“ที่มีน่ะหมดหรือยัง?” คราวนี้พิมพิไลรู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าหมายถึงอะไร มือใหญ่เริ่มเคลื่อนไหว ลูบไล้เนื้อตัว หญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ แล้วจากนั้นไฟสวาทก็เริ่มมอดไหม้ทั้งกายและใจของเธอ พิมพิไลถูกปุริมเข้ามาประชิดเป็นเนื้อเดียวกัน สัมผัสร้อนรุ่มพาเอาใจเตลิดเปิดเปิง หญิงสาวล่องลอยไปกับความสุขที่ถูกปรนเปรอ ก่อนจะถูกเหวี่ยงลงมายังพื้นดินพร้อมกับเสียงคำรามข้างหูว่าปุริมได้ลุล่วงสำเร็จแล้ว สายธารอุ่นรินรดอยู่ภายในตัวเธอ พอเขาถอนกายออกมันก็ไหลบ่าออกมาจนเปื้อนผ้าปูที่นอน พิมพิไลจัดการกับร่อยรอยที่เหลือไว้ เหล่มองปุริมที่กำลังสวมเสื้อผ้ากลับไปตามเดิม
“พรุ่งนี้สาย ๆ ฉันจะพาไปโรงพยาบาล” พิมพิไลไม่ได้ถามแม้สีหน้าจะเต็มไปด้วยความสงสัย เธอไม่ได้ป่วย แล้วเหตุใด…
“จะฉีดยาคุมหรือจะฝังก็เลือกเอา” นาทีนั้นลมหายใจสะดุด ไม่กล้าแม้แหงนหน้ามองอีกฝ่าย ปุริมคงไม่อยากมีภาระเพิ่มเติมอย่างที่เคยเอ่ยปาก และเขาเลือกวิธีที่จะทำให้ตัวเองสบายตัวและสบายใจที่สุด พิมพิไลหมดทางเลือก อย่างไรต่อไปนี้ เธอเป็นของปุริมแล้ว ไร้ข้อโต้เถียง ได้แต่ทำตามคำสั่ง ด้วยเธอเองก็ไม่อยากให้ภาระเพิ่มเติมเกิดขึ้นเช่นกัน เธอคงไม่มีทั้งปัญญาและเงินจะเลี้ยงดูให้สิ่งที่เกิดมาได้มีชีวิตสุขสบาย
“ค่ะ คุณปุม”
“อืม…แล้วอีกอย่าง” มือใหญ่ของปุริมช้อนใบหน้านวลให้ขึ้นสบตา
“เธอเป็นของฉันแล้ว อย่าเที่ยวไปชม้ายชายตาให้ผู้ชายคนอื่น ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน เข้าใจไหม?” พิมพิไลไม่เคยทำดังคำกล่าวหานั้น วัน ๆ อยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปไหน ผู้ชายที่พบเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็เห็นจะเป็นลุงแสงกับพี่ยศ และวันนี้มีเพียงเพื่อน ๆ ของปุริมเท่านั้น
“ฉันถาม”
“ขะ…เข้าใจค่ะ”
“อืม ดี” ปุริมใส่กระดุมในรังเม็ดสุดท้าย ก่อนเปิดประตูเดินออกจากห้องไป โดยไม่สนใจคนที่เพิ่งมอบความสุขให้เขาแม้แต่นิด หยดน้ำตาไหลรินร่วงกระทบแก้มอีกครา น่าอดสูยิ่งนัก พิมพิไลได้แต่มองเศษซากผ้ายับยู่ยี่ที่แสดงถึงความหฤหรรษ์ระหว่างชายหญิง ปุริมแค่อยากและเธอคือผู้เติมสนอง เป็นได้เพียงแค่คนในเรือนเบี้ย รอให้ปุริมเข้ามาเชยชมเมื่อเขาปรารถนาเพียงเท่านั้น
ประตูห้องถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ร่างสูงใหญ่ของปุริม
“พี่ยศ!”
“พิม!” ทั้งคู่อยู่ในอาการตกใจ สีหน้าดูวิตกไม่ต่างกัน
“คุณปุม…เขา….เอ่อ…เขา…” ยศไล่สายตาไปยังเตียงนอนสลับกับมองหน้าพิมพิไล ยิ่งเห็นใบหน้ามีหยดน้ำตาเกาะอยู่ ใจยิ่งคิดไปไม่ดี
“คุณปุมเขาทำ…”
“ไม่จ้ะพี่ยศ” พิมพิไลส่ายหน้าจนผมปลิว
“คุณปุมไม่ได้ทำอะไรพิม” แม้เอ่ยไปเช่นนั้น หากก้อนน้ำลายกลับติดอยู่บริเวณคอจนรู้สึกจุกเสียด คล้ายจะอาเจียน
“แล้วทำไมคุณปุมถึง…” ยศมาทันเห็นปุริมเดินสะบัดชายเสื้อออกจากห้องรุ่นน้องสาว
“ถ้าคุณปุมทำอะไรพิมบอกพี่เลย ไม่ต้องกลัว พี่จะ…”
“คุณปุมไม่ได้ทำอะไรจริง ๆ ค่ะ คุณปุมแค่มาเอาของเฉย ๆ” พิมพิไลคงไม่รู้ตัวว่าโกหกไม่เก่งเสียเลย ไอ้อาการหลบหน้าเบี่ยงตัวไปอีกด้านนั้นมันแสดงชัดเจน แต่ยศก็ไม่สามารถเค้นและคั้นอะไรออกจากปากหญิงสาวได้ ในเมื่อพิมพิไลบอกเองว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สัญชาตญาณของเขามันบอกว่าไม่ใช่อย่างนั้น ปุริมลืมของแล้วเข้ามาในห้องพิมพิไลยิ่งไม่ใช่ใหญ่ ยศสับสนเหลือเกิน อยากช่วย แต่อีกฝ่ายกลับยืนกรานว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แล้วเขาจะทำอะไรได้ นอกจากพยักหน้าหงึกหงักไปตามเรื่องแล้วเดินออกจากห้องของหญิงสาวไป
ยศได้แต่ยืนสงสัยอยู่หน้าห้อง คืนนั้นเขานอนไม่หลับด้วยห่วงสาวใช้รุ่นน้อง ถัดมาอีกวันก็ยิ่งเป็นกังวล เมื่อปุริมพาตัวพิมพิไลออกจากบ้านตั้งแต่เช้า ไม่มีใครทราบว่าเจ้านายหนุ่มพาพิมพิไลไปไหน แม้กระทั่งแม่หรือพ่อของเขาก็ไม่สงสัย
“เอ็งจะอยากรู้เรื่องเจ้านายทำไมเจ้ายศ ไป! ไปช่วยพ่อตัดกิ่งไม้นู่นไป มันแซมขึ้นมาไม่สวยได้รูปเหมือนเดิมแล้ว” ยศจึงต้องทิ้งความสงสัยแล้วทำงานของตนเองต่อไป แต่อย่างไรเขาก็จะคอยดูแลระแวดระวังให้พิมพิไล ปุริมไม่ใช่คนช่างพูด และที่ผ่านมาเขานั้นเป็นเจ้านายที่ดีมาโดยตลอด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังเขาอา
บทจบ ในเรือนรักปุริมได้ลูกแฝดผู้หญิงชื่อน้องโฮมและน้องฮัก ปัจจุบันอายุเข้าสี่ขวบ ด้วยเพราะร่างสูงใหญ่ที่ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำขนาดอายุเกือบสี่สิบเขายังมีแรงอุ้มเจ้าก้อนปุ๊กลุกสองก้อนซ้ายขวา เขาได้รางวัลของความแข็งแรงเป็นจุ๊บจากลูกสาวฝาแฝด และศรีภรรยาอีกหนึ่ง แค่นี้คนเป็นพ่อและสามีก็ชื่นใจแล้ว ปุริมปล่อยให้ลูกสาวฝาแฝดวิ่งเล่นในสวนของบ้าน ส่วนตนเองและพิมพิไลก็มานั่งดูลูก ๆ ในศาลาไม้“มื้อค่ำพิมว่าจะลองทำอาหารเกาหลีดูค่ะ ลูกบ่นอยากกิน”“เอาสิ”“พี่ปุมกินได้ใช่ไหม กลัวไม่ถูกปาก”“เมียทำอะไรก็กินหมดล่ะครับ เรื่องมากเดี๋ยวโดนไล่ออกจากห้อง” พูดจบก็โดนฝ่ามือเล็กฟาดเข้าให้ แต่งงานกันมาหลายปีปุริมเปลี่ยนไปเยอะ เขาพูดเก่งขึ้นแต่กับเธอ กับคนอื่นยังตีหน้านิ
“มองเมียตาเยิ้มเลยนะมึง แด-กได้คงทำแล้วล่ะ” ธรรศกระเซ้ายิ้ม ๆ เห็นอาการคลั่งรักของเพื่อนแล้วได้แต่ส่ายหน้าเพราะคนอย่าง ‘ธรรศ ธรรมรงค์’ ไม่มีหัวใจ ไม่มีที่ว่างให้กับความรัก มีเพียงงาน เงินและความสนุกในชีวิตเท่านั้น ไอ้พวกความรักอะไรไร้สาระส่วน ‘ภพ ไตยรัตนา’ ก็คิดไม่ต่างกัน เขาเป็นหนุ่มโสดรักความสนุก ไม่คิดหาห่วงมาคล้องคอแบบปุริม ไม่อยากให้ใครมาเจ้ากี้เจ้าการบงการชีวิต อยู่แบบโสด ๆ โฉด ๆ แบบนี้ สบายตัวสบายใจที่สุดหลังจากสถานะของพิมพิไลเลื่อนมาเป็นเจ้านายจึงขาดตำแหน่งผู้ช่วยแม่บ้านไป ปุริมคิดประกาศหาสาวใช้คนใหม่ หากพิมพิไลห้ามไว้เพราะเธอยังสามารถทำงานที่เคยทำได้เหมือนเดิม
บทที่ 8 ขอบคุณครับพิมพิไลนิ่งงันไปชั่วขณะ หากเมื่อคนตัวสูงหมุนกายให้เข้ามาเผชิญหน้าก็พบว่าสิ่งที่ติดอยู่ตรงโคนนิ้วและดวงตาคมสะท้อนเงาตนเองนั้นคือความจริง น้ำตาไหลลงอีกครั้ง ทว่ามันกลับเต็มไปด้วยความตื้นตันระคนดีใจ พิมพิไลฉีกยิ้มกว้างแล้วโถมกายกอดปุริมเต็มแรง“คุณปุม…”“เรียกพี่ได้แล้ว คุณมันดูห่างเหิน” พิมพิไลยิ้มขบขันเมื่อคนโตกว่าดูจะงอแง“พ…พี่ปุม”“อืม แบบนี้แหละดูใกล้ชิด” เขาพูดเสียงนุ่ม มือใหญ่เอื้อมมาเช็ดคราบน้ำตาจากใบหน้าหวาน สายตาทอแสงความต้องการอันแรงกล้า มันร้อนแรงจนร่างกายผะผ่าว รู้ความหมายดีว่าคืนนี้เธอคงได้ถูกปุริมทำรักจนจมเตียง“ชอบของขวัญวันเกิดที่พี่ให้ไหม?” พิม
“งั้นเรามาช่วยกันทำอาหารให้คุณปุมกินกันดีกว่านะคะ เมื่อวานเห็นบ่นอยากกินแกงเขียวหวานเนื้อตุ๋นฝีมือพิม เดี๋ยวออกไปตลาดเลยดีกว่าค่ะ ประเดี๋ยวฝนฟ้าจะตกเอา”“ค่ะ คุณพิม” ช่วงเย็นปุริมกลับจากทำงาน พิมพิไลรับสูทจากเขาแล้วถูกรั้งไปกอดจนพิมพิไลต้องตีแขน เนื่องจากป้าแสงยืนอยู่ไม่ไกล ปุริมกระตุกยิ้ม ปล่อยคนตัวนุ่มนิ่มให้เป็นอิสระ “วันนี้มีแกงเขียวหวานเนื้อนะคะ จะรับเป็นขนมจีนหรือข้าวดีคะ?”
บทที่ 7 เปลี่ยนสถานะขอบตาร้อนผ่าวเมื่อคิดถึงสถานะของตนเอง เธอก็แค่สาวใช้ในบ้านของปุริมเท่านั้น เป็นเพียงคนในเรือนเบี้ย หากเขาต้องการเมื่อไรแค่เพียงกระดิกนิ้วหรือเคาะประตูเข้ามาหาเธอ ‘อย่าหวังสูง’ คำนี้คงเหมาะกับคนอย่างเธอ พิมพิไลเบี่ยงหน้าหนี ซ่อนหยาดน้ำตาที่ร่วงกระทบผิวแก้ม หญิงสาวทนอยู่กับความเงียบไม่ไหวจึงลุกเดินหมายกลับไปยังที่ของตน หากกลับถูกรั้งแขนไว้ พอแหงนหน้าสบดวงตาคม คิ้วเข้มนั้นขมวดมุ่น“ร้องไห้ทำไม?” พิมพิไลไม่ตอบ เลือกเงียบ เอียงหน้าหนี“ฉันถามก็ตอบ” แรงบีบช่วงแขนหนักขึ้น ตามอารมณ์คุกรุ่นของคนตัวโต พิมพิไลหน้าเหยเก บิดแขนหนีแต่ไม่เป็นผล“คุณปุมอย่ามาสนใจคนใช้อย่างพิมเลยค่ะ” พิมพิไลสะบัดหน้างอน ๆ ปุริมยิ้มมุมปาก เพิ่งจะเคยเห็นท่าทางแง่งอนของสาวเจ้า ปกติให้ทำอะไรก็ทำ ไม่เคยมีปากมีเสียง มาวันนี้กล
มื้อเช้าได้ตั้งสำรับทันเวลาพอดี ปุริมเดินผิวปากลงจากชั้นบนมายังห้องอาหาร ยังไม่ทันได้นั่งลงดี เสียงรถยนต์คันหรูดังขึ้น ปุริมทำหน้าเบื่อมอง ‘ธรรศ’ และ ‘ภพ’ เพื่อนสนิทที่เดินกอดคอเข้ามาในบ้านเขาแต่เช้า“มาทำไม?”“ข้าวต้มทะเล น่ากินว่ะ” คนมาใหม่ไม่ได้ตอบ ทว่ากลับสนใจอาหารแสนธรรมดาตรงหน้า ทั้งธรรศและภพทำราวกับข้าวต้มทะเลคืออาหารภัตตาคารจากเชฟดัง“ผมขอสักถ้วยได้ไหมครับน้องพิม” ธรรศทำเสียงหวานไม่พอ ยังทำตาเยิ้มจนปุริมอยากใช้ส้อมจิ้มลูกตาโปน ๆ นั่นเสียจริง“ผมด้วยนะครับ” ภพเอ่ยยิ้ม ๆ กับสาวใช้ที่ธรรศบอกว่าปุริมกำลังกินอยู่ พอหันไปมองไอ้สมภารที่แอบกินไก่วัด ปุริมตีหน้าขรึมแต่ภพรู้ว่าเพื่อนสนิทกำลังโกรธ“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะคุณธรรศคุณภ