LOGINเสียงเพลงที่กระหึ่มจากลำโพงชั้นดี และเสียงหัวเราะของเพื่อนฝูงที่ดังแซ่ซ้อง ทำให้คาราเมลรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิงที่กำลังอยู่ในดินแดนแห่งความสุขของตัวเอง เธอเพิ่งกลับจากลอนดอนได้ไม่กี่เดือน สำเร็จปริญญาโทด้านการบริหารตามที่พ่อต้องการก็กลับมาใช้ชีวิตอยู่ในวังวนเดิม ๆ ที่คุ้นเคย เพราะคำว่ายังไม่พร้อมจะจริงจังกับชีวิต และเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จอีกหนึ่งขั้น ทำให้สามเดือนที่ผ่านมาก็เอาแต่เที่ยวเล่นผลาญสมบัติคนเป็นพ่อไปวัน ๆ
"คุณหนูคาราเมลมาแล้วเว้ย!" เสียงของเพื่อนสนิทดังขึ้นเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาในงานปาร์ตี้ริมสระน้ำที่จัดขึ้นอย่างหรูหรา เธอในชุดบิกินี่ตัวเก่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อคลุมซีทรูบางเบาโบกมือทักทายเพื่อน ๆ อย่างสดใส
"เต็มที่นะทุกคน วันนี้ฉันเลี้ยง!"
"วู้ว!" เสียงโห่ร้องยินดีดังขึ้นอีกครั้ง คาราเมลรินเครื่องดื่มสีสวยลงในแก้ว แล้วดื่มรวดเดียวเพื่อฉลองให้กับค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความสุขที่กำลังจะเริ่มขึ้น
ทว่าความสุขนั้นกลับอยู่ได้ไม่นาน...เมื่อเพื่อนคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"ยัยคุณหนู...ลูกน้องแกมา" คาราเมลหันไปมองตามทางที่เพื่อนบอก ก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียดอย่างไม่พอใจกับการปรากฏตัวของลูกน้องพ่อที่ตามมาถึงที่
"เมลบอกแล้วไงว่าไม่จำเป็นไม่ต้องเข้ามา" เธอพูดเสียงแข็งด้วยความหงุดหงิด ชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้มยืนก้มหน้ารับฟังอย่างนอบน้อม
"ป้านวลติดต่อคุณหนูไม่ได้ เธออยากคุยด้วยครับ" แต่เมื่อได้ยินชื่อของคนที่รักไม่ต่างจากแม่ คาราเมลก็ต้องอ่อนใจลงแล้วรีบรับโทรศัพท์จากมือเขามาแนบหูฟัง
"ค่ะนม" เธอรีบเดินออกห่างจากเสียงเพลงไปรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลเล็กน้อย ไม่บ่อยครั้งที่นวลจะโทรมาขัดจังหวะความสุขของเธอ
"คุณหนู...คุณหนูทำใจดี ๆ ไว้นะคะ" เสียงปลายสายสั่นเครือจนเธอรู้สึกใจหาย
"ทำใจ? เรื่องอะไรคะนม"
"คุณท่าน...คุณท่าน..."
"ป๋าทำไมคะนม!" คาราเมลเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างผิดจังหวะ
"คุณท่านเข้าโรงพยาบาลค่ะ...ฮึก...คุณหนูรีบมานะคะ คุณท่านอาการแย่แล้ว" โทรศัพท์มือถือในมือของคาราเมลแทบจะหลุดร่วงจากความตกใจ ภาพงานปาร์ตี้ตรงหน้าพลันเลือนลางหายไปในพริบตา เหลือไว้แต่ความมืดมิดที่เข้าแทนที่กับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง
"ป๋า..." หญิงสาวพยายามตั้งสติที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอไม่มีเวลามากพอที่จะยืนเหม่อตอนนี้
"รีบพาฉันไปโรงพยาบาล!" จากนั้นก็รีบคว้าเสื้อมาคลุมบนตัว หันไปออกคำสั่งกับลูกน้องพ่อโดยไม่สนใจเสียงทักท้วงของเพื่อนฝูงที่ตามหลังมา
การเดินทางในรถคันหรูที่เคยมีแต่ความสุข ตอนนี้กลับเป็นช่วงเวลาแห่งการทรมานใจ ถนนที่เคยดูสวยงามกลับเลือนรางเหมือนภาพในความฝัน
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล คาราเมลก็รีบวิ่งลงจากรถโดยไม่สนใจรองเท้าส้นสูงที่ทำให้การวิ่งเป็นไปอย่างยากลำบาก
"นมคะ...ป๋าล่ะ ป๋าเป็นยังไงบ้าง...หมอออกมาหรือยัง" เธอรีบวิ่งเข้าไปหาป้านวลที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
"ยังเลยค่ะ...อึก" นวลส่ายหน้าพลางสะอื้นไห้ ทำเอาคาราเมลทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเย็นเฉียบด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง
และแล้วประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกในเวลาต่อมา...
เสียงรองเท้าแตะกับพื้นกระเบื้องดังไปทั่วโถงทางเดินอันเงียบสงบ
"หมอคะ! ปะ...ป๋าหนูเป็นยังไงบ้าง ป๋าปลอดภัยแล้วใช่ไหม" คาราเมลรีบลุกขึ้นถามด้วยความหวังอันริบหรี่
"ญาติใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ" ขณะที่แพทย์หญิงในชุดสีเขียวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ต่างจากเนื้อความต่อมาที่เธอกำลังทำให้โลกทั้งใบของคาราเมลแตกสลายลงอย่างสมบูรณ์
"หมอยื้อชีวิตคนไข้สุดความสามารถแล้ว แต่ร่างกายของคนไข้...ไม่มีการตอบสนอง หมอเสียใจด้วยนะคะ"
"ไม่จริง มะ หมอโกหก..." ร่างบางส่ายหัวทั้งน้ำตา มันต้องไม่ใช่แบบนี้...
"คุณหนู..." นวลรีบโผเข้ามากอดเธอไว้ มากกว่าเสียใจที่เจ้านายจากไป คือการเห็นคนที่อยู่เสียใจถึงขั้นสติแตก
"หมอช่วยป๋าหนูสิ! หมอต้องช่วยป๋าหนู! บ้านฉันรวยนะ หมอจะเอาเท่าไหร่ก็ได้" เสียงกรีดร้องของคาราเมลดังก้องไปทั่วโรงพยาบาล การสูญเสียที่พึ่งเดียวในชีวิตทำเธอแทบตายทั้งเป็น
"หมอทำเต็มที่แล้วค่ะ"
"ฮึกฮือ...ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหมนม...ป๋ายังไม่ตาย กรี๊ดดด..."
"โถ่...คุณหนูของนม" ป้านวลทำได้เพียงกอดปลอบด้วยความรักใคร่ คาราเมลในอ้อมกอดของนวลกรีดร้องจนไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป
"ฮึกฮือ..." และแล้วเสียงสะอื้นไห้ก็ขาดห้วงไปอย่างกะทันหัน ภาพทุกอย่างตรงหน้าของเธอเริ่มเลือนลาง
สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาหน้าห้องฉุกเฉิน ท่าทางของเขาดูสุขุมแต่ก็เต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม
และหลังจากนั้นคาราเมลก็ทรุดลงพลันดับสนิทในอ้อมกอดของคนชรา
"ตามหมอมา ไม่ต้องห่วง ทางนี้ผมจัดการต่อเอง" น้ำเสียงทุ้มต่ำของคนมาใหม่เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น ประโยคแรกเขาเอ่ยกับลูกน้องที่มาด้วยกัน จากนั้นก็หันไปบอกนวลที่มองการปรากฏตัวของเขาอย่างงุนงง
"คะ...ค่ะ" แต่ก็ยอมพยักหน้าอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินตามร่างของคาราเมลที่ถูกหามเข้าห้องรักษาโดยบุรุษพยาบาล ปล่อยให้ชายหนุ่มผู้ลึกลับที่เพิ่งมาถึงจัดการทุกอย่างที่เหลืออยู่เพียงลำพัง
...
...
7 วันต่อมา
เสียงสวดมนต์ของพระสงฆ์ดังขึ้นอย่างก้องกังวานในศาลาวัดที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ผสมกับความเหนื่อยล้าที่กัดกินทุกคนที่มาร่วมงาน โลงศพไม้เนื้อดีตั้งเด่นสง่าอยู่เบื้องหน้า คาราเมลนั่งอยู่ตรงนั้นตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมา สายตาเหม่อลอยจับจ้องไปยังภาพถ่ายคุณพ่อที่ตั้งอยู่บนพาน เธอไม่แตะอาหารเลยแม้แต่น้อย มีเพียงน้ำเปล่าเท่านั้นที่พอจะหล่อเลี้ยงร่างกายให้อยู่ต่อจนถึงวันนี้
"คุณหนูทานอะไรก่อนนะคะ" เสียงอ่อนโยนของนวลเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง ในขณะที่พยายามยื่นจานข้าวต้มให้เธอทาน
"เมลไม่หิวค่ะ" แต่คาราเมลก็ส่ายหน้าปฏิเสธเหมือนเดิม เสียงของเธอแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน มือเรียวกุมจี้สร้อยที่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ได้จากคนเป็นพ่อมอบให้ ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ผิดที่ไม่สงสัยหรือรับรู้สัญญาณใด ๆ จากคนที่รักเลย
ร่างเล็ก ๆ ในชุดสีดำของเธอทำหน้าที่ยื่นธูปให้กับแขกเหรื่อทุกคนที่เดินเข้ามาแสดงความเสียใจอย่างเงียบ ๆ ราวกับไร้ซึ่งชีวิตชีวา ท่ามกลางแขกจำนวนมากที่เข้ามาในงาน สายตาของเธอไปสะดุดเข้ากับชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางสุขุมและสง่างาม คาราเมลนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเขาอีกครั้ง เธอจำได้ว่าเขาคือชายหนุ่มคนสุดท้ายที่เห็นก่อนภาพตัด ณ โรงพยาบาล และยังเป็นคนเดียวกับคนที่ป้านวลบอกเธอว่าเขาคือ "คุณเลออน" ผู้เป็นเจ้าภาพร่วมและจัดการงานศพทุกอย่างตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
คาราเมลยื่นธูปให้เขาตามหน้าที่ เช่นเดียวกับชายหนุ่มรับธูปมาถือไว้ในมือ ก่อนจะส่งสายตาที่ว่างเปล่าแต่ก็แฝงไว้ด้วยบางอย่างที่ยากจะเข้าใจมาให้เธอ เธอไม่รู้ว่าเขาคือใคร มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพ่อของเธอมากขนาดไหน แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสได้ถามอะไรออกไป ความสงสัยในตัวชายแปลกหน้าคนนี้ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นการกระทำของเขาที่ดูยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเป็นคนรู้จักทั่วไป
นั่นเป็นครั้งแรกที่คาราเมลรู้สึกว่ากำลังอยู่ใกล้กับเลออนมากกว่าทุกครั้ง คนที่ในวันรุ่งขึ้น...จะเฉลยทุกความสงสัยของเธอ และทำให้เธอได้รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากพ่อและตัวเธอ
หกปีผ่านไปปั๊ง ปั๊ง !เสียงปืนดังสนั่นสองนัดติด ๆ กันก่อนจะตามมาด้วยเสียงปรบมือของใครหลายคน"ทั้งสองคนเก่งมากครับ ถือว่าพัฒนาจากสัปดาห์ที่แล้วได้ดีเลยทีเดียว" พี่ลีซอผู้ฝึกสอนการยิงปืนให้เราสองคนแม่ลูกออกปากชม"เก่งมากครับ" ตามมาด้วยพ่อของลูกฉันที่เดินลิ่วเข้ามาภายในบริเวณฝึกซ้อม พร้อมกับใครอีกคนที่ได้ทีก็รีบวิ่งไปกอดครูผู้สอนของฉันทันที"มาได้ยังไงคะ" ฉันถามคนตัวโตที่ตอนแรกก็รอฉันที่บ้าน เพราะยังมีอีกคนต้องดูแลแต่ไป ๆ มา ๆ ก็มาเจอกันที่นี่ยกครอบครัวเสียอย่างนั้น"ลีโอคิดถึงพ่อแท้ ๆ" ลีโอหรือลูกชายคนเล็กวัยห้าขวบที่เรากำลังพูดถึง และพ่อแท้ ๆ ของเขาคนที่พี่เลออนกำลังประชดประชันคือพี่ลีซอมือขวาของเขาที่ไม่รู้ว่าผิดพลาดตรงไหน ทำไมคนนี้กลับกลายเป็นเขาที่ได้เป็นพ่อทูนหัวอีกคน"ฮ่า ๆ" ฉันหัวเราะชอบใจท่ามกลางสีหน้าบูดบึ้งของสามี ก่อนจะมีเสียงใครบางคนที่ดังทะลุขึ้นมาพร้อมกับโอบกอดพี่เลออนแนบแน่น"ป๊าขา""อย่างน้อยก็ลูกสาวรักล่ะวะ" พี่เลออนยิ้มภาคภูมิใจในตัวเอง นาน ๆ ทีจะเห็นลูกสาวขี้อ้อน แต่ทำไมฉันจะดูไม่ออกว่าไอ้อาการเหล่านี้จะทำต่อเมื่อต้องการขออะไรบางอย่างเท่านั้น"ว่าไงคะ""พรุ่งนี้ที่โร
"เหนื่อยไหม" พี่เลออนรีบยื่นน้ำให้ฉันที่เพิ่งเรียนศิลปะการต่อสู้เสร็จหมาด ๆ ตอนแรกก็กะว่าจะเรียนเป็นเพื่อนลูกแต่เรียนไปเรียนมาก็ชอบถึงขนาดเรียกให้ครูสอนจริงจัง เผื่ออนาคตจะสามารถดูแลตัวเองได้ เป็นนายหญิงของมาเฟียย่อมมีศัตรูเป็นธรรมดา จึงอยากเป็นภาระคนในตระกูลให้น้อยที่สุด หรือบางทีฉันอาจจะปกป้องผู้นำมาเฟียอย่างที่เคยลั่นไว้ด้วยก็ได้"สนุกดีค่ะ" ฉันฉีกยิ้มรีบรับน้ำมาดื่ม ก่อนจะมองตามสายตาของพี่เลออนที่กำลังจดจ้องลูกสาวตัวดีที่เรียนเสร็จก็ตรงดิ่งไปอ้อนพี่เซเรนที่ยืนรอคุณหนูของเขาติดขอบสนาม"เซเรนออกมาห่าง ๆ หน่อย" เสียงเข้มรีบตะโกนบอกสองคนที่เหมือนจะเป็นพ่อลูกมากกว่า"ครับนาย" จนพี่เซเรนได้ยินคำสั่งก็รีบถอยห่างจากลียาทันที"ปะป๊า!" คนไม่พอใจคือลูกสาวของฉันที่ทำหน้าดุใส่พ่ออีกคน จากนั้นก็ขยับไปกอดคอพ่อที่แท้จริงราวกับคำสั่งนั้นเป็นเพียงเสียงที่ผ่านหู"ลียามาหาป๊ามา""ไม่ไป" ลียาตอบทันควัน ทำเอาพ่อของลูกฉันถึงกับคิ้วขมวดทันที"ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ เขาผูกพันกันมาตั้งแต่ในท้องนะคะ พี่เซเรนน่ะพ่อทูลหัวของเขาเลย" ฉันลูบแขนอีกคนให้ใจเย็นลง สำหรับลียาพี่เซเรนไม่ได้เป็นเพียงแค่บอดีการ์ดทั่ว ๆ ไป แต
ภายในคฤหาสน์ตระกูลเก่าแก่ที่ถูกประดับไปด้วยโคมไฟเหนือโถงทอดเงายาวลงบนพื้นหินอ่อน บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมจนแม้แต่เสียงรองเท้าก้าวเดินก็สะท้อนก้องออกไป สมาชิกระดับสูงของตระกูล Black lion นั่งเรียงเป็นแถวยาว ทุกสายตาของทุกคนหนักแน่น และแฝงไปด้วยแฝงความสงสัยจ้องมายังผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ยืนอยู่เคียงข้างชายหนุ่มผู้เป็นผู้นำของพวกเขาเลออนสวมสูทสีดำเข้ม ชายเสื้อกลัดกระดุมรูปสิงโตคำรามสวมมงกุฎเพชร ซึ่งแตกต่างจากคนอื่น ๆ ด้วยสัญลักษณ์ของผู้ยิ่งใหญ่ ยืนอย่างสง่าผ่าเผยภายใต้แสงโคมสะท้อน โดยมือใหญ่กุมมือของคนรักไว้แน่นไม่ยอมปล่อยให้หลุดไปไหนได้"วันนี้…ผมยืนอยู่ตรงนี้เพื่อประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่าคาราเมลผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่แค่คนรักของผม แต่จากนี้ไป เธอคือนายหญิงเพียงคนเดียวของ Black Lion ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องเธอ…ก็เหมือนกับแตะต้องผมเหมือนกัน"เสียงเงียบกริบราวกับทั้งห้องหยุดหายใจพร้อม ๆ กัน ก่อนที่เลออนจะหยิบกล่องกำมะหยี่ออกมา เปิดเผยแหวนสลักสัญลักษณ์สิงโตดำที่เป็นตราของวงศ์ตระกูลสืบทอดกันมาหลายต่อหลายรุ่น สวมมันลงบนนิ้วนางของคาราเมลด้วยความรักที่มั่นคงคาราเมลลอบกลืนน้ำลายพร้อมกับหัวใจท
เย็นของวันที่ดูจะเป็นวันแห่งความสุขที่สุดอีกวันของคาราเมลและเลออนกำลังเริ่มขึ้น หลอดไฟนับพันที่ถูกตกแต่งบนต้นไม้รวมไปถึงเสาโค้งที่ล้อมรอบงานมงคล ทำให้เกาะส่วนตัวกลางทะเลที่มีตระกูล Black Lion เป็นเจ้าของกลายเป็นสรวงสวรรค์ที่ปกคลุมไปด้วยความรักอันหวานชื่นงานวิวาห์ที่รักษาความเป็นส่วนตัวครั้งนี้เชิญเฉพาะแขกเหรื่อคนสนิทของทั้งสองฝ่าย ภายในงานจึงมีแขกที่สามารถเข้าร่วมได้ไม่เกิน20 คน อาจจะดูเหมือนเป็นพิธีการที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความเรียบง่ายแต่หากจะบอกอย่างนั้นมันก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียวเนื่องจากงานที่จัดกลางเกาะห่างไกลจากผืนดินการจัดการจึงค่อนข้างมีรายละเอียดมากกว่านั่นก็รวมไปถึงคนที่พิถีพิถันและให้ความสำคัญกับงานในครั้งนี้รายละเอียดทั้งหมดตั้งแต่การลงทุนซื้อเกาะส่วนตัวเพื่อการนี้ค็อกเทลในแก้วคริสตัลนำเข้าจากปารีส ไปจนไปถึงวงดนตรีจากวงออเคสตราชื่อดังในอิตาลีแน่นอนว่าทุกดีเทลต้องผ่านการคอนเฟิร์มจากเลออนที่เป็นตัวต้นงาน คนที่รู้ดีที่สุดว่าเมียสุดรักของเขาชอบแบบไหนต้องการอะไรมากที่สุดถึงจะทำให้ภาพรวมของงานออกมาได้ถูกใจเธอที่สุด"ได้เวลาเปลี่ยนชุดแล้วครับนาย"ลีซอบอกเจ้านายที่ยืนค
ยามเย็นที่ดวงอาทิตย์กำลังทอแสงอ่อน ๆ สาดลงมาบนผิวน้ำของสระว่ายน้ำในงานปาร์ตี้ที่คล้ายจะเป็นสถานที่พลอดรักมากกว่า คู่รักหนุ่มสาวที่เพิ่งกลับมาคืนดีกำลังลอยตัวอยู่กลางสระอย่างใกล้ชิด ความเย็นของน้ำไม่ได้ช่วยให้ความร้อนในกายของทั้งคู่ลดลง หรือแม้แต่คนในงานเองก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการแสดงความรักระหว่างเลออนและคาราเมล"คิดยังไงถึงบอกไอ้ไคเซอร์ไปแบบนั้น" เสียงแหบพร่าของเขาเอ่ยถามขณะที่รวบร่างเล็กเข้ามากอดแนบแน่น คาราเมลยกยิ้มหวานขึ้น ก่อนจะใช้แขนเรียวคล้องคอและจดจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาแห่งความรักใคร่"เมลไม่อยากให้ระหว่างเราเกิดการเข้าใจผิดกันอีก เมลไม่อยากอยู่ห่างพี่สักวินาทีเดียว" เธอตอบด้วยน้ำเสียงหวานยั่วยวน ลากปลายนิ้วเบา ๆ ไปตามกรอบหน้าคมคายของเขา มั่นใจว่าหลังจากนี้จะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์คล้ายนี้อีก"พี่ชอบที่เมลพูดตรง ๆ แบบนี้ มันยิ่งทำให้พี่...หลงเมลมากกว่าเดิม" ความปรารถนาที่สื่อผ่านดวงตาฉ่ำหวานทำให้เลออนแทบคลั่ง เขากดจูบลงบนหน้าผากเนียนอย่างหลงใหล ก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาที่ริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อ"เมลก็ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว..." คาราเมลยิ้มเย้ายวนยิ่งขึ้น เธอจงใจใช้ปลายเล็บสะกิด
"คุณพ่อคุณแม่ท่านน่ารักมากเลยนะคะ ขนาดแต่งงานกันนานแล้วก็ยังหมั่นเติมความหวานอยู่ตลอด" คาราเมลปรายมองคู่รักที่สวีทหวานแหววอยู่ในร้านเพชรประจำของเอเลน่า พากันช่วยเลือกเครื่องประดับร่างแทบจะหลอมเป็นคนเดียวกัน เป็นภาพน่ารักที่ทำเอาเธออดยิ้มตามไม่ได้"อิจฉาทำไม เมลก็มีพี่ที่รักเมลไม่ต่างจากที่พ่อรักแม่" คนเห็นจนชินรีบแย่งขึ้นมา สายตาของเธอจึงเปลี่ยนเบนมองเขาแทน"ไหนลองพูดใหม่สิคะ" คาราเมลเท้าคางมองใบหน้าหล่อเหลายิ้ม ๆ"พี่รักเมล""บ้า! เมลเขินนะ" ก่อนจะตีแขนเขาเบา ๆ อายแทบตัวม้วนกับสายตาและคำบอกรักที่หวานเกินบรรยายเลออนบีบจมูกเชิดรั้น ไม่ว่าทำอะไรเขาก็รู้สึกมันเขี้ยวเธออยู่ตลอดเวลาจริง ๆครอบครัวสุขสันต์พากันช็อปปิ้งตลอดทั้งวัน ส่วนใหญ่ก็จะนำทัพด้วยเอเลน่าและคาราเมลที่เลือกซื้อของอย่างสนุกสนาน ส่วนชายหนุ่มสองคนแน่นอนว่ามีหน้าที่แค่จ่ายเงิน ถือของ และเอาใจคนรักก็พลันมีความสุขตามทั้งวันที่เหมือนกับวันพักผ่อนสำหรับครอบครัวไม่ได้ทำให้คาราเมลรู้สึกเป็นคนนอกเลยสักนิด เอเลน่าและไลออซปฏิบัติราวกับเธอเป็นลูกในไส้ ทั้งยังรักและเอ็นดูยิ่งกว่าเลออนที่เป็นลูกจริง ๆ"วันนี้สนุกมากเลยหนูเมล แต่พ่อแอบบ







