Share

บทที่ 4

last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-01 22:34:14

บทที่ 4

อัญญานั่งเหม่อลอยมาตลอดทางกลับบ้าน คำพูดของรัลยายังคงตราตรึงในหู เหมือนกระซิบบอกเธออยู่ตลอดเวลา

“แกจะได้ตายไว ๆ สักที!”

ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่ารัลยาเกลียดขี้หน้าเธอมากแค่ไหน แต่คนตัวเล็กไม่คิดว่าจะเกลียดถึงขนาดที่อยากให้เธอตายจากไปถึงเพียงนี้

ไม่แปลกใจ ที่ผ่านมาเธอมักจะถูกรัลยาชี้หน้าด่าอยู่บ่อยครั้ง ทำอะไรผิดพลาดแม้จะเล็กน้อยแค่ไหน เธอก็จะได้รับคำพูดไม่ดีกลับมาเสมอ ยิ่งเวลาที่เสกสรร พ่อของเธอซื้อของให้ รัลยาจะยิ่งมีท่าทีไม่ชอบใจมากกว่าเดิมเกือบร้อยเท่า

อัญญาเป็นเพียงลูกเมียน้อย แม่ของเธอสร้างความเจ็บปวดให้กับรัลยาไว้มาก แต่ก็ยังอุตส่าห์ให้เธออาศัยอยู่ที่ชายคาบ้านจนเติบใหญ่ ถึงจะเป็นลูกของผู้หญิงที่เธอเกลียดแต่ก็ยังมีความใจบุญอยู่บ้าง

แต่อัญญากลับโกรธจนลืมบุญคุณอันใหญ่หลวง มีหน้าไปว่าให้สำนึกผิดต่อแม่ของตน ทั้งที่ความผิดไม่ได้น้อยกว่ารัลยาเลย อัญญาเสียแม่ที่แย่งความรักของเสกสรรมาจากรัลยา ส่วนรัลยาเองก็ต้องทนอยู่กับความทรงจำแสนเจ็บปวดจนกว่าจะตายจากโลกนี้ไป ยิ่งเห็นอัญญาโตมาพร้อมกับความรักที่เสกสรรมอบให้ มันยิ่งตอกย้ำความเจ็บช้ำว่าเสกสรรไม่เคยลืมแม่ของอัญญาได้เลย

อัญญาเดินลงจากรถโดยที่ไม่ลืมหันไปขอบคุณกลัฟ คนขับรถที่อุตส่าห์พาเธอออกไปข้างนอก มือขาวยกโทรศัพท์ขึ้นดูเวลา อีกยี่สิบนาทีก็เที่ยงตรง เธอจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปยังตัวบ้าน เพื่อที่จะเปลี่ยนชุดให้เหมาะสม

แต่ยังไม่ทันที่จะเดินพ้นโถงของตัวบ้าน ชายร่างสูงหน้าตาคมดุก็เดินเข้ามากระชากแขนของเธอให้เดินตามไปอย่างรุนแรงเสียก่อน

ศิลาลากตัวเธอมายังข้างสวนหลังบ้าน ที่ซึ่งปราศจากพ่อบ้านแม่บ้านและสาวใช้ เขาปล่อยข้อมือของเธอให้เป็นอิสระ อัญญารีบยกมือขึ้นมาดู เพราะในตอนแรกเขาจับกระชากที่มือของเธอ บริเวณที่มีรอยช้ำจ้ำจากการโดนประตูหนีบเมื่อคืน

“อะไร แตะแค่นี้ทำสำออยรึไง” คำพูดถากถางหลุดจากปากสีดำคล้ำ ตาคมจ้องมองหน้าหวานอย่างหงุดหงิด

“คือ… เมื่อคืนตอนไปเคาะห้องพี่ อัญโดนประตูหนีบมือน่ะค่ะ”

“ช่าง ฉันไม่ได้อยากรู้” ปากสวยเม้มแน่นเข้าหากัน “ถ้าพ่อฉันพูดอะไรให้ปฏิเสธไปให้หมด”

“คะ?”

“หูหนวกหรอ” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เขาก้าวเท้าเข้าหาเธอมากขึ้น “วันนี้ตอนกินข้าวรวมกัน”

“…”

“ถ้าพ่อฉันเอ่ยปากบอกอะไรไป ให้เธอปฏิเสธทั้งหมด”

“หมายถึงยังไงคะ” ศิลาจิปากอย่างหงุดหงิด

“หมายถึงทุกอย่างที่พ่อบอกให้ทำ ถ้าบอกให้ไปฮันนีมูนก็รีบปฏิเสธซะ”

“ทำไมล่ะคะ เราแต่งงานกันแล้วก็ควรไปเที่ยวด้วยกันเพื่อทำความสนิทสนมกันไว้ไม่ดีหรอคะ” อัญญาถามยาว เธอคิดอย่างที่พูดออกไปจริง ๆ ทั้งเขาและเธอควรทำความรู้จักกันมากกว่านี้

เพราะที่ผ่านมามีแค่เธอที่ได้รู้จักเขา

“ลืมอะไรไหม เธอไม่ใช่เจ้าสาวตัวจริงของฉันสักหน่อย”

“แต่ยังไงทางกฎหมายอัญก็เป็นภรรยาของพี่”

“อินขนาดนั้นเลยหรอ”

“…”

“ฉันไม่ได้อยากได้เธอเป็นเมียเลยด้วยซ้ำอัญญา กฎหมายใช้กับฉันไม่ได้หรอกนะ”

“แต่…”

“คิดว่าฉันจะพิศวาทลูกเมียน้อยอย่างเธอหรอ”

“…” อัญญาเงียบลงเมื่อคนตรงหน้าพูดประโยคเมื่อกี้

“แค่หน้ายังไม่อยากจะมอง”

“…”

“ทำตามที่สั่ง ฉันไม่อยากอยู่ร่วมกับเธอขนาดนั้น อะไรที่ควรปฏิเสธให้รีบพูดทันที อย่ามัวแต่อมน้ำลายไว้ในปาก” อัญญายืนฟังเงียบ ๆ ปากสวยยังคงเม้มแน่นเข้าหากัน “ตอบ!”

“ค่ะ อัญเข้าใจแล้ว”

ศิลาไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหันหลังกลับเข้าบ้านไป ปล่อยให้เธอยืนอยู่เพียงลำพัง อัญญามองตามแผ่นหลังหนาที่ค่อย ๆ หายไปจากสายตา เธอเสียใจเล็กน้อยที่ถูกพูดจาไม่ดีใส่

แต่ก็ยังคงปลอบใจตัวเองเหมือนเดิมว่าศิลายังเข้าใจในตัวเธอผิดอยู่

“อยากไปเที่ยวที่ไหนล่ะอัญญา” อัคคีเอ่ยปากถามลูกสะใภ้ของตัวเอง

“คือ…”

“ญี่ปุ่นไหม ที่เที่ยวเยอะเลยนะ” น้ำเสียงที่ดูอ่อนโยนต่างจากลูกชายทำให้อัญญายิ้มหวานส่งให้กับเขา

บนโต๊ะอาหารมื้อกลางวันเต็มไปด้วยอาหารมากมาย แต่ละจานถูกจัดเรียงอย่างสวยงามและมีสีสันน่ารับประทานจนอัญญาแปลกใจ เธอคิดว่าจ้างเชฟมือดีมาทำให้ถึงที่บ้านเสียอีก

ปานวาด ศิลาและน้องชายอีกสองคน นั่งทานอาหารเงียบ ๆ ไม่มีใครเอ่ยปากพูดหรือทักทายอัญญาเลยสักคน ทำเอาเจ้าตัวนั่งเกร็งไม่กล้าหยิบจับอาหารเข้าปาก แต่พอเห็นท่าทีสบายของคนอื่น ๆ ก็เริ่มตักข้าวทานเหมือนคนอื่นบ้าง

ศิลาเงยหน้าสบตากับเธอ เมื่ออัคคีพูดถึงสถานที่เที่ยว เขาใช้เท้าเตะสะกิดปลายเท้าของเธออย่างแรงจนอัญญาสะดุ้ง ศิลาพยักเพยิดหน้าให้เธอหันไปปฏิเสธผู้เป็นพ่อ

“ถ้าอยากไป ลองไปที่ยามากุจิดูสิ ที่นั่นมีศาลเจ้าทะเลด้วยนะ ศักดิ์สิทธิ์มากเลย”

“อ๋อ… ค่ะ” อัญญาพยักหน้ารับ ไม่รู้ว่าต้องพูดคุยอะไรบ้าง

“เรื่องขอพรที่นี่ที่หนึ่งเลย รู้ไหมว่าฉันเองก็ไปขอให้ได้ลูกชายเพิ่มอีกสองคนจากที่นี่”

“จริงหรอคะ”

“จริงสิ เจ้าศิลาฉันไปขอคนแรกให้ได้ลูกชาย แล้วก็ได้จริง ๆ เลยไปขอเพิ่มอีกสองคน ได้เจ้าอาโปกับเจ้าพีมาอีก”

“ศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ ด้วยค่ะ” อัญญาตอบกลับอย่างตื่นเต้น แต่พอหันไปสบตากับคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน รอยยิ้มที่มีอยู่ก็เหือดหายไปแทบจะทันที

สายตาคมดุกำลังจ้องมองมาที่เธออย่างไม่พอใจสุด ๆ เขาไม่ได้ต้องการให้เธอพูดคุยเล่นกับพ่อแต่ต้องการให้เธอปฏิเสธการไปเที่ยวฮันนีมูนหลังแต่งงาน

“งั้นไปที่ญี่ปุ่นแล้วกันนะ ไปที่เดียวกันกับฉันแล้วขอพรให้ได้ลูกชายนะ”

“คะ?”

“ไปถึงที่นั่นก็พากันไปขอพร เสร็จแล้วก็ปั๊มลูกเลย ยังไงก็สมหวัง”

“พูดอะไรไร้สาระ” ศิลาพูดขัด “พ่ออย่าเอาเรื่งแบบนี้มากรอกหูคนอื่นเลย”

“จริงค่ะคุณ ที่เราได้ลูกชายก็เพราะเราทำตามคำแนะนำของคุณหมอต่างหากค่ะ” ปานวาดพูดเสริมด้วยอีกคน

“แล้วยังไง ผมจะเชื่อของผมแบบนี้แล้วทำไม” อัคคีตอบกลับภรรยาและลูกชายคนโต “แกมีปัญหาหรอศิลา”

“เปล่าครับ”

“เปล่าก็ไปเที่ยวญี่ปุ่นซะ แล้วก็ไปขอพรจากที่นั่น ขอเสร็จให้รีบกลับมาทำกิจกรรมกันไว ๆ”

“พูดอะไของพ่อ ผมไม่มีเวลาว่างขนาดที่จะออกไปเที่ยวได้หรอกนะครับ”

“ฉันสั่งให้หยุดงานเองก็ได้”

“พ่อ…”

“อย่าคิดว่าจะหาข้ออ้างอะไรมาได้ เพราะยังไงฉันก็มีทางออกให้เสมอ” โทรศัพท์เครื่องหรูถูกยกขึ้นมาพิมพ์อะไรสัอย่าง

“ทำอะไร” ศิลาเอ่ยปากถาม

“ฉันสั่งให้เลขาจองตั๋วไว้ให้เรียบร้อย”

“พ่อ!” ศิลาขมวดคิ้วหมุ่น “งานที่บริษัทมีเยอะแยะหมด ถ้ามัวแต่เอาเวลาไปเที่ยวงานจะเสร็จเมื่อไร”

“ให้อาโปมันเข้ามาดูแลแทนสิ แค่สามวันเอง”

“ตั้งสามวัน!”

“เฮียอย่าใจร้อน แค่สามวันเองผมโอเค ผมดูแลบริษัทเฮียได้” อาโปพูดขึ้นหลังจากนั่งเงียบมานาน

แต่เพราะบุคคลิกของเขาเป็นคนเงียบ ๆ ใจเย็นเกินเหตุทำให้ศิลาไม่ค่อยอยากให้ทำงานแทนสักเท่าไร เพราะความอะไรก็ได้ของอาโปทำให้คนส่วนน้อยที่จะตั้งใจทำงานให้เขาอย่างดี หากเป็นงานที่ศิลาสั่งเขาต้องได้ในทันที เป็นเพราะใบหน้าที่ดุ เสียงแข็งและความเด็ดขาดที่มีในตัวของเขาความเกรงกลัวจึงต่างกัน

อาโปเป็นคนใจเย็นดั่งภูเขาน้ำแข็ง ส่วนศิลาใจร้อนดั่งไฟนรก ส่วนอีกคนก็ราวกับทอร์นาโด อารมณ์สวิงซะจนไม่มีใครเดาออก

“ผมไม่ไป” ศิลายืนกราน “อัญญาก็ไม่ไป” เขาพูดพร้อมกับหันมาสบตากับเธอ “ใช่ไหม?”

“คือ…” เสียงหวานลากยาว เธอไม่อยากปฏิเสธความจริงใจของอัคคี แต่ก็ไม่กล้าตอบไปอย่างที่ศิลาต้องการ

“ยังไงก็ต้องไป” อัคคีพูดแทรกประโยคของคนอื่น “ถ้าแกไม่มีความกล้ามองพอก็นอนอยู่บ้านเฉย ๆ สามวันซะ”

“อะไรนะ”

“ฉันสั่งหยุดงานแกไปแล้วสามวัน แกต้องเลือกระหว่างไปฮันนีมูนกับนอนอยู่บ้านเฉย ๆ แกจะเลือกแบบไหนล่ะ”

“นอน” ศิลาตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะเขาไม่ได้อยากไปไหนกับอัญญาเป็นเดิมทีอยู่แล้ว

“แลกกับหุ้นบริษัทที่ถูกหักออกสิบเปอร์เซ็นต์”

“ได้ยังไง”

“ฉันเป็นเจ้าของบริษัท ฉันทำอะไรก็ได้”

“พ่อ”

“ถ้าแกมีสมองมากพอ แกก็น่าจะรู้นะว่าควรจะเลือกอะไร”

“…” ศิลานั่งกุมขมับ หัวคิ้วขมวดแทบจะชนกันอยู่แล้ว

“แต่ถ้าโง่ ก็เรื่องของคนโง่อย่างแกแล้วกัน”

.

To be continued.

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ในนามภรรยาของตาย   บทที่ 9

    บทที่ 9 “ว้าววว~” อัญญาตาโตให้กับภาพตรงหน้า “พี่ศิลาดูสิคะ” สะพานไม้ข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นสะพานโค้งทั้งหมดห้าอัน ทัศนียภาพโดยรอบล้อมไปด้วยใบไม้ดอกไม้อย่างสวยงาม อัญญาตื่นตาตื่นใจกับภาพตรงหน้าจนเก็บอาการไม่อยู่ ตั้งแต่ออกมาเที่ยวเธอแทบไม่หุบยิ้ม ต่างจากศิลาที่ยังคงแสดงใบหน้าเบื่อหน่ายเช่นเคย เขาพาเธอมาตามจุดท่องเที่ยวตามรายการสถานที่เที่ยวที่พ่อของเขาได้ทำการบังคับว่าต้องพาอัญญามาให้ได้ และต้องมีหลักฐานว่ามาแล้วจริง ๆ เขาไม่ได้ยกมือถือขึ้นมาถ่ายเก็บภาพ เขารู้ว่าถ้าอัคคีพ่อของเขาจะขอดูรูป คงเลือกที่จะขอจากอัญญา เพราะถ้าเป็นศิลาก็คงคิดว่าหารูปมาจากในอินเทอร์เน็ต “สวยมากเลยค่ะ” คนตัวเล็กยกมือถือขึ้นถ่ายรูปรัว ๆ เธอชอบถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่พ่อสามีมอบให้วันทานข้าวร่วมกันครั้งแรกชูขึ้นเหนือหัว ปรับแสงสีตามต้องการพร้อมกับการกดถ่ายรัว ๆ อัญญาตรวจทานรูปถ่ายฝีมือตัวเอง เธอเหลือบมองศิลาที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น หน้าตาบึ้งตึงของเขาไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาลดน้อยลงเลยสักนิด กลับกันอัญญากลับมองว่าเขาดู

  • ในนามภรรยาของตาย   บทที่ 36

    บทที่ 36 “กรี๊ดดด อย่านะ!” อัญญากรีดร้องเสียงดังลั่น เมื่อศิลาทิ้งตัวลงนั่งคร่อมร่างของเธอเอาไว้ก่อนจะยื่นมือเข้ามาฉีกเกาะอกที่ตอนแรกมันขาดแหว่งออก เธอพยายามผลักอกแกร่งของเขาแต่ศิลาไม่สะทกสะท้านซ้ำยังถอดเสื้อสูทตัวนอกและกระชากเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกจนเม็ดกระดุมกระจัดกระจายไปทั่วพื้นห้อง “ปากดีต่อสิอัญญา ต่อล้อต่อเถียงอีกสิ!!” มือหนาบีบจับคางมนของเธออย่างแรงบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นหา “อะไรเนี่ย” “ฮึก…” “เมื่อกี้ยังไม่ร้องเลยอัญญา” ศิลายกยิ้มอย่างเหยียดหยัน “พี่มันคนใจร้าย” ปากอวบอิ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ น้ำตาไหลช้า ๆ “ทุกครั้งพี่มักจะจบลงด้วยเรื่องพวกนี้ตลอด” “…” “ทำไมเราคุยกันด้วยเหตุผลไม่ได้คะ อัญไม่ได้ผิดจริง ๆแล้วทำไมพี่ถึงต้องเกลียดอัญ” “…” “ทำไมทำกับอัญแบบนี้” ดวงตาคู่สวยสายตากับดวงตาคมดุของเขา แววตาของเธอสั่นระริก “พี่ตอบได้ไหมว่าอัญผิดอะไร” “ผิดที่เป็นเธอไงอัญญา” “…” “ถ้าไม่ใช่เธอทุกอย่างมันจะถูกต้องเสมอ” “เพราะเป็นอัญทุกอย่างเลยไม่มีดีในสายตาพี่เลยใช่ไหม” เธอสะอื้นฮึก “พี่เกลียดอัญขนาดนั้นเลยหรอคะ” “ใช่” “…” “ฉันโคตรเกลียดเธอเลยอัญญา” เขาตอบในต

  • ในนามภรรยาของตาย   บทที่ 8

    บทที่ 8 [Sila’ Past] “ว้าว สวยจัง” เสียงของผู้หญิงที่เดินข้างกายของผมดังไม่หยุดตลอดทาง ตอนนี้ผมอยู่ที่ญี่ปุ่น กำลังเดินเข้าไปในโรงแรมที่ได้ทำการจองไว้ล่วงหน้าโดยพ่อผมเป็นคนจัดการทุกอย่างไว้ให้หมดแล้ว บอกตามตรงโคตรจะเสียเวลาการทำงานเลย สามวันที่ต้องมาติดแหงกอยู่ที่นี่โดยที่ไม่ได้แตะงานที่กองเต็มโต๊ะ กลับไปเอกสารคงกองสูงท่วมหัวแล้วมั้ง “พี่ศิลาดูนั่นสิ” เธอสะกิดแขนผมให้ดูอะไรบางอย่าง ยัยนี่ก็อีกคน ทำเป็นไม่เคยออกไปเที่ยวไหนซะอย่างนั้น บอกให้ปฏิเสธไปแท้ ๆ พอถึงเวลาจริงกลับนั่งเงียบเป็นใบ้ ถามอะไรก็รับทราบไปซะหมด ถ้าให้เลือกระหว่างติดเกาะร้างสามวันกับต้องอยู่กับเธอสามวัน แน่นอนว่าผมเลือกเกาะร้าง อย่างน้อยที่นั่นก็ไม่มีเสียงของยัยนี่ให้ได้ยิน ไม่ต้องเห็นหน้าของเธอไปอีกหลายวัน ที่นั่นคงเป็นเหมือนสวรรค์ของผม อัญญาทำตัวปกติและดูสนุกเกินหน้าเกินตา ทั้งที่ผมนั่งนิ่งไม่ปริปากพูดกับเธอสักคำ ตลอดการเดินทางมาจนถึงญี่ปุ่น มีเพียงเธอคนเดียวที่พยายามชวนคุยไม่เลิก แต่ผมไม่ได้อยากคุยไง จากที่พยายามชวนคุยบ่อยเข้ามันก็ทำให้รำคาญ เธอควรจะรู้ตัวได้สักทีว่าผมเกลียดขี้หน้าเธอมากแค่ไหน น่าเบื

  • ในนามภรรยาของตาย   บทที่ 7

    บทที่ 7 “คุณแม่เรียกอัญมาพบข้างนอก มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” อัญญาเอ่ยถามด้วยความสงสัย ปานวาดมาหาเธอที่บ้านแต่เช้า แต่ก็ยังไม่เช้าเท่าศิลา เพราะรายนั้นออกไปทำงานหลายชั่วโมงแล้ว ขนุนวิ่งขึ้นไปตามเธอที่ห้องบอกคุณปานวาดเรียกพบส่วนตัว ผู้หญิงวัยกลางคนที่ยังคงดูดีเกินกว่าที่ใครจะเชื่อว่าอายุห้าสิบกว่าปีแล้ว มือเรียวยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเบา ๆ ปากสีแดงด้วยลิปสติกสีเข้มยิ้มออกมาเล็กน้อย เธอเรียกอัญญามาหาที่สวนหลังบ้านโดยไม่ให้มีแม่บ้านหรือนนท์พ่อบ้านอยู่ด้วย ปานวาดขอคุยกับเธอเพียงลำพังเท่านั้น “ต้องมีธุระอะไรก่อนหรอถึงจะได้คุยกับเธอ” คำถามของอีกฝ่ายทำเอาอัญญาตะกุกตะกัก “คะ…คือ อัญไม่ได้หมายถึงแบบนั้นค่ะ อัญแค่สงสัยว่าทำไมถึงมาหาแต่เช้าเลย” “เช้าหรอ เธอควรตื่นมาทำอาหารให้ศิลาทานตอนเช้าด้วยซ้ำนะ!” เสียงแหลมพูดด้วยความไม่พอใจ “เป็นเมียแต่ไม่ทำอาหารให้ผัวทาน ไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเองเลยหรือไง!” คนตัวเล็กนั่งนิ่งไป เผลอกำมือแน่นด้วยความตกใจ ปานวาดถอนหายใจเสียงดังเหลือบมองใบหน้าลูกสะใภ้อย่างไม่ชอบใจนัก เธอไม่อยากให้ศิลาแต่งกับตระกูลอัญญาเลยด้วยซ้ำ บริษัทของเสกสรรอยู่ในขั้นวิกฤตแทบจะกอบกู้ข

  • ในนามภรรยาของตาย   บทที่ 6

    บทที่ 6 “เบื่อว่ะ!” น้ำเสียงติดหงุดหงิดของศิลาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้องทำงาน ปัง “แล้วมึงจะมาเพื่อ!” เขตแดนทุบโต๊ะทำงานอย่างหัวเสีย เขานั่งฟังเพื่อนตัวเองพูดคำนี้มาจะสามชั่วโมงแล้ว ‘เขตแดน’ หนุ่มหล่อนักธุรกิจหน้าใหม่ เจ้าของแพลตฟอร์มเกมตัวใหม่ล่าสุดที่กำลังฮิตติดกระแส เพื่อนรักเพื่อนตายของศิลา ทั้งคู่สนิทกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย ตั้งแต่เขตแดนยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ปากกัดตีนถีบขยันทำงานส่งตัวเองเรียน แม้ศิลาจะยื่นมือเข้าไปช่วยสักกี่ครั้งเขาก็จะปฏิเสธอยู่เสมอ จนตอนนี้เป็นโปรแกรมเมอร์ สตรีมเมอร์และผลิตแพลตฟอร์มต่าง ๆจนมีชื่อเสียงโด่งดัง “กูไม่รู้จะไปไหน” “เข้าบริษัทสิ มาหากูทำไม” คิ้วเข้มขมวดหมุ่น “หรือไม่ก็อยู่ปั๊มลูกที่บ้าน” “หึ พูดอะไรไร้สาระ” ศิลาตอบกลับทันควัน “หน้าแบบนั้น… เดินมาแก้ผ้าต่อหน้ากูยังไม่มีอารมณ์เลย” “มึงก็อคติเกิน ถ้าหน้าตาแบบนั้นมึงไม่มีอารมณ์ชาตินี้สเปิร์มมึงก็ไม่ได้ออกมาจากท่อนซุงของมึงหรอก!” เขตแดนพูดตามความจริง เขาพอจะรู้อยู่บ้างว่าเพื่อนตัวเองไม่ได้ต้องการเจ้าสาวคนนี้ เพราะผู้หญิงที่มันอยากได้คือลานิลลูกสาวคนสวยของรัลยา ไม่รู้ว่า

  • ในนามภรรยาของตาย   บทที่ 5

    บทที่ 5 “ไว้คราวหน้าเดี๋ยวเราไปกินข้าวที่บ้านใหญ่แล้วกันนะ” อัคคีบอกกับลูกสะใภ้ “ได้ค่ะ” อัญญายืนรอส่งพ่อแม่และน้องชายของสามีตัวเองขึ้นรถกลับ ส่วนตัวของศิลาเดินกลับเข้าไปด้านในนานแล้ว พอรถตู้คันใหญ่แล่นออกไป อัญญาก็ขยับตัวเดินกลับเข้าในบ้านเช่นกัน “คุณอัญญาคะ” ขนุนวิ่งเข้ามาพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อเธอ “คุณศิลาให้ไปพบที่ห้องค่ะ” “ห้อง?” “ใช่ค่ะ คุณศิลารออยู่ที่ห้องนอนคุณอัญญาค่ะ” คนตัวเล็กพยักหน้ารับอย่างงง ๆ อันที่จริงเธอก็กำลังจะกลับขึ้นไปบนห้องนอนอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องเร่งรีบให้ขนุนวิ่งมาตาม แกร๊ก ประตูไม้เปิดออกเผยให้เห็นแผ่นหลังหนาของศิลาที่กำลังยืนกอดอดหันหลังให้เธอ พอได้ยินเสียงเขาก็รีบหันขวับกลับมา ใบหน้าบึ้งตึงนั่นทำให้เธอรู้สึกได้ว่ากำลังจะโดนเขาต่อว่าอีกครั้ง “พูดไม่รู้เรื่องหรออัญญา!” ไม่เพียงแต่ตะคอกแต่มือใหญ่ที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดนูนของเขากำลังกำต้นแขนของเธอจนรู้สึกเจ็บแปลบ “ฉันบอกว่ายังไง!” “จะ…เจ็บนะคะ” “ตอบ!” “อัญไม่รู้จะปฏิเสธยังไงนี่คะ” อัคคีพูดเชิญชวนซ้ำยังมีท่าทีที่เป็นมิตรขนาดนั้น ใครจะปฏิเสธลง “แค่บอกไม่อยากไปมันพูดยากนักรึไง!” “…”

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status