‘นี่มันขืนใจชัดๆ’
พิมพ์ปรางบอกตัวเองแต่ไม่กล้าพอที่จะพูดออกไป เขาทำกับเธอขนาดนี้ได้ยังไง ครั้งหนึ่งเธอคิดว่ากิตติกรดูเป็นผู้ใหญ่ ภูมิฐาน มีความคิดและเหตุผลมากกว่าเมื่อก่อน แต่มันไม่ใช่เลย ตอนนี้ชายหนุ่มกลับแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ
“บอกมา เธอยอมให้ไอ้หมอนั่นแตะต้องแล้วจริงๆ หรือแค่ประชดฉัน”
กิตติกรเอ่ยถามขึ้น ขณะนอนเอามือรองศีรษะมองเพดาน หญิงสาวที่หันหลังให้เขาเงียบกริบไม่ตอบ
“ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้หลับ ตอบมา”
“นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉันนะคะ”
หลังคำตอบไหล่มนก็ถูกคว้าให้หญิงสาวหันไปเผชิญหน้ากับเขา
“ยังกล้าพูดแบบนี้อีกเหรอ”
“ทำไมจะพูดไม่ได้คะ”
ดวงตาคู่สวยดูกร้าวขึ้นหากก็แฝงไปด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ชายหนุ่มมองคนกล้าเถียงเขาอย่างกรุ่นโกรธ
“อย่าให้มันแตะต้องอีก ไม่งั้นฉันไม่เอามันไว้แน่”
กิตติกรขู่เสียงเข้ม ตาคมดุดัน ก่อนร่างสูงใหญ่จะขยับตัวลุกขึ้น มองหากางเกงตัวเองแล้วหยิบขึ้นมา
“ผ้าขนหนูเธออยู่ไหน”
เมื่อหญิงสาวเงียบเขาก็หันไปดุ และเห็นว่าเธอไม่มองมาทางเขาที่กำลังโป๊อยู่
“ปราง”
“ในตู้ขวามือค่ะ”
ชายหนุ่มเดินไปยังตู้เสื้อผ้าโดยไม่ได้แคร์เท่าไรนักว่าตนเองกำลังอยู่ในสภาพไหน เป็นหญิงสาวเองที่หลบเลี่ยงจะมองเขา เมื่อกิตติกรออกไปจากห้องแล้วร่างบางก็ค่อยๆ ขยับตัวขึ้นนั่งแต่ก็อ่อนล้าเกินกว่าจะลงจากเตียงไปจัดการตัวเองได้อย่างที่คิดได้ พิมพ์ปรางรู้สึกอดสูตัวเองอย่างบอกไม่ถูก เธอจะไม่มีวันรอดพ้นจากวังวนของกิตติกรใช่ไหม หญิงสาวจมอยู่กับความทุกข์ใจที่ไม่มีวันหลุดพ้น ได้แต่กอดเข่าก้มหน้าซบผ้าห่มผืนหนาปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา
9 ปีก่อนบ้านอรรถพันธ์พงศ์
เมื่อรถวนมาจอดที่ลานหน้าบ้านหลังใหญ่ สองสาวในชุดนักเรียนม.ปลายก็ลงมา หญิงสูงวัยรีบเข้าไปหาสาวน้อยซึ่งลงมาจากที่นั่งด้านหลังพร้อมกับช่วยถือกระเป๋า
“ไม่ต้องหรอกจ้ะยาย ก้อยถือเอง”
กัญญานันปฏิเสธพร้อมรอยยิ้มหวาน ยายจันทร์ทำแบบนี้กับเธอมาตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้เธอโตแล้ว ส่วนยายก็แก่จนตอนนี้เหมือนจะตัวเล็กกว่าพวกเธอไปแล้ว
“เห็นยายเป็นคนแก่ใช่ไหมคะ”
“ก็ใช่น่ะสิจ๊ะยาย”
สาวน้อยที่ลงจากที่นั่งด้านข้างคนขับแซวจนคนเป็นยายยื่นมือไปตีเผียะเข้าให้ที่แขนของหลานสาวแท้ๆ ของตน
“โอ๊ย...ยาย ปรางเจ็บนะ ยายอ่ะรักแต่คุณก้อยแล้วตีปรางตลอดเลย”
พิมพ์ปรางสะดุ้งเจ็บแปลบนิดๆ แล้วแกล้งทำหน้างอ
ยายจันทร์สะบัดหน้าใส่หลานสาว แม้ตอนนี้จะเคืองแต่พอกลับไปถึงเรือนหลังเล็กที่ตนเองอาศัยอยู่กับหลานคนเป็นยายก็จะรีบหายาหม่องมาทาให้อยู่ดี เพราะมีหลานเพียงคนเดียว นอกจากคุณหนูก้อยที่เป็นเหมือนแก้วตาแล้ว ก็มีหลานสาวที่เป็นดั่งดวงใจ
“แหม ยายจันทร์ยังไม่แก่สักหน่อย ยังสาวแล้วก็สวยปิ๊งอยู่เลย”
กัญญานันขยับเข้าไปเกาะแขนซบหน้าลงกับไหล่บอบบางอย่างอ้อนออด ขณะที่พิมพ์ปรางยืนมองยายของตนลูบหัวคุณหนูของบ้านพร้อมกับส่ายหน้าไม่ได้นึกอิจฉาแต่อย่างใด
เวลาเดียวกันนั้นมีร่างสูงใหญ่ก้าวออกมาจากมุมหนึ่งของบ้านโดยไม่มีใครสังเกตเห็นนอกจากคนขับรถ แต่ก็ถูกสั่งให้เงียบผ่านสายตาคมแล้วปัดมือให้เอารถไปเก็บจึงต้องทำตาม จากนั้นเขาก็เคลื่อนตัวเบาแต่ว่องไวมาโอบไหล่บางของคนที่หันหลังอยู่จากมุมที่เขามองเห็นทันที
“เซอร์ไพรส์”
“อุ๊ย...”
“ว่าไงครับคนดีของพี่ โตขึ้นเยอะเลยนะเรา...”
น้ำเสียงทุ้มค่อยๆ หายไปหลังเสียงอุทานดังขึ้น ขณะเดียวกันกับที่เห็นหน้าคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามที่กำลังกอดแขนยายจันทร์ชัดเจน
“พี่ปัฐ”
สาวน้อยข้างยายจันทร์ทักขึ้นเสียงใสพร้อมรอยยิ้มกว้าง ส่วนปัฐวิกรก็รีบถอยห่างจากคนที่เข้าใจว่าเป็นน้องสาวเขาในตอนแรก
กัญญานันรีบโผเข้ามาหาพี่ชาย ซึ่งอีกฝ่ายก็รับร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอดเช่นกัน
“พี่ปัฐกลับมาเมื่อไรคะเนี่ย ก้อยกับปรางยังเพิ่งพูดกันเมื่อวานอยู่เลยว่าคิดถึง”
“เมื่อกลางวันน่ะครับ”
ชายหนุ่มตอบแล้วหันไปยังสาวน้อยอีกคน
“เมื่อกี้พี่ต้องขอโทษปรางด้วยนะที่เข้าใจผิดว่าเป็นน้องก้อย”
“ไม่เป็นไรคะ”
พิมพ์ปรางตอบเสียงเบาแล้วก้มหน้า รู้สึกตัวเองหน้าร้อนผาว แม้จะไม่ได้คิดอะไรแต่เพราะไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ขนาดนี้ แม้จะคุ้นเคยกับปัฐวิกรมาตั้งแต่เด็ก ทว่านับตั้งแต่เขาไปเรียนต่างประเทศทั้งคู่ก็แทบจะไม่ได้พูดคุยกันเท่าไรนักแม้ชายหนุ่มจะกลับมาเยี่ยมบ้านปีละสองครั้งก็ตาม ความสนิทสนมเคยชินก็ไม่เท่ากับเมื่อก่อน แถมปัฐวิกรยังตัวโตสูงใหญ่ไหล่กว้างแตกต่างจากหลายปีก่อนมาก
=====
คนที่ยืนรถน้ำต้นไม้อยู่หน้าเรือนยายจันทร์ในช่วงเช้าทำให้คุณรุจีรัตน์กะพริบตา แล้วตั้งใจยืนกอดอกดู อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรอีก ไม่คิดว่าหญิงสาวจะรีบตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าขนาดนี้เหมือนตอนที่ยังเป็นเด็กในบ้านที่นี่คิ้วเรียวที่ถูกเขียนไว้อย่างสวยงามขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นคนร่างบางเดินไปยกบัวรดน้ำขนาดย่อมค่อยๆ เดินกลับมาเพื่อจะรดดอกไม้ คุณรุจีรัตน์รีบเดินเข้าไปตรงหน้าเรือนยายจันทร์ทันที“ทำอะไรของเธอน่ะ”พิมพ์ปรางสะดุ้งเพราะอยู่ๆ ก็มีเสียงของคุณรุจีรัตน์ดังขึ้นมา และขยับขาอย่างรวดเร็วเพื่อหันไปกล่าวทักทายเจ้าของบ้าน เนื่องจากกลัวจะโดนดุที่เข้ามาวุ่นวายที่นี่ ด้วยความที่พื้นตรงนั้นค่อนข้างเปียกและมีกรวดทำให้พิมพ์ปรางลื่นขึ้นมา“อุ๊ย...”คุณรุจีรัตน์ตกใจรีบเข้าไปให้ถึงตัวหญิงสาวอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้ลื่นไปด้วยแต่ก็รับร่างบางของพิมพ์ปรางไว้ได้ทัน ส่วนตัวเองล้มก้นกระแทกโดยมีหญิงสาวนั่งทับลงมาอีกที“โอ๊ย! โอ๊ย...”คนอยู่ข้างล่างร้องขึ้นสองครั้ง พิมพ์ปรางรีบลุกขึ้น ไม่สนใจถังบัวรดน้ำที่หล่น รีบเข้าไปพยุงคนที่ล้มทันที“คุณรุจี เป็นยังไงบ้างคะ ปรางขอโทษค่ะ”“ย่ะ โอ๊ย...เดี๋ยวก่อนๆ”ค
คุณชายพงศกรมองหญิงสาวที่ลูกชายคนรองพาเข้าบ้านด้วยความคาดไม่ถึง ส่วนคุณรุจีรัตน์เองก็ถึงกับอ้าปากค้าง ลูกชายบอกว่าจะกลับบ้านและอยากพาใครคนหนึ่งมากราบพ่อกับแม่ คุณรุจีรัตน์ก็แอบหวังว่าจะเป็นสาวลูกสาวผู้หลักผู้ใหญ่ทางเหนือแต่เมื่อเห็นหน้าก็ได้แต่อึ้งร่างสูงใหญ่ของกิตติกรนั่งเคียงคู่กับพิมพ์ปรางที่พื้นและพาหญิงสาวกราบพ่อกับแม่ของเขา“เดี๋ยวนะตากลาง นี่มันอะไรกัน ทำไมถึง...”คุณรุจีรัตน์เงียบลงเพราะมือใหญ่ของคุณชายพงศกรวางลงบนมือเบรกเอาไว้แล้วท่านก็พูดขึ้นแทน“ไปรักไปชอบกันตอนไหนล่ะ”“ก็นานแล้วครับ”ลูกชายตอบเสียงเบา ไม่อยากสาธยายและพยายามบอกให้กว้างเข้าไว้จะได้ไม่ดูน่าสงสัย“นี่อย่าบอกนะว่าที่ตามไปอยู่เชียงใหม่เพราะแม่ปรางนี่”คนเป็นแม่ถามอย่างไม่อยากเชื่อ ทำเอาพิมพ์ปรางหน้าเสีย“พูดอะไรแบบนั้นคุณรุจี”คุณชายปรามอีกครั้งทำให้คุณรุจีรัตน์ถึงกับหน้างอ“แล้วนี่ที่พามาหาพ่อกับแม่กลางตัดสินใจได้แล้วใช่ไหมเรื่องหมั้นเรื่องแต่ง”เมื่อบิดาถามขึ้นชายหนุ่มก็จับมือบางของพิมพ์ปรางมากุมเอาไว้ ก่อนจะบอกในสิ่งที่เขาต้องรีบพาเธอมาที่บ้าน“ผมพาปรางมาเพราะอยากเรียนให้คุณพ่อคุณแม่ทราบว่า...ปรางท้อง”“หา!!”
พิมพ์ปรางมีสีหน้าลำบากใจเมื่อกิตติกรคุยเรื่องอนาคตของพวกเขาแล้วบอกว่าจะพาเธอไปกราบคุณชายพงศกรกับคุณรุจีรัตน์หลังจากฝากท้องเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มลูบผมยาวสลวยของคนในอ้อมกอดเบาๆ ปลอบใจ เพราะสายตาของคนที่เงยหน้ามองเขาดูหวาดหวั่นไม่มั่นใจอย่างเห็นได้ชัดหลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็พาหญิงสาวมานั่งคุยกันบนเตียง เพราะเขาไม่มีเสื้อผ้ามีเพียงผ้าขนหนูพันเอวแล้วอากาศตอนเช้าก็ค่อนข้างหนาว เขาต้องการจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยเร็ว“ถ้าพวกท่านรู้ช้ากว่านี้จะยิ่งไม่พอใจ ปรางท้องตั้งสองเดือนแล้ว”เขาถามเธอแล้วว่าท้องกี่เดือน และถ้านับตามเวลาจะเป็นช่วงปีใหม่ที่ได้อยู่ด้วย เพราะทั้งคู่ใช้เวลาด้วยกันไม่มากนัก มีแค่ตอนงานยี่เป็งกับปีใหม่เท่านั้น“แต่ปรางกลัวท่านจะโกรธ ปรางไม่ควรตีเสมอลูกท่าน”“นี่มันสมัยไหนแล้วปราง เจ้าชายยังแต่งงานกับสามัญชนเลย ฉันไม่ได้มียศฐาบรรดาศักดิ์อะไรติดตัวมาสักหน่อย”“ปรางเป็นเด็กในบ้าน”กิตติกรถอนหายใจ ก้มลงจูบหน้าผากสวย ก่อนจะกระซิบ“จะเด็กในบ้านหรือนอกบ้าน ปรางก็เป็นเมียฉัน”พิมพ์ปรางอดยิ้มบางกับคำพูดของชายหนุ่มไม่ได้“อย่าคิดมาก เธอเป็นเหมือนคนในครอบครัว ทุกคนในบ้านรักและเอ็นดูเ
เนินอกขาวละออตาเผยมาต่อหน้า กิตติกรวางมือไล้เบาๆ แล้วก้มลงพรมจูบเบาๆ อย่างถ้วนทั่วแม้แต่บนเนื้อผ้าลูกไม้ทำเอาพิมพ์ปรางใจสั่น ปากได้รูปเม้มยอดอกสวยผ่านเนื้อผ้าอย่างหยอกล้อ ตาคมเหลือบมองหน้าสวยที่กำลังสุกปลั่งพร้อมยิ้มมุมปากแล้วขยับขึ้นไปกระซิบข้างหูหญิงสาว“ปรางหอม น่ากินทั้งตัวเลย”“เว่อร์ไปแล้วค่ะ”“ไม่เชื่อเดี๋ยวกินให้ดู”พูดแล้วก็แนบปากประกบกับปากสีสวยกัดเม้มเบาที่กลีบปากอิ่ม ให้หญิงสาวเผยอเปิดรับเขาอีกครั้ง คราวนี้กิตติกรดูดดึงลิ้นเล็กร้อนแรงจนอีกฝ่ายอึกอักประท้วง มือหนาปลดตะขอเสื้อชั้นในไปพร้อมกัน ก่อนจะผละออกและเล็มระเรื่อยๆ ลงไปหาอกอวบคู่สวยที่อวดโฉมอย่างเต็มตาเมื่อจัดการกับเสื้อผ้าส่วนบนของคนใต้ร่างจนหมดร่างสูงใหญ่ก็ก้มลงไปดูดดื่มทรวงงาม มืออีกข้างเกาะกุมเคล้นคลึงราวกับกำลังสนุกมือ กระตุ้นเลือดลมสาวทั้งสองข้างพร้อมกันสลับไปมาอย่างไม่ให้น้อยหน้าพิมพ์ปรางรู้สึกราวกับกำลังมีกระแสไฟแปลบปลาบวิ่งไปทั่วร่าง มือบางขยับลูบแขนกำยำกับบ่าแกร่งอย่างไม่รู้ตัว รู้เพียงว่าอยากระบายบางสิ่งที่อัดแน่นขึ้นในกายออกไปบ้าง“คุณกลาง...อย่า...แกล้งปราง”หญิงสาวพึมพำคนที่ได้ยินจึงเงยหน้าขึ้นมามองเห็น
ภายในห้องพอชายหนุ่มเข้ามาร่างบางก็เบี่ยงขยับจะรีบสวนออกไป แต่แขนกำยำคว้าเอวเล็กเอาไว้แล้วปิดประตูลงเสียก่อน เขารวบคนตัวเล็กเข้ามากอดหมับ ใบหน้าคมก้มลงแนบคำคอ ทำเอาพิมพ์ปรางตกใจจนเกือบจะร้องออกมา ทว่าก็ต้องหยุดลงเพราะเสียงเข้มที่กระซิบข้างหู“ฉันรักปรางนะ”ทุกอย่างรอบตัวหญิงสาวราวกับหยุดนิ่งในฉับพลัน ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากชายหนุ่มมาก่อน แถมเขายังพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันจนพิมพ์ปรางรู้สึกเหมือนถูกไฟชอร์ตวูบหนึ่ง“ฉันรู้ว่าทำให้เธอเจ็บปวดเสียใจ แต่ไม่เคยเห็นเธอเป็นของเล่นอย่างที่เธอพูดเลย ฉันจริงจังกับเธอ ตั้งใจจะดูแลเธอจริงๆ”กิตติกรอธิบายต่อเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่ได้ขยับตัวหรือดิ้นรนเพื่อหนี เป็นโอกาสให้เขาได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจ“ก่อนหน้านั้นฉันยอมรับว่าไม่ได้คิดว่ารักเธอ แต่ไม่ได้คิดจะทิ้งเธอตั้งแต่คืนวันงานยี่เป็งแล้ว”ชายหนุ่มจับให้คนร่างเล็กหันกลับมาเพื่อสบตาคู่สวยตรงๆ อยากให้มองเห็นว่าเขาจริงใจกับเธอ ที่พูดไปไม่ได้เสแสร้งเลยสักนิด“ฉันเคยทำผิด ทำให้เธอต้องออกจากบ้าน ปล่อยให้เธอจมอยู่กับความทุกข์คนเดียวทั้งที่เธอก็เป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง ฉันจะไม่มีวันทำผิดซ้ำสอง”พิมพ์ปรางซึมซับทุ
สองสาวที่ไปขี่มอเตอร์ออกไปเที่ยวดูธรรมชาติรอบๆ โฮมสเตย์กลับมายังที่พักเพราะอากาศเริ่มเย็นลง ท้องฟ้าใกล้มืด“เดี๋ยวสองเอามอไซค์ไปคืนเอง ปรางกลับห้องก่อนได้เลย”พิมพ์ปรางพยักหน้ารับ มาธาวีขี่มอเตอร์ไซค์ที่เช่าต่อไปอีกหน่อยตรงที่จอด แต่รถสองคันที่เห็นทำให้หญิงสาวต้องหยุดหันมอง ทะเบียนรถคันหนึ่งเป็นรถของที่บ้านเธอ ส่วนยี่ห้อกับสีของรถอีกคันเป็นรถที่เธอเห็นบ่อยในช่วงนี้“นั่นมันรถคุณกลางใช่ไหมหว่า”เธอยังจำทะเบียนรถของกิตติกรไม่ได้ แต่รถของชายหนุ่มก็ไม่ใช่แบบคนแถวนี้จะซื้อมาขับ หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกทั้งที่ตัวเองไม่ใช่พิมพ์ปราง เพื่อความชัวร์จึงเอามือถือกดหามารดาของตน“คุณแม่ให้คนขับรถอยู่ที่นี่เหรอคะ ไม่ใช้รถเหรอ”มาธาวีเลียบเคียงถามไป ทั้งที่จำได้ว่าเมื่อวานตอนมาส่งพวกเธอคนขับรถขับออกไปแล้ว ตอนแรกเธอตั้งใจจะขับรถมาเองแต่เพราะไม่ชินทางและไม่เคยมา มารดาจึงให้คนของท่านมาส่งซึ่งยังไงก็ปลอดภัยมากกว่า“อ๋อ หนึ่งน่ะลูก เห็นมาถามหาสอง ว่ามีเรื่องจะคุยด้วยตั้งแต่เมื่อวานไปหาที่โรงเรียนไม่เจอ พอแม่บอกว่าไปเที่ยวเขาก็บ่นว่าไม่ชวน ถามว่าอยู่ที่ไหนแล้วเรียกคนขับรถให้พาไปส่ง แม่คิดว่าพี่เ