องพูดให้เคลียร์ด้วย” นฤบดินทร์พูดทั้งที่ยังมีข้าวเต็มปาก
“กูอยากหาอะไรมาง้างปากมึงจริง ๆ เลยไอ้ดิน ไอ้คนปากแข็ง ระวังไว้เถอะมึง ปล่อยเอาไว้แบบนี้เดี๋ยวหมาก็คาบไปแดกจนได้ ตั้งสามสี่ปีเชียวนะเว้ยที่มึงไปอเมริกา กลับมาอีกทีถ้าเขามีแฟนแล้วจะร้องไม่ออก” ตอนที่พูดคำว่าหมา จิตตินันท์บุ้ยหน้าไปทางภราดรเพราะอีกฝ่ายก็กำลังเล็งจะจีบพราวนภาเช่นกัน
“แล้วมึงจะไปเตือนมันทำไมวะไอ้เจ มันไม่พูดก็ปล่อยมันไปดิ พอมันไปแล้วกูจะได้ทำคะแนนกับน้องเขา” ภราดรยิ้มร่า ส่งผลให้นฤบดินทร์ยกเท้าถีบขาด้วยความหมั่นไส้
“บอกพวกมึงไปก็ไม่เข้าใจหรอก ขี้เกียจอธิบาย”
นฤบดินทร์เข้าใจความหวังดีของเพื่อน แต่เขาก็มีเหตุผลของตัวเองที่ไม่บอกความรู้สึกของตนให้พราวนภาได้รู้ ใครไม่มาอยู่ในจุดเดียวกับเขาก็คงไม่เข้าใจ และมันก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่เขาจะต้องอธิบายเรื่องแบบนี้ให้เพื่อนฟัง
“แต่กูเข้าใจไอ้ดินมันนะเว้ย” ณวัฒน์วางกระติกน้ำแข็งไว้บนโต๊ะเพื่อความสะดวกในการหยิบใช้ จากนั้นก็ทรุดตัวนั่งบนโซฟาอีกตัวก่อนพูดต่อ
“มึงคิดดูนะ ตอนนี้ไอ้ดินกับน้องพราวเป็นญาติกัน บ้านก็อยู่ติดกัน ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมามันจะมองหน้ากันไม่ติดเลยนะมึง แล้วอีกอย่างนะ ตอนนี้น้องพราวกำลังจะขึ้นม.หก อีกหน่อยก็ต้องเข้ามหา’ลัย เราไม่รู้หรอกว่าตอนที่น้องเขาเรียนมหา’ลัยน่ะสังคมมันกว้างขึ้น เขาได้เจอคนอีกเยอะแยะแล้วเขาจะคบกับคน ๆ นั้นรึเปล่า ถ้าไอ้ดินมันบอกชอบน้องพราวไปตอนนี้ก็เหมือนกับผูกมัดเขาไว้น่ะสิวะ”
“อ้าว แล้วไม่ดีตรงไหนวะ เขาจะได้ไม่ไปคบกับคนอื่นไง” จิตตินันท์ยังคงไม่เห็นด้วย ณวัฒน์จึงพูดเสริม
“ไอ้ควาย! มันจะดีได้ยังไงวะ ผูกมัดเขาไว้ด้วยคำพูดแต่ใจน้องเขาไปอยู่กับคนอื่นแล้วเนี่ยนะ แล้วถ้า...อันนี้กูสมมตินะ สมมติว่าไอ้ดินมันบอกว่าชอบน้องเขาแล้วเกิดมีอะไรกันขึ้นมา พอไอ้ดินไปเมืองนอก ผ่านไปปีสองปีน้องเขาเจอคนใหม่สังคมใหม่แล้วเกิดชอบผู้ชายคนนั้นจนคบกัน พอไอ้ดินกลับมามันจะมองหน้ากันติดเหรอ ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่มีปัญหาอะไร แต่นี่เป็นญาติกันนะโว้ย บ้านติดกัน ต้องเจอหน้ากันเกือบทุกวัน ไอ้ดินต้องแทนตัวเองว่าน้าทั้งที่นอนด้วยกันแล้วเนี่ยนะ และถ้าสมมติต่างคนต่างมีแฟนใหม่ มันจะไม่รู้สึกแปลก ๆ กันเลยหรือวะเวลาเจอหน้ากัน”
“เออว่ะ ไอ้เกมพูดถูก” ภราดรพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะหันไปพูดกับนฤบดินทร์ว่า
“ถ้าอย่างนั้นกูจะคอลไปถามมึงเรื่อย ๆ นะว่ากูจีบน้องพราวได้รึยัง ถ้ามึงโอเคเมื่อไรกูจะได้เดินหน้าต่อ”
“มึงไม่ต้องคอลมาถามกูหรอกเพราะคำตอบของกูก็เหมือนเดิม”
นฤบดินทร์พูดจบก็วางจานเปล่าไว้บนโต๊ะเพราะกินหมดพอดี จากนั้นก็ยกน้ำขึ้นดื่ม
ณวัฒน์พูดได้ตรงใจเขาทุกอย่างจนเขาไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่ม เรื่องของความรู้สึกเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเพราะเขาแคร์พราวนภามากถึงได้ทำอย่างนี้ ช่วงที่เขาไม่อยู่เมืองไทย เขาอยากให้หญิงสาวเติบโตขึ้นทั้งในด้านความคิดและวุฒิภาวะ เธอจะได้ทบทวนความรู้สึกของตัวเองว่าความจริงแล้วรู้สึกกับเขาอย่างไรกันแน่ระหว่างญาติห่าง ๆ พี่ชายข้างบ้าน หรือคนรัก
และหลังจากที่เขากลับมาเมืองไทย ถ้าพราวนภายังมองเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่อยากจะรักและเดินไปด้วยกัน เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะเป็นฝ่ายโอบเธอเข้ามาหาเอง
“โถ...ไอ้ดิน มึงพูดอย่างกับว่าไปอยู่ที่โน่นแล้วจะไม่มีแฟนเลยอย่างนั้นแหละ กูไม่เชื่อหรอกน้ำหน้าอย่างมึงน่ะ ไม่เกินหนึ่งเดือนมึงมีหญิงให้ควงแน่นอน” ภราดรแค่นยิ้มให้เพื่อน ในกลุ่มพวกเขานั้นนฤบดินทร์หน้าตาดีที่สุดจึงมีสาว ๆ มากหน้าหลายตามาวนเวียนอยู่ข้างกายไม่เคยขาด
ตั้งแต่รู้จักกันมา เขาไม่เคยเห็นนฤบดินทร์เป็นฝ่ายเข้าหาหรือจีบใครก่อน มีแต่ผู้หญิงที่เป็นฝ่ายเข้ามาหาก่อนทั้งนั้น แต่ก็ใช่ว่าเพื่อนของเขาจะอ้าแขนรับไว้ทั้งหมด นฤบดินทร์จะเลือกเฉพาะคนที่นิสัยใจคอไปด้วยกันได้ ไม่เรื่องมาก หรือคบแล้วมีปัญหาน้อยที่สุด แต่กระนั้นก็ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทุบทำลายสถิติหรือคบได้เกินสามเดือนเลยสักคน
“นั่นมันอีกเรื่อง” นฤบดินทร์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจเพราะเขารู้ตัวเองดีว่ากำลังทำอะไรอยู่
“ว่าแต่มึงคิดเอาไว้รึยังว่าเรียนจบกลับมาแล้วจะทำอะไร หรือจะเปิดบริษัทเอง ตอนนั้นเห็นมึงบอกว่าอยากเปิดบริษัทเอง”
ณวัฒน์ถามด้วยความสนใจเพราะตอนนี้มีตนเพียงคนเดียวที่ยังเป็นนักศึกษา เพราะเขาเรียนคณะสัตวแพทย์ซึ่งต้องใช้เวลาเรียนหกปี ในขณะที่เพื่อน ๆ เรียนคณะอื่นใช้เวลาแค่สี่ปี
“คงทำงานบริษัทไปก่อนนั่นแหละ หาประสบการณ์ให้แน่นสักห้าปีสิบปีแล้วค่อยออกมาทำเอง”
นฤบดินทร์ตอบไปตามที่คิดเพราะครอบครัวของเขาไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการเหมือนภราดรกับจิตตินันท์ บิดาของเขาเคยรับราชการที่กรมศุลกากร ส่วนมารดาก็ทำงานในบริษัทเอกชน และตอนนี้ท่านทั้งสองคนก็เกษียณแล้วทั้งคู่ แม้เขาจะหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำจากการเทรดค่าเงินและเล่นหุ้น แต่เงินก้อนนั้นเขาก็ไม่ต้องการเอาไปเสี่ยงกับการเปิดบริษัทเพื่อยืนด้วยลำแข้งตัวเอง เพราะในโลกของธุรกิจและการทำงานนั้น นอกเหนือไปจากประสบการณ์และคอนเนกชันแล้ว เงินก็เป็นส่วนสำคัญ หากสายป่านไม่ยาวพอ ธุรกิจก็อยู่รอดได้ลำบาก
“มันก็ต้องอย่างนั้นแหละวะ เปิดบริษัทเองใช้เงินเยอะจะตาย ไอ้ดินมันต้องเก็บเงินไว้แต่งเมียนะเว้ย เพราะดูท่าทางบ้านโน้นเรียกสินสอดมันหมดตัวแน่นอน ฮ่า ๆ” จิตตินันท์พูดจบ เพื่อนอีกสองคนก็ฮาครืนเพราะทุกคนรู้กันดีว่าภาวิน บิดาของพราวนภานั้นหวงบุตรสาวขนาดไหน
นฤบดินทร์ยิ้มอ่อนไม่พูดอะไรต่อ จิตตินันท์จึงเอ่ยถึงเรื่องที่ตนถามค้างเอาไว้ก่อนหน้าด้วยแววตาเป็นประกาย
“แล้วตกลงกูโทร. เรียกน้องอุ้มกับเพื่อนมาที่นี่ได้รึเปล่าวะ สี่คนครบคู่เลยนะมึงสวย ๆ ทั้งนั้น มึงจำน้องปุ๊กกี้ได้ไหมไอ้ดิน เขาบอกว่าชอบมึงมากเลยนะเว้ย บ่นใหญ่เลยว่าให้เบอร์มึงไปแล้วแต่มึงไม่เคยโทร. หาเขาเลย ถ้าวันนี้มึงโอเคกูจะโทร. หาน้องอุ้มทันทีเลยเนี่ย”
“มึงจะเล่นเซ็กซ์หมู่ในบ้านกูรึไง ไม่ต้องเลย ปุ๊กกี้ไหนกูไม่รู้จัก จำไม่ได้ เรียกมาก็วุ่นวายเปล่า ๆ” นฤบดินทร์ปฏิเสธทันที เขาไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว ผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยคบหาด้วยเขาก็ไม่เคยพามาที่บ้านแม้แต่คนเดียว สาเหตุหลักก็เพราะเขาไม่ต้องการให้พราวนภาเห็น และอีกสาเหตุก็คือพื้นที่ส่วนตัวตรงนี้เขาสงวนไว้ให้สำหรับคนในครอบครัว และเพื่อนสนิทเท่านั้น
“หมู่อะไรเล่า ก็กูบอกอยู่นี่ไงว่าคู่ใครคู่มัน” จิตตินันท์พูดกลั้วหัวเราะเพราะรู้คำตอบอยู่แล้วว่าเจ้าของบ้านไม่อนุญาตแน่นอน
“เยี่ยมเลยเมียจ๋า” วิเศษยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะ ณ เวลานี้นอกจากเขาจะได้นอนมองภูเขาไฟฟูจิแล้ว ตรงหน้าเขาก็ยังมีสาวเปลือยหุ่นเซ็กซี่มาส่ายบั้นท้ายสวย ๆ สร้างความสุขให้เขาอีกด้วย แม้จะเห็นแค่แผ่นหลังของเธอ แต่แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องมากระทบร่างของหญิงสาวจนทำให้ดูเหมือนร่างทั้งร่างของเธอเปล่งประกายขึ้น ก็ยิ่งทำให้ภาพเบื้องหน้าเขาตอนนี้สวยงามราวกับศิลปะชิ้นเอกสองปีกว่าที่อยู่ในฐานะคู่หมั้น แต่เขากับเธอใช้ชีวิตร่วมกันในคอนโดฯ ไม่ต่างจากสามีภรรยาคู่หนึ่ง จะต่างก็แค่พราวนภาไม่ได้นอนค้างกับเขาเพราะต้องกลับไปนอนที่บ้าน เขาเองก็เช่นกันที่ต้องกลับไปนอนบ้านของตัวเอง นอกเหนือจากนั้นเราสองคนต่างดูแลกันและกันเป็นอย่างดีเขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้พราวนภาทั้งเรื่องการเรียน การทำงาน รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ทั่วไป ให้เงินเธอใช้ และดูแลให้เธอสุขสบายเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ ส่วนพราวนภาก็คอยมาดูแลทำความสะอาดห้องในคอนโดฯ ให้เขา ทำกับข้าวให้กิน และดูแลเขาในเรื่องอื่น ๆ ไม่ต่างจากภรรยาคนหนึ่งดังนั้นเขาจึงเห็นว่าถ้าพราวนภาเรียนจบเมื่อไรจึงอยากจัดงานแต่งงานทันที เพราะอยา
พราวนภาค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงียจากนั้นก็เดินไปเข้าห้องน้ำราวกับยังไม่ตื่นดี เธอเข้าไปสักพักก็ออกมาด้วยสีหน้าแจ่มใส ตามไรผมมีหยดน้ำเกาะอยู่ประปรายบ่งบอกว่าเจ้าตัวล้างหน้าเพื่อความสดชื่น“พี่ดินทำเสร็จแล้วหรือ” หญิงสาวมองไปยังคอมพิวเตอร์ที่วางเรียงรายกันหกเครื่องแล้วก็ห่อปากทำตาโต“โห อย่างกับฐานปฏิบัติการในซีรีส์ฝรั่งเลย แต่พี่ต้องรอให้เขามาติดอินเทอร์เน็ตให้ก่อนใช่ไหม”“ใช่ แต่ทำเรื่องขอไปแล้วละ รอเขาติดต่อกลับมา พราวหิวรึยัง แล้วทำไมดูเหมือนเดินขาสั่น ๆ ล่ะ”เขาแกล้งถามทั้งที่รู้ดีแก่ใจ วันนี้เขาให้หญิงสาวขึ้นคุมเกมทั้งควบทั้งขย่มได้ตามต้องการ เธอเร่าร้อนได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเขาก็ชอบมากที่หญิงสาวปลดปล่อยอารมณ์ปรารถนาออกมาอย่างเต็มที่ คู่หมั้นของเขาแซ่บลืมโลกขนาดนี้แล้วทำไมเขาต้องรับไมตรีจากผู้หญิงคนอื่นมาทำให้ชีวิตคู่ของเขาต้องวุ่นวายอีกเล่า“ยังจะถามอีกนะ” เธอหันมาค้อนให้วงใหญ่ก่อนจะพูดอีกว่า“พราวไม่คิดมาก่อนเลยนะว่าคนนิ่ง ๆ แบบพี่ดินจะหื่นจัดได้ขนาดนี้”นฤบดินทร์ห
“พี่ดิน เดี๋ยวพี่ รอผมก่อน” เสียงห้าวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในหมู่บ้านตะโกนเรียกมาแต่ไกล ทำให้นฤบดินทร์ต้องหยุดรออย่างเสียไม่ได้ เมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นวิ่งมาถึงก็ยื่นช่อดอกกุหลาบช่อเล็กที่มักทำขายกันในวันวาเลนไทน์มาให้เขาแล้วพูดว่า“ผมฝากให้พราวหน่อยสิพี่ วันนี้ขี่จักรยานผ่านหลายรอบแล้วแต่ก็ไม่เห็นพราวออกจากบ้านเลย นะพี่นะ”นฤบดินทร์ยืนเท้าเอวมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องทันที “นี่ไอ้อั๋น มึงเอากลับไปเลยนะ หรือจะเอาไปให้สาวที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่พราว น้องมันเพิ่งอยู่ม.สองมึงจะมาให้ดอกไม้บ้าบออะไรเนี่ย เดี๋ยวกูเตะให้เลย”“โธ่พี่ผมไหว้ล่ะ ผมชอบพราวจริง ๆ นะแต่ผมไม่กล้าเอาไปให้ที่บ้าน ผมกลัวพ่อเขาน่ะ” อั๋นยิ้มแหยเมื่อพูดถึงบิดาของพราวนภานฤบดินทร์ทำทีเป็นหักนิ้วดังเป๊าะ ๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยว่า “แล้วมึงไม่กลัวกูรึไง กูก็มีศักดิ์เป็นน้าของพราวนะเว้ยมึงอย่าลืม หลานกูยังเด็ก โอเค้ มึงไปไกล ๆ ตีนกูเลยก่อนที่กูจะของขึ้น”“โธ่พี่ จะหวงไว้กินเองรึไงเนี่ย เหวอ!”
“ไม่จริงมั้งพี่ต่าย วันก่อนผมเห็นนะว่าพี่ควงสาวไปกินซูชิน่ะ สาวคนนั้นก็หน้าคุ้น ๆ ซะด้วยสิเหมือนว่าจะทำงานที่นี่เหมือนกันด้วยนี่นา” เขาพูดไปแค่นั้น ในแผนกก็ฮือฮาขึ้นทันที ต่างพากันรุมถามกันยกใหญ่ว่าหญิงสาวที่ต่ายพาไปออกเดตนั้นคือใคร แต่นฤบดินทร์ไม่ตอบเพราะต้องการให้เจ้าตัวพูดเอง“แหมไอ้นี่ พี่อุตส่าห์แกล้งทำเป็นไม่เห็นแกกับสาวนักศึกษาคนนั้นแล้วนะ แต่แกเสือกเห็นพี่ด้วยหรือวะ” ต่ายพูดไปยิ้มไป ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย“เห็นสิพี่ ผมยังชี้ให้แฟนผมดูเลยว่านั่นน่ะรุ่นที่พี่แผนก ส่วนสาวคนนั้นก็...พวกพี่ไปสอบถามกันเองละกันนะ ผมพับไมค์ละ” เขาเว้นเอาไว้เพราะจะให้ทุกคนไปถามกับเจ้าตัวเลยดีกว่าหลังจากเลิกงาน นฤบดินทร์รีบไปที่คอนโดมิเนียมที่ตนซื้อเอาไว้เพราะช่างโทรศัพท์มาแจ้งว่าเดินสายไฟเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว และอยากให้เขาเข้าไปตรวจเช็กความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่งเมื่อตรวจดูและทดสอบทุกจุดแล้วไม่มีปัญหา อีกทั้งช่างก็เก็บงาน และทำรางเก็บสายไฟเอาไว้ให้ด้วยทำให้นฤบดินทร์พอใจมาก จึงโอนเงินค่าจ้างส่วนที่เหลือให้ช่างทันที ครา
“เพิ่งซื้อเมื่อไม่กี่วันนี่เอง เป็นคอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมอยู่น่ะ ความจริงแล้วพี่ซื้อดาวน์ต่อมาจากคนอื่นเพราะเขาผ่อนต่อไม่ไหว จะเอาไว้แอบกินอีหนูคนนี้นี่แหละเพราะมีอยู่คนเดียวเนี่ย” เขายื่นหน้าไปจูบริมฝีปากอิ่ม“พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานแล้วนะ พราวคงต้องติดรถพ่อไปเรียนเหมือนเดิมแล้วละ”“อืม แต่คุณตากับคุณยายยังไม่รู้เลยใช่ไหมว่าพี่ได้งานทำแล้ว” พราวนภายังคงติดเรียกบิดามารดาของเขาว่าคุณตาคุณยายอยู่ แต่เขาก็ไม่อยากเคี่ยวเข็ญว่าต้องเปลี่ยน เอาที่เธอสบายใจดีกว่า“ใช่ อยากเห็นจริง ๆ ว่าพรุ่งนี้จะทำหน้ากันยังไง คงเหวอน่าดู” เขาหัวเราะคิกคัก คนอื่นอาจจะชอบแกล้งเพื่อนแกล้งแฟน แต่เขาชอบแกล้งบิดามารดาของตัวเอง“คอนโดฯ ที่พี่ดินซื้ออยู่แถวที่ทำงานหรือ” หญิงสาวเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนอนคว่ำแล้วยกตัวช่วงบนขึ้น ส่งผลให้ทรวงอกกลมกลึงชูช่ออะร้าอร่ามอวดสายตาจนชายหนุ่มได้แต่มองตาปรอย“ใช่ เพราะบ้านพี่มันไม่มีพื้นที่สำหรับทำห้องทำงานน่ะ บ้านพี่หลังเล็กไม่ใหญ่เหมือนบ้านพราวก็เลยต้องออกมาซื้อข้างนอกไว้ทำออฟฟิศส่
บิดามารดาของนฤบดินทร์มองดูบุตรชายที่กำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาในห้องรับแขกอย่างไม่ทุกข์ร้อน ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกจนกระทั่งหมั้นกับสาวข้างบ้านไปแล้วเรียบร้อย เจ้าตัวก็ยังไม่มีทีท่าจะออกไปหางานทำอย่างที่ควรจะเป็น จนในที่สุดผู้เป็นบิดาก็ทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถามออกไปในที่สุด“ไอ้ดิน นี่แกไม่คิดจะออกไปหางานหาการทำรึไงเนี่ย แกจะเอ้อระเหยเกินไปแล้วนะ”“ไว้ก่อนครับ ขี้เกียจ” เจ้าตัวตอบมาสั้น ๆ พลางหยิบขนมในจานมากินทั้งที่ยังนอนอยู่“ตาดิน แกจะทำตัวอย่างนี้ไม่ได้นะลูก เรามีคู่หมั้นคู่หมายแล้วนะ นี่ถ้าบ้านโน้นเขาเห็นแกยังนอนไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ยอมออกไปหางานทำเขาจะคิดยังไง” ผู้เป็นมารดาเอ่ยปากเตือนขึ้นมาบ้าง เพราะกิจวัตรประจำวันของบุตรชายตอนนี้นอกจากไปรับส่งคู่หมั้นสาวที่มหาวิทยาลัยทุกวันแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรอีกนอกจากนอนดูโทรทัศน์“เอาน่า ถ้าผมอยากไปหางานทำเมื่อไรเดี๋ยวก็ไปเองนั่นแหละ พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงหรอก” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ ยิ่งได้ยินบิดามารดาบ่นกันตามประสาคนแก่ เขาก็แทบกลั้นขำไม่ไหว นั่นเ







