แชร์

บทที่ 10

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-02 23:56:03

ยามโหย่ว[1]

หน้าจวนตระกูลหลี่มีบุรุษหนุ่มรูปงามร่างใหญ่โตนั่งอยู่บนอาชาทมิฬสีดำอย่างองอาจ สายตาของเขาจับจ้องประตูจวนด้วยแววตาลึกล้ำ หลายวันก่อนเขาถูกบิดามารดาต่อว่าโดยมีต้นเหตุมาจากสตรีที่ตนรังเกียจ ทำให้เขาไม่กลับบ้านตนเองเป็นเวลาสามวัน ทว่าวันนี้เขากลับมาแล้ว กลับมาด้วยใบหน้าไม่ใคร่จะแจ่มใสเท่าใดนัก บุรุษผู้นั้นคือ หลี่

เหวินหลาง

สามวันที่ผ่านมาเขาต้องนอนที่ค่ายทหารทั้ง ๆ ที่สามารถกลับมานอนที่จวนได้ แต่เขาก็ไม่มา เพียงเพราะกลัวว่าตนจะพลั้งมือทำร้ายลูกรักของบิดามารดาเข้า แต่ว่าวันนี้เขากลับมาแล้ว กลับเพราะทนฟังเสียงชื่นชมของสหายสนิทที่มีต่อไป๋ฟางเซียนไม่ได้

คิดดูเถิด ขนาดนางไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับสหายของเขาเป็นการส่วนตัว ยังทำให้สหายหน้ามึนผู้นั้นพูดถึงนางแทบจะตลอดเวลา กล่าวชมนางไม่หยุดหย่อน จนเขามิสามารถทนฟังเสียงชื่นชมเหล่านั้นได้ จำต้องควบขี่ม้ากลับมาที่จวน นี่ขนาดยังไม่รู้จักกันสหายเขายังเป็นได้ถึงเพียงนี้ หากได้รู้จักและสนิทสนมกันมากเล่า เกรงว่าซูเฉินสหายของเขาคนนี้คงได้หลงใหลสตรีร้ายกาจยากถอนตัวแล้ว  

เพียงแค่คิดถึงชื่อของสตรีที่มีฐานะเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของตน ใบหน้าที่ไม่แจ่มใสในตอนแรกก็กลับกลายเป็นมืดครึ้ม เขาไม่อยู่จวนสามวันไม่รู้ว่าสตรีร้ายกาจนางนั้นเป่าหูอันใดบิดามารดาของตนอีกบ้าง

หลี่เหวินหลางบังคับม้าเข้าไปในประตูจวนที่มีบ่าวเปิดรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเข้ามาแล้วก็ลงจากหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว โดยให้บ่าวรับใช้คนสนิทนามตงผิง นำอาชาทมิฬตัวโปรดไปเก็บไว้ที่คอกส่วนตัวของมัน

“ตงผิง นำเสี่ยวเฮยไปเก็บที่คอก และหาน้ำให้มันกินด้วย” เสี่ยวเฮยคือชื่อของม้าที่เขาควบขี่มานั่นเอง

“ขอรับท่านแม่ทัพ” ตงผิงรับคำ แล้วนำเสี่ยวเฮยเดินแยกจากไปทันที

หลังบ่าวรับใช้คนสนิทและม้าตัวโปรดเดินแยกไปอีกทาง หลี่เหวิน

หลางก็ตรงไปที่เรือนใหญ่ทันที ที่ตรงไปที่นั่นก็เพราะว่าตอนนี้คงได้เวลาอาหารเย็นของจวนแล้ว ที่สำคัญเขาต้องไปคารวะบิดามารดาด้วย เพื่อให้รู้ว่าเขากลับมาแล้ว ไม่นานชายหนุ่มก็เดินมาถึงเรือนใหญ่ที่ว่า

หลี่เหวินหลางได้ยินเสียงใสหัวเราะพูดคุยกับบิดามารดาตนเองอย่างสนุกสนาน พลันรู้สึกไม่พอใจที่เห็นไป๋ฟางเซียนมีความสุข นางมีสิทธิ์อันใดถึงได้ยิ้มแย้มและหัวเราะ ในขณะที่เขาไม่สบายใจคิดเรื่องของนางจนปวดหัวกัน ยิ่งคิดหลี่เหวินหลางก็ยิ่งหงุดหงิด ทว่าต้องรีบปรับอารมณ์ของตนเพราะกลัวว่า หากเข้าไปหาบิดามารดาด้วยใบหน้ามืดครึ้ม เกรงว่าจะโดนต่อว่าอีก

ครั้นปรับสีหน้าให้เรียบนิ่งได้แล้ว หลี่เหวินหลางจึงเดินเข้าไปหาทุกคน เพียงร่างของเขาปรากฏเสียงหัวเราะและพูดคุยก่อนหน้าก็เบาบางลงก่อนจะเงียบไป นี่คืออะไร เขากลายเป็นคนนอกอีกแล้วใช่หรือไม่?

“คารวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ ข้ากลับมาแล้ว” หลี่เหวินหลางเอ่ยทักทายบิดามารดาที่มองมายังตนด้วยสายตาราบเรียบ ทว่าเขาก็รับรู้ได้ถึงความไม่พอใจซุกซ่อนอยู่

“หึ กลับมาแล้วหรือพ่อตัวดี ไม่นอนที่ค่ายทหารของเจ้าไปเลยล่ะ”

“โธ่... ท่านแม่ขอรับ นี่บ้านข้านะขอรับ อย่างไรข้าก็ต้องกลับมา ข้าจะทิ้งบ้านตนเองไปได้เช่นไร”

คำพูดของหลี่เหวินหลางทำให้ไป๋ฟางเซียนมุ่นคิ้วก่อนจะคลายออกอย่างรวดเร็ว คงจะบอกนางอ้อม ๆ สินะว่านี่คือบ้านของเขา นางไม่มีสิทธิ์ แล้วอย่างไร ใครอยากได้กัน นางสร้างใหม่เองก็ได้!

“มาแล้วก็ดี บ้านก็อยู่แค่นี้ทำไมต้องนอนที่ค่ายทหารด้วยก็ไม่รู้” เหลียนฮวาเอ่ยกับบุตรชายด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด

“พอดีต้องฝึกทหารหนักนิดหน่อยน่ะขอรับ ข้าเลยถือโอกาสพักที่นั่นเลย ไม่ต้องไปกลับให้เหนื่อย”

“คิดว่าแม่รู้ไม่ทันลูกหรืออย่างไร หึ” เหลียนฮวาตอบกลับจ้องไปที่บุตรชายอย่างจับผิด แต่หลี่เหวินหลางกลับไม่สะทกสะท้านทั้งยังฉีกยิ้มให้อีกด้วย

“เอาละ เอาละ มาก็ดีแล้ว เรียกให้พ่อครัวหม่าและบ่าวคนอื่นตั้งโต๊ะเถอะ ข้าหิวแล้ว” หลี่เหวินชิงเอ่ยออกมาเป็นอันว่าทุกคนต้องหยุดการสนทนา แล้วเรียกข้ารับใช้ยกอาหารขึ้นโต๊ะทันที  

อาหารแต่ละรายการทยอยขึ้นโต๊ะทีละจานจนหมด หลี่เหวินหลางเมื่อเห็นและได้กลิ่นหอมของอาหารพลันรู้สึกหิวขึ้นมา ครั้นบิดาเริ่มตักอาหาร เขาจึงลงมือกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าทันที  

หลี่เหวินหลางตักกิน คีบกินอย่างไม่สนใจใคร อาหารวันนี้ถูกปากเขาอย่างมาก มันกลมกล่อมและอร่อยเป็นพิเศษ ยามเคี้ยวก็รู้สึกได้ว่ารสชาติของอาหารตลบอบอวลอยู่ในปากจนเขาแทบกลืนลิ้นของตนเอง แม่ทัพหนุ่มอดปรายสายตาไปยังพ่อครัวของจวนที่ยืนอยู่มุมหนึ่งไม่ได้

“อาหารไม่ถูกปากหรือขอรับท่านแม่ทัพ” พ่อครัวหม่าถามอย่างระวัง

“เปล่า อาหารมื้อนี้อร่อยมาก ฝีมือของพ่อครัวหม่าพัฒนาขึ้นใช่หรือไม่” พ่อครัวหม่ายิ้มบางก่อนส่ายหน้าปฏิเสธและตอบกลับว่า

“อาหารสามจานที่คุณชายกินบ่อยที่สุดหาใช่ฝีมือข้าขอรับ”

“มิใช่ฝีมือท่านแล้วเป็นฝีมือใครเล่า” หลี่เหวินหลางสงสัยยิ่ง คิ้วเข้มขมวดน้อย ๆ มือก็ยังตักอาหารตรงหน้าเข้าปากไม่หยุด โดยเฉพาะต้มจืดหมูสับ

“เป็นฝีมือของฮูหยินน้อยขอรับ”

“แค่ก แค่ก! อันใดนะ ท่านว่าฝีมือใครนะ”

“ฝีมือฮูหยินน้อยขอรับ”

ได้ยินคำตอบเดิมของพ่อครัวหม่า หลี่เหวินหลางก็ทำอันใดไม่ถูก อาหารอร่อยถูกปากเขาจริงอยู่หรอก ทว่าพอรู้ว่าใครเป็นคนทำก็ไม่อยากตักเข้าปากเสียนี่ เขามองอาหารสามจานตรงหน้าอย่างชั่งใจว่าควรทำอย่างไรดี

ไป๋ฟางเซียนยิ้มมุมปากเพียงนิดก่อนพูดขึ้นว่า “เห็นท่านพี่ชอบอาหารฝีมือข้า ข้าก็ดีใจเจ้าค่ะ ไว้ข้าจะลงครัวบ่อย ๆ นะเจ้าคะ”

หลี่เหวินหลางเงยหน้ามองคนพูดก็เห็นว่าอีกฝ่ายมองมาที่ตนด้วยสายตาล้อเลียน มุมปากบางแย้มยิ้มอย่างขบขัน ก็รู้สึกหงุดหงิดและรำคาญยิ่ง

หลี่เหวินหลางก้มลงกินข้าวในถ้วยตั้งใจว่าจะไม่ตักอาหารที่ไป๋ฟางเซียนทำอีก แต่เหมือนความอยากที่มีจะไม่เชื่อฟัง เมื่อกลิ่นหอม ๆ ของขาหมูตุ๋นยาจีนโชยเข้าจมูก แม่ทัพหนุ่มก็ใช้ตะเกียบคีบเนื้อหมูขึ้นมากัดกิน ละทิ้งความตั้งใจเดิมของตนทันที

ไป๋ฟางเซียนมองชายหนุ่มยิ้ม ๆ แล้วก็ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก นางก้มหน้าก้มตากินของนางไป บางครั้งก็ตักอาหารให้บิดามารดาบุญธรรมบ้าง การกระทำของนางทำให้แม่ทัพหนุ่มรู้สึกไม่พอใจ  เขารู้สึกขัดใจอย่างมาก

นางตักอาหารให้ท่านพ่อท่านแม่ได้ แล้วตัวเขาเล่า นางมิเห็นตักให้ทั้ง ๆ ที่เขาก็นั่งอยู่ตรงนี้ เขาเป็นสามีนางนะ!

ความคิดของหลี่เหวินหลางแน่นอนว่าไป๋ฟางเซียนไม่รู้ และถึงรู้ก็ไม่คิดจะใส่ใจ จวบจนมื้ออาหารเย็นผ่านไป ทั้งสี่จึงได้แยกย้ายกลับเรือนของตน

[1] ยามโหย่ว คือ 17:00 – 18:59 น.

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 134 จบ

    ไป๋ฟางเซียนที่รับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นเบื้องหลังจึงหันกลับไปมอง ก็พบเห็นสามีของตนใบหน้าเขียวคล้ำสลับแดง เขาหรี่ตามองราวกับคนกำลังจับผิด สายตาของเขาทำเอานางรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เสียงลมหายใจหอบถี่ของผู้เป็นสามีทำให้นางเข้าใจได้ทันทีว่านางทำให้เขาไม่พอใจแล้ว ขณะที่กำลังจะเอื้อนเอ่ย ร่างของผู้เป็นสามีก็สะบัดชายอาภรณ์ตรงกลับไปยังห้องนอน ไป๋ฟางเซียนนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะผุดลุกตามไปขณะเดินไปยังห้องนอนของตน นางก็ขบคิดกับตนเองว่าจะง้องอนเขาเช่นไรดี เขาจึงจะหายจากท่าทางปั้นปึ่งเช่นนั้น แต่คิดไปคิดมาพลันนึกขึ้นได้ว่า ตัวนางเองไม่ได้ผิดอันใดเสียหน่อย คนที่มาหานางในวันนี้ล้วนเป็นสหายนางทั้งนั้น ให้ตายนางก็ไม่ยอมง้อเขาหรอกแน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่ความคิด เพราะทันทีที่เข้ามาในห้องนอนเห็นสีหน้าปั้นปึ่งมองนางตาขวางด้วยแล้ว ไป๋ฟางเซียนก็รีบก้าวเท้าเดินไปเบื้องหน้าตรงเข้าหาเขาอย่างเร็วรี่ พลางลอบกลืนน้ำลายเงียบ ๆ “ท่านพี่เจ้าขา เหตุใดถึงทำหน้าเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ประเดี๋ยวจะไม่หล่อเอานา” นางเอ่ยเสียงหวานหยอกเย้าเขา หวังให้เขาโต้แย้งเช่นทุกครั้ง แต่กลับได้ความเงียบตอบมาแทนดวงตากลมโตช้อนสายตาหวานขึ้นมองอ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 133

    หนึ่งเดือนผ่านไปนับจากวันที่ไป๋ฟางเซียนฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างในชีวิตของนางและหลี่เหวินหลางก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ความรักของคนทั้งสองต่างผลิบานและสุกงอมเต็มที่ หลี่เหวินหลางกระทำอย่างปากว่า เขาไม่เคยปล่อยให้นางห่างจากตัวหรือห่างจากสายตาอีกเลย ไม่รู้เช่นกันว่าเขาไปทำเช่นไร จึงสามารถทำให้องค์ฮ่องเต้พระราชทานวันหยุดมาให้ถึงสองเดือนด้วยกัน ทว่าจะบอกว่าหยุดเลยก็คงไม่ถูกนัก เพราะระหว่างนี้หลี่เหวินหลางก็ต้องไปดูระเบียบในค่ายทหารเป็นครั้งคราวด้วยเช่นกัน กระนั้นเขาก็มีเวลาอยู่กับนางมากขึ้นอยู่ดี และนอกจากชีวิตของนางและเขาจะเปลี่ยนไปแล้ว ชีวิตของผู้อื่นก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันยามนี้สาวใช้ตัวน้อยของนางและคนสนิทของหลี่เหวินหลาง จื่อถิงกับตงผิง ต่างก็กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันแล้วทั้งคู่ ตลอดหนึ่งเดือนมานี้นางจึงไม่เห็นหน้าสาวใช้คนสนิทเลย แต่ก็เป็นนางอีกนั่นแหละที่ให้จื่อถิงหยุดและใช้ชีวิตคู่หลังแต่งงานบ้าง แน่นอนว่าคำของนางทำให้ตงผิงมีความสุขอย่างมาก เพราะถ้านางบอกให้จื่อถิงหยุด หลี่เหวินหลางก็จะบอกให้ตงผิงหยุดงานชั่วคราวเช่นเดียวกัน แต่นี่ก็ครบกำหนดเวลาที่นางให้ไปแล้ว คาดว่าไม่เกินสองวันนี้คงได้เห็นห

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 132

    หลี่เหวินหลางกอดร่างบางแนบแน่น คางสากเกยไหล่มนของนางไว้พร่ำบอกแนบชิดริมหู จนคนป่วยที่เพิ่งฟื้นอดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ มือบางยกมือขึ้นโอบกอดบุรุษร่างโตด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน ความรู้สึกรักและห่วงหาทว่าดูเหมือนพวกเขาจะหลงลืมไปว่าในห้องนี้หาได้มีพวกเขาไม่ ยามนี้ทั้งท่านหมอชรา หลี่เหวินชิง เหลียนฮวา จื่อถิงและตงผิงต่างมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำหน้าไม่ถูกกันแทบทั้งสิ้น ก่อนจะเป็นไป๋ฟางเซียนที่ตั้งสติได้ นางมีกิริยาเลิ่กลั่ก พยายามดันตัวตนเองออกจากอ้อมกอดของหลี่เหวินหลาง แต่เจ้าของอ้อมกอดแสนอบอุ่นหาได้ยินยอมไม่“เซียนเซียน พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน คิดถึงเหลือเกิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่กลัวมากเพียงใด กลัวว่าเจ้าจะจากพี่ไป กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาพี่อีก พี่คิดไปต่าง ๆ นานา นอนก็ไม่เคยหลับ กินก็ไม่เคยอิ่ม ใจภวงคิดถึงเป็นกังวลแต่เรื่องของเจ้า เซียนเซียน ขอบคุณที่เจ้ากลับมาหาพี่ นับว่าการรอคอยที่แสนทรมานของพี่สิ้นสุดลงแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณจริง ๆ”“เอ่อ ท่านปล่อยข้าก่อนดีไหมเจ้าคะ”“ไม่! จากนี้ไปพี่จะไม่ยอมห่างเจ้าอีกแล้ว ทั้งยังไม่ยอมให้เจ้าห่างสายตาจากพี่อีกด้วย”“ท่านพี่ ปล่อยข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 131

    “ข้าขอโทษ” น้ำเสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด เจ้าของร่างตัวจริงทำเพียงยิ้มรับ ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ สุดท้ายแล้วข้าและเจ้าก็คือคนคนเดียวกัน เจ้าคิดว่าจะมีใครที่ไหนจะมีชื่อแซ่เดียวกับตนเองบ้างเล่า สิ่งที่เจ้าควรรู้คือ เจ้าคือข้า ข้าคือเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”“แต่ว่า...”“ตอนแรกข้าก็สงสัยเหมือนเจ้า ในยามที่ข้าตกตายเพราะจมน้ำ ข้าก็ถูกพามายังสถานที่แห่งนี้ เฝ้ามองดูเจ้าเข้าไปในร่างของข้าอย่างไม่ยินยอมนัก หลายครั้งที่ข้าคิดทำร้ายเจ้า หากแต่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะทุกครั้งที่คิด ข้าจะรู้สึกเจ็บไปด้วยเช่นกัน ข้าไม่เข้าใจและเฝ้าถามตนเองมาตลอดว่าทำไม กระทั่งวันหนึ่งข้าก็ได้คำตอบจากคนผู้หนึ่ง”“ผู้ใดรึ”“คนผู้นั้นบอกกับข้าว่า แท้จริงแล้วทั้งข้าและเจ้าต่างเป็นคนคนเดียวกัน เพียงแต่ว่าตอนเกิด ดวงจิตของเราได้แยกเป็นสอง หนึ่งคือข้า สองคือเจ้า เมื่อดวงจิตแยกไม่รวมเป็นหนึ่งชะตาชีวิตของคนผู้นั้นย่อมเปลี่ยนแปลงไป เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือ ว่าทำไมตอนที่อยู่ในโลกเดิมทั้ง ๆ ที่เจ้ามีทุกอย่าง มีครอบครัวที่ดีพร้อมและอบอุ่น แต่เจ้ากลับรู้สึกมีความสุขได้ไม่เต็มที่นัก เ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 130

    สภาพของหลี่เหวินหลางทำให้ผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลหลี่รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก หากจะบอกว่าอาการของไป๋ฟางเซียนน่าเป็นห่วง สภาพของผู้เป็นบุตรชายก็น่าเป็นห่วงไม่ต่างกันหลี่เหวินชิงและเหลียนฮวามองสภาพบุตรชายที่หน้าประตูด้วยสายตาเป็นห่วงอย่างสุดแสน คิ้วของคนทั้งคู่ขยับเข้าหากันจนแน่นขนัด ใบหน้าที่ร่วงโรยไปตามวัยฉายความกังวลออกมาอย่างมาก ก่อนจะเป็นหลี่ฮูหยินที่ทนไม่ไหวพูดมันออกมา“ท่านพี่ น้องเป็นห่วงบุตรของเราจังเลยเจ้าค่ะ อาเหวินแทบไม่ออกจากห้องนอนของเซียนเอ๋อร์เลยนะเจ้าคะ เห็นอาการของลูกเราตอนนี้แล้ว น้องกลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ น้องกลัวว่าลูกจะล้มป่วยไปอีกคน” เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นอย่างหนักอกหนักใจ มองหลี่เหวินหลางที่กอบกุมมือไป๋ฟางเซียนด้วยความห่วงใยอย่างถึงที่สุด ด้วยไม่เคยเห็นบุตรชายของตนมีสภาพซึมเศร้าเช่นนี้มาก่อน“ไม่ต้องกังวลหรอกน้องหญิง อาเหวินรู้ขีดจำกัดของร่างกายตนเองดี เราแค่อยู่ข้าง ๆ เขาในยามที่เขาต้องการก็พอ ตอนนี้เราไปนั่งรับลมที่ศาลากันก่อนเถิด อยู่ตรงนี้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ประเดี๋ยวน้องหญิงจะเป็นกังวลห่วงคนนั้นคนนี้จนพานจะไม่สบายไปอีกคน”“ท่านพี่”แม้จะเป็นห่วงบุตรชายแต่ก

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 129

    “เซียนเซียน ตื่นขึ้นมาเถิดนะคนดี พี่คิดถึงเจ้า อยากได้ยินเสียงของเจ้าจนแทบจะทานทนไม่ไหวแล้ว หรือที่เจ้าไม่ยอมตื่นขึ้นมาเพราะอยากลงโทษที่พี่เคยพูดไม่ดีกับเจ้าในวันแรกที่เจ้าลืมตาขึ้นมาที่จวนเรือนหลังนี้ใช่หรือไม่ เซียนเซียน พี่ขอโทษเจ้า กลับมาเถิดนะคนดี กลับมาหาพี่ พี่รักเจ้า รักเจ้าเหลือเกิน” หลี่เหวินหลางทอดสายตาแห่งความคะนึงหาไปยังดวงหน้างาม ก่อนที่ชั่วพริบตาแววตาของเขาจะมีความโกรธแค้นวาบผ่าน หากแล้วก็ปล่อยวางลงอย่างรวดเร็ว เพราะคนที่ทำให้คนรักของเขาต้องเป็นเช่นนี้ได้ตกตายไปแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าต้องจ้องเวรไปเพื่อสิ่งใดแท้จริงแล้วการตกน้ำของนางอันเป็นที่รักใช่ว่าเขาไม่คิดติดใจสงสัย เขาย่อมต้องสงสัยแน่นอน และมั่นใจมากว่านางคงไม่กระโดดน้ำฆ่าตัวตายแน่ ที่ไม่ได้สืบหาตั้งแต่วันแรกเพราะเป็นห่วงนางจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด พอตั้งสติกับตนเองได้เขาจึงเริ่มสอบถามเรื่องราวคาดคั้นกับจื่อถิงอีกครั้ง แต่นางก็ตอบสิ่งใดไม่ได้ ทั้งยังไม่รู้ว่าว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ นอกจากร่ำไห้ด้วยความรู้สึกผิดและโทษว่าที่ไป๋ฟางเซียนเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของตน หลี่เหวินหลางจึงสั่งให้ตงผิงและจื่อถิงกลับไปที่สร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status