บทที่ 3
มือที่บวมแดงกำลังสั่นด้วยความเจ็บ เธอหันหลังเดินออกมา ตั้งใจจะกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเองแต่เพราะกลัวว่าจะทนความเจ็บไม่ไหวจึงเดินเลยลงไปในห้องครัวเพื่อหายากินระงับปวด “จริงหรอ!” “จริง คนที่บ้านนู้นพูดกันทั่วหมดว่าได้ยินคุณศิลากับคุณอัคคีทะเลาะกัน” ขาเรียวสวยชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงของใครบางคนกำลังคุยกัน เธอค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้ประตูห้องครัวมากขึ้นเพื่อสอดส่องดู ภายในเป็นกลุ่มของแม่บ้านและสาวใช้สามสี่คนที่กำลังจับกลุ่มคุยกัน แต่ในนั้นไม่มีขนุนกับผู้หญิงอีกคนที่ออกมาต้อนรับเมื่อตอนมาถึงบ้าน “คุณศิลาน่ะไม่อยากจัดงานแต่ง บอกให้ยกเลิกไปเลย” อัญญาใจหวิว แต่ยังคงนิ่งเงียบรอฟังคนข้างในพูดต่อ เธออาจจะได้รู้อะไรบางอย่างที่ตัวเองไม่เคยรับรู้เลยก็ได้ “แต่คุณท่านไม่ยอม ยังไงตระกูลฤทธิ์ศิลาก็ต้องแต่งสะใภ้ใหญ่เข้าบ้านอยู่ดี” “ทำไมอะ ในเมื่อคุณศิลาไม่ได้อยากแต่งกับคุณอัญญา ก็แค่ตามหาอีกคน ชื่ออะไรนะ” “คุณลานิล” “เออนั่นแหละ แหม ระดับคุณศิลาหาไม่นานเดี๋ยวก็เจอ ขนาดตามหาลูกน้องที่ขโมยข้อมูลไปยังตามเจอได้เลย แค่นี้กระจอกมาก” “แล้วใครบอกว่าไม่ตามหา” นนท์ พ่อบ้านเอ่ยขึ้น “คุณศิลาจ้างนักสืบตามหาแล้ว” “จริงหรอ งั้นที่บอกว่าให้คุณอัญญาแยกห้องเพื่อจะขนของออกได้ง่าย ๆ ก็พูดจริงน่ะสิ” “อืม เมื่อไรที่เจอคุณรานิล” พ่อบ้านพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “คุณอัญญาต้องออกไปจากที่นี่” คนที่แอบฟังได้แต่ยืนเม้มปากแน่น เธอค่อย ๆ ถอยหลังออกมาช้า ๆ แล้วเดินขึ้นบันไดกลับเข้าห้องตัวเองเงียบ ๆ ไม่ให้คนที่อยู่ในห้องครัวรับรู้ถึงการมาของเธอ คนตัวเล็กนั่งลงบนปลายเตียง เธอคิดอะไรไม่ออก ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมศิลาถึงยอมแต่งงานกับเธอ แต่ที่ได้แอบฟังมาเมื่อสักครู่ เขาคงทะเลาะกับพ่อตัวเองค่อนข้างหนักไม่ก็ไม่สามารถคัดค้านได้ จึงต้องจำใจแต่งกับเธอไปก่อน พอลานิลกลับมา ถึงตอนนั้นเธอคงต้องออกจากที่นี่ไป “เฮ้อ” อัญญาทิ้งตัวลงนอน ทั้งที่คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับศิลาในฐานะสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามหาอีกคน คนที่เขาต้องการแต่แรก เจ้าสาวตัวจริงของเขา คนที่ควรจะเป็นภรรยาที่ถูกต้อง ทั้งที่อยากให้เป็นแค่เรื่องแต่ง แต่ความจริงก็คือความจริง ความจริงที่ว่า เธอก็แค่ตัวแทนของลานิล เพียงแค่เข้าพิธีให้เสร็จสิ้น ส่วนการใช้ชีวิตให้เป็นหน้าที่ของลานิลต่อไป อัญญาก็แค่กลับไปที่ของตัวเอง ทำเหมือนเรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงความฝันเท่า ก๊อก ก๊อก ก๊อก “คุณอัญญาตื่นรึยังคะ” เสียงเคาะประตูดังพร้อมกับเสียงหวานที่ตะโกนถามอยู่หน้าห้อง คนตัวเล็กที่พึ่งแต่งตัวเสร็จรีบเดินไปเปิดประตูให้สาวใช้คนสวย “ตื่นแล้วค่ะ” “ตื่นไวมากค่ะ” รอยยิ้มสดใสของขนุนส่งให้กับอัญญา “วันนี้มีนัดทานข้าวเที่ยงกับคุณท่านอัคคีที่บ้านนะคะ” “อ่อ ค่ะ” “มีคุณปานวาดกับน้องชายคุณศิลาอีกสองคนร่วมโต๊ะด้วยค่ะ” ‘ปานวาด’ แม่แท้ ๆ ของศิลา เขามีพี่น้องรวมตัวเองด้วยสามคน ศิลาเป็นลูกคนโต อาโปกับปฐพีเป็นน้องลงมาตามลำดับ เธอได้พบกับทุกคนแล้วในวันงานแต่งงาน แต่ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก “เดี๋ยวขนุนจะขึ้นมาเตรียมชุดให้อีกทีค่ะ ส่วนอาหารเช้าวันนี้พร้อมทานแล้วนะคะ หากคุณอัญญาพร้อมแล้วลงมาที่ห้องรับประทานอาหารได้เลยค่ะ” “ขอบคุณนะ” สาวใช้พยักหน้ารับ เธอสิ่งยิ้มหวานให้อีกครั้งก่อนจะถอยหลังและเดินจากไป อัญญาปิดประตูห้อง กลับมาส่องกระจกเช็กความเรียบร้อยของตัวเองก่อนจะลงไป วันนี้เธอเลือกใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดากับกางเกงขายาวสีดำ เพราะไม่รู้ว่าอยู่บ้านจะต้องแต่งตัวแบบไหน ในตู้เสื้อผ้าเต็มไปด้วยชุดเดรสมากมายและสไตล์เสื้อผ้าที่เธอไม่ได้ชื่นชอบ จึงเลือกชุดที่ดูธรรมดามากที่สุดมาใส่แทน ไม่นานคนตัวเล็กก็พาตัวเองมานั่งอยู่ที่ห้องรับประทานอาหาร บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารมากมาย แต่สิ่งที่สะดุดตาเธอมากที่สุดคงเป็นแกงมัสมั่นไก่ถ้วยใหญ่ อัญญาฉีกยิ้มกว้างทันทีเมื่อเจอของโปรดที่ตัวเองชอบ จานข้าวถูกวางลงตรงหน้า สาวใช้หน้าตาจิ้มลิ้มส่งยิ้มให้ก่อนจะถอยออกไป เธอมองไปรอบ ๆ ตัว เห็นสาวใช้อีกสองคนยืนรออยู่อีกฝั่ง ปกติที่บ้านของเธอก็มีสาวใช้คอยยืนรออยู่แบบนี้ แต่นั่นไม่ใช่กับเธอ เพราะอัญญาจะต้องรับประทานอาหารร่วมกับแม่บ้านคนอื่น ซึ่งเธอก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแค่ตอนนี้เธอยังไม่ชินที่จะต้องมีคนคอยยืนดูหรือรอเธอแบบนี้ “แล้วพี่ศิลาล่ะ” ผ่านไปหลายนาทีเธอก็ยังไม่เห็นศิลาลงมาทานอาหารจึงเอ่ยปากถามออกไป “คุณศิลาออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” “ทานข้าวแล้วหรอคะ” “ปกติคุณศิลาไม่ทานอาหารเช้าค่ะ” “อ่อ” อัญญาพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันกลับมาลงมือทานอาหารตรงหน้า คิดว่าจะได้ร่วมโต๊ะอาหารกับเขาเสียอีก “คุณอัญญาจะไปไหนครับ” นนท์ พ่อบ้านเดินปรี่เข้ามาหา เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกำลังจะเดินออกจากบ้านไป “พอดีว่าจะกลับไปที่บ้านหน่อยน่ะค่ะ” “เดี๋ยวให้กลัฟไปส่งก็ได้ครับ” พ่อบ้านกดโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานผู้ชายอีกคนก็รีบวิ่งมาหาเธอ “สวัสดีครับคุณอัญญา ผมเป็นคนขับรถของบ้านครับ” “เอ่อ ไม่เป็นไรก็ได้นะคะ เดี๋ยวอัญเรียกแท็กซี่ก็ได้ค่ะ” เธอบอกไปแบบนั้น เพราะปกติเวลาไปไหนมาไหนเธอก็มักจะใช้บริการแท็กซี่เป็นประจำ ไม่เคยมีคนขับรถให้ อีกอย่างเธอเกรงใจเกินกว่าจะใช้งานคนอื่น “มันคือหน้าที่ของพวกเราครับ” แต่พ่อบ้านก็ยังคงยืนยันคำเดิม อัญญาจึงจำใจให้คนขับรถมาส่ง รถเก๋งสีขาวขับแล่นออกไปบนถนนใหญ่ ความจริงคือเธอไม่รู้จะทำอะไรหรือออกไปที่ไหน เลยเลิกที่จะกลับมาที่บ้านของตัวเองก่อน ไม่รู้เลยว่าชีวิตหลังจากแต่งงานควรทำอะไร หากเป็นคู่รักทั่วไปคงพากันไปเที่ยวหรือใช้เวลาร่วมกันสองสามวันก่อนแยกย้ายกันไปทำงาน แต่สำหรับเธอและศิลาคงยากหากจะให้ทำแบบนั้น เพราะเขายังคงไม่คุยกับเธอ ไม่รู้ว่าต้องปรับตัวยังไงหรือทำตัวแบบไหน “ถึงแล้วครับ” เสียงของคนขับรถบอกหลังจากรถจอดสนิท “ขอบคุณมากค่ะ” ยังไม่ทันที่จะเปิดประตูออกไป ดวงตากลมโตเลื่อนไปเห็นกลุ่มคนที่กำลังขนของอยู่หน้าประตู ตอนแรกเธอเองก็ไม่ได้สงสัยอะไร แต่พอลงจากรถเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นถึงจำได้ว่าของพวกนั้นคือของที่เธอใช้มาตลอดหลายปี “ขนออกไปให้หมดแล้วทำความสะอาดให้เรียบร้อย” เสียงของรัลยาเอ่ยปากบอก เห็นแบบนั้นอัญญาจึงรีบสาวเท้าเข้าไป รัลยาเห็นหน้าเธอก็ไม่ได้พูดอะไร ยังคงชี้นิ้วให้ยกนั่นนู่นนี่ออกไป “ทำอะไรคะ” “แหกตาดูสิ!” คำตอบที่ได้รับกลับมาไม่ได้ทำให้เธอหายสงสัย “ขนของอัญไปไหน” “ฉันจะขนไปไหนแล้วแกจะทำไมไม่ทราบ!” รัลยาเท้าเอวพลางมองหน้าเธออย่างหาเรื่อง “นี่มันบ้านของฉัน ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน!” “แต่นั่นมันของอัญ คุณจะมาเอาของอัญไปทิ้งแบบนี้ไม่ได้นะคะ” “ใครบอกของแก ของในบ้านทั้งหมดนี่มันของของฉัน!” รัลยาขึ้นเสียงใส่ “แกเป็นแค่ลูกเมียน้อยที่มาแต่ตัว กล้ามาแอบอ้างว่าของที่แกใช้เป็นของของแกได้ยังไง หน้าด้าน!” “แต่มันก็มีของที่อัญซื้อใช้เองนะคะ” “ซื้อเองแต่เงินผัวฉัน มันก็เท่ากับว่าเป็นของฉันอยู่ดี!” “…” “หัดจำใส่สมองซะบ้างว่าคนอย่างแกไม่มีอะไรเป็นของตัวเองตั้งแต่เกิด” “…” “ขนาดพ่อ แม่แกยังต้องหาแย่งคนอื่นเลย!” “คุณรัลยา!” “ทำไม ไม่พอใจหรอฮะ!” “คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าแม่ของอัญ” อัญญากำหมัดแน่น “แม่ของอัญตายเพราะคุณ คุณเองก็ควรจะสำนึกซะบ้างนะคะ” “อีอัญญา!” เพี๊ยะ หน้าหวานหันตามแรงตบ แม้จะโดนไม่เต็มฝ่ามือแต่ก็สร้างความเจ็บหนึบที่แก้มนวลขาวของเธอได้ไม่น้อย เธอเงยหน้ามองภรรยาของพ่อตัวเองช้า ๆ ตั้งแต่รู้ว่ารัลยาคือสาเหตุของการจากไปของมารดาตัวเอง อัญญาก็เกลียดเธอเข้าไส้ แต่โชคชะตาเล่นตลก เพราะต่อให้เกลียดขนาดไหนเธอก็ยังคงต้องใช้ชีวิตโดยอาศัยรัลยาอยู่ดี “แกสิต้องสำนึก!!” รัลยาโกรธจนตัวสั่น “แกโตมาได้จนถึงทุกวันนี้มันไม่ใช่เพราะบารมีฉันรึไง!!!” “…” “ถึงผัวฉันจะขอร้องให้เลี้ยงแก แต่ถ้าฉันไม่เลี้ยงซะอย่างแกคงได้ตายตามแม่แกไปแล้ว!!” “…” “คนที่ควรสำนึกมันต้องเป็นแก แก ๆๆๆ ไม่ใช่ฉัน!!!” “…” อัญญายืนนิ่ง เม้มปากแน่น เธอเองก็โกรธแต่เพราะทุกอย่างที่อีกฝ่ายพูดมามันคือความจริง ทำให้เถียงอะไรออกไปไม่ได้ “แกออกจากบ้านนี้ไปแล้วก็อย่าหวังว่าจะได้กลับมาอีก ฉันเฝ้าภาวนารอเวลานี้มาทั้งชีวิต!” “…” “วันที่แกจะได้ไสหัวออกไปจากบ้านของฉัน!!” รอยยิ้มมาดร้ายปรากฏบนใบหน้าของรัลยา “ต้องขอบคุณที่แกอุตส่าห์ยอมแต่งงานกับไอ้ศิลาแทนลูกฉัน” “…” “ธุรกิจดำเนินต่อ แถมชีวิตของลูกฉันปลอดภัย ขอบคุณที่เอาชีวิตไร้ค่าของแกมาช่วยลูกฉันเอาไว้” รัลยาพูดพลางหัวเราะสลับกัน “คุณพูดอะไร” “ขอให้ชีวิตแกต่อจากนี้ทรมานไม่ต่างจากฉันที่เคยโดยแม่แกกระทำ!” “อะไรนะ” “ขอให้ศิลามันเกลียดขี้หน้าแกมาก ๆ เข้าไว้ ทำร้ายแกให้มาก ๆ” “…” “แกจะได้ตายไว ๆ สักที!”บทที่ 9 “ว้าววว~” อัญญาตาโตให้กับภาพตรงหน้า “พี่ศิลาดูสิคะ” สะพานไม้ข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นสะพานโค้งทั้งหมดห้าอัน ทัศนียภาพโดยรอบล้อมไปด้วยใบไม้ดอกไม้อย่างสวยงาม อัญญาตื่นตาตื่นใจกับภาพตรงหน้าจนเก็บอาการไม่อยู่ ตั้งแต่ออกมาเที่ยวเธอแทบไม่หุบยิ้ม ต่างจากศิลาที่ยังคงแสดงใบหน้าเบื่อหน่ายเช่นเคย เขาพาเธอมาตามจุดท่องเที่ยวตามรายการสถานที่เที่ยวที่พ่อของเขาได้ทำการบังคับว่าต้องพาอัญญามาให้ได้ และต้องมีหลักฐานว่ามาแล้วจริง ๆ เขาไม่ได้ยกมือถือขึ้นมาถ่ายเก็บภาพ เขารู้ว่าถ้าอัคคีพ่อของเขาจะขอดูรูป คงเลือกที่จะขอจากอัญญา เพราะถ้าเป็นศิลาก็คงคิดว่าหารูปมาจากในอินเทอร์เน็ต “สวยมากเลยค่ะ” คนตัวเล็กยกมือถือขึ้นถ่ายรูปรัว ๆ เธอชอบถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่พ่อสามีมอบให้วันทานข้าวร่วมกันครั้งแรกชูขึ้นเหนือหัว ปรับแสงสีตามต้องการพร้อมกับการกดถ่ายรัว ๆ อัญญาตรวจทานรูปถ่ายฝีมือตัวเอง เธอเหลือบมองศิลาที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น หน้าตาบึ้งตึงของเขาไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาลดน้อยลงเลยสักนิด กลับกันอัญญากลับมองว่าเขาดู
บทที่ 36 “กรี๊ดดด อย่านะ!” อัญญากรีดร้องเสียงดังลั่น เมื่อศิลาทิ้งตัวลงนั่งคร่อมร่างของเธอเอาไว้ก่อนจะยื่นมือเข้ามาฉีกเกาะอกที่ตอนแรกมันขาดแหว่งออก เธอพยายามผลักอกแกร่งของเขาแต่ศิลาไม่สะทกสะท้านซ้ำยังถอดเสื้อสูทตัวนอกและกระชากเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกจนเม็ดกระดุมกระจัดกระจายไปทั่วพื้นห้อง “ปากดีต่อสิอัญญา ต่อล้อต่อเถียงอีกสิ!!” มือหนาบีบจับคางมนของเธออย่างแรงบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นหา “อะไรเนี่ย” “ฮึก…” “เมื่อกี้ยังไม่ร้องเลยอัญญา” ศิลายกยิ้มอย่างเหยียดหยัน “พี่มันคนใจร้าย” ปากอวบอิ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ น้ำตาไหลช้า ๆ “ทุกครั้งพี่มักจะจบลงด้วยเรื่องพวกนี้ตลอด” “…” “ทำไมเราคุยกันด้วยเหตุผลไม่ได้คะ อัญไม่ได้ผิดจริง ๆแล้วทำไมพี่ถึงต้องเกลียดอัญ” “…” “ทำไมทำกับอัญแบบนี้” ดวงตาคู่สวยสายตากับดวงตาคมดุของเขา แววตาของเธอสั่นระริก “พี่ตอบได้ไหมว่าอัญผิดอะไร” “ผิดที่เป็นเธอไงอัญญา” “…” “ถ้าไม่ใช่เธอทุกอย่างมันจะถูกต้องเสมอ” “เพราะเป็นอัญทุกอย่างเลยไม่มีดีในสายตาพี่เลยใช่ไหม” เธอสะอื้นฮึก “พี่เกลียดอัญขนาดนั้นเลยหรอคะ” “ใช่” “…” “ฉันโคตรเกลียดเธอเลยอัญญา” เขาตอบในต
บทที่ 8 [Sila’ Past] “ว้าว สวยจัง” เสียงของผู้หญิงที่เดินข้างกายของผมดังไม่หยุดตลอดทาง ตอนนี้ผมอยู่ที่ญี่ปุ่น กำลังเดินเข้าไปในโรงแรมที่ได้ทำการจองไว้ล่วงหน้าโดยพ่อผมเป็นคนจัดการทุกอย่างไว้ให้หมดแล้ว บอกตามตรงโคตรจะเสียเวลาการทำงานเลย สามวันที่ต้องมาติดแหงกอยู่ที่นี่โดยที่ไม่ได้แตะงานที่กองเต็มโต๊ะ กลับไปเอกสารคงกองสูงท่วมหัวแล้วมั้ง “พี่ศิลาดูนั่นสิ” เธอสะกิดแขนผมให้ดูอะไรบางอย่าง ยัยนี่ก็อีกคน ทำเป็นไม่เคยออกไปเที่ยวไหนซะอย่างนั้น บอกให้ปฏิเสธไปแท้ ๆ พอถึงเวลาจริงกลับนั่งเงียบเป็นใบ้ ถามอะไรก็รับทราบไปซะหมด ถ้าให้เลือกระหว่างติดเกาะร้างสามวันกับต้องอยู่กับเธอสามวัน แน่นอนว่าผมเลือกเกาะร้าง อย่างน้อยที่นั่นก็ไม่มีเสียงของยัยนี่ให้ได้ยิน ไม่ต้องเห็นหน้าของเธอไปอีกหลายวัน ที่นั่นคงเป็นเหมือนสวรรค์ของผม อัญญาทำตัวปกติและดูสนุกเกินหน้าเกินตา ทั้งที่ผมนั่งนิ่งไม่ปริปากพูดกับเธอสักคำ ตลอดการเดินทางมาจนถึงญี่ปุ่น มีเพียงเธอคนเดียวที่พยายามชวนคุยไม่เลิก แต่ผมไม่ได้อยากคุยไง จากที่พยายามชวนคุยบ่อยเข้ามันก็ทำให้รำคาญ เธอควรจะรู้ตัวได้สักทีว่าผมเกลียดขี้หน้าเธอมากแค่ไหน น่าเบื
บทที่ 7 “คุณแม่เรียกอัญมาพบข้างนอก มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” อัญญาเอ่ยถามด้วยความสงสัย ปานวาดมาหาเธอที่บ้านแต่เช้า แต่ก็ยังไม่เช้าเท่าศิลา เพราะรายนั้นออกไปทำงานหลายชั่วโมงแล้ว ขนุนวิ่งขึ้นไปตามเธอที่ห้องบอกคุณปานวาดเรียกพบส่วนตัว ผู้หญิงวัยกลางคนที่ยังคงดูดีเกินกว่าที่ใครจะเชื่อว่าอายุห้าสิบกว่าปีแล้ว มือเรียวยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเบา ๆ ปากสีแดงด้วยลิปสติกสีเข้มยิ้มออกมาเล็กน้อย เธอเรียกอัญญามาหาที่สวนหลังบ้านโดยไม่ให้มีแม่บ้านหรือนนท์พ่อบ้านอยู่ด้วย ปานวาดขอคุยกับเธอเพียงลำพังเท่านั้น “ต้องมีธุระอะไรก่อนหรอถึงจะได้คุยกับเธอ” คำถามของอีกฝ่ายทำเอาอัญญาตะกุกตะกัก “คะ…คือ อัญไม่ได้หมายถึงแบบนั้นค่ะ อัญแค่สงสัยว่าทำไมถึงมาหาแต่เช้าเลย” “เช้าหรอ เธอควรตื่นมาทำอาหารให้ศิลาทานตอนเช้าด้วยซ้ำนะ!” เสียงแหลมพูดด้วยความไม่พอใจ “เป็นเมียแต่ไม่ทำอาหารให้ผัวทาน ไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเองเลยหรือไง!” คนตัวเล็กนั่งนิ่งไป เผลอกำมือแน่นด้วยความตกใจ ปานวาดถอนหายใจเสียงดังเหลือบมองใบหน้าลูกสะใภ้อย่างไม่ชอบใจนัก เธอไม่อยากให้ศิลาแต่งกับตระกูลอัญญาเลยด้วยซ้ำ บริษัทของเสกสรรอยู่ในขั้นวิกฤตแทบจะกอบกู้ข
บทที่ 6 “เบื่อว่ะ!” น้ำเสียงติดหงุดหงิดของศิลาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้องทำงาน ปัง “แล้วมึงจะมาเพื่อ!” เขตแดนทุบโต๊ะทำงานอย่างหัวเสีย เขานั่งฟังเพื่อนตัวเองพูดคำนี้มาจะสามชั่วโมงแล้ว ‘เขตแดน’ หนุ่มหล่อนักธุรกิจหน้าใหม่ เจ้าของแพลตฟอร์มเกมตัวใหม่ล่าสุดที่กำลังฮิตติดกระแส เพื่อนรักเพื่อนตายของศิลา ทั้งคู่สนิทกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย ตั้งแต่เขตแดนยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ปากกัดตีนถีบขยันทำงานส่งตัวเองเรียน แม้ศิลาจะยื่นมือเข้าไปช่วยสักกี่ครั้งเขาก็จะปฏิเสธอยู่เสมอ จนตอนนี้เป็นโปรแกรมเมอร์ สตรีมเมอร์และผลิตแพลตฟอร์มต่าง ๆจนมีชื่อเสียงโด่งดัง “กูไม่รู้จะไปไหน” “เข้าบริษัทสิ มาหากูทำไม” คิ้วเข้มขมวดหมุ่น “หรือไม่ก็อยู่ปั๊มลูกที่บ้าน” “หึ พูดอะไรไร้สาระ” ศิลาตอบกลับทันควัน “หน้าแบบนั้น… เดินมาแก้ผ้าต่อหน้ากูยังไม่มีอารมณ์เลย” “มึงก็อคติเกิน ถ้าหน้าตาแบบนั้นมึงไม่มีอารมณ์ชาตินี้สเปิร์มมึงก็ไม่ได้ออกมาจากท่อนซุงของมึงหรอก!” เขตแดนพูดตามความจริง เขาพอจะรู้อยู่บ้างว่าเพื่อนตัวเองไม่ได้ต้องการเจ้าสาวคนนี้ เพราะผู้หญิงที่มันอยากได้คือลานิลลูกสาวคนสวยของรัลยา ไม่รู้ว่า
บทที่ 5 “ไว้คราวหน้าเดี๋ยวเราไปกินข้าวที่บ้านใหญ่แล้วกันนะ” อัคคีบอกกับลูกสะใภ้ “ได้ค่ะ” อัญญายืนรอส่งพ่อแม่และน้องชายของสามีตัวเองขึ้นรถกลับ ส่วนตัวของศิลาเดินกลับเข้าไปด้านในนานแล้ว พอรถตู้คันใหญ่แล่นออกไป อัญญาก็ขยับตัวเดินกลับเข้าในบ้านเช่นกัน “คุณอัญญาคะ” ขนุนวิ่งเข้ามาพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อเธอ “คุณศิลาให้ไปพบที่ห้องค่ะ” “ห้อง?” “ใช่ค่ะ คุณศิลารออยู่ที่ห้องนอนคุณอัญญาค่ะ” คนตัวเล็กพยักหน้ารับอย่างงง ๆ อันที่จริงเธอก็กำลังจะกลับขึ้นไปบนห้องนอนอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องเร่งรีบให้ขนุนวิ่งมาตาม แกร๊ก ประตูไม้เปิดออกเผยให้เห็นแผ่นหลังหนาของศิลาที่กำลังยืนกอดอดหันหลังให้เธอ พอได้ยินเสียงเขาก็รีบหันขวับกลับมา ใบหน้าบึ้งตึงนั่นทำให้เธอรู้สึกได้ว่ากำลังจะโดนเขาต่อว่าอีกครั้ง “พูดไม่รู้เรื่องหรออัญญา!” ไม่เพียงแต่ตะคอกแต่มือใหญ่ที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดนูนของเขากำลังกำต้นแขนของเธอจนรู้สึกเจ็บแปลบ “ฉันบอกว่ายังไง!” “จะ…เจ็บนะคะ” “ตอบ!” “อัญไม่รู้จะปฏิเสธยังไงนี่คะ” อัคคีพูดเชิญชวนซ้ำยังมีท่าทีที่เป็นมิตรขนาดนั้น ใครจะปฏิเสธลง “แค่บอกไม่อยากไปมันพูดยากนักรึไง!” “…”