LOGINเสียงเพลงของนาฬิกาในโทรศัพท์ที่ยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทไม่ได้ทำให้คาราเมลรำคาญใจเลยสักนิด เธอพลิกตัวอีกครั้งบนเตียงคิงไซส์ราคาหลายแสน ก่อนจะควานหามือถือที่วางอยู่ข้างหมอนเพื่อปิดนาฬิกาปลุกที่ดังแข่งกับแสงแดดยามสายที่ลอดผ่านผ้าม่านเนื้อดีเข้ามา
"ไม่อยากตื่นเลย" คาราเมลบ่นอุบกับตัวเอง พลางยื่นขาเรียวยาวที่คลุมด้วยผ้าไหมเนื้อดีถีบหมอนข้างลงจากเตียงด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อแสงแดดเริ่มแยงตา เธอขยับกายไปกอดหมอนอีกใบ สูดดมกลิ่นหอมของน้ำหอมกลิ่นฟลอรัลราคาแพงที่ฉีดพรมไว้เมื่อคืนก่อนจะหัวเราะคิกคัก
ในโลกของคาราเมลความกังวลเป็นเพียงคำศัพท์ที่อยู่ในพจนานุกรม ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องเผชิญหน้ากับมันจริงจัง
เธอใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการเลือกว่าจะใส่ชุดไหนไปทานอาหารเช้าที่เกือบเที่ยงกับเพื่อนที่คาเฟ่ และอีกสองชั่วโมงข้างหน้าสำหรับการช้อปปิ้งของแบรนด์เนมที่ไม่จำเป็น ออกจะเกลื่อนห้องนอนสุดหรูจนแทบไม่มีที่วาง แต่นั้นไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับเธอ ถ้ามันแน่นก็แค่ขยายให้กว้างขึ้น หรือไม่ก็ซื้อคอนโดเพิ่มสักห้องเพื่อเป็นที่เก็บของโดยเฉพาะก็ยังทำได้ แต่จะไม่มีทางที่เธอจะหยุดช้อปปิ้งด้วยเหตุผลเหล่านั้นโดยเด็ดขาด เพราะนี่มันคือความสุขที่สุดสำหรับเธอ
คาราเมลใช้ช่วงบ่ายในการแพลนปาร์ตี้คืนนี้กับแก๊งเพื่อนซี้ทางโทรศัพท์ โดยไม่เคยคิดถึงตัวเลขในบัญชีธนาคาร หรือภาระค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะนั่นไม่ใช่หน้าที่ของเธอที่จะต้องสนใจ สิ่งเดียวที่คาราเมลต้องทำคือใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุด โดยมีคุณพ่อนักธุรกิจพันล้านเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังเสมอ
"แกว่าสองใบนี้ใบไหนสวยกว่า" กระเป๋าแบรนด์หรูถูกนำมาวางตรงหน้าลูกค้าวีวีไอพีของห้างแห่งหนึ่ง คาราเมลไล่สายตามองทั้งสองใบอย่างคิดหนัก สมองของเธอวัน ๆ มีแค่การคิดเรื่องไร้สาระที่ทำให้เกิดรอยหยักทั้งนั้น วันนี้ช้อปปิ้งที่ไหน ปาร์ตี้ธีมอะไรดี หรือกินอะไรที่มันจะเหมาะกับคุณหนูณิชารีย์ วรเศรษฐสกุลแบบเธอ
"ระดับแกจะเลือกไปทำไม อยากได้ก็สอยมาทั้งสองใบเลยสิจ้ะ" เสียงจีบปากจีบคอของเพื่อนช้อปปิ้งตอบกลับทันที แน่นอนว่าคนอย่างเธอก็ไม่เคยทำให้แรงยุผิดหวัง หญิงสาวพยักหน้าแก่พนักงานที่ยืนให้บริการลูกค้าคนสำคัญโดยเฉพาะ พร้อมทั้งยื่นบัตรเครดิตใบสีดำไม่จำกัดวงเงินของคนเป็นพ่อส่งให้ในทันที
"แกก็เลือกด้วยสิ ฉันจ่ายให้" ไม่ลืมที่จะเผื่อแผ่ให้เพื่อนสนิทอีกคนที่มาด้วย กับการตอบแทนการมาเป็นเพื่อนด้วยกระเป๋าใบละไม่กี่แสน มันไม่ทำให้ขนหน้าแข้งลูกคุณหนูร่วงได้
"จะดีเหรอแก" ถึงจะตอบอย่างนั้นแต่ลึก ๆ อีกคนก็ตาลุกวาวทันทีที่ได้ยิน แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว
"เอาไปเถอะหนา ฉันรู้ว่าแกคงไม่มีปัญญาซื้อเองหรอก" คุณหนูคาราเมลว่าอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่เธอกลับไม่เคยรู้เลยว่าการพูดตรงไปตรงมานั้นเรียกความเกลียดชังจากคนข้าง ๆ ที่แสร้งปั้นหน้ายิ้มให้ขนาดไหน
หลังจากใช้เวลาทั้งวันไปกับการช้อปปิ้งและนัดหมายเพื่อนสนิท คาราเมลก็กลับมาถึงคฤหาสน์หรูด้วยความอ่อนล้าปนอารมณ์ดี เธอก้าวลงจากรถคันหรูที่มีคนขับเปิดประตูให้ ดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นรถคันสีดำสนิทที่ไม่คุ้นตาจอดเทียบอยู่หน้าประตูรั้วใหญ่ และมีเงาร่างสูงโปร่งของชายคนหนึ่งกำลังก้าวลงจากรถคันนั้น ท่าทางองอาจและสุขุมอย่างน่าประหลาดใจ และยอมรับว่าเบ้าหน้าหล่อราวกับหุ่นปั้นทำเธอต้องหยุดมอง แต่เพียงชั่ววินาทีเดียวเงาสูงนั้นก็เดินลับหายเข้าไปในตัวบ้าน ผ่านหน้าเธออย่างรวดเร็ว
"แขกของพ่อแน่เลย" เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ และเดินต่อไปอีกทางอย่างไม่คิดใส่ใจ เพราะคฤหาสน์ของเธอมีคนเข้าออกไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าธุรกิจของพ่อ หรือแขกเหรื่อคนสำคัญที่ท่านเชิญมา
ก็อก ๆ
เสียงเคาะประตูห้องทำให้คนนอนไกว่เท้าเล่นหันไปมอง
"ใครคะ" ก่อนจะตะโกนลอดออกมาให้คนยืนหน้าห้องตอบกลับไป
"นมเองค่ะ" เสียงคนมีอายุดังขึ้น หญิงสาวจึงรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู และเห็นเป็นหญิงวัยชราอายุราว ๆ หกสิบกว่ายืนฉีกยิ้มให้เธอ
นวลหรือนมที่เธอมักเรียกติดปากจนชิน เป็นแม่บ้านเก่าแก่ของตระกูล ผู้ที่พ่อของเธอไว้ใจช่วยดูแลลูกสาวคนเดียวหลังจากที่แม่ของเธอหรือน้ำผึ้งเสียชีวิตเมื่อตอนเธออายุเพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้น คาราเมลกลายเป็นลูกสาวคนเดียวที่เป็นแก้วตาดวงใจของวิศรุตที่เขาทั้งตามใจ ประคบประหงม ประเคนทุกอย่างที่ต้องการ จนทำให้หญิงสาวกลายเป็นคนเอาแต่ใจจนถึงทุกวันนี้
"นมมีอะไรหรือเปล่าคะ?"
"คุณท่านเรียกคุณหนูไปพบที่ห้องค่ะ" คนชราเอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
"ตอนนี้เลยเหรอคะ เมลเห็นป๋ามีแขกไม่ใช่เหรอ"
"เขากลับไปแล้วค่ะ" มาแป๊ปเดียวขนาดนั้น...จะมาทำไมกัน
คาราเมลไม่ได้ตั้งคำถามอะไรต่อ เธอตรงไปยังห้องทำงานคนเป็นพ่อที่รออยู่ก่อนแล้ว ร่างบางรีบเปิดประตูเข้าไป มือเรียวรีบกอดเอวคนเป็นพ่อหลวม ๆ ถ้าสำหรับวิศรุตเธอคือแก้วตาดวงใจ สำหรับเธอเขาก็เป็นโลกทั้งใบที่เธอมีเพียงแค่เขาเท่านั้น
"ช่วงนี้ป๋าไม่เห็นหน้าเห็นตาเลยนะ" วิศรุตกอดตอบลูกสาว มือสาก ๆ ของคนอายุหกสิบกว่าลูบหัวเบา ๆ และอ่อนโยน
"ก็ป๋ามัวแต่ทำงาน ไม่สนใจเมลเลย"
"ป๋าก็ทำเพื่อหนูทั้งนั้น"
"เมลรู้ค่ะ เมลไม่โกรธป๋าหรอก ว่าแต่ป๋าเรียกเมลมาทำไมเหรอคะ"
"ป๋าก็แค่คิดถึงลูกสาว ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กอดอีกเมื่อไหร่"
"ป๋าหมายความว่ายังไง จะไปทำงานต่างประเทศอีกเหรอคะ"
"เปล่าหรอก ป๋าแค่พูดไปอย่างนั้นแหละ ป๋ามีของให้หนูด้วยนะ" ลิ้นชักห้องทำงานค่อย ๆ ถูกเลื่อนออกมา ก่อนจะเห็นกล่องสีแดงกำมะยี่ที่คนเป็นพ่อหยิบติดมือ
"เปิดดูสิ" คาราเมลรีบรับมาเปิดอย่างตื่นเต้น
"สร้อยคอเหรอคะ" ใบหน้าเธอเปื้อนรอยยิ้ม แม้ตัวเธอเองจะมีสร้อยคอเครื่องประดับนับไม่ถ้วน แต่มันก็ไม่ได้พิเศษเท่าสิ่งที่คนเป็นพ่อมอบให้
"ป๋าว่าสร้อยเส้นนี้เหมาะกับลูกที่สุดเลย" วิศรุตค่อย ๆ ยกสร้อยเงินขึ้น
"ใบโคลเวอร์สี่แฉก ไม่ได้มีความหมายแค่โชคดีอย่างที่ใคร ๆ ว่ากัน แต่มันมีความหมายของมันอยู่อีก นั้นคือความหวังที่ทำให้ลูกได้ไปต่อในทุกเรื่อง ความเชื่อมั่นในตัวเองที่ทำให้ลูกกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ความรักที่เป็นแสงนำทางให้ลูกเจอแต่สิ่งดี ๆ และสุดท้ายคือความโชคดีที่จะตามมาเมื่อลูกมีสามสิ่งแรกครบถ้วน" คาราเมลยืนฟังคนเป็นพ่อน้ำตารื่น มือเรียวหยิบสร้อยคอเงินแท้และจี้รูปใบโคลเวอร์ที่ฝังเพชรขาวราคาแพงมาถือไว้แนบอกของเธอ
"ป๋าสวมให้หนูได้ไหม"
"ขี้อ้อนเหมือนเดิมเลยเด็กคนนี้" วิศรุตรับสร้อยจากมือลูกสาวที่รีบหันหลังให้ ก่อนจะสวมลงบนคอระหงที่เหมาะกับสร้อยคอเส้นนี้อย่างไม่น่าเชื่อ
"มันคือคำอวยพรที่ป๋ามีให้ลูกตลอดชีวิต จำไว้นะเมล...หนูคือใบโคลเวอร์ที่สมบูรณ์ที่สุดของป๋า ป๋ารักหนูนะ"
"หนูก็รักป๋าค่ะ" สองพ่อลูกกอดกันกลม เป็นอีกวันที่ครอบครัวแม้จะมีกันแค่สองคนอบอวลไปด้วยความอบอุ่น
"หนูคือโคลเวอร์ที่สมบูรณ์ที่สุดของป๋า แต่ตอนนี้ขอไปเป็นแค่ลูกสาวธรรมดา ๆ ก่อนนะคะ" เธอกล่าวพร้อมหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเดินจากไปเนื่องจากการนัดปาร์ตี้อีกเช่นเคย ทิ้งให้วิศรุตยืนยิ้มให้กับความซนของลูกสาวที่เขารู้ดีว่า...ยังไม่พร้อมจะเติบโตในตอนนี้
หกปีผ่านไปปั๊ง ปั๊ง !เสียงปืนดังสนั่นสองนัดติด ๆ กันก่อนจะตามมาด้วยเสียงปรบมือของใครหลายคน"ทั้งสองคนเก่งมากครับ ถือว่าพัฒนาจากสัปดาห์ที่แล้วได้ดีเลยทีเดียว" พี่ลีซอผู้ฝึกสอนการยิงปืนให้เราสองคนแม่ลูกออกปากชม"เก่งมากครับ" ตามมาด้วยพ่อของลูกฉันที่เดินลิ่วเข้ามาภายในบริเวณฝึกซ้อม พร้อมกับใครอีกคนที่ได้ทีก็รีบวิ่งไปกอดครูผู้สอนของฉันทันที"มาได้ยังไงคะ" ฉันถามคนตัวโตที่ตอนแรกก็รอฉันที่บ้าน เพราะยังมีอีกคนต้องดูแลแต่ไป ๆ มา ๆ ก็มาเจอกันที่นี่ยกครอบครัวเสียอย่างนั้น"ลีโอคิดถึงพ่อแท้ ๆ" ลีโอหรือลูกชายคนเล็กวัยห้าขวบที่เรากำลังพูดถึง และพ่อแท้ ๆ ของเขาคนที่พี่เลออนกำลังประชดประชันคือพี่ลีซอมือขวาของเขาที่ไม่รู้ว่าผิดพลาดตรงไหน ทำไมคนนี้กลับกลายเป็นเขาที่ได้เป็นพ่อทูนหัวอีกคน"ฮ่า ๆ" ฉันหัวเราะชอบใจท่ามกลางสีหน้าบูดบึ้งของสามี ก่อนจะมีเสียงใครบางคนที่ดังทะลุขึ้นมาพร้อมกับโอบกอดพี่เลออนแนบแน่น"ป๊าขา""อย่างน้อยก็ลูกสาวรักล่ะวะ" พี่เลออนยิ้มภาคภูมิใจในตัวเอง นาน ๆ ทีจะเห็นลูกสาวขี้อ้อน แต่ทำไมฉันจะดูไม่ออกว่าไอ้อาการเหล่านี้จะทำต่อเมื่อต้องการขออะไรบางอย่างเท่านั้น"ว่าไงคะ""พรุ่งนี้ที่โร
"เหนื่อยไหม" พี่เลออนรีบยื่นน้ำให้ฉันที่เพิ่งเรียนศิลปะการต่อสู้เสร็จหมาด ๆ ตอนแรกก็กะว่าจะเรียนเป็นเพื่อนลูกแต่เรียนไปเรียนมาก็ชอบถึงขนาดเรียกให้ครูสอนจริงจัง เผื่ออนาคตจะสามารถดูแลตัวเองได้ เป็นนายหญิงของมาเฟียย่อมมีศัตรูเป็นธรรมดา จึงอยากเป็นภาระคนในตระกูลให้น้อยที่สุด หรือบางทีฉันอาจจะปกป้องผู้นำมาเฟียอย่างที่เคยลั่นไว้ด้วยก็ได้"สนุกดีค่ะ" ฉันฉีกยิ้มรีบรับน้ำมาดื่ม ก่อนจะมองตามสายตาของพี่เลออนที่กำลังจดจ้องลูกสาวตัวดีที่เรียนเสร็จก็ตรงดิ่งไปอ้อนพี่เซเรนที่ยืนรอคุณหนูของเขาติดขอบสนาม"เซเรนออกมาห่าง ๆ หน่อย" เสียงเข้มรีบตะโกนบอกสองคนที่เหมือนจะเป็นพ่อลูกมากกว่า"ครับนาย" จนพี่เซเรนได้ยินคำสั่งก็รีบถอยห่างจากลียาทันที"ปะป๊า!" คนไม่พอใจคือลูกสาวของฉันที่ทำหน้าดุใส่พ่ออีกคน จากนั้นก็ขยับไปกอดคอพ่อที่แท้จริงราวกับคำสั่งนั้นเป็นเพียงเสียงที่ผ่านหู"ลียามาหาป๊ามา""ไม่ไป" ลียาตอบทันควัน ทำเอาพ่อของลูกฉันถึงกับคิ้วขมวดทันที"ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ เขาผูกพันกันมาตั้งแต่ในท้องนะคะ พี่เซเรนน่ะพ่อทูลหัวของเขาเลย" ฉันลูบแขนอีกคนให้ใจเย็นลง สำหรับลียาพี่เซเรนไม่ได้เป็นเพียงแค่บอดีการ์ดทั่ว ๆ ไป แต
ภายในคฤหาสน์ตระกูลเก่าแก่ที่ถูกประดับไปด้วยโคมไฟเหนือโถงทอดเงายาวลงบนพื้นหินอ่อน บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมจนแม้แต่เสียงรองเท้าก้าวเดินก็สะท้อนก้องออกไป สมาชิกระดับสูงของตระกูล Black lion นั่งเรียงเป็นแถวยาว ทุกสายตาของทุกคนหนักแน่น และแฝงไปด้วยแฝงความสงสัยจ้องมายังผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ยืนอยู่เคียงข้างชายหนุ่มผู้เป็นผู้นำของพวกเขาเลออนสวมสูทสีดำเข้ม ชายเสื้อกลัดกระดุมรูปสิงโตคำรามสวมมงกุฎเพชร ซึ่งแตกต่างจากคนอื่น ๆ ด้วยสัญลักษณ์ของผู้ยิ่งใหญ่ ยืนอย่างสง่าผ่าเผยภายใต้แสงโคมสะท้อน โดยมือใหญ่กุมมือของคนรักไว้แน่นไม่ยอมปล่อยให้หลุดไปไหนได้"วันนี้…ผมยืนอยู่ตรงนี้เพื่อประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่าคาราเมลผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่แค่คนรักของผม แต่จากนี้ไป เธอคือนายหญิงเพียงคนเดียวของ Black Lion ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องเธอ…ก็เหมือนกับแตะต้องผมเหมือนกัน"เสียงเงียบกริบราวกับทั้งห้องหยุดหายใจพร้อม ๆ กัน ก่อนที่เลออนจะหยิบกล่องกำมะหยี่ออกมา เปิดเผยแหวนสลักสัญลักษณ์สิงโตดำที่เป็นตราของวงศ์ตระกูลสืบทอดกันมาหลายต่อหลายรุ่น สวมมันลงบนนิ้วนางของคาราเมลด้วยความรักที่มั่นคงคาราเมลลอบกลืนน้ำลายพร้อมกับหัวใจท
เย็นของวันที่ดูจะเป็นวันแห่งความสุขที่สุดอีกวันของคาราเมลและเลออนกำลังเริ่มขึ้น หลอดไฟนับพันที่ถูกตกแต่งบนต้นไม้รวมไปถึงเสาโค้งที่ล้อมรอบงานมงคล ทำให้เกาะส่วนตัวกลางทะเลที่มีตระกูล Black Lion เป็นเจ้าของกลายเป็นสรวงสวรรค์ที่ปกคลุมไปด้วยความรักอันหวานชื่นงานวิวาห์ที่รักษาความเป็นส่วนตัวครั้งนี้เชิญเฉพาะแขกเหรื่อคนสนิทของทั้งสองฝ่าย ภายในงานจึงมีแขกที่สามารถเข้าร่วมได้ไม่เกิน20 คน อาจจะดูเหมือนเป็นพิธีการที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความเรียบง่ายแต่หากจะบอกอย่างนั้นมันก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียวเนื่องจากงานที่จัดกลางเกาะห่างไกลจากผืนดินการจัดการจึงค่อนข้างมีรายละเอียดมากกว่านั่นก็รวมไปถึงคนที่พิถีพิถันและให้ความสำคัญกับงานในครั้งนี้รายละเอียดทั้งหมดตั้งแต่การลงทุนซื้อเกาะส่วนตัวเพื่อการนี้ค็อกเทลในแก้วคริสตัลนำเข้าจากปารีส ไปจนไปถึงวงดนตรีจากวงออเคสตราชื่อดังในอิตาลีแน่นอนว่าทุกดีเทลต้องผ่านการคอนเฟิร์มจากเลออนที่เป็นตัวต้นงาน คนที่รู้ดีที่สุดว่าเมียสุดรักของเขาชอบแบบไหนต้องการอะไรมากที่สุดถึงจะทำให้ภาพรวมของงานออกมาได้ถูกใจเธอที่สุด"ได้เวลาเปลี่ยนชุดแล้วครับนาย"ลีซอบอกเจ้านายที่ยืนค
ยามเย็นที่ดวงอาทิตย์กำลังทอแสงอ่อน ๆ สาดลงมาบนผิวน้ำของสระว่ายน้ำในงานปาร์ตี้ที่คล้ายจะเป็นสถานที่พลอดรักมากกว่า คู่รักหนุ่มสาวที่เพิ่งกลับมาคืนดีกำลังลอยตัวอยู่กลางสระอย่างใกล้ชิด ความเย็นของน้ำไม่ได้ช่วยให้ความร้อนในกายของทั้งคู่ลดลง หรือแม้แต่คนในงานเองก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการแสดงความรักระหว่างเลออนและคาราเมล"คิดยังไงถึงบอกไอ้ไคเซอร์ไปแบบนั้น" เสียงแหบพร่าของเขาเอ่ยถามขณะที่รวบร่างเล็กเข้ามากอดแนบแน่น คาราเมลยกยิ้มหวานขึ้น ก่อนจะใช้แขนเรียวคล้องคอและจดจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาแห่งความรักใคร่"เมลไม่อยากให้ระหว่างเราเกิดการเข้าใจผิดกันอีก เมลไม่อยากอยู่ห่างพี่สักวินาทีเดียว" เธอตอบด้วยน้ำเสียงหวานยั่วยวน ลากปลายนิ้วเบา ๆ ไปตามกรอบหน้าคมคายของเขา มั่นใจว่าหลังจากนี้จะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์คล้ายนี้อีก"พี่ชอบที่เมลพูดตรง ๆ แบบนี้ มันยิ่งทำให้พี่...หลงเมลมากกว่าเดิม" ความปรารถนาที่สื่อผ่านดวงตาฉ่ำหวานทำให้เลออนแทบคลั่ง เขากดจูบลงบนหน้าผากเนียนอย่างหลงใหล ก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาที่ริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อ"เมลก็ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว..." คาราเมลยิ้มเย้ายวนยิ่งขึ้น เธอจงใจใช้ปลายเล็บสะกิด
"คุณพ่อคุณแม่ท่านน่ารักมากเลยนะคะ ขนาดแต่งงานกันนานแล้วก็ยังหมั่นเติมความหวานอยู่ตลอด" คาราเมลปรายมองคู่รักที่สวีทหวานแหววอยู่ในร้านเพชรประจำของเอเลน่า พากันช่วยเลือกเครื่องประดับร่างแทบจะหลอมเป็นคนเดียวกัน เป็นภาพน่ารักที่ทำเอาเธออดยิ้มตามไม่ได้"อิจฉาทำไม เมลก็มีพี่ที่รักเมลไม่ต่างจากที่พ่อรักแม่" คนเห็นจนชินรีบแย่งขึ้นมา สายตาของเธอจึงเปลี่ยนเบนมองเขาแทน"ไหนลองพูดใหม่สิคะ" คาราเมลเท้าคางมองใบหน้าหล่อเหลายิ้ม ๆ"พี่รักเมล""บ้า! เมลเขินนะ" ก่อนจะตีแขนเขาเบา ๆ อายแทบตัวม้วนกับสายตาและคำบอกรักที่หวานเกินบรรยายเลออนบีบจมูกเชิดรั้น ไม่ว่าทำอะไรเขาก็รู้สึกมันเขี้ยวเธออยู่ตลอดเวลาจริง ๆครอบครัวสุขสันต์พากันช็อปปิ้งตลอดทั้งวัน ส่วนใหญ่ก็จะนำทัพด้วยเอเลน่าและคาราเมลที่เลือกซื้อของอย่างสนุกสนาน ส่วนชายหนุ่มสองคนแน่นอนว่ามีหน้าที่แค่จ่ายเงิน ถือของ และเอาใจคนรักก็พลันมีความสุขตามทั้งวันที่เหมือนกับวันพักผ่อนสำหรับครอบครัวไม่ได้ทำให้คาราเมลรู้สึกเป็นคนนอกเลยสักนิด เอเลน่าและไลออซปฏิบัติราวกับเธอเป็นลูกในไส้ ทั้งยังรักและเอ็นดูยิ่งกว่าเลออนที่เป็นลูกจริง ๆ"วันนี้สนุกมากเลยหนูเมล แต่พ่อแอบบ






![สิงขร [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
