Share

บทที่ 25

Author: จูน
ผลที่ตามาคือฉู่หมิงชุ่ยเห็นว่าใบหน้าของไท่ซ่างหวงเริ่มหนักอึ้ง

ฉู่หมิงชุ่ยวางใจแล้ว แม้ว่าไท่ซ่างหวงจะตามใจอ๋องฉู่ แต่ก็เพราะตามใจเช่นนี้จึงให้หยวนชิงหลิงอยู่ดูแลในวัง แต่น่าเสียดาย หยวนชิงหลิงเป็นคนโง่ที่คิดว่าตัวนางถูกเสมอ ช่างราคาคุยเสียจริง

หมอหลวงเห็นว่าสีหน้าของไท่ซ่างหวงเริ่มไม่ดี จึงรีบนำยาออกไป

แต่ไท่ซ่างหวงกลับพูดด้วยความโกรธว่า “ยังไม่รีบเอายามาอีก? ไม่ได้ยินที่พระชายาฉู่พูดว่าต้องกินยาหรือไง?”

ทุกคนต่างตกใจ ค่อย ๆ มองมาที่หยวนชิงหลิงทีละคนสองคน

โดยเฉพาะฉู่หมิงชุ่ยสีหน้าเปลี่ยนทันที แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตนเอง

หยวนชิงหลิงก้มหน้า เธอไม่ได้อยากจะเปิดปากพูดประโยคนั้นออกไปจริง ๆ แต่ว่า

หากไท่ซ่างหวงไม่กินยา แต่กลับดีขึ้นนี่จะทำให้คนสงสัย

จักรพรรดิหมิงหยวนมีสีหน้าดีใจ “ยังไม่รีบยกกลับมาอีก?”

ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ จนในที่สุดจักรพรรดิหมิงหยวนก็มองตรงมาที่หยวนชิงหลิง อีกทั้งยังตามมาด้วยสายตาที่ชื่นชม

ไท่ซ่างหวงกินยาจนหมดในทีเดียว แต่ดูพระองค์คงจะกลัวรสขมจริง ๆ หลังจากกินยาจนหมด ใบหน้าก็มากองอยู่รวมกัน ไทเฮารีบนำบ๊วยหวานส่งให้ สีหน้าจึงกลับมาดีขึ้น

อวี่เหวินห่าวมองหยวนชิงหลิงด้วยนัยน์ตาสับสน เหตุการณ์นี้ไม่ได้ทำให้พระองค์เบาใจลงเลย มีแต่จะเพิ่มความกังวลใจมากขึ้นไปอีก ท่านปู่ฟังที่นางพูดจริง ๆ เป็นไปได้ไหมว่า อุบายที่นางวางไว้สำเร็จแล้ว?

ไท่ซ่างหวงกินยาแล้ว ไทเฮาก็ดีใจจึงเรียก หยวน ชิงหลิงมาหา พูดชื่นชมสองสามคำ แม้แต่ท่านอ๋องลุ่ยที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใครมาตลอด ยังต้องชื่นชม หยวน ชิงหลิง

ฮองเฮาถึงแม้จะกำลังยิ้มอยู่ แต่รอยยิ้มกลับดูเคร่งเครียด ดูแล้วสิ่งที่หมิงชุ่ยกังวลไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลซะทีเดียว

จักรพรรดิหมิงหยวนวางเรื่องของการเมืองลงก่อน เพื่อมาดูแลโดยเฉพาะ แม้ว่าไท่ซ่างหวงจะดีขึ้นแล้ว แต่ยังไงพระองค์ก็ยังไม่วางใจ อันที่จริงเมื่อวานหมอหลวงทั้งหมดก็ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ชีวิตไท่ซ่างหวงอ่อนแรงจนใกล้ที่จะดับสูญแล้ว

แต่ว่าไท่ซ่างหวงชัดเจนว่าไม่ต้องการการดูแลจากพวกเขา สั่งให้จักรพรรดิหมิงหยวนและท่านอ๋องลุ่ยกลับไปทั้งหมด

จักรพรรดิหมิงหยวนก่อนจะไปครั้งนี้ บอกกับหยวนชิงหลิงว่า “ถือโอกาสตอนกลางวันที่คนเยอะ เจ้าไปนอนเสียหน่อย”

“เพคะ!” หยวนชิงหลิงถวายบังคม

เธอเดินออกนอกห้องโถง จะเตรียมตัวนอนสักหน่อย ฉางกงกงก็เดินมาบอกว่าได้จัดเตรียมให้เธอได้ไปพักที่ห้องพักฝั่งตะวันตก และยังให้นางในถือชุดที่จะเปลี่ยนไปให้ รวมถึงยาที่ใช้ทาแผลด้วย พร้อมกับเตรียมน้ำอุ่นให้

หยวนชิงหลิงประหลาดใจเล็กน้อย

ฉางกงกงพูดเรียบ ๆ “เป็นรับสั่งของไท่ซ่างหวง เดี๋ยวนางข้าหลวงสี่จะมาทายาให้พระองค์ นางข้าหลวงสี่ดูแลไท่ซ่างหวงมาหลายปี พระชายาวางใจได้"

ถึงแม้ท่าทีของฉางกงกงจะดูไม่สนใจ แต่หยวนชิงหลิงกลับมีความรู้สึกอยากจะหลั่งน้ำตา

เมื่อมาถึงตำหนักอุ่นไม่นาน นางในก็นำน้ำอุ่นเข้ามา ตามมาด้วยนางข้าหลวงที่สวมชุดสีเทา อายุราว ๆ ห้าสิบปี เกล้าผมมวยสูง หางคิ้วและมุมปากหย่อนคล้อย ดูน่าเกรงขามมาก

“นางข้าหลวงสี่!” หยวนชิงหลิงคำนับ คนข้างกายไท่ซ่างหวงจนเกือบจะกลายป็นเจ้านายไปแล้วครึ่งหนึ่ง

“พวกเจ้าออกไปเถอะ!” นางข้าหลวงสี่บอกกับนางในที่อยู่ข้าง ๆ

“เพคะ!” นางในถอนสายบัวแล้วออกไป

นางข้าหลวงสี่ ไม่ได้ค้านอะไร ก็พูดกับหยวนชิงหลิงว่า “หม่อมฉันช่วยพระองค์ถอดเสื้อเพคะ”

นางพูดพลางเอาขวดยาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้ววางไว้บนแคร่

คนป่วยไม่มีเกียรติ หยวน ชิงหลิงอนุญาตให้นางถอดเสื้อ จากนั้นฟุบลงบนเตียง

เธอได้ยินเสียงนางข้าหลวงสี่ หายใจเข้าอย่างเยือกเย็น

ได้ยินเสียงกรรไกร นางข้าหลวงสี่ กำลังตัดผ้าพันแผลที่ผูกอยู่ ความเจ็บปวดแซกซึมเข้ามา เธอทนไม่ไหวจนต้องกำหมัดแน่น

“หากพระชายาทนไม่ไหวก็กัดผ้าห่มไว้นะเพคะ” น้ำเสียงนางข้าหลวงสี่ เต็มไปด้วยความเห็นใจ

“อื้อ!” แต่หยวนชิงหลิงกลับกัดมือตัวเอง

เจ็บ เจ็บจริง ๆ ชีวิตนี้ไม่เคยเจ็บปวดแบบรุนแรงขนาดนี้มาก่อน

น้ำตาแห่งความเจ็บปวดและความรู้สึกน้อยใจเอ่อล้นออกมา

ประตูถูกผลักออกทันที มีคนเดินมาด้วยความรวดเร็ว

หยวนชิงหลิงสะดุ้งฟังเสียงของฝีเท้าก็รู้ว่าเป็นใคร เธอดึงผ้าห่มขึ้นมาเพื่อที่จะคลุมตัว นางข้าหลวงสี่ กลับกดมือของเธอไว้ แล้วพูดเรียบ ๆ ว่า “คนที่มาคือท่านอ๋องฉู่เพคะ ไม่ต้องขยับ!”

ก็เพราะคนที่มาคืออ๋องฉู่ถึงต้องคลุมเอาไว้

อวี่เหวินห่าวคิดไม่ถึงว่านางข้าหลวงสี่จะอยู่ที่นี่ด้วย เขาทนไม่ไหวจริง ๆ จึงอยากมาถามให้ชัดเจน แต่พอดีกับที่แม่นมสี่กำลังทำแผลให้นาง

ในใจที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยหายลงไปในคอทันที

สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของนาง ดวงตาของเขาก็หนักอึ้ง

ส่วนหลัง ต้นขา ต้นแขน ทุก ๆ ที่ที่ตัดผ้าพันแผลออก ล้วนเป็นเนื้อถลอกที่เต็มไปด้วยเลือด ซึมออกมา

แผลของนางไม่เคยได้รับการจัดการดูแลจริง ๆ

หยวนชิงหลิงจากที่ยังกลั้นน้ำตาได้ แต่พอนอนร่างเปลือยเปล่าให้เขาจ้องอยู่แบบนี้ ยังยากกว่าทนเจ็บอีกเท่าตัว เธอน้ำตาเอ่อล้นออกมาเงียบ ๆ

หนึ่งหยด ต่อหนึ่งหยด เธอกัดหลังมือแน่น ไม่กล้าร้องออกเสียง แต่กลับคุมไหล่ไม่ให้สั่นไม่ได้

ความขุ่นเคืองของ อวี่ เหวินห่าวค่อย ๆ คลายลง เวลานี้ เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องที่นางเคยวางแผนที่จะจับเขาในจวนองค์หญิงแห่งนี้ แต่กลับคิดถึงเรื่องเมื่อวานที่นางพูดด้วยอารมณ์โกรธตอนที่อยู่ในตำหนักด้านข้าง ซึ่งนั่นราวกับว่าถูกบีบจนสุดทาง ทำให้ไม่มีทางเลือกจนต้องตอบโต้กลับอย่างบ้าคลั่ง

ความบ้าคลั่งในตอนนั้นตรงกันข้ามกับตอนนี้ที่กำลังสะอื้นไห้ช่างแสนเปราะบาง มันช่างดูแตกต่างกันเหลือเกิน

แม่นมสี่ตัดผ้าพันแผลเสร็จเรียบร้อย ก็พูดกับอ๋องฉู่เรียบ ๆ “รบกวนท่านอ๋องช่วยส่งผ้าขนหนูมาหน่อยเพคะ”

อวี่เหวินห่าวหันหน้าไป เห็นกะละมังที่มีน้ำอุ่นอยู่ด้านข้าง จึงนำผ้าขนหนูลงไปจุ่มในน้ำ บินจนหมาดแล้วส่งกลับไป

“เช็ดเพคะ!” นางข้าหลวงสี่กล่าว

อวี่เหวินห่าวหยุดนิ่งขมวดคิ้วขึ้น แผลนั่นแทบจะไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหน และที่สำคัญที่สุด เขาไม่อยากที่จะโดนตัวนางผู้นี้

แม่นมสี่ถอนหายใจ แล้วรับผ้ามา “จิตใจคนเราทำด้วยอะไร ท่านอ๋อง!”

อวี่เหวินห่าวเป็นคนที่นางข้าหลวงสี่เลี้ยงดูจนโต เขาจึงไม่กล้าเถียง สีหน้าของเขาทั้งโกรธทั้งเก้อเขิน

ผ้าขนหนูเช็ดอย่างเบามือ หยวนชิงหลิงเริ่มสั่นไปทั้งตัวเสียงร้องครวญครางดังอยู่ในลำคอ เสียงนี้ ยิ่งทำให้คนรู้สึกสงสารมากกว่าร้องออกมาเสียอีก

“แผลนี้พระองค์ผ่านมาได้อย่างไรเพคะ? กี่วันแล้วเล่า” นางข้าหลวงสี่ถอนหายใจ เงยหน้ามอง อวี่เหวินห่าว “พระองค์ไม่ล้างแผล งั้นเอายามาทาคงทำได้นะเพคะ?”

อวี่เหวินห่าวนำยาผงมาโรยลงไปบนแผลที่เป็นแผ่นใหญ่ ๆ ของหยวนชิงหลิงหนังจากเดิมที่ยังเปียกชื้นอยู่ โรยยาผงลงไป ดูแห้งและเกลี้ยงเกลาขึ้นมาก

อย่างไรก็ตาม เพราะทั่วทั้งรอยแผลเต็มไปด้วยผงสีขาวของยา จึงยิ่งทำให้เห็นเป็นรอยด่างที่น่ากลัวชัดเจนยิ่งขึ้น

หยวนชิงหลิงเริ่มมีอาการไอ อาการไอนี้แทบจะหยุดไม่ได้ ไอจนตัวของเธองอทั้งตัว ไอจนน้ำตาเธอไหล ในขณะที่กำลังวุ่นวายเธอก็ไม่ลืมที่จะเอาเสื้อขึ้นมาคลุมหน้าอกเอาไว้ ทั้งทุลักทุเลและน่าสงสาร

เลือดสด ๆ พุ่งออกมาจากปาก

เลือดสีสดสาดลงบนหมอนสีขาวเรียบ ราวกับดอกโบตั๋นสีแดงสดดอกใหญ่ที่บานสะพรั่ง

สีหน้าของนางข้าหลวงสี่เปลี่ยนไป เงยน้ามองอวี่เหวินห่าว “พระองค์…”

คำพูดมันได้แต่ติดอยู่ตรงปาก ท้ายที่สุดแล้วเด็กที่นางรักและเอ็นดู นางก็ทำใจไม่ได้ที่จะดุด่าว่าร้าย ได้แต่พยักหน้า “รับผิดงั้นรึ มีพระชายาที่ใดบ้างที่ต้องรับผิดเช่นนี้? ตกลงว่านางทำความผิดอันใดร้ายแรงหรือเพคะ?”

“ข้าใกล้ตายแล้ว ใช่ไหม” หยวนชิงหลิงรู้ว่าเป็นเพราะยาต้มจื่อจิน เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ว่า อาเจียนออกเป็นเลือดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ คงจะเป็นเพราะยาต้มจื่อจิน ตอนนั้นที่แม่นมฉี และ

ลวี่หยาป้อนเธอ เธอก็มองออกว่ายาต้มจื่อจินนี้มีพิษ

เธอดึงแขนเสื้อของอวี่เหวินห่าวใบหน้าที่ขาวซีดค่อย ๆ เงยขึ้น รอยแดงยังหลงเหลืออยู่ที่มุมปาก ออกแรงแบบนี้ ทำให้เจ็บจนหน้าตาของเธอบูดเบี้ยว เธอมองมาที่ อวี่เหวินห่าวสายตาที่เแน่วแน่ปนดื้อด้าน “ข้าขอร้องท่านเรื่องนึง ก่อนที่ข้าจะตาย ช่วยหย่ากับข้า ข้ายอมตายดีกว่าอยู่ในฐานะพระชายาฉู่เสียอีก”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
ສົມເພັດ ນະຍະເປົາ
เบิงหนังไป้
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status