Share

บทที่ 11

last update Last Updated: 2025-02-10 14:16:59

เรือนเหมยกุ้ย

เรือนเหมยกุ้ยคือเรือนนอนของไป๋ฟางเซียน ที่ชื่อว่าเรือนเหมยกุ้ยเพราะว่ารอบเรือนปลูกดอกเหมยกุ้ย[1] เต็มไปหมด มีทั้งดอกสีขาวและดอกสีแดง สีชมพูมีเพียงเล็กน้อย ซึ่งนี่ก็ทำให้ไป๋ฟางเซียนชอบมาก เพราะดอกเหมยกุ้ยเป็นดอกไม้ที่นางชอบที่สุด

หลังไป๋ฟางเซียนกลับมาถึงเรือนนอนของตน นางก็ไปอาบน้ำอย่างอารมณ์ดี จนตอนนี้ที่จื่อถิงกำลังหวีผมให้ นางยังไม่หยุดยิ้มเลย

“ยิ้มอะไรกันเจ้าคะคุณหนู” จื่อถิงถามขึ้นอย่างสงสัย มือก็สางผมให้เจ้านายสาวไปด้วย ตั้งแต่คุณหนูหายป่วยและมีนิสัยเปลี่ยนไป จื่อถิงก็กล้าถามคุณหนูของตนมากขึ้น ไม่รู้ทำไมเช่นกัน แต่จื่อถิงชอบที่คุณหนูของนางเป็นแบบนี้ที่สุด

“จะมีอันใดเล่า ข้าก็ตลกหลี่เหวินหลางน่ะสิ”

“ท่านแม่ทัพมีอันใดตลกหรือเจ้าคะ”

“เจ้าไม่เห็นหน้าเขาหรือ เจ้าเห็นหน้าเขาหรือไม่ ตอนที่รู้ว่าข้าเป็นคนทำอาหารทั้งสามอย่างในวันนี้น่ะ เขาเหวอไปเลยนะ พูดแล้วก็ขำ หน้าเขาตลกบ้างเลย” ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังหัวเราะด้วย ส่งผลให้จื่อถิงหัวเราะตามเช่นกัน

ท่านแม่ทัพไม่เคยลิ้มรสฝีมือทำอาหารคุณหนูของตนเลยสักครั้ง วันนี้ได้ลิ้มรสครั้งแรกทั้งยังถูกปาก จื่อถิงภูมิใจในตัวคุณหนูของนางจริง ๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มตอนเสียอาการเพราะรู้ว่าคุณหนูของนางทำอาหารนั้นก็ตลกจริง ๆ จนนางอดหัวเราะตามไม่ได้

สองนายบ่าวไม่รู้เลยว่าคำพูดของพวกนางเข้าหูของแม่ทัพหนุ่มทุกคำ หลี่เหวินหลางกำมือเข้าหากันแน่นมองไปยังร่างบอบบางที่กำลังหัวเราะตนอยู่อย่างหมายมาด คราแรกก็ตั้งใจจะมาพูดคุยตกลงอะไรบางอย่างกับนาง แต่หลังจากที่มาได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะเขาเช่นนี้แล้ว ก็ลืมเรื่องที่ตั้งใจจะคุยไปเลย

ตั้งแต่แต่งงานกันมาร่วมหนึ่งเดือน เขาก็ไม่เคยเข้าหอกับนางสักครั้ง งั้นเข้าหอมันวันนี้เลยก็แล้วกัน

หลี่เหวินหลางจึงเดินเข้าไปในส่วนของห้องนอน นั่งรอบนตั่งเตียงอย่างหมายมาด

เค่อ[2] ต่อมา ไป๋ฟางเซียนเดินเข้ามาในห้องนอน แล้วต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามีใครอีกคนนั่งรออยู่บนเตียง!

“หลี่เหวินหลาง! ท่าน... ท่านมาทำอันใดที่ห้องของข้า” นางถามพร้อมมองเขาอย่างหวาดระแวง คิ้วเรียวสวยของนางย่นเข้าหากันเสียจนใบหน้างามยับยู่ยี่

“ทำอันใดงั้นรึ... สามีเข้าห้องภรรยาจะทำอันใดได้เล่า เจ้าถามข้าเช่นนี้ ไม่แปลกไปหน่อยหรือ” ได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายไป๋ฟางเซียนก็ชักสีหน้า นางมองไปยังแม่ทัพหนุ่มอย่างต้องการสำรวจพลางระมัดระวังตนเองมากขึ้น

“จะว่าไปแล้ว ข้ากับเจ้าก็ยังไม่ได้เข้าหอกันเลยนี่นา ไหน ๆ วันนี้ข้าก็มาแล้ว... เรามาเข้าหอกันดีหรือไม่”

“ฝันไปเถอะ! มาทางไหนออกไปทางนั้นเลยนะ” ไป๋ฟางเซียนปฏิเสธเสียงแข็งอย่างไม่ลังเล ทั้งยังขับไล่เขาอีกด้วย 

หลี่เหวินหลางมุ่นคิ้วด้วยความไม่พอใจ ผุดลุกขึ้นจากเตียงย่างสามขุมเข้าหาเจ้าของร่างบอบบาง สายตากดดันที่เขาจับจ้องมาราวกับจะตรึงร่างของนางไว้

ไป๋ฟางเซียนที่เห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาหาตน ไม่ออกไปตามที่นางกล่าวไล่ ก็เร่งคิดหาวิธีเพื่อที่จะเอาตัวรอดทันที นางหลุบสายลงต่ำสายตากลอกกลิ้งไปมาหัวสมองแล่นเร็วจี๋ 

‘ตาบ้านี่ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดมา วันนี้เกิดบ้าอะไรถึงได้มาที่นี่เล่า’ นางต่อว่าเขาในใจ เหลือบสายตามองคนตัวใหญ่ที่ยังไม่หยุดการก้าวเดินอย่างระแวดระวัง พร้อมจับจ้องเขาอย่างไม่คลาดสายตา 

“ถอยหนีทำไมเล่า ไม่ปากเก่งแล้วรึ” ไป๋ฟางเซียนไม่ตอบ ยังคงถอยหลังต่อไปเรื่อย ๆ

“เจ้าจะถอยให้ได้อันใดขึ้นมา เป็นเจ้าไม่ใช่หรือที่อยากได้ข้าจนไปขอให้ท่านแม่เร่งจัดงานแต่งงาน พอถึงคราที่ข้าอยากเข้าหอบ้าง เจ้ากลับมาถอยหนีอย่างนี้งั้นรึ”

กึก!

คำพูดของหลี่เหวินหลางทำไป๋ฟางเซียนชะงักเท้า ก่อนที่มุมปากของนางจะกระตุกยิ้ม หญิงสาวหรี่ตาเล็กน้อยปรับเปลี่ยนสายตาที่จ้องอีกฝ่ายอย่างฉับพลัน สายตาของนางทำเอาแม่ทัพหนุ่มนึกหวั่นจนรู้สึกไม่แน่ใจว่าควรเดินเข้าไปหานางต่อดีหรือไม่

ยังไม่ทันที่หลี่เหวินหลางจะให้คำตอบตนเอง ไป๋ฟางเซียนที่ถอยหนีในตอนแรกกลับเป็นฝ่ายเดินเข้าหาเขาแทน สายตาที่มองกันก็ช่างยั่วยวนเสียนี่กระไร ใจของแม่ทัพหนุ่มเต้นโครมคราม สตรีตรงหน้าคิดเล่นสิ่งใดอยู่อีก เหตุใดถึงได้จ้องมองเขาเช่นนี้เล่า มัวแต่ตกตะลึงที่เห็นนางเข้าหาไม่ทันได้ระวังตัว รู้ตัวอีกทีนางก็อยู่ใกล้ตนเสียแล้ว

“ไก่อ่อนเช่นท่านไยข้าต้องกลัวกัน ที่ถอยหนีคราแรกเพราะข้าตกใจเท่านั้น แล้วก็นะ ท่านเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่” ขณะที่พูดไป๋ฟางเซียนก็ยกมือบางลูบไล้แผงอกหนั่นแน่นผ่านอาภรณ์ของอีกฝ่ายไปด้วย 

“เข้าใจผิดเรื่อง?” เขาพูดพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ทั้งยังรู้สึกแปลกใจที่ไม่ได้รังเกียจสัมผัสของนางเช่นแต่ก่อน 

“ก็เรื่องที่ข้าอยากแต่งกับท่านจนตัวสั่นอย่างไรเล่าเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ข้ายอมรับว่าใช่ แต่ตอนนี้หลังจากที่ฟื้นจากการตกน้ำครานั้น หูตาข้าก็ชัดแจ้ง มันสว่างขึ้นมาก”

ไป๋ฟางเซียนหยุดลูบไล้แผงอกแกร่ง เงยหน้าสบสายตาอีกฝ่ายด้วยสายตาที่แปลกไป

“ตอนนี้ข้าไม่สนใจท่านเลยสักนิด ไก่อ่อนหุ่นธรรมดาเช่นท่านหาได้มีสิ่งใดเร้าใจข้าไม่ วันนี้ที่ท่านมาหาข้าที่นี่ก็เพราะต้องการสินะเจ้าคะ ข้าควรทำเช่นไรดี สนองความต้องการของท่านดีหรือไม่” นางหยุดพูดอีกครั้ง มุมปากบางก็ยกยิ้มหยัน ก่อนจะเอ่ยต่อว่า

“เสียใจด้วยเจ้าค่ะที่ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้ ข้ากล้ำกลืนฝืนทนเสพสมกับบุรุษที่ไม่ได้รักข้าไม่ได้ หากท่านต้องการละก็ เชิญ! เชิญไปที่หอนางโลมได้เลยเจ้าค่ะ!”

“ฟางเซียน!”

“ไม่พอใจหรือเจ้าคะ ทำไมต้องไม่พอใจด้วยเล่า ในเมื่อข้าพูดเรื่องจริง”

“เจ้า เจ้า!”

“เจ้าเจ้าอยู่นั่นแหละ ถ้าไม่มีสิ่งใดจะพูดก็ออกไปเถอะเจ้าค่ะ ข้าอยากพักผ่อน อ้อ แต่ถ้าต้องการและไม่อยากไปหอนางโลม ท่านก็ไปที่จวนตระกูลโจวสิเจ้าคะ โจวเฟิ่งจิ่วคงยินดีปรีดาปรนเปรอท่านเชียวละ”

“เจ้า! ฮึ่ย!” หลี่เหวินหลางไม่รู้จะพูดสิ่งใดกับนางดี จึงได้เดินฮึดฮัดออกจากห้องไป

คล้อยหลังของชายหนุ่ม ไป๋ฟางเซียนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นางพรูลมหายใจออกจากปากอย่างแผ่วเบา เมื่อกี้นางกลัวและเกร็งแค่ไหนใครเล่าจะรู้ ยืนพูดโต้ตอบเขาเหมือนไม่รู้สึกอะไรเช่นนี้นับว่านางเก่งมากแล้ว

“คิดว่าต้องได้ใช้แม่ไม้มวยไทยที่เคยร่ำเรียนมาเสียแล้วเซียนเซียนเอ๊ย”

ไป๋ฟางเซียนพูดกับตนเอง ยกมือลูบอกไปมา ก่อนที่นางจะรีบวิ่งไปลงกลอนประตูห้องอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วก็กลับมานอนที่เตียง พอง่วงถึงได้หลับไป

ด้านหลี่เหวินหลางที่เดินออกมาจากห้องของไป๋ฟางเซียนก็ตรงกลับมาที่เรือนส่วนตัวของเขาทันที อาการฮึดฮัดและใบหน้ามืดครึ้มของเขาทำให้ตงผิงรับรู้ได้ว่า แม่ทัพหนุ่มคงมีปากเสียงกับภรรยาอีกแล้ว

หลี่เหวินหลางไม่ได้สนใจว่าตงผิงจะคิดเช่นใด ตอนนี้เขากำลังคิดถึงการกระทำและคำพูดของไป๋ฟางเซียนมากกว่า ทุกอย่างที่เป็นนางเขากลับรู้สึกว่าไม่ใช่นาง

วันนี้หากเป็นไป๋ฟางเซียนคนเดิมคงวิ่งเข้าใส่เขาไปนานแล้ว แต่นี่กลับไม่ ต่อให้นางบอกว่าตาสว่างแล้วมันก็ยังเร็วเกินไปที่นางจะตัดใจจากเขา สายตาของนางที่มองมาก็ไม่เหมือนเดิม มันมิใช่สายตาหยาดเยิ้มที่เขานึกรำคาญทุกครั้งที่ได้รับ ทว่ามันเป็นสายตาราบเรียบ เป็นสายตาของคนไม่มีใจ นี่ทำให้เขาต้องขบคิดเรื่องของนางใหม่อีกครั้ง

บางที... เขาอาจพลาดอะไรบางอย่างไปก็ได้

อย่างไรก็ตาม หลี่เหวินหลางตัดสินใจแล้วว่าจะจับตาดูความประพฤติของนางอย่างใกล้ชิด ให้มันรู้กันไปเลยว่าที่เขาคิดอยู่มันจริงหรือไม่

นางยังคงเป็นนางคนเดิม หรือนางเป็นใครกันแน่ หลังจากนี้คงได้รู้กัน

“ข้าจะจับตาดูเจ้าอย่างไม่คลาดสายตาเลยทีเดียว”

รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา ทำเอาตงผิงอดรู้สึกขนลุกไม่ได้ รอยยิ้มและสายตาเช่นนี้ดูทีว่าไป๋ฟางเซียนคงงานเข้าเสียแล้ว

[1] เหมยกุ้ย คือ ดอกกุหลาบ

[2] 1เค่อ เท่ากับ 15 นาที

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 134 จบ

    ไป๋ฟางเซียนที่รับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นเบื้องหลังจึงหันกลับไปมอง ก็พบเห็นสามีของตนใบหน้าเขียวคล้ำสลับแดง เขาหรี่ตามองราวกับคนกำลังจับผิด สายตาของเขาทำเอานางรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เสียงลมหายใจหอบถี่ของผู้เป็นสามีทำให้นางเข้าใจได้ทันทีว่านางทำให้เขาไม่พอใจแล้ว ขณะที่กำลังจะเอื้อนเอ่ย ร่างของผู้เป็นสามีก็สะบัดชายอาภรณ์ตรงกลับไปยังห้องนอน ไป๋ฟางเซียนนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะผุดลุกตามไปขณะเดินไปยังห้องนอนของตน นางก็ขบคิดกับตนเองว่าจะง้องอนเขาเช่นไรดี เขาจึงจะหายจากท่าทางปั้นปึ่งเช่นนั้น แต่คิดไปคิดมาพลันนึกขึ้นได้ว่า ตัวนางเองไม่ได้ผิดอันใดเสียหน่อย คนที่มาหานางในวันนี้ล้วนเป็นสหายนางทั้งนั้น ให้ตายนางก็ไม่ยอมง้อเขาหรอกแน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่ความคิด เพราะทันทีที่เข้ามาในห้องนอนเห็นสีหน้าปั้นปึ่งมองนางตาขวางด้วยแล้ว ไป๋ฟางเซียนก็รีบก้าวเท้าเดินไปเบื้องหน้าตรงเข้าหาเขาอย่างเร็วรี่ พลางลอบกลืนน้ำลายเงียบ ๆ “ท่านพี่เจ้าขา เหตุใดถึงทำหน้าเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ประเดี๋ยวจะไม่หล่อเอานา” นางเอ่ยเสียงหวานหยอกเย้าเขา หวังให้เขาโต้แย้งเช่นทุกครั้ง แต่กลับได้ความเงียบตอบมาแทนดวงตากลมโตช้อนสายตาหวานขึ้นมองอ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 133

    หนึ่งเดือนผ่านไปนับจากวันที่ไป๋ฟางเซียนฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างในชีวิตของนางและหลี่เหวินหลางก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ความรักของคนทั้งสองต่างผลิบานและสุกงอมเต็มที่ หลี่เหวินหลางกระทำอย่างปากว่า เขาไม่เคยปล่อยให้นางห่างจากตัวหรือห่างจากสายตาอีกเลย ไม่รู้เช่นกันว่าเขาไปทำเช่นไร จึงสามารถทำให้องค์ฮ่องเต้พระราชทานวันหยุดมาให้ถึงสองเดือนด้วยกัน ทว่าจะบอกว่าหยุดเลยก็คงไม่ถูกนัก เพราะระหว่างนี้หลี่เหวินหลางก็ต้องไปดูระเบียบในค่ายทหารเป็นครั้งคราวด้วยเช่นกัน กระนั้นเขาก็มีเวลาอยู่กับนางมากขึ้นอยู่ดี และนอกจากชีวิตของนางและเขาจะเปลี่ยนไปแล้ว ชีวิตของผู้อื่นก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันยามนี้สาวใช้ตัวน้อยของนางและคนสนิทของหลี่เหวินหลาง จื่อถิงกับตงผิง ต่างก็กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันแล้วทั้งคู่ ตลอดหนึ่งเดือนมานี้นางจึงไม่เห็นหน้าสาวใช้คนสนิทเลย แต่ก็เป็นนางอีกนั่นแหละที่ให้จื่อถิงหยุดและใช้ชีวิตคู่หลังแต่งงานบ้าง แน่นอนว่าคำของนางทำให้ตงผิงมีความสุขอย่างมาก เพราะถ้านางบอกให้จื่อถิงหยุด หลี่เหวินหลางก็จะบอกให้ตงผิงหยุดงานชั่วคราวเช่นเดียวกัน แต่นี่ก็ครบกำหนดเวลาที่นางให้ไปแล้ว คาดว่าไม่เกินสองวันนี้คงได้เห็นห

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 132

    หลี่เหวินหลางกอดร่างบางแนบแน่น คางสากเกยไหล่มนของนางไว้พร่ำบอกแนบชิดริมหู จนคนป่วยที่เพิ่งฟื้นอดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ มือบางยกมือขึ้นโอบกอดบุรุษร่างโตด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน ความรู้สึกรักและห่วงหาทว่าดูเหมือนพวกเขาจะหลงลืมไปว่าในห้องนี้หาได้มีพวกเขาไม่ ยามนี้ทั้งท่านหมอชรา หลี่เหวินชิง เหลียนฮวา จื่อถิงและตงผิงต่างมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำหน้าไม่ถูกกันแทบทั้งสิ้น ก่อนจะเป็นไป๋ฟางเซียนที่ตั้งสติได้ นางมีกิริยาเลิ่กลั่ก พยายามดันตัวตนเองออกจากอ้อมกอดของหลี่เหวินหลาง แต่เจ้าของอ้อมกอดแสนอบอุ่นหาได้ยินยอมไม่“เซียนเซียน พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน คิดถึงเหลือเกิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่กลัวมากเพียงใด กลัวว่าเจ้าจะจากพี่ไป กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาพี่อีก พี่คิดไปต่าง ๆ นานา นอนก็ไม่เคยหลับ กินก็ไม่เคยอิ่ม ใจภวงคิดถึงเป็นกังวลแต่เรื่องของเจ้า เซียนเซียน ขอบคุณที่เจ้ากลับมาหาพี่ นับว่าการรอคอยที่แสนทรมานของพี่สิ้นสุดลงแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณจริง ๆ”“เอ่อ ท่านปล่อยข้าก่อนดีไหมเจ้าคะ”“ไม่! จากนี้ไปพี่จะไม่ยอมห่างเจ้าอีกแล้ว ทั้งยังไม่ยอมให้เจ้าห่างสายตาจากพี่อีกด้วย”“ท่านพี่ ปล่อยข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 131

    “ข้าขอโทษ” น้ำเสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด เจ้าของร่างตัวจริงทำเพียงยิ้มรับ ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ สุดท้ายแล้วข้าและเจ้าก็คือคนคนเดียวกัน เจ้าคิดว่าจะมีใครที่ไหนจะมีชื่อแซ่เดียวกับตนเองบ้างเล่า สิ่งที่เจ้าควรรู้คือ เจ้าคือข้า ข้าคือเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”“แต่ว่า...”“ตอนแรกข้าก็สงสัยเหมือนเจ้า ในยามที่ข้าตกตายเพราะจมน้ำ ข้าก็ถูกพามายังสถานที่แห่งนี้ เฝ้ามองดูเจ้าเข้าไปในร่างของข้าอย่างไม่ยินยอมนัก หลายครั้งที่ข้าคิดทำร้ายเจ้า หากแต่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะทุกครั้งที่คิด ข้าจะรู้สึกเจ็บไปด้วยเช่นกัน ข้าไม่เข้าใจและเฝ้าถามตนเองมาตลอดว่าทำไม กระทั่งวันหนึ่งข้าก็ได้คำตอบจากคนผู้หนึ่ง”“ผู้ใดรึ”“คนผู้นั้นบอกกับข้าว่า แท้จริงแล้วทั้งข้าและเจ้าต่างเป็นคนคนเดียวกัน เพียงแต่ว่าตอนเกิด ดวงจิตของเราได้แยกเป็นสอง หนึ่งคือข้า สองคือเจ้า เมื่อดวงจิตแยกไม่รวมเป็นหนึ่งชะตาชีวิตของคนผู้นั้นย่อมเปลี่ยนแปลงไป เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือ ว่าทำไมตอนที่อยู่ในโลกเดิมทั้ง ๆ ที่เจ้ามีทุกอย่าง มีครอบครัวที่ดีพร้อมและอบอุ่น แต่เจ้ากลับรู้สึกมีความสุขได้ไม่เต็มที่นัก เ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 130

    สภาพของหลี่เหวินหลางทำให้ผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลหลี่รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก หากจะบอกว่าอาการของไป๋ฟางเซียนน่าเป็นห่วง สภาพของผู้เป็นบุตรชายก็น่าเป็นห่วงไม่ต่างกันหลี่เหวินชิงและเหลียนฮวามองสภาพบุตรชายที่หน้าประตูด้วยสายตาเป็นห่วงอย่างสุดแสน คิ้วของคนทั้งคู่ขยับเข้าหากันจนแน่นขนัด ใบหน้าที่ร่วงโรยไปตามวัยฉายความกังวลออกมาอย่างมาก ก่อนจะเป็นหลี่ฮูหยินที่ทนไม่ไหวพูดมันออกมา“ท่านพี่ น้องเป็นห่วงบุตรของเราจังเลยเจ้าค่ะ อาเหวินแทบไม่ออกจากห้องนอนของเซียนเอ๋อร์เลยนะเจ้าคะ เห็นอาการของลูกเราตอนนี้แล้ว น้องกลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ น้องกลัวว่าลูกจะล้มป่วยไปอีกคน” เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นอย่างหนักอกหนักใจ มองหลี่เหวินหลางที่กอบกุมมือไป๋ฟางเซียนด้วยความห่วงใยอย่างถึงที่สุด ด้วยไม่เคยเห็นบุตรชายของตนมีสภาพซึมเศร้าเช่นนี้มาก่อน“ไม่ต้องกังวลหรอกน้องหญิง อาเหวินรู้ขีดจำกัดของร่างกายตนเองดี เราแค่อยู่ข้าง ๆ เขาในยามที่เขาต้องการก็พอ ตอนนี้เราไปนั่งรับลมที่ศาลากันก่อนเถิด อยู่ตรงนี้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ประเดี๋ยวน้องหญิงจะเป็นกังวลห่วงคนนั้นคนนี้จนพานจะไม่สบายไปอีกคน”“ท่านพี่”แม้จะเป็นห่วงบุตรชายแต่ก

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 129

    “เซียนเซียน ตื่นขึ้นมาเถิดนะคนดี พี่คิดถึงเจ้า อยากได้ยินเสียงของเจ้าจนแทบจะทานทนไม่ไหวแล้ว หรือที่เจ้าไม่ยอมตื่นขึ้นมาเพราะอยากลงโทษที่พี่เคยพูดไม่ดีกับเจ้าในวันแรกที่เจ้าลืมตาขึ้นมาที่จวนเรือนหลังนี้ใช่หรือไม่ เซียนเซียน พี่ขอโทษเจ้า กลับมาเถิดนะคนดี กลับมาหาพี่ พี่รักเจ้า รักเจ้าเหลือเกิน” หลี่เหวินหลางทอดสายตาแห่งความคะนึงหาไปยังดวงหน้างาม ก่อนที่ชั่วพริบตาแววตาของเขาจะมีความโกรธแค้นวาบผ่าน หากแล้วก็ปล่อยวางลงอย่างรวดเร็ว เพราะคนที่ทำให้คนรักของเขาต้องเป็นเช่นนี้ได้ตกตายไปแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าต้องจ้องเวรไปเพื่อสิ่งใดแท้จริงแล้วการตกน้ำของนางอันเป็นที่รักใช่ว่าเขาไม่คิดติดใจสงสัย เขาย่อมต้องสงสัยแน่นอน และมั่นใจมากว่านางคงไม่กระโดดน้ำฆ่าตัวตายแน่ ที่ไม่ได้สืบหาตั้งแต่วันแรกเพราะเป็นห่วงนางจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด พอตั้งสติกับตนเองได้เขาจึงเริ่มสอบถามเรื่องราวคาดคั้นกับจื่อถิงอีกครั้ง แต่นางก็ตอบสิ่งใดไม่ได้ ทั้งยังไม่รู้ว่าว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ นอกจากร่ำไห้ด้วยความรู้สึกผิดและโทษว่าที่ไป๋ฟางเซียนเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของตน หลี่เหวินหลางจึงสั่งให้ตงผิงและจื่อถิงกลับไปที่สร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status