“เมื่อกี้พี่ต้องขอโทษปรางด้วยนะที่เข้าใจผิดว่าเป็นน้องก้อย”
“ไม่เป็นไรคะ”
พิมพ์ปรางตอบเสียงเบาแล้วก้มหน้า รู้สึกตัวเองหน้าร้อนผาว แม้จะไม่ได้คิดอะไรแต่เพราะไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ขนาดนี้ แม้จะคุ้นเคยกับปัฐวิกรมาตั้งแต่เด็ก ทว่านับตั้งแต่เขาไปเรียนต่างประเทศทั้งคู่ก็แทบจะไม่ได้พูดคุยกันเท่าไรนักแม้ชายหนุ่มจะกลับมาเยี่ยมบ้านปีละสองครั้งก็ตาม ความสนิทสนมเคยชินก็ไม่เท่ากับเมื่อก่อน แถมปัฐวิกรยังตัวโตสูงใหญ่ไหล่กว้างแตกต่างจากหลายปีก่อนมาก
“พี่ปัฐมองผิดก็ไม่แปลกหรอกค่ะ เพื่อนๆ ยังทักผิดประจำเลย ก้อยกับปรางเลยถักเปียให้ต่างกันทุกวัน เพื่อนเห็นข้างหลังจะได้เรียกถูกไงคะ”
กัญญานันจับผมเปียสองข้างของตนข้างหนึ่งชูให้พี่ชายดู ส่วนพิมพ์ปรางนั้นรวบผมไปถักเอาไว้ด้านหลังทั้งหมด
รูปร่างของสองสาวน้อยไม่ต่างกันแม้แต่น้อย ผมเองก็ยาวหนาสลวยเหมือนกัน เมื่อใส่ชุดนักเรียนเหมือนกันแบบนี้ต้องมองจากด้านหน้าจริงๆ ถึงจะแยกออก
“อ้าว พี่ปัฐมาดักเจอน้องก้อยก่อนซะแล้ว ผมอุตส่าห์กำชับยายจันทร์ว่ายังไม่ต้องบอก กะว่าจะเซอร์ไพรส์สักหน่อย”
ทั้งหมดมองไปตามเสียงแล้วชายหนุ่มที่รูปร่างสูงโปร่งดูบอบบางกว่าปัฐวิกรเล็กน้อยยืนล้วงกระเป๋าทำหน้าเซ็งอยู่หน้าประตู
“พี่กลางก็ แกล้งน้องอีกแล้ว ยายจันทร์ด้วยคนนะคะ ก้อยงอนแล้ว”
น้องคนสุดท้องของบ้านหน้างอจนยายจันทร์ต้องรีบมาเอาใจ
“โธ่ คุณหนูของยาย ก็คุณกลางไม่ยอมให้บอก ยายจะกล้าได้ยังไงล่ะคะ”
“ตามสบายเลยครับยาย โยนมาที่ผมได้เลย”
กิตติกรบอกพร้อมกับยักไหล่ไม่แคร์
“นายกลางพูดกับยายจันทร์แบบนั้นได้ยังไง”
ปัฐวิกรปรามน้องชายอีกฝ่ายก็ยังทำหน้าเฉย แต่เอ่ยขอโทษทั้งที่มือยังล้วงกระเป๋าเหมือนเดิมราวจำใจ
“ขอโทษครับยาย”
“โถ คุณกลาง ยายรู้ว่าคุณกลางล้อเล่น คุณปัฐก็อย่าดุคุณกลางเลยค่ะ อีกไม่กี่วันคุณกลางเองก็ต้องไปอยู่ไกลบ้านไกลเมืองอีกหลายปี รักกัน ใช้เวลาด้วยกันให้มากๆ ดีกว่านะคะ”
“ช่างเถอะครับยาย คนอย่างผมคงไม่มีใครสนใจหรือคิดถึงหรอก ไม่ใช่คนน่ารักใจดีเหมือนพี่ปัฐ”
พร้อมพูดสายตาคมก็กวาดมองทุกคน แต่ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไร คุณรุจีรัตน์ก็เดินออกมา
“มาถึงกันตั้งนานแล้วนี่ยายก้อย ทำไมยังไม่เข้าบ้านสักที คุณพ่อกับน้องนางรอทานอาหารว่างอยู่รู้ไหม”
คนมาใหม่ดุลูกสาวคนเล็กทันทีตามความเคยชิน คนในบ้านต่างก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไรแต่ไม่มีใครพูดและไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้
“ค่ะ”
กัญญานันรับคำแล้วรีบก้าวขึ้นบันไดไปพร้อมกับพี่ชายคนโต ทั้งหมดเดินเข้าไปด้านหลังโดยมีกิตติกรยืนรอให้ทุกคนเข้าไปก่อน ชายหนุ่มเหลือบมองไปทางสาวน้อยที่ขยับไปพยุงยายของตัวเองแวบหนึ่งก่อนจะหันหลังตามทุกคนเข้าไปข้างใน
ไม่มีใครรู้ว่าเขาออกมาทันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
สายตาคมที่สบกับเธอชั่วครู่มีความไม่พอใจแฝงอยู่ พิมพ์ปรางบอกตัวเอง แม้กิตติกรไม่ได้สนิทสนมกับเธอเท่าปัฐวิกรแต่เขาก็มักจะมองเธออย่างเฉยเมยราวอยู่คนละชั้นมากกว่าจะดีกับเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเช่นพี่ชายของเขา เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นอีกฝ่ายมองเธอด้วยสายตาแบบนี้
วันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดและวันพระยายจันทร์จึงเข้านอนเร็วกว่าปกติเพื่อจะได้ตื่นมาเตรียมอาหารไปวัดกับคนในบ้าน ทำให้ต้องตื่นเช้ากว่าทุกวัน พิมพ์ปรางเข้ามากอดแล้วก็หอมแก้มยายในห้องนอนก่อนจะออกไปทำการบ้าน เธอชอบทำการบ้านในคืนวันศุกร์จะได้ไม่ต้องมากังวลในวันเสาร์อาทิตย์ที่เป็นวันหยุด
“ให้ปรางตื่นช่วยไหมจ๊ะยาย”
“ไม่ต้องหรอกลูก นอนเถอะ เดี๋ยวจะไปวัดแล้วยายจะเรียก”
พิมพ์ปรางมักจะไปวัดในวันพระพร้อมกับยายจันทร์เสมอ โดยมีกัญญานันติดสอยห้อยตามไปด้วยเช่นกัน
“ฝนตก ยายห่มผ้าเลยนะ หลับแล้วจะได้ไม่หนาว”
เธอคลุมผ้าให้ยายแล้วก็ออกจากห้องไป
เมื่อออกมาข้างนอกแล้วก็ต้องสะดุ้งเพราะฟ้าแลบฟ้าร้อง ก่อนจะเห็นใครคนหนึ่งวิ่งผ่านหน้าบ้านไปโดยไม่มีร่มมาด้วย
“พี่พล พี่พล เดี๋ยวก่อน”
สาวน้อยชะเง้อเรียกอีกฝ่ายตรงหน้าต่างเพราะจำรูปร่างของเขาได้ พีรพลลูกชายของลุงพลคนขับรถที่น่าจะมาเยี่ยมพ่อกับแม่ซึ่งเป็นผู้ช่วยแม่บ้านที่อาศัยอยู่ในบ้านอรรถพันธ์พงศ์หยุดแล้วเดินมาที่หน้าบ้านเธอ ส่วนพิมพ์ปรางรีบไปคว้าร่มใกล้ๆ เปิดประตูเอาออกไปให้เขา
“พี่เอาร่มไปด้วยดีกว่า”
“ขอบใจ คิดว่าวิ่งออกไปแป๊บเดียวคงไม่เท่าไร ที่ไหนได้เปียกโชกเลย”
“จะไปปิดประตูบ้านเหรอจ๊ะ”
“ไปดูความเรียบร้อยอีกทีน่ะ พ่อบอกว่าปิดแล้วแหละ แต่พ่อก็มักจะเดินไปดูอีกทีก่อนจะนอน แต่วันนี้ฝนตกพี่เลยอาสาไปดูแทน”
“อ๋อ งั้นไปเถอะจ้ะ”
“เดี๋ยวพี่เอาร่มมาคืนนะ”
“ไว้พรุ่งนี้ก็ได้พี่ ฉันก็จะปิดบ้านนอนแล้วเหมือนกัน”
อีกฝ่ายพยักหน้าเข้าใจ รู้ว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมหากจะพบเจอกันในเวลาแบบนี้ แม้ชายหนุ่มจะเห็นพิมพ์ปรางมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ แถมยังเคยอุ้มอีกด้วย แต่สาวน้อยโตเกินกว่าที่เขาจะเข้าใกล้แล้ว พีรพลย้ายออกไปอยู่ที่อื่นตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแต่ยังกลับมาเยี่ยมพ่อกับแม่บ่อยๆ ทั้งสองคนจึงได้พูดคุยทักทายกันอยู่เสมอ
พิมพ์ปรางปิดบ้านทั้งประตูและหน้าต่างหลังจากพีรพลไปแล้ว แล้วก็มานั่งทำการบ้านอยู่ตรงโซฟารับแขกกระทั่งเสร็จ สาวน้อยเปิดดูคลิปวิดีโอการแสดงรำต่างๆ ที่ตัวเองชื่นชอบผ่านอินเตอร์ไปเรื่อยๆ เพราะยังไม่ง่วง
ก็อกๆๆ
ในตอนแรกพิมพ์ปรางคิดว่าตัวเองหูแว่ว แต่เมื่อได้ยินเสียงเคาะที่ประตูอีกซ้ำๆ ก็รู้ว่ามีคนอยู่ด้านนอกจริงๆ ด้วยความที่ไม่คิดอะไรมากเพราะภายในบ้านอรรถพันธ์พงศ์ปลอดภัยดี เธอจึงเข้าใจไปว่าอาจจะเป็นพีรพลเอาร่มมาคืนทั้งที่ผ่านไปชั่วโมงหนึ่งแล้ว และฝนก็เบาลงมากเหลือเพียงแค่ปรอยเม็ดเล็กๆ เท่านั้น
สาวน้อยลุกขึ้นเดินไปยังประตูหน้าบ้านมือบางปลดกลอนและบิดลูกบิดเปิดออกพร้อมพูดขึ้น
“โธ่พี่พล บอกแล้วว่าเอามาคืนพรุ่งนี้ก็...”
ร่างสูงโปร่งที่ปรากฏตรงหน้าไม่ใช่พีรพลทำให้พิมพ์ปรางชะงักคำพูดลงเพียงเท่านั้น
====
คนที่ยืนรถน้ำต้นไม้อยู่หน้าเรือนยายจันทร์ในช่วงเช้าทำให้คุณรุจีรัตน์กะพริบตา แล้วตั้งใจยืนกอดอกดู อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรอีก ไม่คิดว่าหญิงสาวจะรีบตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าขนาดนี้เหมือนตอนที่ยังเป็นเด็กในบ้านที่นี่คิ้วเรียวที่ถูกเขียนไว้อย่างสวยงามขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นคนร่างบางเดินไปยกบัวรดน้ำขนาดย่อมค่อยๆ เดินกลับมาเพื่อจะรดดอกไม้ คุณรุจีรัตน์รีบเดินเข้าไปตรงหน้าเรือนยายจันทร์ทันที“ทำอะไรของเธอน่ะ”พิมพ์ปรางสะดุ้งเพราะอยู่ๆ ก็มีเสียงของคุณรุจีรัตน์ดังขึ้นมา และขยับขาอย่างรวดเร็วเพื่อหันไปกล่าวทักทายเจ้าของบ้าน เนื่องจากกลัวจะโดนดุที่เข้ามาวุ่นวายที่นี่ ด้วยความที่พื้นตรงนั้นค่อนข้างเปียกและมีกรวดทำให้พิมพ์ปรางลื่นขึ้นมา“อุ๊ย...”คุณรุจีรัตน์ตกใจรีบเข้าไปให้ถึงตัวหญิงสาวอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้ลื่นไปด้วยแต่ก็รับร่างบางของพิมพ์ปรางไว้ได้ทัน ส่วนตัวเองล้มก้นกระแทกโดยมีหญิงสาวนั่งทับลงมาอีกที“โอ๊ย! โอ๊ย...”คนอยู่ข้างล่างร้องขึ้นสองครั้ง พิมพ์ปรางรีบลุกขึ้น ไม่สนใจถังบัวรดน้ำที่หล่น รีบเข้าไปพยุงคนที่ล้มทันที“คุณรุจี เป็นยังไงบ้างคะ ปรางขอโทษค่ะ”“ย่ะ โอ๊ย...เดี๋ยวก่อนๆ”ค
คุณชายพงศกรมองหญิงสาวที่ลูกชายคนรองพาเข้าบ้านด้วยความคาดไม่ถึง ส่วนคุณรุจีรัตน์เองก็ถึงกับอ้าปากค้าง ลูกชายบอกว่าจะกลับบ้านและอยากพาใครคนหนึ่งมากราบพ่อกับแม่ คุณรุจีรัตน์ก็แอบหวังว่าจะเป็นสาวลูกสาวผู้หลักผู้ใหญ่ทางเหนือแต่เมื่อเห็นหน้าก็ได้แต่อึ้งร่างสูงใหญ่ของกิตติกรนั่งเคียงคู่กับพิมพ์ปรางที่พื้นและพาหญิงสาวกราบพ่อกับแม่ของเขา“เดี๋ยวนะตากลาง นี่มันอะไรกัน ทำไมถึง...”คุณรุจีรัตน์เงียบลงเพราะมือใหญ่ของคุณชายพงศกรวางลงบนมือเบรกเอาไว้แล้วท่านก็พูดขึ้นแทน“ไปรักไปชอบกันตอนไหนล่ะ”“ก็นานแล้วครับ”ลูกชายตอบเสียงเบา ไม่อยากสาธยายและพยายามบอกให้กว้างเข้าไว้จะได้ไม่ดูน่าสงสัย“นี่อย่าบอกนะว่าที่ตามไปอยู่เชียงใหม่เพราะแม่ปรางนี่”คนเป็นแม่ถามอย่างไม่อยากเชื่อ ทำเอาพิมพ์ปรางหน้าเสีย“พูดอะไรแบบนั้นคุณรุจี”คุณชายปรามอีกครั้งทำให้คุณรุจีรัตน์ถึงกับหน้างอ“แล้วนี่ที่พามาหาพ่อกับแม่กลางตัดสินใจได้แล้วใช่ไหมเรื่องหมั้นเรื่องแต่ง”เมื่อบิดาถามขึ้นชายหนุ่มก็จับมือบางของพิมพ์ปรางมากุมเอาไว้ ก่อนจะบอกในสิ่งที่เขาต้องรีบพาเธอมาที่บ้าน“ผมพาปรางมาเพราะอยากเรียนให้คุณพ่อคุณแม่ทราบว่า...ปรางท้อง”“หา!!”
พิมพ์ปรางมีสีหน้าลำบากใจเมื่อกิตติกรคุยเรื่องอนาคตของพวกเขาแล้วบอกว่าจะพาเธอไปกราบคุณชายพงศกรกับคุณรุจีรัตน์หลังจากฝากท้องเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มลูบผมยาวสลวยของคนในอ้อมกอดเบาๆ ปลอบใจ เพราะสายตาของคนที่เงยหน้ามองเขาดูหวาดหวั่นไม่มั่นใจอย่างเห็นได้ชัดหลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็พาหญิงสาวมานั่งคุยกันบนเตียง เพราะเขาไม่มีเสื้อผ้ามีเพียงผ้าขนหนูพันเอวแล้วอากาศตอนเช้าก็ค่อนข้างหนาว เขาต้องการจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยเร็ว“ถ้าพวกท่านรู้ช้ากว่านี้จะยิ่งไม่พอใจ ปรางท้องตั้งสองเดือนแล้ว”เขาถามเธอแล้วว่าท้องกี่เดือน และถ้านับตามเวลาจะเป็นช่วงปีใหม่ที่ได้อยู่ด้วย เพราะทั้งคู่ใช้เวลาด้วยกันไม่มากนัก มีแค่ตอนงานยี่เป็งกับปีใหม่เท่านั้น“แต่ปรางกลัวท่านจะโกรธ ปรางไม่ควรตีเสมอลูกท่าน”“นี่มันสมัยไหนแล้วปราง เจ้าชายยังแต่งงานกับสามัญชนเลย ฉันไม่ได้มียศฐาบรรดาศักดิ์อะไรติดตัวมาสักหน่อย”“ปรางเป็นเด็กในบ้าน”กิตติกรถอนหายใจ ก้มลงจูบหน้าผากสวย ก่อนจะกระซิบ“จะเด็กในบ้านหรือนอกบ้าน ปรางก็เป็นเมียฉัน”พิมพ์ปรางอดยิ้มบางกับคำพูดของชายหนุ่มไม่ได้“อย่าคิดมาก เธอเป็นเหมือนคนในครอบครัว ทุกคนในบ้านรักและเอ็นดูเ
เนินอกขาวละออตาเผยมาต่อหน้า กิตติกรวางมือไล้เบาๆ แล้วก้มลงพรมจูบเบาๆ อย่างถ้วนทั่วแม้แต่บนเนื้อผ้าลูกไม้ทำเอาพิมพ์ปรางใจสั่น ปากได้รูปเม้มยอดอกสวยผ่านเนื้อผ้าอย่างหยอกล้อ ตาคมเหลือบมองหน้าสวยที่กำลังสุกปลั่งพร้อมยิ้มมุมปากแล้วขยับขึ้นไปกระซิบข้างหูหญิงสาว“ปรางหอม น่ากินทั้งตัวเลย”“เว่อร์ไปแล้วค่ะ”“ไม่เชื่อเดี๋ยวกินให้ดู”พูดแล้วก็แนบปากประกบกับปากสีสวยกัดเม้มเบาที่กลีบปากอิ่ม ให้หญิงสาวเผยอเปิดรับเขาอีกครั้ง คราวนี้กิตติกรดูดดึงลิ้นเล็กร้อนแรงจนอีกฝ่ายอึกอักประท้วง มือหนาปลดตะขอเสื้อชั้นในไปพร้อมกัน ก่อนจะผละออกและเล็มระเรื่อยๆ ลงไปหาอกอวบคู่สวยที่อวดโฉมอย่างเต็มตาเมื่อจัดการกับเสื้อผ้าส่วนบนของคนใต้ร่างจนหมดร่างสูงใหญ่ก็ก้มลงไปดูดดื่มทรวงงาม มืออีกข้างเกาะกุมเคล้นคลึงราวกับกำลังสนุกมือ กระตุ้นเลือดลมสาวทั้งสองข้างพร้อมกันสลับไปมาอย่างไม่ให้น้อยหน้าพิมพ์ปรางรู้สึกราวกับกำลังมีกระแสไฟแปลบปลาบวิ่งไปทั่วร่าง มือบางขยับลูบแขนกำยำกับบ่าแกร่งอย่างไม่รู้ตัว รู้เพียงว่าอยากระบายบางสิ่งที่อัดแน่นขึ้นในกายออกไปบ้าง“คุณกลาง...อย่า...แกล้งปราง”หญิงสาวพึมพำคนที่ได้ยินจึงเงยหน้าขึ้นมามองเห็น
ภายในห้องพอชายหนุ่มเข้ามาร่างบางก็เบี่ยงขยับจะรีบสวนออกไป แต่แขนกำยำคว้าเอวเล็กเอาไว้แล้วปิดประตูลงเสียก่อน เขารวบคนตัวเล็กเข้ามากอดหมับ ใบหน้าคมก้มลงแนบคำคอ ทำเอาพิมพ์ปรางตกใจจนเกือบจะร้องออกมา ทว่าก็ต้องหยุดลงเพราะเสียงเข้มที่กระซิบข้างหู“ฉันรักปรางนะ”ทุกอย่างรอบตัวหญิงสาวราวกับหยุดนิ่งในฉับพลัน ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากชายหนุ่มมาก่อน แถมเขายังพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันจนพิมพ์ปรางรู้สึกเหมือนถูกไฟชอร์ตวูบหนึ่ง“ฉันรู้ว่าทำให้เธอเจ็บปวดเสียใจ แต่ไม่เคยเห็นเธอเป็นของเล่นอย่างที่เธอพูดเลย ฉันจริงจังกับเธอ ตั้งใจจะดูแลเธอจริงๆ”กิตติกรอธิบายต่อเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่ได้ขยับตัวหรือดิ้นรนเพื่อหนี เป็นโอกาสให้เขาได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจ“ก่อนหน้านั้นฉันยอมรับว่าไม่ได้คิดว่ารักเธอ แต่ไม่ได้คิดจะทิ้งเธอตั้งแต่คืนวันงานยี่เป็งแล้ว”ชายหนุ่มจับให้คนร่างเล็กหันกลับมาเพื่อสบตาคู่สวยตรงๆ อยากให้มองเห็นว่าเขาจริงใจกับเธอ ที่พูดไปไม่ได้เสแสร้งเลยสักนิด“ฉันเคยทำผิด ทำให้เธอต้องออกจากบ้าน ปล่อยให้เธอจมอยู่กับความทุกข์คนเดียวทั้งที่เธอก็เป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง ฉันจะไม่มีวันทำผิดซ้ำสอง”พิมพ์ปรางซึมซับทุ
สองสาวที่ไปขี่มอเตอร์ออกไปเที่ยวดูธรรมชาติรอบๆ โฮมสเตย์กลับมายังที่พักเพราะอากาศเริ่มเย็นลง ท้องฟ้าใกล้มืด“เดี๋ยวสองเอามอไซค์ไปคืนเอง ปรางกลับห้องก่อนได้เลย”พิมพ์ปรางพยักหน้ารับ มาธาวีขี่มอเตอร์ไซค์ที่เช่าต่อไปอีกหน่อยตรงที่จอด แต่รถสองคันที่เห็นทำให้หญิงสาวต้องหยุดหันมอง ทะเบียนรถคันหนึ่งเป็นรถของที่บ้านเธอ ส่วนยี่ห้อกับสีของรถอีกคันเป็นรถที่เธอเห็นบ่อยในช่วงนี้“นั่นมันรถคุณกลางใช่ไหมหว่า”เธอยังจำทะเบียนรถของกิตติกรไม่ได้ แต่รถของชายหนุ่มก็ไม่ใช่แบบคนแถวนี้จะซื้อมาขับ หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกทั้งที่ตัวเองไม่ใช่พิมพ์ปราง เพื่อความชัวร์จึงเอามือถือกดหามารดาของตน“คุณแม่ให้คนขับรถอยู่ที่นี่เหรอคะ ไม่ใช้รถเหรอ”มาธาวีเลียบเคียงถามไป ทั้งที่จำได้ว่าเมื่อวานตอนมาส่งพวกเธอคนขับรถขับออกไปแล้ว ตอนแรกเธอตั้งใจจะขับรถมาเองแต่เพราะไม่ชินทางและไม่เคยมา มารดาจึงให้คนของท่านมาส่งซึ่งยังไงก็ปลอดภัยมากกว่า“อ๋อ หนึ่งน่ะลูก เห็นมาถามหาสอง ว่ามีเรื่องจะคุยด้วยตั้งแต่เมื่อวานไปหาที่โรงเรียนไม่เจอ พอแม่บอกว่าไปเที่ยวเขาก็บ่นว่าไม่ชวน ถามว่าอยู่ที่ไหนแล้วเรียกคนขับรถให้พาไปส่ง แม่คิดว่าพี่เ