Share

บทที่ 9

Author: จูน
หยวน ชิงหลิง ปรับตัวให้ชินกับความมืดได้แล้ว ทันใดนั้นเองแสงสว่างที่เข้ามาโดนตาเธอทำให้เธอต้องยกมือบังแสงนั้น เธอได้ยินเสียงคุกเข่ากับพื้น แม่นมฉีคุกเข่าลง “พระชายา หม่อมฉันไม่รู้ จึงเข้าใจพระชายาผิดไป ได้โปรดช่วยฮั่วเกอเอ๋อร์ด้วย”

“พยุงข้าขึ้น!” หยวน ชิงหลิง พูดอย่างช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

แม่นมฉีวางตะเกียงลงแล้วไปช่วยพยุง หยวน ชิงหลิง นางมองเห็นรอยเลือดที่ด้านหลังของหยวนชิงหลิงแล้ว อาการบาดเจ็บช่างสาหัสจริง ๆ นางเกิดความลังเลขึ้นมาในใจเล็กน้อย นางเกลียดผู้หญิงคนนี้จากก้นบึ้งของหัวใจ แต่ทว่าสิ่งที่ฮั่วเกอเอ๋อร์พูดอาจจะเป็นความจริง?

“พระชายา พระองค์ยืนได้ไหมเพคะ?”

“ไปนำกล่องยาข้ามา!” หยวน ชิงหลิง รู้ว่าแม่นมฉีเกลียดเธอยังกับอะไรดี แต่ก็ยังยอมคุกเข่าขอร้องให้เธอช่วยแบบนี้ คาดว่าอาการของฮั่วเกอเอ๋อร์ดูท่าคงไม่ดีแล้ว ไม่ใช่เวลามาสนใจว่าใครจะเห็นกระเป๋ายาอีกแล้ว

“พะ เพคะ!” แม่นมฉีรีบเข้าไปเอากระเป๋ายาหลังจากนั้นก็กลับมาพยุงเธอ

หยวน ชิงหลิง เดินไปไม่กี่ก้าวรู้สึกเจ็บปวดที่ขาและสะโพกจนเหงื่อไหลหยดออกมา เมื่อก้าวออกจากประตู มันเจ็บมากเสียจนฟันกระทบกัน

“พระชายา...”

“อย่าพูดไร้สาระ รีบไป!” หยวน ชิงหลิง กัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด

การช่วยชีวิตคนเธอคิดว่าคือความบริสุทธิ์ใจ แต่วันนี้เธอช่วยฮั่วเกอเอ๋อร์ เธอคิดไว้อย่างว่า ทำไปเพื่อซื้อใจคน นี่คงเป็นทางเดียวที่เธอจะมีชีวิตรอดต่อได้

“คนอะไรตายยากเสียจริง”

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนพุดคุย

หยวน ชิงหลิง มองไปทางแม่นมฉี แม่นมฉีที่มือข้างหนึ่งถือตะเกียง อีกข้างก็พยุงเธอโดยไม่พูดอะไร พบว่า หยวน ชิงหลิง มองเธออยู่ บนหน้าผากที่ปรากฏรอยเหี่ยวย่นนางเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “พระชายา หรือว่าเจ็บมากจนเดินไม่ไหว”

เสียงไม่เหมือนกัน

เสียงของแม่นมฉีเป็นเสียงคนแก่ แต่เสียงที่พึ่งได้ยินฟังแล้วดูอ่อนวัยกว่า เหมือนเสียงเด็ก

หยวน ชิงหลิง ส่ายหัวช้า ๆ และก็ได้ยินเสียงเข้าหู แต่ได้ยินไม่ค่อยชัดเจนว่าเป็นเสียงอะไรและจากทิศทางไหน ในจวนมีต้นไม้ใหญ่อยุ่ต้นหนึ่ง

มีนกสองตัวบินออกมาจากต้นไม้ใหญ่

เสียงนก? โธ่ หูเธอคงเพี้ยนไปแล้ว คิดว่าเป็นเสียงคนซะอีก

มาถึงเรือนเล็ก หยวน ชิงหลิง ได้ใช้แรงกายทั้งหมดไปแล้ว ขาทั้งสองข้างสั่นไปหมด แต่ว่าเธอยังนั่งพักไม่ได้

“พวกเจ้าออกไปก่อน!” หยวน ชิงหลิง พูดกับแม่นมฉีและลวี่หยา

แม่นมฉีลังเลใจเล็กน้อย สำหรับ หยวน ชิงหลิง นางยังไม่ค่อยเชื่อใจมากนัก

“หม่อมฉันขอช่วยอยู่ด้านในนะเพคะ”

หยวน ชิงหลิน ก้มหน้าลง “ไม่ต้อง เจ้าอยากจัดการเองรึ?”

แม่นมฉีพบว่าฮั่วเกอเอ๋อร์ไข้ขึ้นจนไม่ได้สติแล้ว สถานการณ์ตอนนี้อยู่ระหว่างความเป็นความตายของหลานนาง “ได้เพคะ หม่อมฉันกับลวี่หยาจะรออยู่ด้านนอก ถ้าพระชายาต้องการสิ่งใด โปรดรับสั่งเพคะ”

ในใจของนางคิดแค่ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฮั่วเกอเอ๋อร์ นางไม่ไว้ชีวิตนางแน่

ลวี่หยาอยากจะพูดอะไรสักคำ แต่แม่นมฉีก็ลากนางออกไปแล้ว

“ปิดประตู อย่าแอบดู มิเช่นนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่รับผิดชอบ”

“ไม่แอบดูเพคะ” แม่นมฉีพูดแล้วปิดประตู

หยวน ชิงหลิง ถอนหายใจด้วยความโล่งอก กล่องยาที่ถือมาค่อย ๆ เคลื่อนออก

เธอวางมือบนลงหน้าผากของฮั่วเกอเอ๋อร์ อุณหภูมิที่รู้สึกได้จากมือน่าจะประมาณสี่สิบองศา

หยวน ชิงหลิง เลยให้ยาลดไข้ก่อน หลังจากนั้นค่อยฉีดยาให้เขา

เธอเปิดผ้าพันแผลออก แผลบวมแดง บนนั้นมีอะไรเหนียว ๆ คล้าย ๆ ผงยา เธอปาดแล้วบีบมันดูเล็กน้อย นี่มันผงซานซี

แผลอักเสบเป็นหนอง ยังจะใช้ผงซานซีโรยแผลอีก แล้วมันจะไม่ติดเชื้อและอักเสบแบบนี้ได้ไง?

หยวน ชิงหลิง หยุดโกรธไม่ได้ หมอต้มตุ๋นทำร้ายผู้คน

เธอจึงล้างแผลให้ฮั่วเกอเอ๋อร์ก่อน เช็ดเลือดที่มีผงซานซีติดผสมบนแผลออกจนสะอาด แล้วพันแผลด้วยผ้าพันแผล
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status