ผมขอเรียกเรื่องราวในอนาคตที่จะเกิดขึ้นว่าชาติที่แล้ว เพราะเป็นเหตุการณ์ก่อนที่ผมจะถูกแฟนเก่าคนโปรดของเฮียเฟยผลักตกน้ำ และย้อนเวลากลับมาในตอนสำคัญเสียด้วย หากไม่มีอะไรผิดพลาด วันนี้จะเป็นวันแรกที่ผมกับเฮียเฟยใช้ชีวิตด้วยการเป็นแฟนกันให้สาวๆ ทั้งมหาวิทยาลัยอิจฉา ตอนนั้นผมขี้อายมาก แทบจะไม่อยากไปไหน เพราะกลัวแฟนคลับของเฮียจะหมายหัว
แต่ถึงจะกลัวก็โดนอยู่ดี ซึ่งผมคนก่อนเลือกจะไม่สู้กลับ แถมไม่ยอมบอกเฮียด้วย คนที่พึ่งพาได้ก็เห็นจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงสองคนเท่านั่น แต่แสงเทียนคนนี้ไม่โง่เหมือนเดิมนะครับ
“กูมารับไปเรียน”
ผมถอนหายใจให้กับความซวยที่มาเยือนแม้จะรู้ล่วงหน้าว่า กลางวันของวันนี้เฮียเฟยจะมาทานข้าวเที่ยงด้วยกัน แต่เรื่องการมารับไปเรียน เหนือความคาดหมายจริงๆ ครับ
“เมื่อวานเงื่อนไขของผมคือผมยังมีอิสระ และคงไม่ผิดถ้าผมจะตอบว่าผมไม่ไปกับคุณ”
ไออุ่นกับทวยเทยยังไม่มา ครั้นจะให้รอก็เกรงว่าจะต้องปะทะคารมกัน ผมจึงเลี่ยงเดินออกมาด้านหน้าหอพัก เพื่อรอรถประจำทาง
“แสงเทียนขึ้นรถกับกูเดี๋ยวนี้”
“ไม่ไป”
เฮียเฟยขึ้นเสียง ผมเองก็ขึ้นเสียงตาม แสดงท่าทางว่าไม่ยอมทำตามที่อีกคนต้องการอย่างแน่นอน มือของเฮียคว้าแขนของผมมันการจับเพื่อให้ผมหยุด ไม่ได้บีบแรงเหมือนเช่นที่เคยทำ ผมหันกลับไปมองหน้าของเฮียเฟย ซึ่งเป็นจังหวะที่คนดึงรั้งแขนของผมกำลังโน้มใบหน้าลงมา
“ถ้าไม่ขึ้นรถกูจะจูบมึงให้ปากบวมตรงนี้แหละ กูไม่อายนะบอกก่อน”
ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ ความโกรธแค้นปะทุขึ้นมาแต่ไม่อาจระบายได้ ในใจนึกอยากชกหน้าสักหมัดแก้แค้นเรื่องที่เคยเกิดขึ้น แต่ไม่เอาดีกว่าไม่อยากมีเรื่อง
“ถามอีกครั้งขึ้นไม่ขึ้น”
“ขึ้นก็ได้ทำไมต้องขู่ด้วย”
ผมจิ๊ปากก่อนจะเดินขึ้นรถ อ้อเฮียเฟยไม่เคยเดินมาเปิดประตูรถให้ผมหรอกนะครับ คนเดียวที่เฮียเปิดประตูรถให้ก็คือคุณหลินฮวาแฟนเก่าคนโปรดที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน เสียดายจังน่าจะตามสืบเรื่องราวของคุณหลินฮวาเอาไว้บ้าง จะได้รู้เขารู้เราเผื่อจะมีทางชนะเขาบ้าง หลังจากที่แพ้ราบคาบในชาติที่แล้ว
“ปกติกินข้าวที่ไหน?”
“ที่ไหนก็ได้ขอให้ถูกเข้าไว้ เพราะผมจน”
ผมส่งข้อความบอกเพื่อนว่าออกมาแล้ว เพื่ออีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องรอ
“มีเรียนกี่โมง?”
“เรื่องของผม”
“ตอบกูดีๆ มึงจะตายไหม?”
เอี๊ยด!!!
เฮียเฟยเบรกรถกะทันหัน ทำให้หน้าผากของผมที่นั่งโดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัยกระแทรกเข้ากับกระจกรถอย่างจัง
“โอ๊ย!!!”
ผมหันขวับไปมองตัวการ แต่จะโทษอีกฝ่ายก็คงได้ไม่เต็มปากนัก เพราะผมเองที่ไม่ระวัง
“สมน้ำหน้า”
“คุณแกล้งผม”
คนขับยังคงลอยหน้าลอยตาไม่ใส่ใจผมซึ่งกำลังลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ
“ใครใช้ให้มึงไม่ระวังเองล่ะ”
ผมเก็บความไม่พอใจไว้ข้างในก่อนหันไปใส่ใจกับบรรยากาศด้านนอกแทน เมื่อหวนคิดถึงความทรงจำก่อนย้อนเวลา หากเช้าวันใดได้มีโอกาสนั่งรถมาเรียนพร้อมเฮียเฟย วันนั้นผมจะตื่นเต้นมาก แม้มันจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
“เทียน!!”
ผมสะดุ้งเมื่อคนนั่งข้างกันเรียกชื่อของผมด้วยเสียงอันดัง พร้อมทั้งใช้มือข้างหนึ่งคว้าแขนของผมและเขย่าเพื่อให้ผมรู้สึกตัว
“เหม่ออะไร”
“เปล่า ผมแค่สงสัยว่าทำไมคุณถึงมาทำดีกับผมตอนนี้”
“ถ้ากูจะบอกว่า...กูถูกชะตากับมึง มึงจะเชื่อไหม?”
แต่ก่อนคงเชื่อ แต่วันนี้ไม่มีทาง ผมคิดในใจก่อนจะส่ายหน้าให้กับความตอแหลของเฮียเฟย ถูกชะตาในวันที่แฟนเก่ายังไม่กลับมาสินะ
“มึงช่วยพูดดีๆ กับกูได้ไหม อย่าชวนกูทะเลาะทุกครั้งที่เห็นหน้าได้รึเปล่า กูเหนื่อย”
“ผมก็ไม่ใช่คนที่อยากทะเลาะนะ คุณอยากให้ผมพูดดีๆ ดูคุณสิ กูมึงทุกคำ แล้วใครมันจะอยากพูดดีๆ ด้วย”
“โอเค กูจะพูดดีๆ งั้นมึงเรียกกูเฮียเฟยห้ามใช้คำว่าคุณ ส่วนกูจะเรียกมึง เทียน เถียนเถียน ดีไหม?”
‘เถียนแปลว่าหวาน เฮียเรียกเถียนเพราะเทียนหน้าหวาน สวยเหมือนผู้หญิง’
จู่ๆ น้ำตาผมก็พาลจะไหลออกมา ผมอยากกอดผู้ชายคนนี้ แต่ผมรู้ดีว่าผู้ครอบหัวใจของเขามีเพียงคุณหลินฮวาเท่านั้น
“เฮ๊ย!!! ซึ้งมากจนพูดไม่ออกรึไง?”
“หึๆ เถียนที่มาจากคำว่าหวาน เรียกผมเถียนเถียน เพราะผมหน้าหวานสินะ”
เฮียเฟยแสดงสีหน้าแปลกใจจนผมสังเกตได้ ผมยิ้มออกมาเย้นหยันตัวเอง ก่อนหน้านั้นคำพูดเหล่านี้เหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ ให้ผมใช้ปลอบใจตัวเอง แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นเพียงคำพูดแสนตลกของคนหลอกลวง
“รีบไปเถอะครับ ผมหิวแล้ว?”
ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากให้ตัวเองจมอยู่กับความเสียใจที่ผ่านมาแล้ว สีหน้าแปลกใจของเฮียเฟยค่อยๆ เปลี่ยนไป ก่อนจะหันไปใส่ใจกับการขับรถ
โรงอาหารกลางในช่วงเช้าผู้คนค่อนข้างหนาตา ส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงานเพราะอาหารที่นี่ถูกและอร่อย โรงอาหารติดแอร์เย็นสบาย นักศึกษาทุนที่ปัจจัยในการดำรงชีพมีจำกัดจึงชอบมาทานอาหารที่นี่
“กินได้ใช่ไหม?”
“คนเยอะเฮียไม่ชอบ ไปที่อื่นกันไหมเดี๋ยวเลี้ยงเอง”
“วันนั้นยังมากินได้ วันนี้มากับผมเลยไม่อยากอยู่ในที่ๆ คนเยอะเหรอครับ”
“ไปสิ กินที่ไหนก็ได้หมดแหละ”
เฮียดับเครื่องยนต์ก่อนจะเดินลงไปด้วยกัน และภาพที่เห็นทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองคิดผิด เพราะโรงอาหารกลางวันนี้กลับเต็มไปด้วยนักศึกษาหลายชั้นปี และนั่นทำให้เราสองคนถูกจับจ้องพร้อมเสียงซุบซิบซึ่งไม่ได้กลัวว่าผมจะได้ยินแม้แต่น้อย
“พี่เฟยคบกับคนนี้จริงเหรอ/ก็น่ารักดีนะ/ไม่เห็นสวยเท่าดาวมนุษย์ฯเลย”
ไม่น่าเลย ไม่น่าเลยจริงๆ
“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะครับ”
การเป็นจุดสนใจจะชาติไหนผมก็ยังไม่ชินสักที จึงขอตัวมาตั้งหลักในห้องน้ำก่อน อย่างน้อยให้ทำใจสักนิดก็ยังดี เมื่อพอทำใจได้ผมจึงเดินกลับออกมา และก็พบกับการทักทายแรกจากแฟนคลับเฮียเฟยที่ไม่ได้ยินดีต้อนรับผมสักเท่าใด ทำไมผมลืมไปได้นะว่าวันแรกของผมกับเฮียมันไม่ได้สวยงาม
“โอ๊ย!!!”
ผมร้องออกมาเมื่อร่างกายถูกของเย็นปะทะเข้าอย่างจัง เสื้อนักศึกษาสีขาวเต็มไปด้วยคราบน้ำหวานสีแดง มันไหลตั้งแต่ไหล่เลยลงไปถึงหน้าท้อง ไหลทะลุชั้นในลงไปทักทายสองไข่เย็นไปถึงหัวใจเลยทีเดียว
“ขอโทษนะคะพอดีไม่ทันเห็นน่ะค่ะว่ามีใครโผล่ออกมา”
นี่มันตั้งใส่สาดน้ำหวานใส่กันชัดๆ คนพูดน่าจะเป็นรุ่นน้องหรือไม่ก็รุ่นเดียวกัน พอพูดจบก็เตรียมหันหลังเดินจากไป แต่ผมไม่ยอมหรอกขอเอาคืนบ้างก็แล้วกัน ถังขยะหน้าห้องน้ำมีแก้วเครื่องดื่มที่ภายในบรรจุของเหลวสีเดียวกัน ผมจึงหยิบขึ้นมาและจัดการสาดกลับทันที
กรี๊ด!!!!!!!
ราวกับผีโดนน้ำมนต์ หึๆ ชาติที่แล้วผมยืนมองแผ่นหลังผู้หญิงคนนี้แม้จะรู้สึกว่าคำขอโทษนั้นดูปลอมสิ้นดี และมันแตกต่างจากแววตาสะใจ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าการตอบโต้บ้างมันก็สะใจไม่แพ้กัน
“แก....”
ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าหาผมทั้งยังเตรียมฟาดมือลงมา ผมคิดว่าผมพอรับมือได้ แขนข้างหนึ่งยกขึ้นโดยอัตโนมัติ เพื่อเตรียมป้องกันตัวก่อนจะหลับตาปี๋
“ปล่อยนะคะ”
“อย่ายุ่งกับคนของกู”
ไม่มีแรงปะทะใดๆ บนสองแก้ม ผมจึงลืมตาขึ้นมา ภาพที่เห็นคือเฮียเฟยกำลังจับแขนผู้หญิงคนนั้น และผลักให้ออกห่างตัวราวกับว่ารังเกียจหนักหนา
“พี่เฟย....ทำแบบนี้กับอายได้ยังไงคะ อายเป็นแฟนพี่นะ”
“นอนด้วยกันครั้งสองครั้งกูไม่นับว่าเป็นแฟน อ้อ...แล้วอย่ายุ่งกับแฟนกูอีก ถ้าไม่ฟังอย่าหาว่ากูไม่เตือน”
“พี่เฟ...”
“หุบปาก”
ผู้หญิงคนนั้นที่แท้ก็เคยคั่วกันนี่เอง นั่นสินะถ้าไม่เคยอะไรๆ กัน คงไม่ทำแบบนี้กับผมหรอก
เฮียเฟยจับมือผมและพาเดินออกมาด้วยกัน ผมมองแผ่นหลังของเฮียเฟยที่อยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งก้าว มองดูมือของเราที่จับกันด้วยน้ำตาคลอหน่วย มันอบอุ่นหัวใจและมีความสุขมาก ทว่าความสุขนี้มันไม่ได้ยาวนาน ผมก็คงเหมือนผู้หญิงคนนั้น นอนด้วยกันครั้งสองครั้งไม่นับเป็นแฟน
“โห ราวกับพระเอก”
“เห็นไปนานเฮียเลยมาตาม ไปเปลี่ยนเสื้อไหมเลอะหมดแล้ว”
“แฟนเก่าเยอะจัด แล้วนี่มีกี่คนผมจะได้เตรียมรับมือทัน”
ผมไม่ตอบคำถามแต่เลือกจะแซะเฮียต่อ คนขายาวชะงักเท้า ก่อนจะหันมามองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“อยากรู้เรื่องของเฮียขึ้นมาแล้วเหรอ? เอาไว้วันหลังเฮียจะลิสต์รายการให้เช็คเลยดีไหม?”
“ถ้าผมไม่รู้จักคุณมาก่อน ผมคงจะหลงรักคุณหัวปรักหัวปรำ”
“เทียน...เราเคยรู้จักกันมาก่อนเหรอ”
“ครับ ผมรู้จักคุณดีทีเดียว บางทีอาจรู้จักคุณดีกว่าคุณรู้จักตัวเองซะอีก”
ผมดึงมือตัวเองกลับจากการกอบกุมของเฮีย และเดินนำหน้าเพื่อไปยังด้านนอกของโรงอาหาร ส่วนหนึ่งเพราะชุดนักศึกษาของผมตอนนี้เต็มไปด้วยสีแดงจากการระรานของแฟนเก่าเฮียเฟย
“ช่วยพาผมไปซื้อชุดแถวร้านหน้ามอได้ไหมครับ”
ไม่มีทางเลือกนอกจากขอร้องคนบังคับพวงมาลัย เพื่อให้พาผมไปซื้อเสื้อนักศึกษาตัวใหม่ เพราะหากย้อนกลับไปเปลี่ยนที่หอพักคงเสียเวลา ร้านรวงแถวหน้ามอเปิดบริการตั้งแต่เช้าตรู่
ผมใช้เวลาไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย แต่ก็ได้รับข้อความจากทวยเทพว่าอาจารย์ยกคลาสจะมีเรียนอีกทีคือช่วงบ่ายสามโมง
“ช่วยไปส่งผมที่หอสมุดได้ไหมครับ พอดีอาจารย์ยกคลาส”
“เฮียจะไปถ้าขอร้องเฮียดีๆ”
เอาแล้วสิ ผมไม่เคยรู้ว่าเฮียเฟยมีมุมนี้กับเข้าด้วย ไอ้ที่ว่าขอร้องดีๆ มันต้องประมาณไหนกัน
“เฮียช่วยไปส่งผมที่หอสมุดหน่อยครับ”
“ไม่อะ ยังไม่ประทับใจ”
ผมถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ก่อนจะหันไปมองหน้าคนขับรถที่ยิ้มแต้ราวกับเป็นผู้ชนะในสงครามกู้ชาติ
“เฮียเฟยครับ ขอความกรุณาไปส่งผมที่หอสมุดได้ไหมครับ?”
“เต็มสิบให้สอง”
อะไรนักหนาวะ กะแค่ไปส่งหอสมุด ผมยังไม่ยอมพูดทั้งยังมองหน้าคนนั่งข้างกันด้วยความไม่พอใจ ถามว่าเฮียรู้สึกอะไรไหม เปล่าเลย
“พูดตามเฮียนะ เฮียเฟยขา ช่วยไปส่งเทียนที่หอสมุดได้ไหมคะ”
“ประสาท”
ผมไม่พูดหรอก ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ จะให้คะขาได้ยังไงกัน ใจนึงอยากลงรถและรอรถประจำทาง แต่เกือบลืมไปว่าหน้ามอซอยนี้มันอยู่ไกลจากถนนเส้นหลัก ฮึ่ม!!!!!
“เฮียเฟยขา ช่วยไปส่งเทียนที่หอสมุดได้ไหมคะ”
เฮียเฟยยิ้มออกมาด้วยความชอบใจ ก่อนจะทำสีหน้าเจ้าเล่ห์มองผมด้วยสีหน้ายียวน มันน่าหยุมจมูกสักทีดีไหม
“ผมเคยสงสัยถึงสาเหตุที่ทำให้ผมย้อนเวลากลับมา มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่คนธรรมดาอย่างผมจะมีพลังวิเศษพาตัวเองย้อนกลับมาแก้ไขอดีต แต่ที่ผมย้อนกลับมาอาจเป็นเพราะผมยังติดค้างบางสิ่งบางอย่างกับใครบางคน” แสงเทียนหลับสนิทเพราะใช้เรี่ยวแรงไปมาก เฟยหลงเองก็ไม่ยอมปล่อยแสงเทียนออกจากอ้อมกอด ชายหนุ่มแนบหน้าของตนเข้ากับหน้าผากเนียน ก่อนจะใช้มืออีกข้างเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เปลือกตาสีอ่อนบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยอาการบวมแดง เฟยหลงไล้ปลายนิ้วสัมผัสมันเพื่อปลอบประโลม ก่อนโน้มตัวจุมพิตเปลือกตานั้นอย่างแผ่วเบา รถตู้สีดำทะเบียนประมูลเคลื่อนตัวมาจอดด้านหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ชัชชัยรีบนำผ้าห่มมาให้เจ้านาย เฟยหลงใช้มันคลุมร่างให้คนร้องไห้จนหลับไป คนตัวเล็กหลับสนิทเมื่อถูกเฟยหลงอุ้มขึ้นชั้นบน และการกระทำนั้นอยู่ภายใต้การจับจ้องของหลินฮวา แม้จะมองใบหน้าคนในอ้อมกอดของเฟยหลงไม่ชัด แต่ก็พอรู้ว่าคือผู้ใด “ป้าเนียมจ๊ะ ป้าเนียม” หนึ่งในสาวรับใช้วิ่งมาแจ้งข่าวด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ด้วยคนที่พวกเขาเฝ้าคิดถึงกลับมาแล้ว แม้จะงงอยู่บ้างที่แสงเทียนถูกอุ้มขึ้นชั้นบ
“ผมตัดสินใจกดบล็อกสาย และทุกช่องทางการติดต่อจากเฮียเฟย เมื่อความสำคัญลดลงลูกน้องอย่างคุณชัชที่ทำหน้าที่ดูแลผมก็หายไปด้วย หากเป็นเมื่อก่อนผมคงบุกไปสอบถามความจริงจากปากเฮียเฟย หรือไม่ก็โวยวายเรียกร้องความสนใจ แต่สำหรับชาตินี้ การเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้จากไปแบบเงียบๆ ไม่ต้องสู้รบปรบมือกันให้วุ่นวาย และหากพบคนที่ดีผมก็พร้อมจะให้โอกาสและเริ่มต้นใหม่เสียที” คฤหาสน์หลังใหญ่ดูเงียบเหงาลงถนัดตา เมื่อขาดแสงเทียนไป ป้าเนียมพร้อมสาวใช้พากันบ่นถึงชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในตำแหน่งคนรักของเจ้านาย ตลอดระยะเวลาเกือบสองปีที่แสงเทียนอยู่ที่นี่ คฤหาสน์หลังนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความมีชีวิตชีวา “คุณเทียนชอบทานแกงจืดแตงกวายัดไส้ เห็นแบบนี้แล้วคิดถึงคุณเทียนนะป้า ป่านนี้จะทานข้าวเช้ารึยังก็ไม่รู้ คุณเทียนเธอไม่ค่อยทานต้องถูกคุณเฟยบังคับให้ทานอยู่บ่อยๆ ตอนคุณๆทั้งคู่อยู่ด้วยกันหนูอดอมยิ้มตามไม่ได้เลยค่ะ” หนึ่งในสาวรับใช้พูดเสียยืดยาว ทั้งยังหยิบถ้วยชามออกมาและจัดวางบนโต๊ะอาหาร สาวใช้อีกคนแสดงสีหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเข้าช่วยงานอีกคน ป้าเนียมเองก็ย
แสงเทียนมาทำงานด้วยใบหน้าไม่ได้แช่มชื่นนัก เพราะตั้งแต่ที่เฟยหลงกลับไป แสงเทียนก็นอนไม่หลับจนกระทั่งสว่างคาตา กาแฟรสขมจึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกเลือกใช้ หวังว่าจะทำให้สดชื่นขึ้นบ้าง “ไงแกหนักเลยเหรอเมื่อคืน ฉันเห็นนะว่าผัวแกมาหา” ทวยเทพเอ่ยเย้าเพื่อนรักเมื่อเห็นว่าแสงเทียนมีอาการงัวเงียทั้งยังขอบตาดำคล้ำ เหมือนกรำศึกหนักมาทั้งคืน “เก็บปากไว้กินข้าวเถอะเทพ” คนเย้าเพื่อนหัวเราะขำขันเมื่อเห็นว่าคำพูดของตนกวนอารมณ์เพื่อนได้ ก่อนแยกย้ายประจำตำแหน่งของตัวเอง แสงเทียนใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าคางกับโต๊ะ ทั้งยังยกกาแฟขึ้นจิบเพราะตัวเขาไม่ค่อยถูกใจรสขมมากนัก “เป็นอะไรทำไมเศร้าจัง” “เปล่า...ไม่มีอะไร เราแค่นอนไม่หลับ” ไออุ่นไม่ได้เซ้าซี้ หญิงสาวทำเพียงตบบ่าแสงเทียนเบาๆ ก่อนแยกย้ายกันทำงาน ช่วงพักกลางวันแสงเทียนโทรหาน้องชายเพื่อแจ้งว่า เย็นนี้จะเข้าไปรับประทานมื้อเย็นด้วยกัน [งั้นพี่เทียนช่วยแวะซื้อปูม้ากลับมาด้วยได้ไหม เห็นเจ้สวยบ่นมาหลายวันว่าอยากกินยำปูม้า] “
“ผมเฝ้าถามตัวเองว่า สาเหตุที่สวรรค์ให้ผมย้อนเวลากลับมาเพราะอะไรกัน ผมเคยอ่านนิยายเกี่ยวกับตัวเอกที่ได้สิทธิ์ย้อนเวลากลับมาแก้ไขเรื่องราวในอดีต จากคนที่ถูกเกลียดกลับกลายเป็นคนที่ใครๆ ก็รุมรัก หรือไม่ก็กลับมาพร้อมอำนาจต่อรองที่ตัวร้ายไม่มีทางเอาชนะตัวเอกได้ แต่กับผมนั้นเหมือนสวรรค์ให้ย้อนกลับมาเพื่อรับความเจ็บปวดอีกครั้ง โดยที่ผมก็เต็มใจ สวรรค์ท่านจะผิดหวังกับการให้ผมย้อนเวลากลับมาไหมครับ? เป็นคำถามที่ผมไม่น่าถาม เพราะตัวผมเองก็ยังผิดหวังกับตัวเองเช่นกัน” วันนี้คือวันเดินทางมาถึงของหลินฮวา เฟยหลงสั่งให้ชัชชัยไปรับหญิงสาวที่สนามบิน เนื่องจากตัวเขาติดประชุมกับคณะกรรมการผู้ถือหุ้น ลูกน้องคนสนิทแปลกใจเมื่อเจ้านายสั่งให้พาหลินฮวากลับไปยังคฤหาสน์ จึงได้ถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “นายครับ...ถ้าคุณเทียนรู้ล่ะครับ?” “สั่งอะไรก็ทำตามนั้นไม่ต้องถามให้มากความ” คนรับคำสั่งกำลังจะเดินออกไป แต่ยังไม่ทันพ้นประตูเฟยหลงก็รีบเดินตาม และบอกกับลูกน้องว่าจะไปรับหลินฮวาด้วยตัวเอง ส่วนชัชชัยให้นำช่อดอกไม้ไปให้แสงเทียน พร้อมทั้งให้เขียนการ์ดแนบก
“สวัสดีครับ” มันเป็นคำทักทายทั่วไป หากแต่เสียงจากปลายสายที่ตอบกลับมาทำให้หัวใจของเฟยหลงสั่นไหวจนไม่อาจนั่งอยู่กับที่ได้อีกแล้ว [เฟย...นี่หลินเอง หลินฮวา/ หลินเอาโทรศัพท์มาพ่อจะคุยเอง] คล้ายโทรศัพท์ของคนปลายสายถูกเปลี่ยนมือไปยังผู้สนทนาคนใหม่ เฟยหลงตั้งใจฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรอย่างจดจ่อ [เฟยหลงนี่อาเอง อามีเรื่องจะขอร้อง] “ครับ” [ช่วยดูแลหลินฮวาแทนอาได้ไหม ธุรกิจอาล้ม ตระกูลฝ่ายนั้นไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วย...อาไม่ไหวแล้วเฟย] ตระกูลฝ่ายนั้นที่ถูกกล่าวถึงคงหมายถึง ตระกูลที่เสี่ยไช้ยอมส่งบุตรสาวไปแต่งงานด้วย เพื่อหวังว่าจะช่วยอุ้มชูธุรกิจของครอบครัว แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเพียงไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่ ไม่มีใครช่วยใครได้ เพราะตระกูลนั้นมีเพียงชื่อเสียงจอมปลอม “อาไช้ครับ อาต้องสู้สิครับ อาจะกลับไทยตอนไหนผมจะให้คนไปรอรับ” [อาคงไม่กลับไทยอีกแล้ว ฝากหลินฮวาลูกสาวคนเดียวของอาด้วยจะเฟย นอกจากอาแล้วคงมีแต่เฟยเท่านั้นที่พอจะปกป้องหลินฮวาได้] เพราะวงการธุรกิจไม่มีคำว่าให
“ย้ายไปอยู่กับเฮียได้ไหม? เพื่อความปลอดภัยของเถียน” “เฮียเฟย...เทียนถามได้ไหม? ที่ทำแบบนี้เพราะรักรึเปล่า” เฟยหลงถอนหายใจออกมาอย่างยากลำบาก เขาไม่ใช่คนชอบโกหก เรื่องที่ออกจากปากล้วนเป็นเรื่องจริง “เฮียไม่อยากบอกเทียนตอนนี้ เพราะหัวใจของเฮียยังมีคนอื่นอยู่ แต่จะรอบอกว่าเฮียรักในวันที่ทั้งใจของเฮียเป็นของเทียน” แสงเทียนดวงตาวูบไหว ก่อนที่น้ำตาเริ่มคลอหน่วย อย่างน้อยเฮียเฟยในชาตินี้ยังทำทุกอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้ซับซ้อนเช่นชาติที่แล้ว “สมมุตินะครับ ถ้าวันนึงคนที่อยู่ในใจของเฮียกลับมา เฮียจะทำยังไงกับเทียน” แสงเทียนถามในเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะหากเขายอมย้ายไปอยู่กับเฟยหลง ก็เท่ากับยอมรับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้น แต่หากไม่ยอมไปอยู่กับอีกฝ่ายเอกธาราคงไม่ยอมรามือง่ายๆ “ผู้หญิงคนนั้นอาจสำคัญกับเฮียแต่มันเป็นเรื่องของอดีต หากพบเจอกันผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีทางสำคัญไปกว่าเถียนเถียนแน่นอน” “จำคำนี้ของเฮียเฟยไว้นะครับ ถ้าวันนั้นคุณหลินฮวากลับมาจริงๆ หวังว่าเฮียจะยังจำคำพูดนี้ได้น