Share

บทที่ 24

Author: จูน
ตกเย็น จักรพรรดิหมิงหยวนมาเข้าเฝ้า พบว่าอาการของไท่ซ่างหวงดีขึ้น พระองค์พูดคุยกับไท่ซ่างหวงอยู่ครู่หนึ่งก็ไป

หยวนชิงหลิงได้แต่ก้มหน้า การมีอยู่ของเธอจึงไม่ได้เป็นที่สนใจ จักรพรรดิหมิงหยวนเลยไม่ทันสังเกต ทุกอย่างเป็นไปอย่างปกติ

หลังจากที่จักรพรรดิหมิงหยวนกลับไป ฉางกงกงก็ทำเหมือนอย่างเคย คือเช็ดตัวให้ไท่ซ่างหวง หยวนชิงหลิงจึงเลี่ยงออกไปนอกวัง

ถือโอกาสตอนที่ยังมีเวลา ฉีดยาให้ตัวเธอเอง น่าเสียดายที่ไม่ได้เปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ ตอนนี้รู้สึกได้ว่าแผลเปียกชื้น เหมือนว่าจะมีเลือดซึมออกมา

หลังจากที่ฉีดยาแล้ว เธอก็ฟุบลงพักผ่อนอยู่สักพัก ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ข้างใน จึงรู้ว่าฉางกงกงเสร็จเรื่องแล้ว เธอเหยียดตัวขึ้นตรง การขยับตัวทันที ทำให้เลือดลมของหัวใจเธอรวนขึ้นมาชั่วขณะ และรู้สึกถึงกลิ่นคาวในช่องคอ ภายในปากปนไปด้วยเลือดเล็กน้อย

เธอเดินสั่น ๆ ออกไปด้านนอก บ้วนเลือดลงบนรากไม้

พิงต้นไม้เอาไว้ สักพักเธอก็ดีขึ้นจนเลือดลมคงที่

“พระชายาเป็นอะไรหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”

ข้างหลัง ตามมาด้วยเสียงของฉางกงกง

หยวนชิงหลิงหมุนตัวกลับไปโบกมือ “ไม่เป็นอะไร กินเยอะไปหน่อยน่ะ”

“อ้อ!” สีหน้าของฉางกงกงฉายแววประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรก็เดินจากไป

หยวนชิงหลิงทนต่อความหวาดหวั่นในใจจากนั้นก็กลับเข้าไปภายในวัง ไท่ซ่างหวงนั่งพิงหลังอยู่บนเตียง ตัวทั้งตัวดูมีชีวิตชีวาขึ้นมามาก

หยวนชิงหลิงกล่าว “ไท่ซ่างหวงเพคะ ต้องเจาะสายน้ำเกลือแล้วเพคะ”

ไท่ซ่างหวงยื่นมือออกไป มองเธออย่างเฉยเมย “ข้าทิ้งของเก่าไปแล้ว เจ้าสนใจแค่แขวนอะไรของเจ้าก็พอแล้ว”

หยวนชิงหลิงฟังเสียงหัวใจเต้นและลมหายใจก่อน การหายใจยังไม่ค่อยไหลลื่น จึงให้โดพามีนไปหนึ่งโดส จากนั้นค่อยให้น้ำเกลือ

เธอนำยาอมใต้ลิ้นออกมาหนึ่งขวด ส่งให้ไท่ซ่างหวง “นี่คือยาที่ใช้ปฐมพยาบาล หากรู้สึกเจ็บหน้าอก หายใจไม่ออก ก็ให้เอาวางไว้ใต้ลิ้นนะเพคะ”

ฉลากยาอมใต้ลิ้น เมื่อสักครู่เธอได้ฉีกทิ้งตั้งแต่อยู่ด้านนอกแล้ว

แต่ว่าขวดยายังถือว่าเปราะบางอยู่ ไท่ซ่างหวงเอามาไว้ในมือ จากนั้นก็เก็บไป

ผ่านไปสักพัก ไท่ซ่างหวงเห็นหยวนชิงหลิงยกน้ำมา ในมือถือยาเม็ดไว้แต่ก็ไม่เหมือนสิ่งที่เรียกว่ายาเม็ด สีสันหลากสี พระองค์มีท่าทีร้อนรนเล็กน้อย “แล้วนี่อะไรอีก?”

“ยาเพคะ ต้องกินยาแล้ว”

“ไม่กิน!” ทุกอย่างที่ดูมีสีสันสว่างสดใส แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่ดี

“ต้องกินเพคะ!”ตอนนี้ หยวนชิงหลิงสามารถจับทางไท่ซ่างหวงได้แล้วว่าจะไม่ทำให้เธอลำบาก เพราะงั้นเวลาพูดอาจจะดูใจร้ายไปสักหน่อย “กินแล้วจะดีขึ้น ทั้งยังไม่ขมด้วยนะเพคะ”

“ยุ่งยาก!” ไท่ซ่างหวงมองอย่างไม่สนใจ แต่ก็ยังหยิบขึ้นมาใส่เข้าปากไป หยวนชิงหลิงส่งน้ำให้ แต่กลับเห็นว่าไท่ซ่างหวงได้เคี้ยวไปแล้ว ใบหน้าวัยชราคน บีบอัดกันป็นผักดอง

“รีบดื่มน้ำเพคะ!” หยวนชิงหลิงรีบเอาแก้วน้ำยื่นให้ ทำไมหยิบขึ้นมาเคี้ยว? ขนาดเด็กยังรู้เลยว่ากินยาต้องกลืนน้ำตาม ในวังไม่มียาเม็ดงั้นหรอ?

น้ำแก้วหนึ่งลงไป จึงจะพาความขมในปากลงไปด้วย ไท่ซ่างหวงพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “รอข้าหายดีก่อนเถอะ ข้าจะผ่าสมองเจ้า”

“เพคะ เพคะ!” หยวนชิงหลิงคำรามอย่างขบขัน ในใจแทบอยากจะหัวเราะ นึกนับถือตนเอง สถานการณ์แบบนี้ยังจะหัวเราะได้อีก

ไท่ซ่างหวงก็บ่นพึมพำ ๆ ไปไม่กี่ประโยค ก็ค่อย ๆ หันหน้าไปอีกทางหยวนชิงหลิงรู้ว่าพระองค์จะพักแล้ว จึงเอาหมอนออก พยุงให้พระองค์เอนตัวลง

ขวดน้ำเกลือที่แขวนมาประมาณหนึ่งชั่วโมงหมดแล้ว หยวนชิงหลิงจัดการเก็บของอยู่สักพัก ฉางกงกงก็พาหมอหลวงมา

ฉางกงกงบอกกับหยวนชิงหลิงว่า “ไท่ซ่างหวงเคยรับสั่งไว้ ว่าให้พระชายากลับไปพัก พรุ่งนี้เมื่อตะวันขึ้น พระองค์ค่อยมาดูแล”

หยวนชิงหลิงเองก็เหนื่อยจะไม่ไหวแล้ว และรู้ว่าคืนนี้คงไม่มีปัญหาอะไร เธอจึงพยักหน้าแล้วออกไป

ทางห้องโถงด้านนอก เป็นที่ ๆ อวี่เหวินห่าวนอนวันนี้ หยวนชิงหลิงปิดประตูลง ฟุบลงบนที่นอน ราวกับโดนเตียงดูด แล้วธอก็หลับไป

กลางดึกตื่นขึ้นมา เธอลอบเข้าวังมาดูสักหน่อย ฉางกงกงนั่งสัปปะหงกอยู่บนพื้น ไท่ซ่างหวงก็หลับสบาย เธอจึงขยี้ตาแล้วออกมากินยา จากนั้นก็นอนต่อ

ฟ้ายังไม่สว่างเธอก็ตื่นแล้ว ไม่ได้ฝันอะไรทั้งคืน แต่ว่าตื่นขึ้นมาก็บ้วนเลือดทิ้งอีก อวัยวะภายในทั้งห้าอวัยวะกลวงทั้งหกปวดอยู่สักพัก เธอรีบกลืนยาแก้อักเสบลงไป รอจนความเจ็บทุเลาลง แล้วค่อยเข้าวังไปดูแลไท่ซ่างหวง

ฉางกงกงตื่นแล้ว จึงสั่งให้ข้าหลวงเอาน้ำอุ่นมาและยังเอามาเผื่อ หยวน ชิงหลิงอีกกะละมัง

หยวน ชิงหลิงล้างหน้าเสร็จ รู้สึกตื่นแบบเต็มตัวขึ้นมาก

ไท่ซ่างหวงเองก็ตื่นแล้ว มีฉางกงกงคอยดูแล

ท้องฟ้าสว่างแล้ว ได้ยินว่าไทเฮาจะเสด็จ

หยวนชิงหลิง ตบ ๆ หน้า ให้ตนเองตื่น

ไทเฮาเข้ามาแล้ววันนี้พระองค์สวมชุดลายผ้าไหมซาตินอายุยืนสีเขียวอมฟ้า ขับให้ผิวหน้าดูเกลี้ยงเกลามากขึ้น

พระชายาฉี ฉู่หมิงชุ่ยที่ยืนอยู่ข้างกายไทเฮา ขณะที่หยวนชิงหลิงกำลังโค้งคำนับฉู่หมิงชุ่ย ก็เดินมาจับมือไว้ พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวน “ลำบากพระชายาฉู่แย่เลย”

หยวนชิงหลิงก้มหน้ามองมาที่มือของเธอ เผยให้เห็นมือสีขาวสะอาดคู่หนึ่งภายใต้เสื้อแขนกว้างสีแดง ประดับด้วยปลอกเล็บลายดอกไม้ บนนิ้วสวมแหวนงดงามหลายวง

ไม่พบเข็ม หรือจำพวกใบมีด

แต่ว่า ที่ปลายปลอกเล็บมือขวา กลับมีสิ่งผิดปกติ ปรากฎให้เห็นแสงที่เย็นเฉียบ

ขณะที่หยวนชิงหลิงชักมือกลับ ก็จงใจลูบไปโดนทั้งเย็นและแข็ง ปลายนิ้วสัมผัสโดนเเเทงไปจนรู้สึกเจ็บ มันคือขอบใบมีดบาง ๆ

เป็นนางนี่เอง!

นางข้าหลวงจากด้านนอกเข้ามาก็ถวายคำนับต่อไท่ซ่างหวง “ไท่ซ่างหวงเพคะ ท่านอ๋องฉู่มาแล้ว อยู่ที่ห้องโถงด้านนอกเพคะ!”

“ให้เข้ามา!” ไท่ซ่างหวงดึงมือของฉางกงกงออก “ฟูเป่าล่ะ? เรียกฟูเป่ามา”

ไทเฮายิ้มแล้วก้าวเท้ามาข้างหน้า “นี่พระอาการเพิ่งจะดีขึ้น เป็นห่วงเจ้าสัตว์นั่นอีกแล้ว”

ไท่ซ่างหวงไม่อยากที่จะฟังแล้ว ชักสีหน้าใส่ “สัตว์อะไรกัน? มันไม่มีชื่อหรือไง?”

ไทเฮานั่งข้างเตียง หยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดระหว่างคิ้วให้ไท่ซ่างหวงอย่างระมัดระวัง ภายในดวงตาเริ่มแดง “เพคะ ชื่อฟูเป่า แปลว่าโชคดี แต่คงจะไม่โชคดีสมชื่อหรอกเพคะ?”

อวี่เหวินห่าวก้าวยาว ๆ เข้ามา คนมาถึงในห้องโถงแล้ว จัดการปิดผ้าม่านสนิท แสดงให้เห็นว่ารีบร้อนแค่ไหน

เมื่อก่อนเพียงแค่ที่ ๆ มี ฉู่หมิงชุ่ยอยู่ สายตาของเขามักจะมองมาที่นางก่อนเสมอ แต่ว่าวันนี้ เขาเข้ามาภายในห้องโถงก็หาเงาของหยวนชิงหลิงเลย สายตาประกาย จ้องมาที่ใบหน้าของหยวน ชิงหลิงสักพักหนึ่ง จึงเดินเข้าไปทักทาย

ฉู่หมิงชุ่ยถอยไปอยู่อีกฝั่ง เงยหน้าขึ้น ความโกรธได้ยับยั้งความขุ่นเคืองที่ทำไปเมื่อสักครู่

แม้แต่หน้านางเขาก็ไม่ได้มองเลยสักนิด?

“วันนี้ไม่ใช่วันประชุมทำไมถึงได้เข้าวังมาเช้านัก” องค์จักรพรรดิยังคงดึงหน้า แต่ว่ากับอ๋องฉู่เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงดูผ่อนคลายลงมาก

“หลานเป็นห่วงท่านปู่ เลยรีบมาพะยะค่ะ” อวี่เหวินห่าวไม่ได้หลับทั้งคืน มีสีของรอยลึกใต้ดวงตา

“ข้าไม่ป่วย!” ไท่ซ่างหวงปลอบใจหลานชาย

ผ่านไปไม่นาน จักรพรรดิหมิงหยวนและฮองเฮาก็เข้ามา อ๋องลุ่ยที่เมื่อคืนไม่ได้ออกจากวัง ก็เข้ามาเช่นกัน

หยวนชิงหลิงถอยหลังไปอยู่อีกด้าน ดูครอบครัวพูดคุยกัน

ฉู่ หมิงชุ่ยไปยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ เธอมองหยวนชิงหลิงใบหน้าอ่อนโยนและรอยยิ้มที่เป็นมิตร “เมื่อคืนเหนื่อยแย่เลยสิ?”

“ก็ดี!” หยวนชิงหลิงไม่ค่อยอยากสนใจนาง ได้แต่ตอบกลับไปอย่างเรียบเฉย

หมอหลวงเอายาต้มมาถวาย แต่ไท่ซ่างหวงกลับไม่ยอมเสวย พูดใส่อารมณ์ “เอาออกไป เอาออกไป ข้าไม่กิน!”

ไม่ว่าทุกคนจะพยายามเกลี้ยกล่อมยังไงก็ไม่ฟัง จักรพรรดิหมิงหยวนและไทเฮาพยายามเข้ามาเกลี้ยกล่อม

แต่พระองค์ก็ไม่เสวย จนทำให้ไทเฮาต้องเสียน้ำตาด้วยความกังวลและเป็นห่วง

จักรพรรดิหมิงหยวนเข้าใจอารมณ์ของท่านดี หากพระองค์โกรธขึ้นมาแล้วจะว่ายากที่สุด กำลังจะสั่งให้คนนำออกไป แต่กลับได้ยินเสียงของหยวนชิงหลิงจากมุมห้องด้านในลอยมา “เสด็จปู่เพคะ ยายังต้องเสวยเพคะ”

ตอนนั้นเองผู้คนภายในห้องโถงราวกับว่าเพิ่งสังเกตเห็นเธอ จึงกวาดตามองเธออย่างเรียบเฉย นัยน์ตาของจักรพรรดิหมิงหยวนฉายแววโมโหเล็กน้อย เกรงว่าเพราะประโยคที่เธอพูดจะทำให้ไท่ซ่างหวงโมโห

ฉู่ หมิงชุ่ยที่ยืนอยู่ข้างเธออดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมา โง่จนเกินจะรักษา ครั้งนี้หากไท่ซ่างหวงโมโหขึ้นมา ไทเฮาและฮ่องเต้คงเอาไม่อยู่ ไท่ซ่างหวงจะฟังคำพูดของนางงั้นหรือ? นี่จะไม่เป็นการจงใจทำให้ไท่ซ่างหวงขุ่นเคืองหรือ?
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status