LOGINผมขอเรียกเรื่องราวในอนาคตที่จะเกิดขึ้นว่าชาติที่แล้ว เพราะเป็นเหตุการณ์ก่อนที่ผมจะถูกแฟนเก่าคนโปรดของเฮียเฟยผลักตกน้ำ และย้อนเวลากลับมาในตอนสำคัญเสียด้วย หากไม่มีอะไรผิดพลาด วันนี้จะเป็นวันแรกที่ผมกับเฮียเฟยใช้ชีวิตด้วยการเป็นแฟนกันให้สาวๆ ทั้งมหาวิทยาลัยอิจฉา ตอนนั้นผมขี้อายมาก แทบจะไม่อยากไปไหน เพราะกลัวแฟนคลับของเฮียจะหมายหัว
แต่ถึงจะกลัวก็โดนอยู่ดี ซึ่งผมคนก่อนเลือกจะไม่สู้กลับ แถมไม่ยอมบอกเฮียด้วย คนที่พึ่งพาได้ก็เห็นจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงสองคนเท่านั่น แต่แสงเทียนคนนี้ไม่โง่เหมือนเดิมนะครับ
“กูมารับไปเรียน”
ผมถอนหายใจให้กับความซวยที่มาเยือนแม้จะรู้ล่วงหน้าว่า กลางวันของวันนี้เฮียเฟยจะมาทานข้าวเที่ยงด้วยกัน แต่เรื่องการมารับไปเรียน เหนือความคาดหมายจริงๆ ครับ
“เมื่อวานเงื่อนไขของผมคือผมยังมีอิสระ และคงไม่ผิดถ้าผมจะตอบว่าผมไม่ไปกับคุณ”
ไออุ่นกับทวยเทยยังไม่มา ครั้นจะให้รอก็เกรงว่าจะต้องปะทะคารมกัน ผมจึงเลี่ยงเดินออกมาด้านหน้าหอพัก เพื่อรอรถประจำทาง
“แสงเทียนขึ้นรถกับกูเดี๋ยวนี้”
“ไม่ไป”
เฮียเฟยขึ้นเสียง ผมเองก็ขึ้นเสียงตาม แสดงท่าทางว่าไม่ยอมทำตามที่อีกคนต้องการอย่างแน่นอน มือของเฮียคว้าแขนของผมมันการจับเพื่อให้ผมหยุด ไม่ได้บีบแรงเหมือนเช่นที่เคยทำ ผมหันกลับไปมองหน้าของเฮียเฟย ซึ่งเป็นจังหวะที่คนดึงรั้งแขนของผมกำลังโน้มใบหน้าลงมา
“ถ้าไม่ขึ้นรถกูจะจูบมึงให้ปากบวมตรงนี้แหละ กูไม่อายนะบอกก่อน”
ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ ความโกรธแค้นปะทุขึ้นมาแต่ไม่อาจระบายได้ ในใจนึกอยากชกหน้าสักหมัดแก้แค้นเรื่องที่เคยเกิดขึ้น แต่ไม่เอาดีกว่าไม่อยากมีเรื่อง
“ถามอีกครั้งขึ้นไม่ขึ้น”
“ขึ้นก็ได้ทำไมต้องขู่ด้วย”
ผมจิ๊ปากก่อนจะเดินขึ้นรถ อ้อเฮียเฟยไม่เคยเดินมาเปิดประตูรถให้ผมหรอกนะครับ คนเดียวที่เฮียเปิดประตูรถให้ก็คือคุณหลินฮวาแฟนเก่าคนโปรดที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน เสียดายจังน่าจะตามสืบเรื่องราวของคุณหลินฮวาเอาไว้บ้าง จะได้รู้เขารู้เราเผื่อจะมีทางชนะเขาบ้าง หลังจากที่แพ้ราบคาบในชาติที่แล้ว
“ปกติกินข้าวที่ไหน?”
“ที่ไหนก็ได้ขอให้ถูกเข้าไว้ เพราะผมจน”
ผมส่งข้อความบอกเพื่อนว่าออกมาแล้ว เพื่ออีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องรอ
“มีเรียนกี่โมง?”
“เรื่องของผม”
“ตอบกูดีๆ มึงจะตายไหม?”
เอี๊ยด!!!
เฮียเฟยเบรกรถกะทันหัน ทำให้หน้าผากของผมที่นั่งโดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัยกระแทรกเข้ากับกระจกรถอย่างจัง
“โอ๊ย!!!”
ผมหันขวับไปมองตัวการ แต่จะโทษอีกฝ่ายก็คงได้ไม่เต็มปากนัก เพราะผมเองที่ไม่ระวัง
“สมน้ำหน้า”
“คุณแกล้งผม”
คนขับยังคงลอยหน้าลอยตาไม่ใส่ใจผมซึ่งกำลังลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ
“ใครใช้ให้มึงไม่ระวังเองล่ะ”
ผมเก็บความไม่พอใจไว้ข้างในก่อนหันไปใส่ใจกับบรรยากาศด้านนอกแทน เมื่อหวนคิดถึงความทรงจำก่อนย้อนเวลา หากเช้าวันใดได้มีโอกาสนั่งรถมาเรียนพร้อมเฮียเฟย วันนั้นผมจะตื่นเต้นมาก แม้มันจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
“เทียน!!”
ผมสะดุ้งเมื่อคนนั่งข้างกันเรียกชื่อของผมด้วยเสียงอันดัง พร้อมทั้งใช้มือข้างหนึ่งคว้าแขนของผมและเขย่าเพื่อให้ผมรู้สึกตัว
“เหม่ออะไร”
“เปล่า ผมแค่สงสัยว่าทำไมคุณถึงมาทำดีกับผมตอนนี้”
“ถ้ากูจะบอกว่า...กูถูกชะตากับมึง มึงจะเชื่อไหม?”
แต่ก่อนคงเชื่อ แต่วันนี้ไม่มีทาง ผมคิดในใจก่อนจะส่ายหน้าให้กับความตอแหลของเฮียเฟย ถูกชะตาในวันที่แฟนเก่ายังไม่กลับมาสินะ
“มึงช่วยพูดดีๆ กับกูได้ไหม อย่าชวนกูทะเลาะทุกครั้งที่เห็นหน้าได้รึเปล่า กูเหนื่อย”
“ผมก็ไม่ใช่คนที่อยากทะเลาะนะ คุณอยากให้ผมพูดดีๆ ดูคุณสิ กูมึงทุกคำ แล้วใครมันจะอยากพูดดีๆ ด้วย”
“โอเค กูจะพูดดีๆ งั้นมึงเรียกกูเฮียเฟยห้ามใช้คำว่าคุณ ส่วนกูจะเรียกมึง เทียน เถียนเถียน ดีไหม?”
‘เถียนแปลว่าหวาน เฮียเรียกเถียนเพราะเทียนหน้าหวาน สวยเหมือนผู้หญิง’
จู่ๆ น้ำตาผมก็พาลจะไหลออกมา ผมอยากกอดผู้ชายคนนี้ แต่ผมรู้ดีว่าผู้ครอบหัวใจของเขามีเพียงคุณหลินฮวาเท่านั้น
“เฮ๊ย!!! ซึ้งมากจนพูดไม่ออกรึไง?”
“หึๆ เถียนที่มาจากคำว่าหวาน เรียกผมเถียนเถียน เพราะผมหน้าหวานสินะ”
เฮียเฟยแสดงสีหน้าแปลกใจจนผมสังเกตได้ ผมยิ้มออกมาเย้นหยันตัวเอง ก่อนหน้านั้นคำพูดเหล่านี้เหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ ให้ผมใช้ปลอบใจตัวเอง แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นเพียงคำพูดแสนตลกของคนหลอกลวง
“รีบไปเถอะครับ ผมหิวแล้ว?”
ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากให้ตัวเองจมอยู่กับความเสียใจที่ผ่านมาแล้ว สีหน้าแปลกใจของเฮียเฟยค่อยๆ เปลี่ยนไป ก่อนจะหันไปใส่ใจกับการขับรถ
โรงอาหารกลางในช่วงเช้าผู้คนค่อนข้างหนาตา ส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงานเพราะอาหารที่นี่ถูกและอร่อย โรงอาหารติดแอร์เย็นสบาย นักศึกษาทุนที่ปัจจัยในการดำรงชีพมีจำกัดจึงชอบมาทานอาหารที่นี่
“กินได้ใช่ไหม?”
“คนเยอะเฮียไม่ชอบ ไปที่อื่นกันไหมเดี๋ยวเลี้ยงเอง”
“วันนั้นยังมากินได้ วันนี้มากับผมเลยไม่อยากอยู่ในที่ๆ คนเยอะเหรอครับ”
“ไปสิ กินที่ไหนก็ได้หมดแหละ”
เฮียดับเครื่องยนต์ก่อนจะเดินลงไปด้วยกัน และภาพที่เห็นทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองคิดผิด เพราะโรงอาหารกลางวันนี้กลับเต็มไปด้วยนักศึกษาหลายชั้นปี และนั่นทำให้เราสองคนถูกจับจ้องพร้อมเสียงซุบซิบซึ่งไม่ได้กลัวว่าผมจะได้ยินแม้แต่น้อย
“พี่เฟยคบกับคนนี้จริงเหรอ/ก็น่ารักดีนะ/ไม่เห็นสวยเท่าดาวมนุษย์ฯเลย”
ไม่น่าเลย ไม่น่าเลยจริงๆ
“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะครับ”
การเป็นจุดสนใจจะชาติไหนผมก็ยังไม่ชินสักที จึงขอตัวมาตั้งหลักในห้องน้ำก่อน อย่างน้อยให้ทำใจสักนิดก็ยังดี เมื่อพอทำใจได้ผมจึงเดินกลับออกมา และก็พบกับการทักทายแรกจากแฟนคลับเฮียเฟยที่ไม่ได้ยินดีต้อนรับผมสักเท่าใด ทำไมผมลืมไปได้นะว่าวันแรกของผมกับเฮียมันไม่ได้สวยงาม
“โอ๊ย!!!”
ผมร้องออกมาเมื่อร่างกายถูกของเย็นปะทะเข้าอย่างจัง เสื้อนักศึกษาสีขาวเต็มไปด้วยคราบน้ำหวานสีแดง มันไหลตั้งแต่ไหล่เลยลงไปถึงหน้าท้อง ไหลทะลุชั้นในลงไปทักทายสองไข่เย็นไปถึงหัวใจเลยทีเดียว
“ขอโทษนะคะพอดีไม่ทันเห็นน่ะค่ะว่ามีใครโผล่ออกมา”
นี่มันตั้งใส่สาดน้ำหวานใส่กันชัดๆ คนพูดน่าจะเป็นรุ่นน้องหรือไม่ก็รุ่นเดียวกัน พอพูดจบก็เตรียมหันหลังเดินจากไป แต่ผมไม่ยอมหรอกขอเอาคืนบ้างก็แล้วกัน ถังขยะหน้าห้องน้ำมีแก้วเครื่องดื่มที่ภายในบรรจุของเหลวสีเดียวกัน ผมจึงหยิบขึ้นมาและจัดการสาดกลับทันที
กรี๊ด!!!!!!!
ราวกับผีโดนน้ำมนต์ หึๆ ชาติที่แล้วผมยืนมองแผ่นหลังผู้หญิงคนนี้แม้จะรู้สึกว่าคำขอโทษนั้นดูปลอมสิ้นดี และมันแตกต่างจากแววตาสะใจ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าการตอบโต้บ้างมันก็สะใจไม่แพ้กัน
“แก....”
ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าหาผมทั้งยังเตรียมฟาดมือลงมา ผมคิดว่าผมพอรับมือได้ แขนข้างหนึ่งยกขึ้นโดยอัตโนมัติ เพื่อเตรียมป้องกันตัวก่อนจะหลับตาปี๋
“ปล่อยนะคะ”
“อย่ายุ่งกับคนของกู”
ไม่มีแรงปะทะใดๆ บนสองแก้ม ผมจึงลืมตาขึ้นมา ภาพที่เห็นคือเฮียเฟยกำลังจับแขนผู้หญิงคนนั้น และผลักให้ออกห่างตัวราวกับว่ารังเกียจหนักหนา
“พี่เฟย....ทำแบบนี้กับอายได้ยังไงคะ อายเป็นแฟนพี่นะ”
“นอนด้วยกันครั้งสองครั้งกูไม่นับว่าเป็นแฟน อ้อ...แล้วอย่ายุ่งกับแฟนกูอีก ถ้าไม่ฟังอย่าหาว่ากูไม่เตือน”
“พี่เฟ...”
“หุบปาก”
ผู้หญิงคนนั้นที่แท้ก็เคยคั่วกันนี่เอง นั่นสินะถ้าไม่เคยอะไรๆ กัน คงไม่ทำแบบนี้กับผมหรอก
เฮียเฟยจับมือผมและพาเดินออกมาด้วยกัน ผมมองแผ่นหลังของเฮียเฟยที่อยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งก้าว มองดูมือของเราที่จับกันด้วยน้ำตาคลอหน่วย มันอบอุ่นหัวใจและมีความสุขมาก ทว่าความสุขนี้มันไม่ได้ยาวนาน ผมก็คงเหมือนผู้หญิงคนนั้น นอนด้วยกันครั้งสองครั้งไม่นับเป็นแฟน
“โห ราวกับพระเอก”
“เห็นไปนานเฮียเลยมาตาม ไปเปลี่ยนเสื้อไหมเลอะหมดแล้ว”
“แฟนเก่าเยอะจัด แล้วนี่มีกี่คนผมจะได้เตรียมรับมือทัน”
ผมไม่ตอบคำถามแต่เลือกจะแซะเฮียต่อ คนขายาวชะงักเท้า ก่อนจะหันมามองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“อยากรู้เรื่องของเฮียขึ้นมาแล้วเหรอ? เอาไว้วันหลังเฮียจะลิสต์รายการให้เช็คเลยดีไหม?”
“ถ้าผมไม่รู้จักคุณมาก่อน ผมคงจะหลงรักคุณหัวปรักหัวปรำ”
“เทียน...เราเคยรู้จักกันมาก่อนเหรอ”
“ครับ ผมรู้จักคุณดีทีเดียว บางทีอาจรู้จักคุณดีกว่าคุณรู้จักตัวเองซะอีก”
ผมดึงมือตัวเองกลับจากการกอบกุมของเฮีย และเดินนำหน้าเพื่อไปยังด้านนอกของโรงอาหาร ส่วนหนึ่งเพราะชุดนักศึกษาของผมตอนนี้เต็มไปด้วยสีแดงจากการระรานของแฟนเก่าเฮียเฟย
“ช่วยพาผมไปซื้อชุดแถวร้านหน้ามอได้ไหมครับ”
ไม่มีทางเลือกนอกจากขอร้องคนบังคับพวงมาลัย เพื่อให้พาผมไปซื้อเสื้อนักศึกษาตัวใหม่ เพราะหากย้อนกลับไปเปลี่ยนที่หอพักคงเสียเวลา ร้านรวงแถวหน้ามอเปิดบริการตั้งแต่เช้าตรู่
ผมใช้เวลาไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย แต่ก็ได้รับข้อความจากทวยเทพว่าอาจารย์ยกคลาสจะมีเรียนอีกทีคือช่วงบ่ายสามโมง
“ช่วยไปส่งผมที่หอสมุดได้ไหมครับ พอดีอาจารย์ยกคลาส”
“เฮียจะไปถ้าขอร้องเฮียดีๆ”
เอาแล้วสิ ผมไม่เคยรู้ว่าเฮียเฟยมีมุมนี้กับเข้าด้วย ไอ้ที่ว่าขอร้องดีๆ มันต้องประมาณไหนกัน
“เฮียช่วยไปส่งผมที่หอสมุดหน่อยครับ”
“ไม่อะ ยังไม่ประทับใจ”
ผมถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ก่อนจะหันไปมองหน้าคนขับรถที่ยิ้มแต้ราวกับเป็นผู้ชนะในสงครามกู้ชาติ
“เฮียเฟยครับ ขอความกรุณาไปส่งผมที่หอสมุดได้ไหมครับ?”
“เต็มสิบให้สอง”
อะไรนักหนาวะ กะแค่ไปส่งหอสมุด ผมยังไม่ยอมพูดทั้งยังมองหน้าคนนั่งข้างกันด้วยความไม่พอใจ ถามว่าเฮียรู้สึกอะไรไหม เปล่าเลย
“พูดตามเฮียนะ เฮียเฟยขา ช่วยไปส่งเทียนที่หอสมุดได้ไหมคะ”
“ประสาท”
ผมไม่พูดหรอก ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ จะให้คะขาได้ยังไงกัน ใจนึงอยากลงรถและรอรถประจำทาง แต่เกือบลืมไปว่าหน้ามอซอยนี้มันอยู่ไกลจากถนนเส้นหลัก ฮึ่ม!!!!!
“เฮียเฟยขา ช่วยไปส่งเทียนที่หอสมุดได้ไหมคะ”
เฮียเฟยยิ้มออกมาด้วยความชอบใจ ก่อนจะทำสีหน้าเจ้าเล่ห์มองผมด้วยสีหน้ายียวน มันน่าหยุมจมูกสักทีดีไหม
แสงเทียนหลับในท่านั่ง ร่างกายผูกติดกับเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า ส่วนเจ้สวยยังนอนหลับอยู่บนพื้นสองมือถูกมัดเอาไว้เช่นเดิม ประตูเหล็กถูกเปิดออก พร้อมการก้าวเข้ามาของหลินฮวาและเอกธารา “ปลุกมันให้หลินที” เอกธาราพยักหน้า ลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลังจึงนำถังน้ำเข้ามาและสาดไปยังเจ้สวย คนถูกปลุกด้วยความเย็นของน้ำตื่นขึ้นด้วยความงัวเงีย เมื่อตั้งสติได้ก็ต้องตกใจเพราะพบลูกชายของตนถูกมัดไว้เช่นกัน “ได้คุยกันสักทีนะคะนังเมียน้อย” เจ้สวยถูกพยุงให้ขึ้นนั่งบนเก้าอี้ แต่เพราะฤทธิ์ยาสลบจึงยังไม่ได้สติเต็มที่นัก “หนูคงเป็นลูกสาวของคุณสาลี่สินะ” “ใช่...ฉันเอง ฉันเป็นลูกสาวของแม่สาลี่ผู้หญิงที่แกแย่งสามีไปยังไงล่ะ” ความแค้นดั่งไฟสุมอกถูกเก็บซ่อนมาเนิ่นนาน ถึงเวลาชำระความเสียที “มึงรู้ไหม ว่าแม่กูต้องตรอมใจตายเพียงลำพังเพราะมึงและครอบครัวของมึง” เพียะ!!! หลินฮวาระเบิดเสียงและตบหน้าเจ้สวยเต็มแรง แม้แรงของผู้หญิงจะเทียบไม่ได้กับผู้ชาย แต่ก็ทำเอาหน้าชาได้เหมือนกัน จะเรียกว่าเจ็บ
วราดิเรกสกุลกรุ๊ปชนะการประมูลครั้งประวัติศาสตร์ของไทย นั่นทำให้หุ้นของวราดิเรกสกุลกรุ๊ปพุ่งกระฉูด ชนิดที่ว่ามูลค่าหุ้นต่อหน่วยสูงขึ้นกว่าหนึ่งร้อยเท่า วันนี้เขาจึงนัดเพื่อนออกมาพบกัน นัยหนึ่งเพื่อให้ตัวเองลืมความคิดถึงที่มีต่อแสงเทียน คนที่เขาออกปากไล่ และเป็นคนที่หักหลังเขาโดยการส่งข้อมูลการประมูลไปให้เอกธารา “ทำไมไอ้คัสยังไม่มา” “กูโทรบอกแล้วเดี๋ยวมันก็มา มึงก็ดื่มรอมันก่อน แล้วหลินฮวาของมึงเป็นยังไงบ้าง สร้างปัญหาป่ะ” โอห์มตอบคำถามตามจริง ท่าทีไม่ได้ร้อนรนของโอห์มคือท่าทีเฉพาะตัว ราวไม่สนใจเรื่องราวรอบข้าง เขาขอผ่อนคลายกับบรรยากาศและแอลกอฮอล์รสเลิศดีกว่า แต่ก็ยังมีถามถึงแฟนเก่าของเพื่อนแม้รู้ดีว่าเฟยหลงคงไม่ตอบอะไร แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด “ถูกแสงเทียนทำร้าย” “กูไม่เชื่อว่าน้องเทียนจะทำแบบนั้น” “มึงเชื่อไหมว่าเทียนแอบส่งข้อมูลประมูลงานของกูไปให้ไอ้เอก” “เชี่ย!!! มึงแน่ใจเหรอวะว่าเป็นฝีมือน้องเทียน ถ้าน้องทำจริงแล้วทำไมมึงถึงชนะการประมูล” เขาลืมค
หลินฮวาถูกส่งตัวรักษากับคุณหมอด้านความงามที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ เพื่อหวังรักษาใบหน้าให้กลับมางดงามดังเดิม ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับหลินฮวา เพราะหล่อนรู้ว่าอย่างไรเสียรอยแผลเป็นสามารถรักษาได้ แต่ที่สะใจที่สุดก็คือได้เห็นเฟยหลงเล็งปืนไปยังแสงเทียน มันเป็นประกาศอย่างชัดเจนว่า ผู้ชายคนนี้เป็นของเธอ “ไม่ต้องกังวลนะ หลินจะต้องกลับมาสวยเหมือนเดิม” “แล้วน้องเทียนล่ะค่ะ” “แสงเทียนไม่มีทางทำอะไรหลินได้อีกแล้ว” แสงเทียนกลับลงมาชั้นล่างพร้อมชัชชัย ฝ่ายนั้นแม้จะเดินนำหน้าแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือแสงเทียนให้เป็นอิสระ เขาเป็นห่วงเกรงว่าเจ้านายของตนจะตามมาทำอันตรายแสงเทียน “ขอบคุณนะครับคุณชัช ปล่อยมือผมได้แล้วครับ” “คุณเทียนกลับคฤหาสน์กับผมก่อนนะครับ สักพักนายคงใจเย็นลง” แสงเทียนยิ้มทั้งน้ำตาและดึงมือของตนกลับ กระเป๋าเดินทางที่อยู่ในรถคือเสื้อผ้าของเขาวันที่ยอมตกลงไปอยู่กับเฟยหลง วันนั้นเอาไปเท่าไหร่ก็ตั้งใจขนกลับเท่าเดิม ของขวัญราคาแพงชิ้นอื่นแสงเทียนทิ้งไว้ในห้อง ที่มีติดตัวตอนนี้
แผนการจับตัวคนร้ายที่เฟยหลงวางแผนไว้ดำเนินมาจนถึงตอนจบ หนึ่งในลูกน้องของเอกธาราซึ่งถูกจับและให้การซัดทอดว่า ตัวเองรับคำสั่งจากคนสนิทของเฟยหลงให้นำเข้าสินค้าผิดกฎหมายเหล่านั้น เพื่อหลบเลี่ยงสายตาของเจ้าหน้าที่ จึงแอบยัดปะปนมากับสินค้าจำนวนมาก และแน่นอนว่ายาเสพติดมีมูลค่ามากกว่าของบนเรือหลายเท่านัก “ขอบคุณนะครับที่สารวัตรเดินทางมาด้วยตัวเอง” “สุภาพเชียวนะมึง นี่กูเพิ่งรู้ว่านะว่าพอขึ้นรับตำแหน่งแล้วมึงพูดจารื่นหูขนาดนี้” ตำรวจนายนั้นเดินเข้าไปตบบ่าเฟยหลงด้วยความสนิทสนมกัน ศิวัฒน์ คือทายาทตำรวจตระกูลดังและเป็นตำรวจน้ำดีที่หาได้ยากในปัจจุบัน “เออ...เห็นคนในเครื่องแบบแล้วขนลุกดี มึงสบายดีใช่ไหม?” “ก่อนจะถามเรื่องกู กูถามมึงก่อนแล้วกัน มึงเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายไทยแล้วเหรอวะ ถึงได้ให้กูช่วยเนี่ย” เพราะเฟยหลงไม่เคยให้เรื่องเหล่านี้ถึงมือตำรวจ เขามักจัดการด้วยตัวเอง โดยไม่ยอมให้ตำรวจเข้ามาวุ่นวาย “ที่กูยอมให้เรื่องนี้ถึงตำรวจเพราะว่ากูอยากให้เป็นข่าว ไอ้คนที่มันถูกจับซัดทอดกูแล้วใช่ไหม”
พรุ่งนี้คือวันสุดท้ายของการส่งเอกสารประมูลโครงการยักษ์ใหญ่ของไทย เวลาที่กำหนดคือสิบนาฬิกา หากล่าช้ากว่านั้นระบบจะปิดตัวลง คืนนี้เฟยหลงนั่งประชุมผ่านระบบวิดีโอกับกรรมการผู้ถือหุ้นและผู้เกี่ยวข้อง จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงตีหนึ่ง ชายหนุ่มทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง ทุกคนได้รับคำสั่งห้ามเข้าไปยุ่งวุ่นวายในห้องทำงาน ส่วนแสงเทียนแม้เฟยหลงไม่ได้เอ่ยห้ามก็พอรู้ตัวว่าไม่ควรเข้าไป จิตใจของแสงเทียนกระวนกระวาย เพราะเอกธาราส่งภาพของเจ้สวยและแสงฟ้ามาขู่แทบทุกสิบนาที เป็นนัยว่าให้เร่งทำงานที่สั่งได้แล้ว เพราะไม่อย่างนั้นสองคนที่แสงเทียนรักคงมีอันเป็นไป เฟยหลงแทบไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะเจ้าตัวรู้ว่าไม่ควรวางใจใคร พนักงานที่บริษัทใช่ว่าจะไว้ใจได้ทุกคน ตัวเลขสุดท้ายเขาจึงเป็นผู้ตัดสินใจเพียงผู้เดียว หากชนะการประมูลครั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรกของความสำเร็จในฐานะผู้บริหารอายุน้อยที่สุดในแวดวงธุรกิจ “พวกผมจับตัวน้องชายมันมาแล้วครับ ตอนแรกว่าจะจับแม่มันมาด้วย แต่คนที่แผงผักเยอะเราจึงเปลี่ยนแผนมาจับตัวไอ้เด็กนี่แทน” ลูกน้องสองคนเข้ามารายงา
แสงเทียน ไออุ่นและทวยเทพกำลังนั่งคุยงานกันที่ร้านไอศกรีมเล็กๆ แต่บรรยากาศดี ทันทีที่เพื่อนเห็นสภาพการเดินกรเผลกก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า น่าจะให้พวกตนไปหาที่คฤหาสน์ของเฟยหลง แต่แสงเทียนรู้ดีว่า ฝ่ายนั้นไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวาย เว้นไว้แฟนเก่าคนโปรดคนเดียว “แล้วไปหาหมออีกเมื่อไหร่” ทวยเทพถามพร้อมทั้งตักไอศกรีมเข้าปากหลังจากถามจบ “สัปดาห์หน้ามั้ง จำวันไม่ได้เดี๋ยวไปดูใบนัด ว่าแต่พักหลังมานี้ตัวติดกันตลอดมีอะไรที่เราไม่รู้รึเปล่า?” “เปล่า/ไม่มี” ทวยเทพและไออุ่นพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะเฉไปเรื่องอื่น คนรู้ทันยิ้มทันที เพราะสงสัยมาก่อนหน้านี้ว่าทั้งสองคนมีใจให้กัน แต่ปากหนักทั้งคู่ “เออเทียน แล้วจะกลับยังไง? หรือคุณชัชมารับ” “เราเกรงใจคุณชัชคงกลับเองแหละ ว่าแต่กลับกันเลยไหม?” “เอาสิ” แสงเทียนใช้เวลาอยู่กับเพื่อนไม่ถึงสองชั่วโมง กะว่ากลับไปให้ทันรับประทานมื้อเย็น เพราะตนไม่ได้บอกป้าเนียมไว้ เอกสารที่ต้องฝากให้สำนักพิมพ์ลงนามถูกทวยเทพเก็บไว้อย่างดี บันไดเลื่อนตัวใกล้ส







