“ขอแค่กาแฟ”
น้ำเสียงห้วนจัดของคนที่เพิ่งหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหรู สะท้อนก้องไปทั่วทั้งห้องอาหาร ทำเอาแม่บ้านวัยกลางคนถึงกับชะงักมือที่กำลังจะยกถาดข้าวต้มกุ้งในทันทีแล้วรีบหันหลังกลับไปจัดเตรียมกาแฟตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้านาย
“ได้แล้วค่ะ”
เมแกนวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง พลางลอบชำเลืองมองมาเฟียหนุ่มด้วยสายตาเป็นกังวล ราวกับสัมผัสได้ถึงคลื่นอารมณ์บางอย่างที่ผิดแผกจากทุกวัน แต่ก็เลือกที่จะไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา
“สายป่านนี้แล้ว คุณหนูของป้ายังไม่ตื่นอีกเหรอ จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน” ริมฝีปากหยักลึกยกรอยยิ้มเหยียด ขณะพ่นวาจาประชดประชันอย่างต้องการเหน็บแนมถึงบุคคลที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น
“เอ่อ คือว่า...”
เมแกนแสดงท่าทีลังเลพร้อมอึกอักอย่างคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะแบบนั้นยิ่งทำให้อีกฝ่ายค่อย ๆ เลิกคิ้วเข้มขึ้นแล้วทวนถามซ้ำรอฟังคำตอบ
“ว่า?”
“คุณหนูออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่แล้วค่ะ”
ตึง!
เสียงแก้วกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรงจนของเหลวด้านในกระฉอกออกมานองพื้น ทำเอาแม่บ้านวัยกลางคนถึงกับสะดุ้งโหยง ลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ หลังจากได้ยินน้ำเสียงเย็นเยียบหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากของอีกฝ่าย
“เธอไปที่ไหน”
“คอนโดเพื่อนสนิทค่ะ”
"แต่ป้าเคยบอกผมว่า เธอจะอยู่บ้านในทุกวันหยุด"
“…”
“หรือที่ผ่านมา ป้าเลือกที่จะปิดบังผม”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ปกติวันหยุดคุณหนูก็อยู่บ้านตลอดค่ะ น้อยครั้งที่จะออกไปข้างนอก แต่วันนี้เธออาจจะมีธุระด่วนกับเพื่อนคนนั้นก็ได้ใช่มั้ยล่ะคะ”
เมแกนรีบตอบทันควันด้วยน้ำเสียงร้อนรน ถึงแม้เธอเองจะรู้สึกแปลกใจไม่ต่างกัน ว่าทำไมวันนี้คุณหนูถึงออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ และที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้น คือสีหน้าของมาเฟียหนุ่มซึ่งดูอึมครึมราวกับมีพายุอารมณ์บางอย่างซ่อนอยู่ ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
“ผมต้องไปทำงานแล้ว”
จู่ ๆ เจ้าของเรือนกายสูงใหญ่พลันตัดบทแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะหมุนตัวก้าวออกจากห้องไปพร้อมสีเย็นชา ทิ้งให้แม่บ้านวัยกลางคนมองตามผู้เป็นเจ้านายด้วยความไม่เข้าใจ
“คุณลดาไปหาเพื่อนจริง ๆ ครับ”
ลูกน้องคนสนิทกล่าวรายงานด้วยน้ำเสียงฉะฉาน โดยไม่ลืมระบุชื่อคอนโดและประวัติส่วนตัวของเพื่อนสาวรายนั้นอย่างละเอียด ตามข้อมูลที่นักสืบเอกชนได้จัดส่งมาให้ก่อนหน้านี้
คนฟังยังคงเหม่อมองทิวทัศน์ยามบ่ายอันร้อนระอุที่ไหลเลื่อนผ่านหน้าต่างรถคันหรู เขาตกอยู่กับความคิดของตัวเองครู่หนึ่งก่อนจะปริปากพูดออกมาอีกครั้ง
“มึงว่ากูดูแก่เกินไปหรือเปล่า”
“ครับ?” คำถามนั้นทำเอาเอริคที่นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับถึงกับชะงัก สมองเริ่มประมวลผลบางอย่าง
“ไม่เข้าใจที่ถามหรือไง” ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายยิ่งทำให้มาเฟียหนุ่มเร่งเร้ากว่าเดิมด้วยความอยากรู้
“อันที่จริงในสายตาของผม คุณคาลิกซ์ยังคงดูอ่อนกว่าวัยมากทีเดียวครับ ส่วนเรื่องรูปร่างหน้าตา สาวที่ไหนเห็นก็แทบอยากคลานเข่าเข้ามาพลีกายให้ฟรี ๆ คุณคาลิกซ์ก็รู้เรื่องนี้ดีนี่ครับ”
“งั้นสมมตินะ ถ้ามึงตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอผู้หญิงที่นอนด้วยกันเมื่อคืนจะต้องรู้สึกยังไง"
“ผมก็คงรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองนิดหน่อย จนต้องมาคิดทบทวน ว่าทำพลาดอะไรไปหรือเปล่า”
“ใช่มั้ยล่ะ ใคร ๆ ก็ต้องรู้สึกแบบนั้น”
“ว่าแต่... คุณคาลิกซ์ถามเรื่องนี้ทำไมเหรอครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก พอดีเพื่อนฝากถามน่ะ”
“เพื่อนคนไหนเหรอครับ”
“เถอะน่า! เพื่อนก็เพื่อนสิ จะอยากรู้ไปทำไม ว่าคนไหน”
“โอเคครับ เพื่อนก็เพื่อน”
บทสนทนาสั้น ๆ จบลงด้วยรอยยิ้มเจือความครุ่นคิดของเอริค ก่อนที่บรรยากาศจะดึงกลับคืนสู่โหมดของตารางงานที่ต้องทำ ซึ่งดูเหมือนว่าวันนี้จะยาวนานไปจนถึงช่วงค่ำ
“ขอบคุณค่ะ”
ขาเรียวยาวขาวผุดผ่องก้าวลงจากแท็กซี่ ก่อนจะถอดถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ไม่เห็นรถหรูคันคุ้นตาจอดอยู่บริเวณนั้น แล้วจึงรีบสาวเท้าเข้าไปในตัวคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังหนีอะไรบางอย่าง
พลั่ก อ้ะ!
ทันทีที่ข้ามธรณีประตูบานใหญ่ คนตัวเล็กกลับชนเข้ากับบางสิ่งบางอย่างจนซวนเซแทบล้มลงไปกองกับพื้น
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ เพราะสิ่งนั้นดันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ลดาไม่อยากเจอมากที่สุดในตอนนี้ และกำลังใช้แขนแกร่งคว้าเอวคอดกิ่วของเธอเอาไว้แนบแน่น
“คุณคาลิกซ์...”
“คิดจะหลบหน้าฉันสินะ”
“ปะ เปล่านะคะ ลดาไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น” ใบหน้าจิ้มลิ้มรีบสั่นส่ายปฏิเสธ
“แล้วสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ จะให้ฉันคิดยังไง”
คำถามนั้นทำเอาริมฝีปากสีชมพูหวานบนใบหน้าซีดเซียวเม้มเข้าหากันเล็กน้อย เธอถึงกับตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งที่ได้นอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์แบบนี้ ทว่าต่อให้หนีอย่างไร สุดท้ายแล้วก็ต้องเผชิญหน้ากับเขาอยู่ดี
“ปล่อยลดาเถอะนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าแล้วจะดูไม่ดี”
“แค่ควักลูกตาแล้วก็ตัดลิ้นคนพวกนั้นออกก็สิ้นเรื่อง”
คำพูดจาโหดร้ายด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงทำเอาดวงตากลมโตเบิกกว้าง เผลอขยับริมฝีปากพึมพำเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างลืมตัว
“คุณคาลิกซ์”
“ดูเหมือนว่าเธอจะชอบเรียกชื่อฉันนะ”
“…”
“อยากเรียกอีกมั้ย” เขาโน้มตัวลงมาใกล้ สายตาทอประกายวาววับอย่างคนเจ้าเล่ห์ แล้วกระซิบเสียงพร่าชิดใบหูอย่างต้องการกลั่นแกล้งอีกฝ่าย
“ไม่ ไม่ค่ะ”
“แต่ฉันชอบให้เธอเรียกชื่อฉันซ้ำ ๆ แล้วก็ใกล้ ๆ แบบนี้"
ขนกายของคนตัวเล็กพลันลุกซู่ ใบหน้าร้อนผ่าวจนต้องรีบเบือนหนี หลบเลี่ยงสายตาคู่นั้นอย่างเขินอาย พร้อมกัดริมฝีปากล่างของตัวเองด้วยความเผลอไผล
“ถ้ายังกัดปากแบบนั้นอีก ฉันจะคิดว่าเธอกำลังยั่ว”
“จะไม่ทำอีกแล้วค่ะ ปล่อยลดาไปเถอะนะคะ”
“จะให้ปล่อยไปง่าย ๆ ได้ยังไง เด็กดื้อที่ไม่ยอมเชื่อฟัง ต้องถูกทำโทษสิ จะได้หลาบจำ เธอไม่คิดแบบนั้นหรอกเหรอ”
“ลดาขอโทษ ลดาไม่ได้ตั้งใจจะหลบหน้า แต่ลดาก็อายเป็นเหมือนกัน”
“อาย? อย่าบอกนะว่าเธออายเรื่องธรรมชาติที่เราทำกันเมื่อคืน”
เธอพยักหน้าหงึกหงักโดยไม่กล้าแม้แต่จะสบสายตา
“คุณก็รู้ ว่านั่นมันเป็นครั้งแรกของลดา” หลังจากเหตุการณ์นั้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรวางตัวอย่างไร
“ไว้คราวหน้า ฉันจะค่อย ๆ ทำให้เธอชินกับมัน จะได้เลิกเหนียมอายเสียที ตกลงมั้ย”
“คุณคาลิกซ์”
“เชื่อเถอะว่า ถ้าเธอยังเรียกชื่อฉันอีกเพียงครั้งเดียว ฉันจะจับเธอฟาดก้นเสียตรงนี้"
“อย่าน่ะ! ลดา ลดาต้องไปนอนแล้ว พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า” รีบตัดบทหวังเอาตัวรอดจากคนเจ้าเล่ห์
“อยากไปนอนห้องฉันอีกสักหลาย ๆ รอบมั้ย”
“เลิกแกล้งลดาได้แล้วค่ะ ลดาไปก่อนนะคะ”
เธออาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายคลายอ้อมแขน รีบพาตัวเองออกมาได้สำเร็จก่อนจะหมุนตัวตรงดิ่งไปยังบันได แต่แล้วกลับต้องชะงักเท้า หันกลับไปสบสายตาของเขาอีกครั้ง
“เดี๋ยว”
“คะ?”
"เธอลืมอะไรไปหรือเปล่า"
"ก็ไม่นี่คะ"
"คนไทยไม่มีธรรมเนียมก่อนนอนบ้างหรือไง”
“ฝันดีค่ะ”
“เดี๋ยวสิ”
“อะไรอีกล่ะคะ”
“ฉันเองก็อยากสอนธรรมเนียมของอิตาลีไว้ให้เธอได้รับรู้บ้างเหมือนกัน”
พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปหาเธออีกครั้งแล้วโน้มตัวลง สัมผัสแผ่วเบาบนหน้าผากโค้งมน จากนั้นจึงใช้แก้มแนบทั้งซ้ายและขวา โดยไม่ลืมจูบริมฝีปากสีระเรื่อเป็นการทิ้งท้าย
ชั่ววินาทีเดียว แต่เพียงพอที่จะทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ร่างเล็กยืนตัวแข็งทื่อ ตะลึงงันกับการกระทำนัั้น
“อันที่จริงยังมีรายละเอียดมากกว่านี้ อย่างการอาบน้ำด้วยกันก่อนนอนเพื่อกระชับความสัมพันธ์ แต่ไว้แค่นี้ก่อนก็แล้วกัน”
“…”
“อย่าลืมจำไว้ให้ขึ้นใจด้วยละ เพราะเราต้องทำแบบนี้กันทุกคืนก่อนนอน”
เขาทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งให้หญิงสาวยืนหน้าร้อนผ่าวจนต้องยกมือขึ้นไปสัมผัสแผ่ว
ลดาเลื่อนมือลงมาแตะริมฝีปากที่ยังคงทิ้งร่องรอยคุกรุ่นของอีกฝ่ายซึ่งชวนให้หัวใจดวงน้อยกลับมาทำงานหนักหน่วงกว่าเดิม
คาลิกซ์ละริมฝีปากออกจากเธอแผ่วเบา แล้วเลื่อนใบหน้าลงซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่น ไล่ไปยังลาดไหล่เนียนนุ่ม วนเวียนอยู่กับเนินอกอวบอัดพลางสูดดมเอากลิ่นหวานละมุนกายสาวเข้าจนฉ่ำปอด ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารินรดผิวเนื้อขาวผุดผาดส่งผลให้ผู้ถูกกระทำ สะท้านวาบไปทั่วทั้งเรือนร่าง ในจังหวะนั้นเองที่มือหนาค่อย ๆ เคลื่อนเคล้นคลึงทรวงอกเต่งตึงอย่างเชื่องช้า หวังปลุกเร้าอารมณ์ความต้องการของเธอให้ลุกโชนยิ่งขึ้น มาเฟียหนุ่มเริ่มซุกซนโดยการลากไล้ฝ่ามือไปตามส่วนโค้ง ส่วนเว้า ราวกับรู้จักทุกซอกทุกมุมของเรือนร่างบอบบางเป็นอย่างดี อื้ม... หัวใจดวงน้อยพองโตคับอก เพลิดเพลินไปกับเพลิงพิศวาสที่ได้รับ บัดนี้ผ้าขนหนูที่เดิมทีพันสนิทแนบเข้ากับเรือนร่างบอบบาง หลุดร่วงลงมากองหมิ่นเหม่อยู่รอบสะโพกกลมกลึง หลงเหลือไว้เพียงบราเซียสีดำที่ปกปิดเนื้อหนั่นแน่นไว้แทบไม่มิด เจ้าของใบหน้าหล่อคมคายเลื่อนลงต่ำกว่าเดิมด้วยความอดใจไม่ไหว แล้วหยอกเอินเข้ากับทรวงอกสองข้างสลับกันอย่างหลงใหล ลมหายใจของหญิงสาวเริ่มติดขัด ตามจังหวะการกระทำของอีกฝ่าย ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาจัดการสิ่งกีดขวางส่วนบนออกไปง่ายดายโดยเธอไม่ทันได้ตั้งตัว
“อยากอาบก็อาบไปคนเดียวสิคะ ลดาไม่เอาด้วยหรอก”คนตัวเล็กพยายามดิ้นหนีจากการเกาะกุมของเขา แต่ยิ่งเธอขยับขัดขืนมากเท่าไร อ้อมแขนของอีกฝ่ายกลับรัดแน่นขึ้นเท่านั้น จนแทบหายใจไม่ออก“คุณคาลิกซ์ คุณจะเอาแต่ใจเกินไปแล้วนะ”หญิงสาวเริ่มกระฟัดกระเฟียด ทว่าเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอกลับไม่ได้ทำให้มาเฟียหนุ่มสะทกสะท้านแม้แต่น้อย“เธอเองก็เลิกดื้อเสียที”“ปล่อยค่ะ!”"รู้ดีนี่ ว่าขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์”“ปล่อยนะ ลดาจะอาบน้ำคนเดียว”“ไม่ได้ ฉันจะอาบน้ำกับเธอด้วย”ลดาเบือนหน้าหนีไปอีกทางอย่างเหนื่อยใจโดยไม่เอ่ยคำใด ซึ่งท่าทางนั้นไม่อาจหลุดรอดสายตาคมกริบของเขาริมฝีปากหยักลึกค่อยๆ ยกยิ้มเจือเลศนัย ก่อนจะเอนศีรษะเข้าหา ราวกับกำลังออดอ้อนคนตัวเล็ก“ฉันอยากอาบน้ำกับเธอ จริง ๆ นะ”น้ำเสียงและสัมผัสนั้นทำให้ลดาใจอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว เป็นไปตามเกมของเขาอย่างถนัดถนี่ รอยยิ้มร้ายลอบผุดขึ้นที่มุมปาก เสี้ยววินาทีก็ปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ“แค่อาบน้ำเท่านั้นนะคะ”เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำย้ำเตือนนั้น แล้วเดิ
หลังเลิกเรียนในช่วงบ่าย ลดาตรงไปยังคอนโดพร้อมเพื่อนสาวคนสนิท เพื่อทำรายงานที่ต้องส่งร่วมกันให้เสร็จสิ้น เมื่อภารกิจสิ้นสุด เพลงขวัญก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มราวกับถูกดูดกลืนพลังไปจนหมดสิ้น“คืนนี้ฉันมีนัดที่สนามมวย แกอยากไปด้วยกันมั้ย” เจ้าของห้องเอ่ยชวนพลางเอนตัวเหยียดแขนขาในท่วงท่าสบาย“หวานใจขึ้นสังเวียนอีกแล้วเหรอ”“อือ”“ฉันไม่ชอบอะไรแบบนั้น แกก็รู้”“รู้ แต่ก็ยังอยากให้แกไปด้วย สนามที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นหรอกนะ”“ที่เคยบอกว่าตอนพักเบรกจะมีดีเจเปิดเพลงเหมือนอยู่ในคลับน่ะเหรอ”“ใช่ ที่สำคัญกว่านั้น ฉันอยากให้แกได้รู้จักเพื่อน ๆ ของเขาด้วย”“ฉันไม่ชอบอะไรที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงจริง ๆ นะ”“มันไม่เหมือนกันเสียหน่อย อีกอย่าง ชีวิตนี้แกชอบอะไรบ้าง นอกจากอมยิ้มหวานแสบคอพวกนั้น หรือว่าแท้จริงแล้ว แกชอบผู้หญิง และเธอคนนั้นก็คือฉัน” เพลงขวัญหันไปทำหน้าทะเล้น แววตากรุ้มกริ่มจนอีกฝ่ายแทบปาหมอนใส่“พูดอะไรน่าขนลุก ฉันชอบผู้ชายจ้ะ”“ฉันรับรองเลยว่าผู้ชายที่นั่นงานดี”“แต่ฉันไม่มีเสื้อผ้า”“ก็ใช้เสื้อผ้าฉันไง เดี๋ยวจับแปลงโฉมให้เอง ไปด้วยกันเถอะนะ”น้ำเสียงออดอ้อนพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหล่านั้น ท
ปี๊น ปี๊น!เสียงแตรรถดังลั่นบริเวณหน้ามุขของคฤหาสน์หลังโออ่า ทำเอาหญิงสาวในชุดนักศึกษาชะงักเท้าที่กำลังก้าวฉับ ๆ พลันรีบหันขวับไปยังต้นตอของเสียง ก็พบกับมาเฟียหนุ่มที่นั่งอยู่บนเบาะหนังหลังพวงมาลัย"ขึ้นรถ" ริมฝีปากหยักลึกขยับเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งบังคับ ก่อนจะเหลือบตามองอีกฝ่ายแวบหนึ่งโดยสีหน้ายังคงเรียบเฉย"คะ?" คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก"วันนี้ฉันจะไปส่งเธอเอง""ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ ลดาเกรงใจ""อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ" น้ำเสียงเด็ดขาดของเขาทำเอาเธอไม่กล้าขัด จึงจำใจเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนเบาะเคียงข้างคนขับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ลดาเริ่มรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่คืบคลานเข้ามา เพราะดูเหมือนว่ายิ่งเธอพยายามเว้นระยะห่างมากเท่าไร ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ่งรุกล้ำเข้ามาใกล้มากขึ้นเท่านั้น จนเธอเองอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ว่าเขาต้องการอะไรจากความสัมพันธ์ฉาบฉวยที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้"ปกติแต่งตัวแบบนี้ไปเรียนเหรอ" สายตาคมกริบค่อย ๆ เลื่อนสำรวจเครื่องแต่งกายบนเรือนร่างของหญิงสาวอย่างพินิจพิจารณา"ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ" ถึงแม้เธอรับรู้
“ขอแค่กาแฟ”น้ำเสียงห้วนจัดของคนที่เพิ่งหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหรู สะท้อนก้องไปทั่วทั้งห้องอาหาร ทำเอาแม่บ้านวัยกลางคนถึงกับชะงักมือที่กำลังจะยกถาดข้าวต้มกุ้งในทันทีแล้วรีบหันหลังกลับไปจัดเตรียมกาแฟตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้านาย“ได้แล้วค่ะ”เมแกนวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง พลางลอบชำเลืองมองมาเฟียหนุ่มด้วยสายตาเป็นกังวล ราวกับสัมผัสได้ถึงคลื่นอารมณ์บางอย่างที่ผิดแผกจากทุกวัน แต่ก็เลือกที่จะไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา“สายป่านนี้แล้ว คุณหนูของป้ายังไม่ตื่นอีกเหรอ จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน” ริมฝีปากหยักลึกยกรอยยิ้มเหยียด ขณะพ่นวาจาประชดประชันอย่างต้องการเหน็บแนมถึงบุคคลที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น“เอ่อ คือว่า...”เมแกนแสดงท่าทีลังเลพร้อมอึกอักอย่างคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะแบบนั้นยิ่งทำให้อีกฝ่ายค่อย ๆ เลิกคิ้วเข้มขึ้นแล้วทวนถามซ้ำรอฟังคำตอบ“ว่า?”“คุณหนูออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่แล้วค่ะ”ตึง!เสียงแก้วกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรงจนของเหลวด้านในกระฉอกออกมานองพื้น ทำเอาแม่บ้านวัยกลางคนถึงกับสะดุ้งโหยง ลอบกลืนน้ำลายลงคออ
“สวย”คาลิกซ์พึมพำคล้ายคนละเมอพลางขยับเข้าใกล้เธออีกก้าวราวกับต้องมนตร์สะกด ขณะเดียวกัน สายตาคมกริบฉายประกายเจ้าเล่ห์ก็จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยอย่างต้องการค้นหาความหมายที่ซุกซ่อนอยู่ในนั้นทว่าคนที่เริ่มทำตัวไม่ถูกกลับค่อยๆ ถอยหลังอย่างเชื่องช้าตามสัญชาตญาณ กระทั่งเรียวขาขาวสัมผัสกับขอบเตียงกว้าง ไร้ซึ่งหนทางหลบหนีอ้ะ!แต่แล้วเธอดันเสียหลักหงายหลังลงบนฟูกหนานุ่มส่งผลให้เนินเนื้ออวบอัดทั้งสองข้างเด้งขึ้นลงล่อตาล่อใจ ทว่ายังไม่ทันจะได้ตั้งตัวกลับถูกคนตัวสูงตามขึ้นคร่อมอย่างรวดเร็วหัวใจดวงน้อยที่เดิมทีเต้นผิดปกติเพราะการกระทำของเขายิ่งสูบฉีดแรงขึ้น ส่งผลให้กายสาวร้อนวูบวาบราวกับกำลังจมดิ่งเข้าสู่ห้วงเสน่หาอันถูกคนช่ำชองชักนำจนถึงกับลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออึกใหญ่เจ้าของใบหน้าหล่อคมคายไม่รอช้า โน้มลงพรมจูบตามลำคอระหง ไล่เ