Share

บทที่ 23

Author: จูน
ภายในวังเฉียนคุน

ไท่ซ่างหวงสนทนากับจักรพรรดิหมิงหยวนและท่านอ๋องลุ่ยอยู่ครู่หนึ่ง ก็อ่อนเพลียแล้ว จึงให้พวกเขาออกไป แม้แต่แพทย์ประจำพระองค์ก็ต้องออกไปเช่นกัน เหลือเพียง หยวน ชิงหลิงอยู่ในวังเฉียนคุนเพียงลำพัง

ก่อนที่จักรพรรดิหมิงหยวนจะออกไป ก็มอง หยวน ชิงหลิงด้วยสายตาที่มีความนัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ภายในวังเงียบสงัด ผ้าม่านมืดมิด แม้แต่ลมก็เล็ดลอดเข้ามาไม่ได้

หยวน ชิงหลิงยืนอยู่ข้างเตียง เพียงครู่หนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี

ไท่ซ่างหวงเดิมทีที่กำลังพักสายตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นมา กวาดสายตาอย่างเยือกเย็น พูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน “คุกเข่า!”

หยวน ชิงหลิงค่อย ๆ ย่อลงไปคุกเข่า ท่านั่งคุกเข่าของเธอ สำหรับเธอแล้ว ยังสบายกว่านั่งปกติ สรุปก็คือ ตอนนี้ยาต้มจื่อจินหมดฤทธิ์แล้ว รูขุมขนบนร่างกายกำลังทะลุคำว่าเจ็บออกมา

“เจ้ามีความผิด?” ไท่ซ่างหวงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หยวน ชิงหลิงรู้ว่าไท่ซ่างหวงไม่ลงโทษเธอจริง ๆ หรอก อย่างน้อยช่วงวิกฤตอย่างตอนนี้คงไม่ ขอเพียงแต่พระองค์ยังมีความโหยหาต่อโลกใบนี้ ตนก็จะเป็นกำลังเดียวของพระองค์

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเงยหน้าขึ้น ตอบกลับไปอย่างจริงใจ “มีเพคะ”

“ผิดมากจากไหน?”

“ทักษะทางการแพทย์ไม่สูงนักแต่โดดเด่น” หยวน ชิงหลิงเลี่ยงหนักไปเบา

ไท่ซ่างหวงพูดอย่างเย็นชา “เป็นประโยคที่ดีทักษะการแพทย์ไม่สูง แต่เจ้ากลับไปตัดสินว่าพวกหมอหลวงเป็นพวกหมอเถื่อน”

หยวน ชิงหลิงพอฟังประโยคนี้ ใจที่กำลังว้าวุ่นอยู่ก็สงบลง ในเมื่อไท่ซ่างหวงได้รับรองทักษะทางการแพทย์ของเธอแล้ว ทุกอย่างก็จะพูดง่ายขึ้น

ผลที่ตามมา ไท่ซ่างหวงยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “มานั่งนี่ บอกอาการป่วยของข้า จะตายหรือมีชีวิตอยู่ หรือตายเมื่อไหร่ และหากมีชีวิตอยู่อยู่ได้ถึงเมื่อไหร?”

หยวน ชิงหลิงค่อย ๆ ยืนขึ้น พูดว่า “ยังไม่กล้าตัดสินเพคะ หม่อมฉันยังต้องขออนุญาตพระองค์ทำการตรวจอีก”

“งั้นจะยืนเฉยอยู่ทำอะไร? เข้ามาวัดชีพจรสิ ”

ไท่ซ่างหวงมอง หยวน ชิงหลิงที่ไม่รู้ว่าเอาของหน้าตาประหลาดมาจากที่ไหนใส่ไว้ในหู เธอยิ้มอ่อน ๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้เรามาฟังเสียงหัวใจก่อนนะเพคะ…”

ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไท่ซ่างหวงกระตุกมุมปากขึ้น พูดด้วยความโมโห “ของเล่นพวกนี้นี่มันอะไรกัน? อยากให้ข้าแข็งตายหรือ?”

หยวน ชิงหลิงถอดเครื่องฟังเสียงหัวใจออกมา ใส่เข้าไปในหูของไท่ซ่างหวง พูดเบา ๆว่า “ ชู่วว พระองค์ตั้งใจฟังนะเพคะ”

จากใบหน้าที่ฉุนเฉียวของไท่ซ่างหวงก็ค่อย ๆ เย็นลง ๆ สายตาว่างเปล่า เงียบอยู่ครู่หนึ่ง พระองค์กล่าว “นี่มันเสียงหัวใจเต้นของข้า!”

หยวน ชิงหลิงพยักหน้า “ใช่เพคะ ฟังดูเหมือนจะไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร แต่แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ กลัวก็แต่ยมบาลจะยังไม่พาพระองค์ไปนี่แหละเพคะ”

“บังอาจ!” ไท่ซ่างหวงเหยียดคิ้วตรงมองเธอด้วยสายตาเยือกเย็น

หยวน ชิงหลิงรีบลงไปนั่งท่าคุกเข่าทันที “ขอประทานอภัยเพคะ”

“ช่างเหอะ คุกเข่าทำไม มานั่ง” ไท่ซ่างหวงถอนหายใจออกมา ขอประทานอภัยกับผีอะไร?

หยวน ชิงหลิง ยิ้มแบบขมขื่น “ไม่กล้านั่งเพคะ”

ไท่ซ่างหวงมองเธอด้วยสายตาจืดชืด “แผลนั่นไปทำอะไรมา”

หยวน ชิงหลิงชะงักไป

มองออกได้ยังไงว่าเธอบาดเจ็บ?

“เจ้าหายใจเข้าเป็นครั้งคราวแบบเจ็บปวด เห็นข้าเป็นคนหูหนวกหรือ? มือของเจ้าที่แตะบนหน้าผากข้าร้อนไปหมด มีไข้ เกิดอะไรขึ้น?” ไท่ซ่างหวงพูดเรียบ ๆ

หยวน ชิงหลิงนึกถึงเรื่องที่เจอวันนั้นตรงจวนอันมืดมนไร้แสง ความเศร้าโศกและขุ่นเคืองหลอมรวม แต่สุดท้าย ก็ตอบกลับไปแบบนิ่งสงบ “หกล้มเพคะ บาดแผลติดเชื้อเลยมีไข้”

“เจ้ารักษาตัวเองไม่เป็นหรืออย่างไร” น้ำเสียงของไท่ซ่างหวงไม่มีท่าทีดุดันอีก

หยวน ชิงหลิง พยักหน้า “หม่อมฉันมียาเพคะ”

ไท่ซ่างหวงฟังแล้วขมวดคิ้ว ทำไมสาวน้อยที่รอเงียบ ๆ อยู่ตรงนี้ถึงไร้ขนบธรรมเนียมขนาดนี้

แต่ช่างมันเถอะ วังแห่งนี้ ที่ยังขาดก็คือคนที่ไร้ขนบธรรมเนียมงั้นหรือ?

“กินยาแล้วก็ไปพักซะ ข้าเหนื่อยแล้ว!” ไท่ซ่างหวงหลับตาลง เอาเครื่องฟังเสียงหัวใจวางลง

หยวน ชิงหลิงเก็บเครื่องฟังเสียงหัวใจ และหลีกไปหากล่องยาอีกฝั่ง กล่องยาใบนี้แค่เปิดขึ้นมา นางถึงกับชะงัก นี่…ทำไมถึงมีขวดน้ำเกลือ?”

เธอยิ้มแบบขมขื่น อดไม่ได้ที่จะคิด พลางหยิบยาลดไข้ และยาแก้อักเสบกลืนลงไป จากนั้นเปิดขวดน้ำเกลือพาไป

ไท่ซ่างหวงที่ยังไม่ตื่น ได้ยินเสียงเบา ๆ ของฝีเท้าดังขึ้น ท่านขมวดคิ้ว “ทำไมกลับมาอีกล่ะ? บอกให้เจ้าไปพักผ่อนมิใช่หรือ”

“ให้น้ำเกลือก่อนเพคะ แล้วค่อยบรรทม” หยวน ชิงหลิง นำขวดน้ำเกลืออกมาอย่างระมัดระวัง กลัวว่าไท่ซ่างหวงจะคิดว่าเป็นขวดประหลาดและไม่ยอมให้เจาะสายน้ำเกลือ

หลังจากที่แขวนน้ำเกลือเสร็จ หยวน ชิงหลิง เงยหน้าขึ้น ก็พบว่าไท่ซ่างหวงกำลังจ้องเขม็งมาที่เธอ

เธอหัวเราะออกมา “รอพระองค์หายดี แล้วหม่อมฉันจะอธิบายให้ฟังเพคะ”

ตอนนี้ขอให้เธอได้หาข้ออ้างไปก่อน ไม่งั้นคงหาอะไรไม่เจอแน่

ไท่ซ่างหวงตอบกลับไปว่า “ขอให้เป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลแล้วกัน”

หยวน ชิงหลิง หัวเราะแบบขมขื่นต่อไป พยายามเข้าเถอะ

ขวดน้ำเกลือแขวนไว้ไม่นานเท่าไหร่ หยวน ชิงหลิงกลัวว่าจะมีคนมา เพราะฉะนั้นหลังจากที่หมดแล้ว เธอจึงดึงออก

ไท่ซ่างหวงกรนออกมาเบา ๆ หลับไปแล้ว

หยวน ชิงหลิงทั้งเหนื่อย ทั้งหิว ทั้งเจ็บ แต่นั่งไม่ได้ ฟุบไม่ได้ ไม่มีอะไรกิน แม้แต่น้ำหนึ่งอึกก็ไม่มี

นางแอบมอง ๆ ดูแล้ว ภายในวังไม่มีคนอยู่เลย ในเวลาครู่เดียวไท่ซ่างหวงคงยังไม่ตื่น เธอมายืนอยู่หน้าโต๊ะ โน้มตัวฟุบลงกับโต๊ะ เอามือสองข้างมาทำเป็นหมอน เหมือนกับตัวมาร์มอตที่กำลังขุดหลุม

เธอได้แต่คิดว่าฟุบลงอย่างนี้สักพักคงลดอาการเพลียและบรรเทาความเจ็บลงได้ ไม่ทันรู้ตัว เธอได้หลับลึกไปแล้ว

ฉางกงกงกลับไปพักผ่อนครู่หนึ่ง เป็นห่วงไท่ซ่างหวง ได้ยินว่ามีแค่พระชายาฉู่คนเดียวที่ดูแลพระองค์อยู่ จึงรีบมาดู

พอเข้ามาก็เห็น หยวน ชิงหลิงฟุบนอนด้วยท่าทางประหลาด เขาขมวดคิ้ว มีการรักษาแบบนี้ด้วยหรือ? แท้จริงแล้วพระชายาฉู่พระองค์นี้ไว้ใจไม่ได้ แถมท่านอนนี้ยังอุจาดตาสิ้นดี กำลังจะพูดออกไป แต่ได้ยินไท่ซ่างหวงพูดกดเสียงในลำคอเบา ๆ ว่า “อย่าเสียงดัง”

ฉางกงกงเดินแบบเขย่ง ๆ เท้าเข้าไป เอาผ้าห่มมาคลุมให้ไท่ซ่างหวง ด้วยความรู้สึกห่วงใย

ไท่ซ่างหวงกระซิบเบาๆ “ออกไปดู และหาอะไรให้นางกินด้วย”

ฉางกงกงยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่ พระชายาฉู่ดูแลแบบนี้ นอกจากไท่ซ่างหวงจะไม่โกรธแล้ว ยังให้ของกินอีก?

เขาไม่ได้ถามอะไร ได้แต่เดินออกไปเงียบ ๆ

หยวน ชิงหลิงนอนจนมือเริ่มชา จากนั้นค่อย ๆ ตื่นขึ้น

ตระหนักได้ว่าตนหลับเลยไปแล้ว หลังเธอเย็นยะเยือกขึ้นมา มองไปที่หลังเตียงอย่างรวดเร็ว เห็นว่าไท่ซ่างหวงยังหลับอยู่ ถึงถอนหายออกไป

เธอเอากล่องยาออกมา แล้วหยิบปรอทวัดไข้ใส่ไปในปาก จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างนอก เธอตกใจจนรีบเอากล่องยาไปซ่อนไว้ในแขนเสื้อ แล้วหมุนตัวกลับ ก็เจอกับฉางกงกงที่กำลังยกอาหารเข้ามา

ฉางกงกงเห็นว่าในปากของ หยวน ชิงหลิงมีของบางอย่างอยู่ ก็ตกใจ “พระชายา พระองค์…”

หยวน ชิงหลิงไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง เอาออกมาก็ไม่ได้ ไม่เอาออกมาก็ไม่ได้ ได้แต่ยืนกระอักกระอ่วนมองฉางกงกงอยู่อย่างนั้น

ทำไมไม่ให้ไท่ซ่างหวงที่เดิมทีกำลัง “หลับอยู่” แก้ต่างให้เธอล่ะ “ยังไม่รีบเอาอาหารไปวางอีก? หากยังช้ากว่านี้อีก เกรงว่าแม้แต่รองเท้า ข้าพระองค์จะกินจนหมดนะ”

“อ้อ” ฉาง กงกงยิ้มออกมา นำอาหารไปจัดวางบนโต๊ะ “หิวแล้วใช่ไหมพะยะค่ะ? พระชายารีบเสวยเถอะพะยะค่ะ”

หยวน ชิงหลิงหิวแล้วจริง ๆ หิวจนหน้าอกจะติดกับหลังอยู่ละ และยังไม่เพียงแต่หิว แต่ยังกระหายอีกด้วย หอแห้งจนจะมีควันคายออกมา

ฉางกงกงยกซุปมาหนึ่งถ้วย เธอไม่สามารถจัดการกับความอดทนนี้ได้อีกต่อไป เอาปรอทวัดไข้ออกมา ยกถ้วยขึ้นมาซดดังเอือก ๆ ซุปหนึ่งถ้วยลงไปในท้องเรียบร้อย ปากพอได้พัก ก็เจอกับควันร้อน ๆ ต่อ เธอรีบกินข้าวต่อด้วยความรวดเร็ว

ฉางกงกงเห็นเข้าก็ขมวดคิ้ว หิวก็ไม่น่าขาดความเป็นตัวเองไปได้ขนาดนี้? นี่ยังอยู่ต่อหน้า

ไท่ซ่างหวง
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status