แชร์

ข้าป่วยหนักแล้วใช่หรือไม่

ผู้เขียน: l3oonm@
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-11 08:08:16

จินเหรินให้แม่นมถิง เร่งฝีเท้าไปที่เรือนของต้าเหนิงก่อน เพื่อจะเข้าไปดูด้านในว่าเรียบร้อยแล้วหรือไม่ ส่วนนางเดินนำทางไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน

“องค์ชายห้าเชิญเพคะ” เมื่อเห็นแม่นมพยักหน้ารับแล้ว จินเหรินก็พาเต๋อซิ่วเข้าไปด้านใน

ต้าเหนิงนางยังคงหลับตานิ่งอยู่บนที่นอน ผ้าห่มยังคลุมอยู่ที่ตัวของนางอย่างหนาแน่น มีเพียงส่วนหัวเท่านั้นที่โผล่ออกมาให้เห็น ใบหน้างามยังซีดขาวด้วยพิษไข้อยู่ ยิ่งทำให้คนที่พบเห็นอดจะสงสารนางไม่ได้

เต๋อซิ่วลากเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง เขาเอาแต่จ้องมองร่างที่คลุมผ้าห่มหนาขึ้นมาถึงคางอย่างไม่เข้าใจ ผมดำราวกับเส้นไหมที่สยายเต็มหมอน ช่วยขับใบหน้างามในงามขึ้นอีกหลายส่วน หากว่า...คนตรงหน้าเป็นสตรี ไม่ใช่บุรุษเช่นที่เขาคิดจะดีมากเพียงใด

เหมือนจะรู้ว่าความคิดตัวเองเหลวไหล เต๋อซิ่วจึงสะบัดหน้าหนีไล่ความคิดของตนเองออกอย่างรวดเร็ว

“อ่อนแอ” เขาพึมพำออกมาเบาๆ

ราวกับเหมือนว่าต้าเหนิงได้ยินเสียงของเต๋อซิ่ว นางปรือตาขึ้นมามองตามเสียงอย่างงัวเงีย เมื่อเห็นว่าผู้ใดที่นั่งอยู่ข้างเตียงนาง นางก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ จนเกือบจะกระโดดหนีลุกขึ้นออกมาจากเตียง ยังดีที่แม่นมถิงกับจินเหริน รวบผ้าห่มที่อยู่บนร่างของนางเอาไว้ได้ทัน

นางไม่ได้รัดหน้าอกนอน หากผ้าห่มหลุดออกจากร่าง เต๋อซิ่วจะต้องล่วงรู้ความลับของนางอย่างแน่นอน

“คุณชายยังไม่หายดี นอนนิ่งๆ เถิดเจ้าค่ะ” แม่นมถิงส่งสายตาเตือนนางไม่ได้ลุกขึ้นเช่นเมื่อครู่อีก

“เอ่อ...องค์ชายห้า พระองค์มาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

“มาดูว่าเจ้าเป็นเช่นใด อย่างไรคนที่ทำให้เจ้าถูกลงโทษก็เป็นตัวข้า” เต๋อซิ่วเลื่อนสายตาไปมองที่แม่นมถิงและจินเหรินที่ปกป้องเสิ่นเฉิงเอาไว้อย่างแน่นหนา เหมือนกลัวว่าเขาจะบีบคอหากพวกนางเผลอ

“ก็จริง หากมิใช่พระองค์ กระหม่อมก็คงไม่ต้องล้มป่วยหนักเช่นนี้” นางอดจะมองตำหนิเขาไม่ได้

แต่สายตาที่เต๋อซิ่วเห็น ดวงตาคู่นั้นของเสิ่นเฉิง เหมือนสตรีกำลังน้อยใจ เสียใจที่เขาเป็นฝ่ายทำให้เจ็บตัว

“เหอะ เจ้าร่างกายอ่อนแอเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เต๋อซิ่วถลึงตากลับไป ด้วยกลัวจะเผยให้เห็นแววตาประหลาดของตนยามที่จ้องมองคนป่วยตรงหน้า

“คุกเข่าถึงชั่วยาม ทั้งยังต้องทนเรียนตลอดช่วงบ่าย กระหม่อมจะทนทานไว้ได้อย่างไร ก็เห็นอยู่ว่าร่างกายของกระหม่อมเพิ่งจะเดินทางกลับมาจากเมืองซีเจียงอย่างยากลำบาก”

“เอาละ อย่างไรข้าก็ทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าจะให้คนส่งของบำรุงร่างกายมาให้ เจ้าจะได้ไม่เสียการเรียน” เต๋อซิ่วไม่อยากจะอยู่ต่อแล้ว เขาไม่อาจทนมองสายตาตำหนิของเสิ่นเฉิงได้ ทั้งยังรู้สึกวูบโหวงในอกอย่างประหลาด ด้วยคิดว่าตนกำลังติดไข้จากเสิ่นเฉิงแล้ว จึงได้ขอตัวกลับออกไป

“องค์ชายห้า เสด็จมาที่จวนกระหม่อม น่าจะแจ้งล่วงหน้าเสียหน่อย” จื่อหานมาทันตอนที่เต๋อซิ่วกำลังจะกลับพอดี

“เสนาบดีเสิ่น ข้าเพียงมาเยี่ยมสหายก็เท่านั้น จะต้องบอกกล่าวให้วุ่นวายเพื่ออันใด” เขาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ

“ตอนนี้พระองค์ต้องอยู่ที่สำนักศึกษามิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ อาเฉิงมิเป็นอันใดมากแล้ว อีกไม่กี่วันก็กลับไปเรียนเช่นเดิม ตอนนี้เชิญพระองค์กลับไปที่สำนักศึกษาก่อนมิดีกว่าหรือ หากฝ่าบาท...”

“ไม่ต้องเอาเสด็จพ่อมาขู่ข้า หึ...เสิ่นเฉิงข้ากลับก่อน เสนาบดีเสิ่น ฮูหยินเสิ่น พวกเจ้าไปต้องไปส่ง ข้ากลับเองได้”

“น้อมส่งองค์ชายห้า” จื่อหานเปิดทางให้เต๋อซิ่วเดินออกไปจากห้องนอนของต้าเหนิง

แต่อย่างไรจื่อหานก็ต้องไปส่งเต๋อซิ่วที่หน้าจวนอยู่ดี ด้วยไม่อาจละเลยหน้าที่ได้ เต๋อซิ่วได้แต่เบ้หน้าอย่างไม่พอใจ ก่อนจะยอมเดินออกไปจากห้องของต้าเหนิงเพื่อกลับไปที่สำนักศึกษา

“เสี่ยวจิ้ง เจ้าเข้าวังไปพบเสด็จแม่ บอกให้ส่งของบำรุงมาที่จวนเสิ่นเสียหน่อย อย่างไรเรื่องที่เสิ่นเฉิงล้มป่วยก็เป็นเพราะข้า...ข้าไปด้วยดีกว่า เหมือนรู้สึกจะติดไข้เจ้าเสิ่นเฉิงอย่างไรไม่รู้” เขาหันไปมองภายในจวนเสิ่นอีกครั้ง พอนึกถึงสายตาของเสิ่นเฉิง ก็อดจะสั่นสะท้านไม่ได้ ก่อนจะรีบร้อนขึ้นรถม้าจากไป

ต้าเหนิงเลื่อนผ้าห่มออกจากตัว นางพยุงตัวขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงโดยมีแม่นมถิงเข้ามาประคองช่วยเหลือ

“ท่านพ่อ ท่านพูดกับองค์ชายห้าเช่นนั้น จะมิเป็นอันใดใช่หรือไม่เจ้าคะ”

“ไม่หรอก ว่าแต่องค์ชายห้ามีเหตุผลใดต้องมาดูเจ้าด้วย หรือว่า...” จื่อหานกลัวว่าองค์ชายห้าจะล่วงรู้เรื่องที่ต้าเหนิงเป็นสตรี

“ไม่ใช่เช่นที่ท่านคิด ที่ข้าล้มป่วยก็เป็นเพราะองค์ชายห้า” ต้าเหนิงจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้เป็นบิดาฟัง

“เห้อ พ่อทำให้เจ้าได้รับความชอกช้ำแล้วอาเหนิง” จื่อหานนั่งลงลูบผมต้าเหนิงอย่างปวดใจ

“ข้าทนได้เจ้าค่ะ อย่างไรข้าก็เป็นบุตรสาวของท่าน ถูกรังแกเพียงเท่านี้ ข้าไม่เป็นอันใด” นางยิ้มน้อยๆ ให้บิดากับมารดาที่นั่งอยู่ข้างเตียง

ยิ่งใบหน้างามซีดขาว จนไร้สีเลือด ผู้เป็นบิดาก็ได้แต่มองนางอย่างปวดใจ จินเหรินยังลูบใบหน้าของนางอยู่นานกว่าจะยอมปล่อยมือ แล้วให้ต้าเหนิงพักผ่อนต่อ

จื่อหานเร่งออกมาจากกรมการคลังอย่างเร่งรีบโดยไม่ได้สั่งความสิ่งใดไว้ จำต้องรีบกลับไปทำงานต่ออย่างเลี่ยงไม่ได้ แม่นมถิงเห็นว่าต้าเหนิงนางฟื้นขึ้นมาแล้ว จึงได้นำข้าวต้มใส่เกลือมาป้อนนางอย่างใส่ใจ ก่อนจะให้นางดื่มยาแล้วนอนพักต่อ

ต้าเหนิงไม่ได้ไปสำนักศึกษาถึงห้าวัน ซูกวนกับ อู๋หลางแม้จะมาเยี่ยมที่จวน แต่ก็ไม่ได้เข้ามาหาที่เรือนพัก ถูกขวางอยู่ที่ห้องโถงเรือนหลัง ต่างก็ทิ้งของบำรุงเอาไว้ให้อย่างมากมาย แต่ที่น่าตกใจที่สุดเห็นจะเป็นของบำรุงที่วังหลวงส่งมา

จื่อหาน ถึงกับหนวดกระตุกเมื่อรู้ว่าเป็นความประสงค์ขององค์ชายห้าที่ให้ฮองเฮาส่งของมาที่จวนตระกูลเสิ่น ขอเพียงคนไม่มา ทุกสิ่งที่ส่งมาอย่างไรก็ต้องรับเอาไว้

เต๋อซิ่วเมื่อกลับถึงวังหลวง ก็เรียกหมอหลวงให้มาตรวจอาการของตนทันที

“ข้าจะไม่เป็นอันใดได้อย่างไร ก็เห็นอยู่ว่าข้าป่วย” เต๋อซิ่วโวยวายออกมาอย่างไม่ยอมรับผลตรวจ

“เอ่อ...กระหม่อมไร้ความสามารถ องค์ชายห้าเชิญหมอกู้มาตรวจอาการให้พระองค์ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ได้ความ ไปเรียกตัวหมอหลวงกู้มา” เต๋อซิ่วแยกเขี้ยวไล่ขันทีข้างกายให้ไปตามหมอหลวงกู้มาตรวจอาการ

แต่เมื่อหมอหลวงกู้ตรวจอาการให้เต๋อซิ่ว ก็ไม่ต่างจากที่หมอหลวงที่ตรวจให้ก่อนหน้าว่าเอาไว้

“พระองค์มิได้เป็นอันใดพ่ะย่ะค่ะ”

“มีแต่คนไม่ได้ความ!!!” เขาคำรามออกมาอย่างหัวเสีย

“เอ่อ...องค์ชายห้าเล่าอาการให้กระหม่อมฟังอีกครั้งได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ข้า...ไม่ต้องแล้ว ออกไป!!! ข้าจะพักผ่อน” เต๋อซิ่วล้มตัวลงนอนอย่างหงุดหงิด หรือเขาเป็นโรคร้ายที่ใกล้ตาย

เห็นๆ อยู่ว่าเขาผิดปกติ ในอกยังสั่นสะท้านไม่หาย หากไม่ได้นึกถึงแววตาของเสิ่นเฉิงที่มองเขาอย่างตำหนิก็ไม่เห็นจะมีอาการ แต่พอนึกถึงเมื่อใด ก็เกิดความรู้สึกเช่นนั้นทันที และดูเหมือนจะยิ่งแย่ไปใหญ่ ยามนี้ราวกับมีม้าศึกนับพันวิ่งทะยานอยู่ในอกจนสับสนวุ่นวายไปหมด

“เจ้าว่าข้าใกล้ตายแล้วใช่หรือไม่ ฝูกงกง” เต๋อซิ่วเอ่ยถามขันทีที่ดูแลเขามาตั้งแต่เล็ก

“โถ่...องค์ชายห้า พระองค์มิได้ป่วยพ่ะย่ะค่ะ พระองค์คงมิสตรีที่ชมชอบเสียแล้ว” ฝูกงกงอมยิ้มมองเต๋อซิ่ว ที่อายุสิบแปดหนาวแล้วเพิ่งจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ชายหญิง

“จะ เจ้า เจ้าว่าข้าพึงใจ....” เต๋อซิ่วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขาไม่กล้าเอ่ยชื่อของเสิ่นเฉิงออกมา หากพูดออกมาฝูกงกงได้ว่าเขาเสียสติแน่

“...” ฝูกงกง เห็นเต๋อซิ่วหันหลังหนีเข้ามุมด้านในอย่างตื่นตระหนก ก็คิดว่าจะนำความเรื่องนี้ไปกราบทูลฮองเฮาแล้ว จะได้รีบไปสู่ขอคุณหนูผู้โชคดีนางนั้นให้เต๋อซิ่ว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ใต้เท้าเสิ่น เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้   ตอนจบ

    ร่างอวบอ้วนของฝาแฝดทั้งสามวิ่งไปที่เรือนพักของต้าเหนิงแทบจะในทันที แม้แต่บ่าวรับใช้และแม่นมยังวิ่งไล่ตามไม่ทัน“ลูกชายแม่กลับมาแล้ว” ต้าเหนิงยิ้มอย่างอ่อนแรงให้ทั้งสามที่ปีนขึ้นมานั่งบนเตียง“ท่านแม่เป็นเช่นใดขอรับ เหตุใดถึงล้มป่วยได้เล่า” ลู่ซือเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“ต่อไปข้าไม่ไปจวนใดแล้ว” หนิงเจี้ยนมองใบหน้าซีดขาวของต้าเหนิงอย่างปวดใจ“ท่านแม่กินยาแล้วหรือยังขอรับ” ดวงตากลมโตที่เอ่ยคลอไปด้วยน้ำของหรงซิ่งที่มองมา ทำให้ต้าเหนิงนางในเหลวไปเลย“พระชายา จะมีน้องให้ซื่อจื่อทั้งสามเจ้าค่ะ มิได้ล้มป่วยหนักเช่นที่กังวล” อาซียิ้มมองทั้งสามอย่างเอ็นดู“น้องอยู่ไหน” หรงซิ่งมองหาน้องก็ไม่เห็นจะมี“เจ้าโง่ น้องก็ต้องอยู่ในท้องท่านแม่อย่างไรเล่า ดูท่านป้าสะใภ้ที่ท้องโตใกล้คลอด เจ้าไม่รู้ความเสียจริง” หนิงเจี้ยนปรายตามองหรงซิ่งอย่างดูแคลน“ในนี่หรือ ไม่เห็นจะใหญ่เช่นป้าสะใภ้เลย” หรงซิ่งลูบท้องของต้าเหนิงเบาๆ“อีกไม่กี่เดือนก็จะใหญ่เช่นฮูหยินน้อยเสิ่นแล้วเจ้าค่ะ” อาจิ่วพูดไปก็ยิ้มขบขันไปต้าเหนิงมองบุตรทั้งสามอย่างรักใคร่ ต่อให้พวกเขาจะดื้อรั้นเช่นใด แต่เมื่ออยู่กับนางก็เป็นเด็กที่ว่าง่ายยิ่งนักผ่า

  • ใต้เท้าเสิ่น เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้   ย้ายกลับเเมืองหลวง

    แต่เต๋อซิ่วจะยอมได้อย่างไร ต่อให้ยังไม่มีบุตรสาวเขาก็ไม่ยอมรับ เต๋อซิ่วส่งหยกพกสีชมพูคืนกลับไปให้เจี้ยหรุน พร้อมจดหมายที่เขียนตำหนิร่ายยาวถึงสามแผ่นฝากไปให้เขาด้วยเจี้ยหรุนที่ได้อ่านก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นห้องทรงงาน เขาคิดเช่นที่เต๋อซิ่วเข้าใจจริงๆ หากต้าเหนิงนางมีบุตรสาวไม่รู้ว่าจะงามล่มเมืองเช่นเดียวกับนางหรือไม่ จึงอยากจะได้มาเป็นลูกสะใภ้ก็เท่านั้นแต่เจี้ยหรุนรู้ดีว่า เต๋อซิ่วไม่มีทางยอม คนตระกูลเสิ่นไม่ยอมให้ลูกหลานของตนแต่งกับคนที่ไม่อาจมีภรรยาเดียวได้ แต่อย่างว่าโชคชะตาช่างเล่นตลก เมื่อบุตรสาวของต้าเหนิงแต่งกับพระโอรสองค์ที่สามที่เกิดจากฮองเฮาของเจี้ยหรุนจริงๆจินเหรินและหลินหว่านเดินทางล่วงหน้ากลับเมืองหลวงก่อน ต้าเหนิงนางต้องรอให้ฝาแฝดอายุครบหกเดือนก่อนถึงจะออกเดินทางคนที่ยินดีที่สุดอีกคนเห็นจะเป็นตงฟู่ ที่จะได้กลับเมืองหลวงเสียที ทั้งยังมีตำแหน่งรองหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรรอเขาอยู่อีกด้วยเต๋อซิ่ว ได้รับพระราชทานตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ในเมืองหลวง แทนที่แม่ทัพหลิวท่านลุงของต้าเหนิงที่ไปประจำการอยู่ชายแดนใต้ แทนตระกูลจ้าว จ้านอ๋องหรือมู่เฉียงยังคงเป็นกุนซือข้างกายของเต๋อซิ่วต่อไ

  • ใต้เท้าเสิ่น เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้   หยกพกสีชมพูจากเจี้ยหรุน

    เมื่อเห็นว่าเป็นเขาจริง นางก็ปล่อยโฮออกมาเสียงดัง“บาดเจ็บหรือไม่ ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน อาซิ่ว...ข้ากลัว กลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้พบท่านแล้ว” นางโอบกอดรอบคอเต๋อซิ่วเอาไว้แน่น“ข้ากลับมาแล้ว ไม่มีทางแยกจากเจ้าอีกแล้ว” นานเกือบหกเดือนที่เขาห่างจากนาง โดยที่ไม่รู้เลยว่านางตั้งครรภ์อยู่ หากกลับมาไม่ทันนางคลอด หรือหลินหว่านนางไม่เดินทางมาอยู่กับต้าเหนิง เต๋อซิ่วคงไม่อาจให้อภัยตนเองได้ชั่วชีวิตเต๋อซิ่วเองก็ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบมาเช่นกัน แต่ได้น้ำวิเศษของหลินหว่านช่วยเอาไว้ เขาจึงเดินทางกลับมาถึงเมืองเป่ยโจวได้อย่างรวดเร็วยามนี้บาดแผลบนร่างกายของเต๋อซิ่วไม่มีหลงเหลืออีกแล้ว พอต้าเหนิงนางตรวจสอบดูจึงไม่เห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บเช่นที่เขาพูดเอาไว้“ขึ้นเถิด ขออยากเห็นลูก”“อืม...ที่นี่คือที่ใด” เต๋อซิ่วอุ้มต้าเหนิงขึ้นจากน้ำ“ห้วงมิติของพี่สะใภ้ อาหว่านนางแต่งให้พี่ชายข้าเมื่อสามเดือนก่อน ตอนที่ท่านแม่รู้ว่าเด็กในท้องข้ามีมากกว่าหนึ่งคน นางจึงช่วยพี่สะใภ้มาอยู่ดูแลข้า หากนางไม่มา...” ต้าเหนิงเงียบเสียงลง ซุกเข้าไปในแผงอกของเต๋อซิ่ว“รอให้เจ้าพวกลูกเต่าโตเสียก่อน คอยดูว่าข้าจะจัดการพวกเขาเช่

  • ใต้เท้าเสิ่น เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้   ที่แท้พวกเจ้าก็รอบิดา

    ในมือขององครักษ์ของเต๋อซิ่วเหลือถุงน้ำที่ยังไม่ได้ใช้อีกเพียงแค่สี่ถุง ที่มู่เฉียงมีอีกถุง พวกเขาจึงอาศัยความวิเศษของน้ำ ดื่มวันละจอก แล้วเร่งเดินทางกลับตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยไม่ได้หยุดพักในตอนแรกเจี้ยหรุนเองก็อยากจะรั้งให้พวกเขาอยู่ที่แคว้นต้าเยี่ยสักหลายวัน เพื่อต้องการฝากของกำนัลไปมอบให้ต้าเหนิงที่นางมอบน้ำวิเศษให้ตน แต่เมื่อรู้เหตุผลก็ไม่อาจรั้งเต๋อซิ่วไว้ได้อีกต่อไปยังดีที่ตงฟู่ยังมิได้เดินทางกลับ เจี้ยหรุนจึงพอมีเวลาให้จัดเตรียมสิ่งของ เสบียงอาหารให้พวกเขา เจี้ยหรุนเองก็ไม่ได้หยุดพัก เมื่อต้องจัดการเรื่องในราชสำนักใหม่ทั้งหมด ไหนจะจัดการสนมนับพัน เรื่องราวที่เสด็จอาของตนสร้างเอาไว้มากมายสนมบางคนที่ยั่วยุให้ฮ่องเต้พระราชทานของมีค่า สร้างตำหนักพักตากอากาศให้ตน หรือรังแกเสด็จแม่ของเจี้ยหรุน ถูกตัดสิ้นให้ติดตามฮ่องเต้ที่สิ้นพระชนม์ไปแล้วเดินทางไปปรโลกพร้อมกันขุนนางชั่ว ต่างก็ถูกเก็บกวาดจนไม่เหลือ ทรัพย์สินที่ยึดมาได้เพียงพอให้เจี้ยหรุน นำมาฟื้นฟูแคว้นและปลอบขวัญครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตไปจินเหรินนางเดาเอาไว้ไม่ผิดนัก ว่าต้าเหนิงนางจะต้องคลอดก่อนกำหนดแน่ ในตำหนักจึงมีแม่นมเตรี

  • ใต้เท้าเสิ่น เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้   พูดมากเสียจริง

    พอเข้ามาถึงในห้องโถง นอกจากฝูกงกง อาซีและอาจิ่วแล้ว สาวใช้คนอื่นต่างก็ออกไปรออยู่ด้านหน้า หลินหว่านนางต้องการตรวจครรภ์ให้ต้าเหนิง เครื่องมือที่นางใช้ ไม่มีในแคว้นต้าหลี่จึงไม่ต้องการให้ผู้อื่นได้เห็นหูฟังแพทย์ ที่นางนำออกมา ตรวจฟังเสียงหัวใจของเด็กทารกในครรภ์ของต้าเหนิง“อื้มมมม ดูเหมือนว่าจะมีถึงสามคน” หลินหว่านมองครรภ์ของต้าเหนิงอย่างตกตะลึง“ห๊ะ!!! สามเลยหรือ” จินเหรินเริ่มจะเกิดความกลัวขึ้นมาแล้วยามที่นางคลอดเสิ่นเฉิงและต้าเหนิง เพียงแค่สองคนก็เกือบจะเอาชีวิตกลับมาไม่ได้ แต่นี่...ต้าเหนิงนางมีถึงสามคนในท้อง จะไม่ให้นางหวาดกลัวได้อย่างไร“ท่านแม่ไม่ต้องห่วงมีข้าอยู่ อาเหนิงกับลูกของนางจะต้องปลอดภัยเจ้าค่ะ”จินเหรินจะไม่เชื่อคำพูดของหลินหว่านได้อย่างไร ในเมื่อนางเองก็ได้เห็นมิติของหลินหว่านแล้ว ทั้งยังเห็นของวิเศษของนางอีกด้วย“อีกสองเดือนจะคลอด ไม่รู้ว่าอาซิ่วจะกลับมาทันหรือไม่” ต้าเหนิงลูบท้องของนางอย่างเหม่อลอยต่อให้มีมารดาและพี่สะใภ้มาอยู่ดูแลแล้ว แต่ต้าเหนิงนางก็ยังอยากให้เต๋อซิ่วอยู่ข้างนางตอนที่นางคลอดอยู่ดีทางด้านเต๋อซิ่ว เดินทางถึงเมืองหลวงแคว้นต้าเยี่ยแล้ว ฮ่องเต้ของแค

  • ใต้เท้าเสิ่น เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้   ไม่มีข่าวส่งกลับมา

    ต้าเหนิงนางยังคงไม่เชื่อว่านางจะตั้งครรภ์แล้ว“หากไม่ใช่เล่า พวกเจ้าก็อย่าเพิ่งดีใจกันไป ข้าเพียงแค่กินอาหารไม่ลงเท่านั้น” นางไม่เห็นจะมีอาการเช่นเกาซีม่านสหายของนางเลย ที่อาเจียนจนลุกจากที่นอนไม่ได้ ไหนจะต้องนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียง หากลุกขึ้นแล้วจะมันหัวจนเดินไม่ได้“เชื่อบ่าวเถิดเจ้าค่ะ ตอนที่บ่าวตั้งครรภ์ ก็เหม็นกลิ่นคาวเนื้อสัตว์ แต่บ่าวอาเจียนเสียลุกไม่ขึ้นอยู่นานหลายเดือน รอให้ท่านหมอมายืนยันอีกครั้งก็ได้เจ้าค่ะ”ต้าเหนิงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ หลายวันมานี่ นางก็ไม่นึกอยากอาหาร ทั้งยังไม่อยากกินเนื้อสัตว์เช่นที่สาวใช้อาวุโสว่าจริงๆเมื่อท่านหมอมาถึง พอได้ตรวจชีพจรของต้าเหนิง หมอก็แจ้งข่าวมงคลกับนาง ต้าเหนิงตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว“เช่นนั้นก็ก่อนที่จะมาถึงเป่ยโจว แล้วเด็กในท้องข้าเป็นเช่นใดบ้าง” นางร้องถามอย่างรวดเร็ว“ครรภ์ของพระชายาแข็งแรงดีขอรับ มิต้องห่วง พระชายาเพียงต้องแข็งใจกินอาหารให้มากขึ้นกว่าเดิม ก็ไม่มีสิ่งใดน่ากังวลแล้ว เดือนหน้าข้าน้อยจะมาตรวจให้ท่านใหม่ ตอนนี้ยังไม่ต้องกินยาบำรุงครรภ์ขอรับ”“ขอบคุณท่านมาก เรื่องที่ข้าตั้งครรภ์ ท่านหมอช่วยเก็บเป็นความลับเอาไว้เสียก่อน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status