แชร์

บทที่ 4 ตัวอันตราย - 75%

ผู้เขียน: จรสจันทร์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-28 13:06:55

หญิงสาวทิ้งตัวลงบนที่นอนแล้วเอาหน้าซุกหมอนอย่างทำอะไรไม่ถูก ภาพสิ่งนั้นยังติดตาทั้งที่เห็นแค่แว้บเดียวราวกับต้องการตามมาหลอกหลอนโทษฐานที่เธอบังอาจไปลองดีกับเขา

เธอเห็นของพี่ดินแล้ว! เธอเห็นไอ้นั่นของเขาแล้ว!

แล้วต่อไปนี้จะทำอย่างไรดี จะกล้ามองหน้าเขาตรง ๆ หรือ เกรงแต่ว่าสายตาไม่รักดีของเธอจะหลุบต่ำลงมองแต่ตรงนั้นของเขามากกว่า

“โอ๊ย...ออกไปจากหัวฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ” หญิงสาวสะบัดหน้าไปมากับหมอนราวกับต้องการให้มันช่วยลบภาพนั้นออกไปจากหัว แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไร

ใช่ว่าตนจะไม่เคยเห็นไอ้นั่นของผู้ชายมาก่อน เพราะในอินเทอร์เน็ตก็มีพวกชอบโชว์เยอะแยะ ภัทรวียังเคยเปิดคลิปการช่วยตัวเองของผู้ชายคนหนึ่งที่ส่งมาให้เจ้าตัวทางกล่องแชตให้เธอกับเพื่อนในกลุ่มดูด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่เห็นจะติดตาเหมือนอย่างวันนี้

หรือเพราะเป็นนฤบดินทร์ เธอถึงได้รู้สึกหวิว ๆ ในใจและเขินเขาอย่างบอกไม่ถูก หากรู้แต่แรกว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น เธอคงไม่ขึ้นไปป่วนเขาบนห้องแน่นอน

ครั้นพอคิดถึงอุบัติเหตุเมื่อครู่ พราวนภาก็ลุกพรวดขึ้นนั่งบนเตียงพลางเบิกตากว้างเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ริมฝีปากอิ่มเผยอค้างด้วยความตกตะลึงพร้อมกับพึมพำแผ่วเบาเพียงลำพัง

“เอ๊ะเดี๋ยวนะ พี่ดินเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ เขาล้มทับเราแล้วผ้าหลุด แต่ตอนที่เราเห็นไอ้นั่นของเขามันกำลัง...” ตื่นตัวเต็มที่!

สี่คำสุดท้ายหญิงสาวไม่ได้พูดออกมาเพราะเอามือปิดปากตัวเองเสียก่อน ในสมองตีกันยุ่งเหยิงว่าการที่อาวุธประจำกายของเขาตื่นตัวพรักพร้อมนั้นเกิดจากเธอ หรือจากอะไรกันแน่

ทันใดนั้นภาพวินาทีที่นฤบดินทร์โน้มหน้าเข้ามาใกล้ตนเรื่อย ๆ ก็ผุดวาบขึ้นมา จะว่าไปแล้วหากสายตาของเธอไม่มองไปเห็นไอ้นั่นของเขาก่อน บางทีชายหนุ่มอาจจะจูบเธอไปแล้วก็ได้

“เฮ้อ! เสียดายเหมือนกันแฮะ คิดแล้วก็เขิน” พราวนภายกมือขึ้นกุมแก้มตัวเองไว้ทั้งสองข้างทั้งที่รอยยิ้มยังเต็มวงหน้า แววตาฉายแววซุกซนระคนเขินอายพลางคิดในใจ

ไม่อยากเชื่อเลยว่าของพี่ดินจะใหญ่ขนาดนี้ กรี๊ด!

“อ๊ะจริงสิ โทรศัพท์!” หญิงสาวมองไปทั่วเตียงและโต๊ะเขียนหนังสือแต่ก็ไม่เห็นโทรศัพท์มือถือของตน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นเธอวิ่งหน้าตั้งออกมาจากห้องของนฤบดินทร์โดยไม่ได้หยิบมันมาด้วย และป่านนี้มันก็คงอยู่บนเตียงของเขาเป็นแน่

“บ้าจริง แล้วจะไปเอาคืนยังไงเนี่ย ใครจะกล้าไป”

พราวนภาทำปากยื่น ในใจนึกโทษตัวเองที่สะเพร่าลืมโทรศัพท์เอาไว้อีกแล้ว วันนี้เธออุตส่าห์ให้แม่จันทร์ขับรถมาส่งที่บ้านในช่วงสายเพราะตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์นฤบดินทร์ ซึ่งพอเข้าไปในบ้านของเขาก็เห็นโทรศัพท์ของเธอวางไว้บนโต๊ะรับแขกพอดี จึงหยิบมันขึ้นไปบนห้องของชายหนุ่มด้วย และสุดท้ายกลับกลายเป็นว่าเธอถูกเขาเซอร์ไพรส์เสียเอง

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเป็นจังหวะเหมือนเสียงปรบมือตอนเชียร์กีฬาสีที่โรงเรียน ทำให้พราวนภารู้ทันทีว่าเป็นภัทร์นรินท์ น้องสาวมาเคาะเรียกจึงเดินไปเปิดประตูให้

“พี่พราว มีคนมาหา” เด็กหญิงยิ้มกว้างจนตาโค้งเป็นสระอิ

“มาหาพี่หรือ ใครล่ะ” เธออดสงสัยไม่ได้เพราะหากเป็นเพื่อนมาหาที่บ้านก็ต้องโทรศัพท์มาบอกกันก่อนไม่ใช่หรือ

“เป็นผู้ชาย ตัวสูงหุ่นดี หน้าขาวเวอร์ ปากแดงแป๊ดเหมือนพระเอกเกาหลี สรุปแล้ว...ล้อหล่อ...” สองคำหลังภัทร์นรินท์ลากเสียงยาวจนพราวนภาต้องดีดหน้าผากน้องสาวด้วยความมันเขี้ยวเพราะทะเล้นเหลือเกิน

จากนั้นหญิงสาวก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเพราะหากเป็นผู้ชายที่ตัวสูงหุ่นดี หน้าขาว ปากแดง ผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธอจะนึกถึงได้ก็มีแต่นฤบดินทร์เท่านั้น

“อย่าบอกนะว่าพี่ดิน” แม้จะค่อนข้างมั่นใจ แต่ก็อดถามย้ำอีกครั้งไม่ได้ เพราะหากเป็นนฤบดินทร์จริง น้องสาวตัวแสบของเธอก็ควรจะบอกมาเลยไม่ใช่หรือว่าเขามาหา แต่การผงกศีรษะขึ้นลงไปมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนตรงหน้านั้นก็เป็นคำตอบได้อย่างดี

“ยายพาย! ทำไมไม่บอกพี่มาเลยว่าเป็นพี่ดินมา ปล่อยให้พี่งงอยู่ได้”

“เอ๊า บอกตรง ๆ ก็ไม่ตื่นเต้นสิ ชีวิตก็ต้องมีลุ้นกันบ้าง” พูดจบเด็กหญิงวายร้ายก็วิ่งหนีลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ดีว่าหากหนีไม่ทันตนอาจโดนพี่สาวเล่นงานเอาได้

พราวนภารีบผลุบหายเข้าไปในห้องทันที จากนั้นก็วิ่งไปส่องกระจกที่ตู้เสื้อผ้าเพราะอยากรู้ว่าตอนนี้สภาพของตนเป็นอย่างไรบ้าง ครั้นพอเห็นเงาตัวเองที่สะท้อนออกมา หญิงสาวก็ต้องยกมือขึ้นกุมแก้มของตัวเองไว้

“ตายแล้ว หน้ายังแดงอยู่เลย ทำยังไงดี”

พราวนภาเดินลงจากห้องแล้วมองหานฤบดินทร์ เพราะในห้องนั่งเล่นมีเพียงปู่กับย่าเท่านั้น และเหมือนว่าพวกท่านจะรู้ว่าหลานสาวกำลังมองหาใคร ผู้เป็นย่าจึงบุ้ยหน้าไปทางสนามหน้าบ้าน

“ตาดินนั่งรออยู่หน้าบ้านแน่ะลูก”

หญิงสาวยิ้มให้ท่านก่อนจะเดินออกไปหาชายหนุ่ม เธอเห็นเขากำลังนั่งก้มหน้าดูโทรศัพท์มือถืออยู่ในศาลาไม้ จึงอดประหม่าไม่ได้เพราะไม่รู้จะเริ่มคุยกับเขาอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ เธอไม่กล้ามองหน้าเขาแน่นอน

พราวนภาสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อตั้งสติ ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขาด้วยท่าทีที่พยายามให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ใบหน้าจะเชิดขึ้นและลำคอตั้งตรง หากแต่สองตากลับมองแต่พื้นไปตลอดทาง หญิงสาวจึงไม่เห็นรอยยิ้มร้ายกาจของคนที่นั่งอยู่ก่อนและกำลังมองมาทางตนแทบไม่วางตา

ครั้นพอพราวนภาเดินมาถึงก็ทรุดตัวบนม้านั่งฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่ม แต่กระนั้นเธอก็ยังเอาแต่มองโต๊ะตรงหน้าทั้งที่ปกติแล้วเจ้าตัวจะเอาแต่นั่งเท้าคางมองหน้าเขาแล้วก็ยิ้ม

“พราวลืมโทรศัพท์ไว้บนเตียงน้าน่ะ น้าก็เลยเอามาให้” เขาพูดพลางเลื่อนโทรศัพท์มือถือมาให้ตรงหน้าช้า ๆ แต่พอเธอจะเอื้อมมือไปรับ ชายหนุ่มกลับหยุดมือค้างเอาไว้จนเธอเผลอเงยหน้ามองเขาอย่างลืมตัว

ครั้นพอได้สบตากับเขาแล้วเธอก็รู้สึกเหมือนถูกอะไรบางอย่างตรึงเอาไว้จนไม่สามารถละสายตาออกมาจากใบหน้าของนฤบดินทร์ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสายตาวาววามเกินปกติของเขาหรือเพราะรอยยิ้มมุมปากสะกดใจนั้นกันแน่ที่กำลังร่ายมนตร์ใส่เธออยู่ หญิงสาวรู้แต่ว่าวันนี้พี่ดินของเธอดูแปลกไป

กว่าจะได้สติอีกครั้งก็ตอนที่เขายัดโทรศัพท์ใส่มือให้เสียเอง

“ขอบคุณค่ะ” พราวนภาละสายตาจากชายหนุ่มแล้วหลุบมองมือของตัวเอง

“แล้วทำไมวันนี้ถึงกลับบ้านได้ ก็ไหนว่าอยู่อีกหลายวัน”

เสียงทุ้มของนฤบดินทร์ทำให้หัวใจที่กำลังเต้นระรัวของหญิงสาวค่อย ๆ สงบลง เธอจึงเงยหน้ามองเขาอีกครั้งแล้วตอบทั้งรอยยิ้มว่า

“ก็พอพี่ดินบอกว่าโทรศัพท์พราวตกอยู่ในรถ พราวก็เลยคิดว่าวันนี้กลับบ้านดีกว่า เพราะจะได้เอาพวกเท็ดดี้ที่ซื้อมาใหม่จัดใส่ตู้ด้วย”

“ขี้เห่อไม่เปลี่ยนเลยนะเรา” แม้น้ำเสียงของชายหนุ่มจะราบเรียบเหมือนไม่แสดงความรู้สึกอื่นใด หากแต่พราวนภาก็รับรู้ได้ถึงความเอื้อเอ็นดูจากคนตรงหน้า

“ไม่เห่อได้ไง พี่ดินอุตส่าห์ซื้อให้นี่นา” พอเขาชวนคุย เธอก็เริ่มคุยกับเขาได้ไหลลื่นมากขึ้น

“พูดอย่างกับน้าไม่เคยซื้ออะไรให้” นฤบดินทร์ยิ้มอ่อน เธอชอบมองเวลาเขายิ้มเพราะนฤบดินทร์เป็นผู้ชายที่ยิ้มแล้วสวยที่สุดในโลก แต่เธอไม่กล้าพูดออกไปเพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ชอบให้ใครมาพูดว่าตนหน้าสวยเหมือนผู้หญิง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 14 ถูกบูลลี่ - 100%

    “ว่า-ไง-นะ” น้ำเสียงของนฤบดินทร์เน้นหนักอย่างที่ไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก ซึ่งพราวนภารู้ดีว่าทุกครั้งที่เขาพูดจาลักษณะนี้นั่นหมายความว่าชายหนุ่มกำลังโกรธ ดังนั้นเธอจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังอย่างหมดเปลือก“โคตรน่าโมโหเลย อย่างนี้ต้องเล่นให้หนัก เอาให้มันอยู่มหา’ลัยไม่ได้ต้องลาออกไปอยู่ที่อื่น”นฤบดินทร์พูดเสียงห้วน หญิงสาวฟังแล้วกลับรู้สึกอุ่นใจที่เขาเป็นเดือดเป็นร้อนเวลาเธอถูกรังแก ทำให้อดคิดถึงตอนเป็นเด็กไม่ได้ ทุกครั้งที่เธอถูกเด็กผู้ชายในหมู่บ้านกลั่นแกล้ง เขามักจะไปเอาคืนให้เสมอจนผู้ปกครองของเด็กพวกนั้นต่างพากันมาฟ้องบิดามารดาของเขาว่าเขาเป็นอันธพาลไล่ต่อยตีคนอื่น แต่เขาก็ไม่เคยปริปากแก้ตัวสักคำว่าที่ทำลงไปนั้นเป็นเพราะเอาคืนให้เธอ“พรุ่งนี้พ่อเราจะไปมหา’ลัยด้วยใช่ไหม ดี! พี่เชื่อว่าพ่อเราจัดหนักแน่”“ใช่ คุณพ่อไม่ปล่อยไว้แน่นอน นี่ก็เพิ่งกลับมาจากสถานีตำรวจเอง เพราะต้องไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้ก่อน ตอนพราวโดนตบนะ โกรธมากเลยเพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยโดนใครตบจนหน้าหันอย่างนี้มาก่อน พวกนั้

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 14 ถูกบูลลี่ - 75%

    “พี่ก็แค่เตือนเอาไว้ ถ้าไม่ยุ่งอย่างที่น้องพูดมาจริงมันก็ดี แต่เท่าที่พี่เห็นมันไม่ใช่ไง” รุ่นพี่คนนั้นยังคงพูดต่อ พราวนภากำลังจะอ้าปากเถียงก็มีนักศึกษาคนอื่นมาเข้าห้องน้ำด้วยเช่นกัน และดูเหมือนนักศึกษารุ่นพี่เหล่านั้นก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับคนที่กำลังหาเรื่องเธออยู่“หนูกับพี่ตาร์ไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้นนอกจากรุ่นพี่รุ่นน้อง เข้าใจซะใหม่ด้วยนะคะ” พราวนภาเริ่มอารมณ์ขุ่นมัว ต่อให้กลุ่มคนตรงหน้าจะมีกันถึงสามคนเธอก็ไม่กลัว เพราะหากคนพวกนี้ทำอะไรเธอแม้แต่ปลายก้อย เธอจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และจะไม่มีการยอมความหรือรอมชอมใด ๆ ทั้งสิ้น!“พวกเด็กไซด์ไลน์ก็ตอแหลอย่างนี้ทุกคนนั่นแหละ” หนึ่งในนั้นโพล่งขึ้นมาพร้อมกับเบะปากใส่ ยิ่งทำให้พราวนภาเดือดจัดที่ถูกกล่าวหาและต่อว่าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย“เดี๋ยวนะพี่ ไซด์ไลน์อะไร ใครเป็นไซด์ไลน์ และพี่ว่าใครตอแหล!”เธอเริ่มขึ้นเสียงใส่พวกรุ่นพี่ หนึ่งในนั้นจึงยกมือเท้าเอวแล้วชี้หน้าเธออย่างเอาเรื่อง“ก็แกไงนังกะหรี่ แล้วกล้าดียังไงถึงมาขึ้นเสียงใส่รุ่นพี่แบบนี้ กราบขอ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 14 ถูกบูลลี่ - 50%

    ชายหนุ่มยื่นกระเป๋าใบนั้นให้โอเวนแล้วพูดว่า“นายเอาไปคืนให้เธอหน่อยสิ ถ้าฉันเอาไปคืนด้วยตัวเอง แอนคงคิดเป็นตุเป็นตะอีกว่าฉัน...” เขาไม่อยากพูดจบประโยคเพราะเกรงว่าจะฟังดูใจร้ายเกินไป จึงได้แต่กลอกตามองเพดานแทนโอเวนหัวเราะเบา ๆ แล้วรับกระเป๋าของอันธิกาไป นฤบดินทร์จึงนั่งลงที่เดิมแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเข้าไปดูเฟซบุ๊กของพราวนภาเพราะอยากรู้ว่าวันแรกของการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยของเธอนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเขาเชื่อว่าหญิงสาวจะต้องอัปเรื่องราวต่าง ๆ บนไทม์ไลน์ของตัวเองไว้แน่นอนและก็เป็นตามคาด พราวนภาโพสต์ภาพต่าง ๆ ลงไปไม่ว่าจะเป็นเพื่อนใหม่ สถานศึกษาใหม่ ตึกเรียนที่ตนเรียน กิจกรรมที่ตนเข้าร่วม รวมไปถึงการถ่ายรูปกับชายหนุ่มคนหนึ่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส...ไอ้หน้าขาวนี่ใครวะ!นฤบดินทร์ได้แต่เก็บความสงสัย แต่เมื่อเห็นว่ารูปนั้นมีการแท็กชื่อผู้ชายที่อยู่ในภาพด้วย เขาจึงกดเข้าไปที่ชื่อนั้นแล้วไล่ดูหน้าไทม์ไลน์ของอีกฝ่าย ทำให้เขาได้รู้ว่าผู้ชายหน้าขาวปากแดงคนนี้ชื่อตาร์ ทั้งยังเป็นพี่รหัสของพราวนภาอีกต่างหาก ความหงุดหงิดไม่สบอารมณ์เข้าครอ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 13 ถูกบูลลี่ - 25%

    นฤบดินทร์กลับเข้าไปในบ้านพักตากอากาศอีกครั้งหลังจากที่ดื่มไวน์หมดขวดแล้ว ครั้นพอชายหนุ่มเดินเข้าไปในบ้าน โรเบิร์ตก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “นี่นายไม่ได้นอนอยู่ข้างบนหรือ ฉันนึกว่านายจะไปนอนพักเสียอีก”นฤบดินทร์ยิ้มอ่อนพลางทรุดตัวนั่งบนโซฟายาวตัวเดียวกับโรเบิร์ต ขณะที่เพื่อนอีกหลายคนจดจ่ออยู่ที่จอแอลซีดีขนาดใหญ่ซึ่งกำลังถ่ายทอดเทปบันทึกการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล“เปล่า ฉันออกไปนั่งรับลมที่ชายหาดน่ะ เอารอยัล เดอมาเรียไปนั่งดื่มด้วย” นฤบดินทร์พูดไปยิ้มไป แต่คนฟังนั้นพ่นเบียร์ในปากออกมาทันทีพร้อมกับหันมามองเขาตาเหลือก“นายว่าอะไรนะดิน รอยัล เดอมาเรีย? นายล้อฉันเล่นใช่ไหม นายเอารอยัล เดอมาเรียไปนั่งดื่มที่ชายหาดเนี่ยนะ พระเจ้า! นั่นไวน์ของพ่อฉัน”โรเบิร์ตกุมขมับแทบหายเมาเป็นปลิดทิ้งเพราะไวน์ยี่ห้อ Royal DeMaria นั้นสนนราคาขวดละสามหมื่นกว่าเหรียญ...เขาถูกพ่อฆ่าแน่นฤบดินทร์หัวเราะออกมาทันทีด้วยความสะใจที่หลอกเพื่อนได้ ก่อนจะยอมเฉลยความจริง“ล้อเล่นน่า ฉันหยิบแค่ชาร์โต มูตองไปเท่านั้นเอง&rd

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 12 เฟรชชี่หน้าใส - 100%

    อันธิการีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองแล้วเลื่อนตัวไปอยู่ตรงหว่างขาของเขา จากนั้นก็จัดการถอดกางเกงของชายหนุ่มออกบ้างโดยที่ส่วนบนของร่างกายเขาเธอไม่เสียเวลาถอดให้ เธอปล่อยให้ศีรษะของนฤบดินทร์มุดอยู่ในหมอนใบนุ่มเช่นเคยเพราะต้องการให้เขาคิดว่าทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นนั้นคือความฝันแต่กว่าจะรู้ว่าทุกอย่างคือความจริง มันก็สายไปแล้ว อย่างไรเสียเขาก็ต้องรับผิดชอบเธออันธิกาหลับตาคลี่ยิ้มอย่างเป็นสุขขณะที่ค่อย ๆ เคลื่อนไหวอยู่บนร่างของชายหนุ่มอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งทะยานผสานไปกับเสียงครวญครางแผ่วเบาที่ตนไม่อาจกักเก็บเอาไว้ได้ขณะเดียวกัน เงาตะคุ่มของใครบางคนก็เดินลัดเลาะออกมาจากทางเดินที่เชื่อมระหว่างหลังบ้านกับลานจอดรถหน้าบ้าน คนผู้นั้นถือขวดไวน์ขวดใหญ่ออกจากบริเวณบ้านแล้วเดินลงไปที่ชายหาด จากนั้นก็ทรุดตัวนั่งบนผืนทรายท่ามกลางแสงสลัวชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพราะรู้ว่าก่อนหน้านี้พราวนภาคอลมาหาแต่เขาไม่สะดวกรับ แต่พอดูเวลาแล้วคิดว่าตอนนี้คงไม่เหมาะนักหากจะโทร. กลับไปเพราะหญิงสาวคงเข้าเรียนไปแล้ว ดังนั้นจึงได้แต่มองรูปที่เธอส่ง

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 12 เฟรชชี่หน้าใส - 75%

    เปิดเรียนวันแรก พราวนภาตื่นแต่เช้าตรู่เพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย และเป็นเพราะเพื่อนสนิทในกลุ่ม หรือเพื่อนร่วมชั้นที่เคยเรียนห้องเดียวกัน ไม่มีใครเลือกเรียนภาคอินเตอร์เหมือนเธอสักคน ดังนั้นหญิงสาวจึงรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูกพราวนภาเปิดลิ้นชักเพื่อหยิบนาฬิกาข้อมือเรือนใหม่ล่าสุดที่ได้เป็นของขวัญมาจากลุงชินดนัยกับแม่จันทร์เจ้า แต่พอเอามาใส่ข้อมือแล้วหญิงสาวกลับเพิ่งนึกได้ว่านาฬิกาแบรนด์หรูที่ราคาเกือบครึ่งล้านเรือนนี้ไม่เหมาะอย่างยิ่งหากจะใส่ไปเรียนวันแรกเพราะอาจถูกเพื่อนหรือรุ่นพี่เขม่นเอาได้ โทษฐานที่อวดรวยมากเกินไปแต่สำหรับเธอแล้ว นาฬิกายี่ห้อหรูราคาแสนแพงเหล่านี้ เธอเห็นมาตั้งแต่เด็กจนแทบลืมไปว่าราคาค่างวดของมันไม่ใช่คนธรรมดาจะหาซื้อได้ เพราะลุงชินดนัยเป็นเจ้าของบริษัทที่นำเข้านาฬิกาแบรนด์นี้แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นบิดามารดา คุณปู่คุณย่า หรือแม้กระทั่งนฤบดินทร์ต่างก็มีนาฬิกายี่ห้อนี้คนละหนึ่งเรือนเป็นอย่างต่ำพราวนภาถอดนาฬิกาเก็บไว้ในกล่องตามเดิมแล้วหยิบนาฬิกาแฟชั่นมาใส่แทน หลังจากเช็กความเรียบร้อยขอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status