LOGINเสียงรอสายที่ดังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าคนปลายสายจะกดรับ ทำให้กวินภพถอนหายใจออกมาแรงๆ อย่างไม่สบายใจ เขาแค่อยากจะโทร.ถามข่าวคราวเอมมาลินว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทว่าหลังจากที่เขากลับจากบ้านของเธอ เขาก็ไม่สามารถติดต่อเธอได้อีกเลย และท่าทีเป็นกังวลของลูกชายก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของกรองทองไปได้
“เป็นยังไงบ้างอิสร์ ติดต่อหนูเอมไม่ได้เหรอลูก”
“ครับแม่ เอมไม่รับสายเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” เสียงของกวินภพแม้จะฟังดูเรียบๆ แต่ก็เจือเอาไว้ด้วยความกังวลใจอย่างมาก
“ถ้าเป็นอย่างที่อิสร์เล่า พ่อของหนูเอมคงไม่ให้รับสาย แต่ไม่เป็นไรนะลูก เดี๋ยวถ้าหนูเอมสะดวกคงโทร.กลับมาหาอิสร์เอง” คนเป็นแม่ปลอบลูก เจ็บปวดไม่น้อยเหมือนกันที่ลูกชายโดนรังเกียจเพราะความจน ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีใครกล้าดูถูกและรังเกียจลูกชายของเธอ แต่จะให้ยอมทนอยู่กับการทรยศของคนที่รัก เธอก็ทนอยู่ไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดตอนนี้คือให้กำลังใจลูกเท่านั้น
“อิสร์แค่เป็นห่วงเอมน่ะครับแม่ อิสร์กลัวว่าตัวเองจะทำให้เอมเดือดร้อน”
“แม่เข้าใจอิสร์นะ แต่ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอหนูเอมเท่านั้น อิสร์ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ก็ต้องไปฝึกงานแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ครับแม่”
รับคำแม่เสร็จก็เข้านอน ทว่ากวินภพก็นอนไม่หลับ จึงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา เปิดดูรูปที่เอมมาลินส่งให้แล้วเผลอยิ้มอย่างเศร้าๆ ภาพที่จมูกโด่งเรียวรั้นและปากเล็กๆ ที่ประทับลงบนแก้มของเขามันช่างมีความหมายเหลือเกิน เขาบันทึกรูปนี้ไว้ในทุกๆ ช่องทางเพื่อจะได้มั่นใจว่ามันไม่มีทางหายไปไหน เขาไม่แน่ใจว่าก่อนที่เอมมาลินจะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ เขาจะได้มีโอกาสพบเธออีกไหม แต่ถึงแม้ว่าจะพบหรือไม่พบ เธอก็จะประทับอยู่ในหัวใจและความทรงจำของเขาตลอดไป
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ในตอนสายของวันใหม่ เอมมาลินมองคนที่เข้ามาในห้องอย่างไม่รู้สึกรู้สา ต่างกับคนที่เข้ามาซึ่งมองสาวน้อยอย่างเห็นใจแกมเวทนา ป้าแก้วพยักหน้าให้เตือนใจสาวใช้ที่เดินประคองถาดอาหาร เอาถาดไปวางไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียงแล้วบอกให้ไปรอข้างนอก ส่วนตัวนางเองขยับเข้าไปหาคุณหนูของตน
“เป็นยังไงบ้างคะคุณหนู ดูสิทูนหัวของป้าตาบวมหมดเลย ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนสิคะ จะได้มาทานข้าว ป้าทำของโปรดของคุณหนูมาให้ค่ะ”
“เอมไม่หิวหรอกค่ะป้าแก้ว” เสียงอันหม่นเศร้าเอื้อนเอ่ย เช่นเดียวกับแววตาที่ไร้ชีวิตชีวาทว่าเจ็บปวด
“ไม่หิวก็ทานสักนิดเถอะนะคะ จะได้มีแรง”
“เอมอยากออกไปจากที่นี่ เอมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ป้าแก้วปล่อยเอมไปได้ไหม”
“ป้า...เอ่อ...” ป้าแก้วมีท่าทีอึกอัก สงสารคุณหนูก็สงสาร ทว่าก็กลัวเจ้านายซึ่งเป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในบ้านหลังนี้ด้วย แม้ตนจะเป็นคนเก่าคนแก่และสงสารคุณหนูเอมมากเพียงใด ก็ยังตัดสินใจไม่ได้เด็ดขาดว่าจะกล้าทำตามที่ถูกขอร้อง
“นะคะป้า ช่วยเอมสักครั้ง พ่อไม่รักเอมแล้ว เอมก็ไม่รู้จะอยู่บ้านหลังนี้ไปทำไม” เอมมาลินเว้าวอนอย่างน่าสงสาร ซึ่งป้าแก้วก็เห็นว่าอย่างนั้นเช่นกัน หลายๆ ครั้งที่คุณท่านทำไม่ถูก และเหมือนจะลำเอียงจนน่าสงสารคุณหนู
“แล้วคุณหนูจะไปอยู่ที่ไหนคะ”
“เอมจะไปหาพี่อิสร์กับน้ากรอง”
“แต่คุณพ่อท่านห้าม แล้วถ้าคุณหนูหายไป คุณพ่อท่านก็คงไปตามคุณหนูได้ไม่ยาก”
“เอมไม่ได้คิดจะไปอยู่ที่นั่นหรอกค่ะ เอมแค่จะแวะไปลาพี่อิสร์กับน้ากรอง แล้วเอมจะลงไปหาน้าอร เอมจะไปอยู่กับน้าอร” เอมมาลินตั้งใจเช่นนั้นจริงๆ เพราะตอนนี้ญาติคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ก็คืออินทุอร น้าสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับแม่ของเธอ ซึ่งแต่งงานและตั้งรกรากอยู่ที่ภูเก็ต
“วันนี้คงไม่ได้ค่ะ คุณท่านกับคุณนงนภาอยู่บ้านทั้งวัน เอาไว้วันพรุ่งนี้นะคะคุณหนู ตอนเย็นๆ เห็นว่าจะพากันไปงานเลี้ยง แต่คุณหนูต้องทานอาหารนะคะ จะได้มีแรง”
“แต่เอมไม่หิวเลย มันตื้อไปหมด”
“ป้าเข้าใจค่ะ แต่ฝืนหน่อยนะคะ”
“เอมจะพยายามค่ะป้าแก้ว”
ป้าแก้วยกมือขึ้นโอบไหล่คุณหนูของนางแล้วกอดกระชับอย่างรักและสงสาร ตั้งแต่ทำงานที่นี่นางไม่เคยขัดคำสั่งเจ้านายเลย และนั่นคือสิ่งที่ทำให้คุณธนินรักและไว้ใจจนแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าแม่บ้าน ทว่าพรุ่งนี้นางอาจจะต้องทำในสิ่งที่ไม่ถูกใจเจ้านาย แต่มันอาจเป็นหนทางที่ถูกต้องที่สุดก็ได้
คฤหาสน์หลังใหญ่ในช่วงเที่ยงวันเดียวกัน ขณะที่สาวน้อยนอนซมอยู่กับกองน้ำตาและความเศร้าในใจ แต่ตอนนี้ที่ชั้นล่างของคฤหาสน์กลับมีรอยยิ้มอันแฝงไปด้วยความสุขและสมหวังของใครอีกคน เมื่อมีอาคันตุกะหนุ่มมาเยี่ยมเยือนถึงบ้าน แผนการอันแยบยลปนร้ายลึกผุดขึ้นมาในใจทันที ขณะตาเพ่งมองชายหนุ่มผู้มีฐานะเป็นลูกชายของเพื่อนสามี
จริงอยู่ที่อีกไม่กี่วันเอมมาลินก็จะถูกส่งไปเรียนต่อต่างประเทศ ทว่านงนภาก็ยังไม่แน่ใจนักว่าเอมมาลินจะเรียนจบกลับมา ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นจริงๆ แน่นอนว่าเธอต้องดีใจที่เอมมาลินจะด้อยกว่าลูกสาวตัวเอง และถ้ายิ่งเอมมาลินลงเอยกับเด็กหนุ่มคนเมื่อวานได้ยิ่งดี เอมมาลินจะได้ไม่มีอะไรสู้ลูกสาวของเธอได้ แต่ในอีกมุมหนึ่งนั่นเท่ากับว่าเอมมาลินต้องกลายมาเป็นภาระให้คุณธนิน ทรัพย์สินบางส่วนต้องถูกแบ่งไปจุนเจือลูกเขยที่มีแต่ตัว ดังนั้นสู้สนับสนุนให้เอมมาลินได้ลงเอยกับคนที่มีฐานะดีพอประมาณดีกว่า เพราะถึงยังไงซะเธอก็มั่นใจว่าจะหาคู่ครองที่เพียบพร้อมกว่านี้หลายเท่าให้กับลูกสาวของตนได้อย่างแน่นอน
“ว่าไงตะวัน” “จะโทร.มาถามว่าเรื่องนั้นตกลงแกว่าไง” “แกนี่มันบ้าว่ะตะวัน ลูกฉันยังไม่โตเลยนะเว้ย” กวินภพต่อว่าเพื่อน แต่พร้อมกันนั้นก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่รังสิมันต์ที่โทร.มาทาบทามลูกสาวของเขา แต่เพื่อนๆ ในกลุ่มต่างก็เริ่มคุยกันเป็นจริงเป็นจังแล้วว่าจะให้ลูกใครคู่กับลูกใครบ้าง “ก็เพราะยังไม่โตนี่แหละเลยต้องรีบจองไว้ก่อน” “แล้วน้องนิลลูกไอ้ปรัชญ์ล่ะ” “คนนั้นพี่กริชจองไว้ให้ลูกชายแล้ว” “แต่ลูกพี่กริชอายุน้อยกว่าน้องนิลไม่ใช่เหรอวะ” “อายุมันใช่ปัญหาที่ไหนล่ะ”“แล้วลูกพี่ปราณต์ล่ะ”“ก็คู่กับน้องโอมลูกชายคนรองแกไง เอาละๆ แกไม่ต้องเฉไฉ ตอบมาคำเดียวว่าแกจะยกหนูอินธ์ให้เป็นว่าที่ลูกสะใภ้คนโตของฉันหรือเปล่า หรือถ้าไม่ได้น้องอินธ์จะเป็นน้องอัยย์ก็ได้นะเว้ย” คราวนี้รังสิมันต์ข่มขู่แบบจริงจังสุดๆ กวินภพเลยต้องถอนหายใจออกมา “แกนี่มันบ้าเข้าขั้นจริงๆ ว่ะตะวัน ถามจริงแกปรึกษาจันทร์บ้างหรือเปล่า”“จันทร์ตามใจฉันอยู่แล้ว”“แน่ใจเหรอ ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้โรคกลัวเมียของแกกำลังกำเริบหนักนี่”“ใครโทร.มาสาระแนเรื่องชาวบ้านล่ะ ไอ้ปรัช
“ไม่เบื่อบ้างหรือไงคะ หอมวันละกี่รอบก็ไม่รู้”“ไม่เบื่อ ไม่มีวันเบื่อ อีกอย่างเดี๋ยวนี้มีลูกๆ มาคอยแย่งหอมแก้มแม่ พี่ยิ่งต้องรีบหอมเวลาที่มีโอกาส”คำพูดนั้นทำให้เอมมาลินหัวเราะออกมาเบาๆ โดยที่ตายังคงทอดมองภาพลูกสาวคนโตอยู่เช่นเดิม ก่อนจะรำพึงออกมากับสามี“ยัยอินธ์ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนน้ากรอง จนบางครั้งเอมอดคิดไม่ได้ว่า น้ากรองคงมาเกิดเป็นลูกของเรา เหมือนที่เอมเคยอธิษฐานไว้ ว่าขอให้เอมได้มีโอกาสได้ดูแลและตอบแทนน้ากรองบ้างไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง”“แม่คงคิดถึงเราสองคน ถึงได้กลับมาอยู่ด้วย”ริมฝีปากอิ่มยิ้มบางๆ กับความสุขที่โอบล้อมอยู่รอบตัวในตอนนี้ เธอมองไปยังลูกสาวคนโตด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักสุดหัวใจ ซึ่งไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่น้ากรองที่มาเกิดใหม่ แต่ทุกวันนี้สิ่งที่เธอทำเป็นประจำก็คือใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้กับน้ากรองกับพ่อเหมือนเดิม และทุกครั้งที่มีโอกาสเธอก็จะให้พี่อิสร์พาไปที่วัดเพื่อเยี่ยมพ่อกับน้ากรองเสมอ“ตาโอมเป็นยังไงบ้างคะ หลับหรือยัง” เสียงหวานเอ่ยถามถึงลูกชายคนรองกับสามี เพราะเขาเพิ่งจะกลับออกมาจากห้องนั่งเล่น ซึ่งเมื่อครู่นี้สองคนพ่อลูกเล่นอยู่ด้วยกันในนั้น“หลับไปแล้วละ
“งั้นวันหลังพี่อิสร์เปิดรูปพวกนั้นให้เอมดูหน่อยนะคะเอมอยากเห็น”“ได้สิ แล้วนอกจากเรื่องต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ เอมมีอะไรอยากจะถามพี่อีกมั้ย รีบถามเลย เพราะหลังจากนี้พี่จะไม่เปิดโอกาสให้ถามแล้วนะ เพราะพี่จะชวนเอมทำอย่างอื่น”ท่าทีและถ้อยคำยั่วเย้าของเขา ทำให้เอมมาลินวาบหวามและอุ่นซ่านในอก รู้ดีว่าสามีต้องการอะไร แต่เธอก็ยังหาเรื่องประวิงเวลาต่อ“มีอีกเรื่องค่ะ เอมอยากรู้ว่าช่วงนี้พี่อิสร์หายไปไหนบ่อยๆ”“ไปดูช่างทาสีบ้านกับตกแต่งสวนใหม่ ตอนนี้บ้านเอมสวยเหมือนเดิมแล้วนะ อีกไม่กี่วันพี่จะปลูกต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ มันน่าจะโตไปพร้อมๆ กับลูกคนโตของเรา เอาไว้อาทิตย์หน้าพี่จะพาไปดู”“ทำไมพี่อิสร์ไม่ขายซะล่ะคะ บ้านก็ไม่มีคนอยู่นานแล้ว”“มันเคยเป็นบ้านของเอม พี่ไม่อยากขาย ตอนที่พี่ซื้อบ้านหลังนั้นเอาไว้ ก็เพราะแอบหวังลึกๆ ว่าพี่จะมีโอกาสได้คืนมันให้เอม หรือถ้าไม่มีโอกาสจริงๆ พี่ก็ยังมีของที่ระลึกให้ได้คิดถึงเอม”“ไหนบอกว่าจะเอาไว้ทำเรือนหอ”“แค่คำพูดพล่อยๆ ของคนใจร้ายเท่านั้นเอง เอมจ๋าลืมมันได้มั้ย” กวินภพออดอ้อน พอคิดถึงความเลวร้ายที่ตัวเองเคยทำ หัวใจก็พลอยเจ็บปวดเพราะสงสารผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้เหลือเก
“สัญญาแล้วต้องทำตามสัญญาด้วย เอมคือหัวใจ คือชีวิตของพี่ พี่อยากทำทุกๆ วันให้เอมมีความสุข เพื่อชดเชยเวลาที่เคยเสียไปกับเรื่องเลวร้ายที่พี่ทำกับเอม”“ทุกวันนี้เอมก็มีความสุขมากแล้ว และความสุขของเอมก็คือการมีพี่อิสร์อยู่ข้างๆ ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ได้ตื่นมาเจอกัน ได้กินข้าวพร้อมกัน และได้นอนพร้อมกัน ขอบคุณที่ดูแลเอมอย่างดี เอมรักพี่อิสร์นะคะ”“พี่ก็รักเอมและรักลูกของเรา ขอบคุณที่ยอมตามใจพี่ ที่ยอมมีลูกกับพี่”กล่าวจบปากหยักอุ่นซ่านก็ประทับจูบลงบนกลีบปากนุ่ม จูบเธออย่างดูดดื่ม รักใคร่ และลึกซึ้ง ซึ่งเอมมาลินเองก็ยอมให้จูบและจูบตอบเขาอย่างเต็มใจเช่นกัน“เรื่องห้องลูก เอมตั้งใจว่าจะทำให้ลูกอยู่แล้ว พี่อิสร์มีหน้าที่จ่ายเงินค่าอุปกรณ์ต่างๆ ก็พอแล้วค่ะ” เอมมาลินบอกกับสามีอีกครั้งหลังจากจูบอันเนิ่นนานของทั้งคู่ผ่านไป“ไม่เอาค่าจ้างเหรอ”“ไม่เอาหรอกค่ะ ห้องลูกของเรานะคะ เอมจะเอาได้ยังไง”“แต่พี่อยากให้ อยากจ้างเมียตัวเอง”“ทุกวันนี้ก็ให้จนเอมใช้ไม่หมดอยู่แล้วค่ะ”“เอมแทบจะไม่ใช้เลยต่างหาก” กวินภพเอ่ยแย้งพลางยกมือขึ้นไล้แก้มนวลเบาๆ อย่างทะนุถนอม“ไม่รู้จะใช้ซื้ออะไรนี่คะ พี่อิสร์หามาให้หมดทุกอย
“ถ้ามัวแต่เรียกชื่อเอมอยู่แบบนี้ เอมจะไม่ยอมมีลูกด้วย”“ถึงเอมจะไม่ยอม พี่ก็จะปล้ำแบบมาราธอน งานนี้ถ้าเอมไม่ท้อง พี่ก็ไม่พากลับ”ริมฝีปากอุ่นๆ ประทับลงจูบปากนุ่มอย่างดูดดื่ม เอมมาลินจูบตอบเขา แต่ไม่ได้หลับตาเหมือนทุกครั้ง ตลอดเวลาที่ปากยังถูกจูบ ตาของเธอจ้องมองเขา ประกายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่และเชิญชวนอย่างไม่รู้ตัว และภาษากายเหล่านั้นก็ทำให้ความอบอุ่นอ่อนหวานกลายเป็นความเร่าร้อนขึ้นในทันทีทุกตารางนิ้วบนเรือนกายเปลือยเปล่าของเอมมาลินถูกจูบถูกสัมผัสจนเธอพรั่งพร้อม เขาก็เป็นฝ่ายพลิกตัวลงนอนหงายกับที่นอน แล้วจับร่างบางขึ้นไปอยู่เหนือร่างใหญ่ เอมมาลินเขินอายไม่น้อยเมื่อรู้ความต้องการของสามี แต่เธอก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ด้วยการค่อยๆ นำพาเขาและเธอให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันเอมมาลินขยับกายบดสะโพกเป็นจังหวะช้าเร็ว ตามแต่ธรรมชาติและความเร่าร้อนวาบหวามจะนำทาง ทว่ากลับทำให้คนที่ทำตัวเป็นเบี้ยล่างชั่วคราวพอใจและเปล่งเสียงครางออกมาอย่างสุขสม และความสุขสมเหล่านั้นมันก็คือรางวัลที่ดีงามที่สุดสำหรับเธอความอุ่นซ่านแล่นลึกเข้ามาสู่ท้องน้อยและหัวใจ ในช่วงสุดท้ายของท่วงทำนองคลองรัก เอมมาลินรู้ดีว่ามันคือต
“ไม่หรอกครับ สำหรับบางอย่างหรือบางเรื่อง การเว้นช่องว่างและปล่อยให้เป็นเส้นขนานคือทางที่ดีที่สุดแล้ว พี่ว่าภัสเองก็คงเข้าใจเหมือนกัน” “เหมือนครั้งหนึ่งที่เอมเคยคิดว่า เรื่องระหว่างเอมกับพี่อิสร์มันคงเป็นเส้นขนานไปแล้ว” “ยกเว้นเรื่องของเราที่รัก พี่รักเอมมากเกินกว่าจะปล่อยให้เรื่องระหว่างเราสองคนกลายเป็นเส้นขนาน” “ขอบคุณที่พี่อิสร์ยกโทษให้เอม และขอบคุณที่กลับเข้ามาในชีวิตของเอม” “ขอบคุณเอมเหมือนกันที่ยอมยกโทษให้พี่ และยอมให้โอกาสพี่ได้ดูแลเอม” ตาสองคู่สบประสานกันอย่างลึกซึ้ง ถ่ายทอดความรักความเข้าใจให้กันและกันผ่านทางหน้าต่างของหัวใจ ก่อนที่เอมมาลินจะเป็นฝ่ายชวนสามีไปไหว้พ่อกับแม่อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก “ไปไหว้พ่อกับแม่ของเรากันเถอะค่ะ” “พี่จะขออโหสิกับพ่อของเอมและแนะนำตัวกับท่านว่าตอนนี้พี่เป็นลูกเขยท่านแล้ว เอมเองก็อย่าลืมบอกแม่พี่นะว่าเอมเป็นลูกสะใภ้ท่านแล้ว” ใบหน้าสวยหวานแดงระเรื่อ หัวใจพองคับอกและเต็มไปด้วยความอุ่นซ่าน มือใหญ่จูงมือเล็กไปยังหน้าสถูปของผู้เป็นบิดา ก่อนจะเดินไปยังสถูปของแม่ของเขา บอกกล่าวทุกอย่างให้ท่า







