LOGIN🔥 ไฟราคะ 🔥
บทที่ 04
ร่างบางระหงยืนเลือกซื้อของตกแต่งภายในร้าน เธอหยิบวอลล์เปเปอร์รูปผีเสื้อตัวเล็กขึ้นมาดู พลางมองอย่างพินิจ มือเรียวอีกข้างเอื้อมหยิบรูปนก ขณะเดียวกันมีมือเรียวของอีกคนเอื้อมมาหยิบวอลล์เปเปอร์รูปนกเช่นเดียวกันกับเธอ เหลือชิ้นสุดท้ายมือบางชักกลับอัตโนมัติ เขมิกาเงยหน้ามองผู้มาใหม่ เธอส่งยิ้มบางๆให้หญิงสาว
"ขอโทษค่ะ.. คุณเอาก่อนก็ได้ค่ะ" เขมิกาเอ่ยบอกหญิงสาวอีกคน
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณมาก่อนคุณเอาไปก่อนเลยค่ะ" หญิงสาวเอ่ยบอกเธออย่างเกรงใจ
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันเอาตัวอื่นแทนก็ได้ค่ะ" เขมิกาเอ่ยบอกเธอ เธอไม่ได้ต้องการอะไรมาก
"มีอะไรกันหรือเปล่าครับ" เสียงทุ้มเอ่ยข้างหลังของหญิงสาวก่อนที่มือหนาจะโอบไหล่เธออย่างสนิทสนม
"ไม่มีอะไรค่ะชา พอดีเราบังเอิญอยากได้วอลล์เปเปอร์เหมือนกันค่ะ มันเหลือชิ้นสุดท้ายด้วย" กิ่งเหมยเอ่ยบอกแฟนหนุ่ม เธอหันไปยิ้มให้หญิงสาว
"คุณเอาไปเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันเอาอันนี้ก็ได้ค่ะ" เขมิกาชูวอลล์เปเปอร์รูปผีเสื้อให้เธอดู
"ปะ ได้แล้วก็รีบไปกันเถอะ" ชาตรีเอ่ยบอกแฟนสาว เมื่อเหลือบมองนาฬิกาใกล้เวลาฉายหนัง เขากับแฟนสาวตั้งใจมาเดินเที่ยวเล่นตามประสาคู่รักทั่วไป แต่กิ่งเหมยเกิดอยากได้วอลล์เปเปอร์ไปติดผนังห้องที่บ้านเลยแวะเข้ามาดู
"ค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ ไปค่ะชา" กิ่งเหมยเอ่ยขอบคุณหญิงสาวก่อนจะหันกลับไปบอกแฟนหนุ่ม
"เขมิกา!!... ยัยเขม แกจริงๆด้วย" หญิงสาวผมทองเดินเข้ามาหาเขมิกา ก่อนจะเอ่ยทักทายอย่างสนิทสนม
"อ้าว ยัยฟาง มายังไงเนี่ย" เขมิกาเอ่ยถามเพื่อนสาวที่ไม่ได้เจอกันนาน เธอไม่ค่อยสุงสิงกับใครสักเท่าไหร่ เธอค่อนข้างโลกส่วนตัวสูง ร่างสูงชะงักกึก เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของหญิงสาว ชื่อเธอคุ้นหูจังแหะ ชาตรีคิดในใจ
"อะไรหรอคะชา" กิ่งเหมยเอ่ยถามแฟนหนุ่ม เมื่ออยู่ๆเขาก็ชะงักไป ชาตรีหันกลับไปมองหญิงสาวที่ยืนคุยกับเพื่อนอย่างออกรส คิ้วดกเข้มขมวดเข้าหากัน
"เปล่าครับ" ชาตรีเอ่ยบอกแฟนสาว แต่ในหัวเขากับคิดเรื่องของอีกคน กิ่งเหมยคล้องแขนชายหนุ่มก่อนจะเดินออกจากร้านไป
เขมิกามองตาชายหนุ่มและหญิงสาว เธอเห็นเขาปลายตามองเธออย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เธอหันกลับมาคุยกับเพื่อนต่อ
"แล้วนี่จะไปไหนต่อมั้ย" ฟางถามเพื่อนสาว
"ไม่อ่ะ แค่มาเดินเล่นเฉยๆอ่ะ" เขมิกาเอ่ยบอกเพื่อน
"งั้นไปกินไปไอศกรีมกัน ฉันเลี้ยงเอง" ฟางบอกกล่าวเพื่อนสาว เธอไม่ได้เจอกันนาน ตั้งแต่เรียนจบเลยก็ว่าได้
"อื้อ ไปสิ" ร่างบางตอบ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปชำระเงินแล้วเดินออกไป เธอเลือกร้านไอศกรีมเซเว่นเซ่น ทั้งคู่เดินไปนั่งในร้าน เลือกโต๊ะข้างกระจกก่อนจะสั่งไอศกรีมคนละถ้วย
"แล้วนี่แกทำอะไรอยู่หรอ ทำงานที่บริษัทพ่อแกปะ" ฟางเอ่ยถามพลางตักไอศกรีมเข้าปาก
"ไม่อ่ะ เราเปิดร้านดอกไม้เป็นของตัวเองอ่ะ" เขมิกาเอ่ยตอบเพื่อน แม้จะไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว แต่ทั้งคู่ยังคงสนิทสนมกันเหมือนตอนเรียน
"จริงดิ แถวไหนหรอ เผื่อเราจะไปอุดหนุน" หญิงสาวถามเพื่อนสนิท เธอรู้ว่าเขมิกาไม่ชอบงานที่บริษัทมันดูวุ่นวายและไม่เป็นตัวของตัวเอง
"แถว XX น่ะ ว่างๆก็แวะไปนะ" เธอหันไปยิ้มให้เพื่อนสาว
"เคๆ เดี๋ยวเราแวะไป อื้อ แล้วแกมีแฟนยังอ่ะ" มือบางที่กำลังตักไอศกรีมชะงักกึก จริงสิเธอไม่มีแฟน แต่เธอกำลังจะแต่งงาน จะตอบยังไงดีนะ
"ยังเลย เรายังไม่มีแฟน" เธอส่งยิ้มบางๆให้ฟาง เธอเลือกที่จะตอบแบบนี้ เพราะเธอเองก็ไม่มั่นใจว่าเธออยู่ในสถานะอะไรตอนนี้ อีกอย่างเธอและเขายังไม่เคยเห็นหน้าคร่าตากันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียกว่าแฟนเลยสักนิด
"ไม่น่าเชื่อ สวยๆอย่างแกไม่มีใครมาจีบจริงๆหรอ" ฟางยังคงเค้นถามเพื่อนสาวต่อ
"จริงๆ ไม่มีแฟน แต่ก็มีคนมาจีบบ้าง" เธอเอ่ยยิ้มๆ พลางนึกถึงชายหนุ่มมากหน้าหลายตาที่มักจะแวะเวียนมาจีบเธออยู่เสมอ บางคนมาซื้อดอกไม้ทุกวัน ซื้อแล้วก็ให้เธอ ซื้อของเธอให้เธอ มันดูตลกชะมัด
"แน่ๆ จริงอ่ะ" ฟางยังคงแซวไม่เลิก เพื่อนเธอสวยขนาดนี้เป็นไปได้ไงว่าไม่มีแฟน แต่ก็นะ เขมิกาชอบสันโดษ อยู่เงียบๆคนเดียวมากกว่า
"จริงๆ"
ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เพราะไม่ได้เจอกันนาน มาเจอกันอีกครั้งเหมือนได้กลับไปเรียนใหม่ โดยไม่รู้ตัวว่ามีชายหนุ่มนัยน์ตาคมยืนจ้องมองอยู่ข้างนอกร้าน เขาบอกแฟนสาวว่ามีธุระด่วนจึงขอปลีกตัวออกมา แท้จริงแล้วเขาอยากจะรู้ว่าหญิงสาวคนนี้ใช่ว่าที่ภรรยาของเขาหรือไม่..
ร่างบางแยกย้ายกับเพื่อนเธอเดินดูของนิดหน่อยก่อนจะเดินกลับไปที่ลานจอดรถ มือบางค้นกระเป๋าเพื่อหากุญแจรถ
"อยู่ไหนน๊าา อื้อ! " เขมิการ้องออกมาอย่างตกใจเมื่อมีมือปริศนามาปิดปากเธอไว้จากด้านหลัง เธอดิ้นขลุกขลักๆไปมาอย่างหวาดกลัว
"เงียบ!! แล้วอยู่เฉยๆ ไม่งั้นมึงตาย.." เสียงทุ้มเอ่ยบอกหญิงสาวที่กำลังดิ้นหนีเขาอยู่ ร่างบางชะงักกึกทันที เมื่อรู้สึกถึงของแข็งที่จี้อยู่ที่เอวของเธอ ใบหน้าหญิงสาวเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดโต เธอพยักหน้าเป็นเชิงยอม เขาจับเธอหันหน้าไปหาช้าๆ เขมิกาเบิกตากว้างเมื่อเห็นคนตรงหน้า เขาคือคนที่เธอเจอในร้านวอลเปเปอร์พร้อมผู้หญิงคนนั้นนิ ลมหายใจเธอติดขัดเมื่อใบหน้าคมอยู่ห่างไม่ถึงคืบ
"คะ.. คุณต้องการอะไร" เธอถามเขาเสียงสั่น ดูจากการแต่งตัวและยี่ห้อเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว คงไม่ได้ต้องการเงินแน่ๆ มือหนาค้ำรถไว้กันเธอหนี
"เธอชื่อเขมิกาใช่มั้ย!" เสียงทุ้มเอ่ยถามเสียงดังจนร่างบางสะดุ้งด้วยความตกใจ
"ชะ..ใช่ค่ะ..มะ..มีอะไร..หรือเปล่าคะ" เขมิกาละล่ำละลักบอกด้วยความกลัว เธอไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัวเลย
"แล้วเธอใช่ลูกของอานพและอาแขหรือเปล่าล่ะ!" ชาตรีเอ่ยถามร่างบางที่ตัวสั่นเทาเหมือนลูกนกที่กำลังหวาดกลัว ดูท่าทางแล้วเธอไม่น่าจะเห็นแก่เงินนะ แต่ทำไมการกระทำมันถึงตรงกันข้าม
ตุบ!!
ชาตรีทุบรถเสียงดังลั่นจนเธอสะดุ้งโหยง น้ำตาเม็ดใสใสไหลออกมาโดยอัตโนมัติด้วยความกลัว แข้งขาเธออ่อนแรงไปหมดแล้ว ชาตรีรวบหญิงสาวไว้ เมื่อเธอทำท่าจะร่วงลงพื้นสะอย่างงั้น
"ชะ..ใช่ค่ะ อึก " เธอตอบเสียงสั่น เขามันน่ากลัวที่สุด ทำไมต้องทำเสียงดุใส่เธอด้วย
"หึ.. อยากรู้จักกูมั้ยล่ะ... เขมิกา!!"
🔥 ไฟราคะ 🔥บทที่ 25หลายวันต่อมาเขมิกาอยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปไหน เธอปิดเครื่องมาโดยตลอด ร้านดอกไม้ก็ปิด เหมือนเธอต้องการตัดขาดทุกอย่าง อยากอยู่โลกส่วนตัวสักพัก หญิงสาวนั่งพรวนดินที่สวนหลังบ้าน เธอออกไปซื้อดอกไม้มาปลูกเพื่อผ่อนคลายความทุกข์ร่างบางนั่งปลูกดอกไม้เป็นสวนหย่อมเล็กๆ ดอกไม้ที่เธอเลือกปลูกคือดอกทานตะวัน ความหมายมันลึกซึ้งดี เธอชอบ เขมิการดน้ำตามเป็นลำดับสุดท้าย หญิงสาวลุกขึ้นก่อนจะปัดดินที่เปื้อนมือ จู่ๆ เธอก็รู้สึกหน้ามืด มันเวียนหัวจนเธอแทบทรงตัวไม่อยู่ พรึ่บ! จอดับเขมิกากระพริบตาถี่ๆ เพื่อให้ชินกับแสงสว่าง กลิ่นยาดมลอยเตะจมูก เธอมองไปรอบๆ เห็นพ่อแม่ เขมิกรและเคนยืนรายล้อมเธออยู่ "โอ้ะ.. เขมเป็นอะไรคะ" เธอนั่งพิงหัวเตียงโดยมีเคนช่วยประคอง "เขมเป็นยังไงบ้างลูก" แขไขลูบหัวหญิงสาวอย่างเป็นห่วง ตอนที่เห็นเขมิกาเป็นลมอยู่สวนหลังบ้านเธอตกใจมาก"ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ " เธอโคลงศีรษะเล็กน้อยเมื่อรู้สึกมึนๆ"ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูก พ่อเป็นห่วงแทบแย่" "พี่เขมไปหาหมอดีกว่ามั้ยคะ" เขมิกรบอกเธอด้วยความเป็นห่วง"พี่โอเคแล้ว ไม่เป็นอะไรมากหรอก เมื่อเช้าสงสัยแดดแรง เลยหน้ามืดอ่ะ" เธอหันไ
🔥 ไฟราคะ 🔥บทที่ 24ร่างบางเดินเข้าบ้าน ก่อนจะเห็นพ่อแม่และน้องของเธออยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เธอยิ้มออกมาอย่างดีใจ"พี่เขม!!" เขมิกรเรียกพี่สาวเสียงดังก่อนจะรีบวิ่งเข้ามากอดผู้เป็นพี่ด้วยความคิดถึง"เขม มายังไงลูก แล้วชาตรีล่ะ มาด้วยรึเปล่า" แขไขและมานพเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่หอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้ามาด้วย"ไปนั่งคุยกันข้างในปะ" มานพเอ่ยก่อนที่ทุกคนจะเดินไปนั่งที่โซฟา เขมิกายกมือไหว้สวัสดีพ่อและแม่ นี่เป็นการกลับบ้านในรอบสองเดือนหลังจากที่เธอแต่งงานไป"เป็นยังไงบ้างลูก" แขไขกอดบุตรสาวด้วยความคิดถึง เขมิกาก็กอดตอบ เธอคิดถึงพ่อแม่เหลือเกิน"เขมสบายดีค่ะ พ่อกับแม่ล่ะค่ะ" "พ่อกับแม่สบายดีจ้ะ" "แล้วตาชาตรีไม่มาด้วยหรอลูก แล้วทำไมเก็บเสื้อผ้ามาแบบนี้ ทะเลาะกันหรอลูก" มานพเอ่ยถามเขมิกา ทุกคนต่างจ้องมองเธอรอคอยคำตอบ"เอ่อ..ปะ..เปล่าค่ะ ไม่ได้ทะเลาะกัน ช่วงนี้พี่ชาตรีงานยุ่งมากๆค่ะ ไม่ค่อยมีเวลา เขมเหงาก็เลยอยากกลับมาอยู่กับพ่อและแม่ก่อนไงคะ" เธอส่งยิ้มก่อนจะกอดอ้อนผู้เป็นพ่อ"จริงนะลูก ไม่ใช่โกหกพ่อนะ" "จริงๆค่ะ..อะไรกันเขมไม่อยู่แค่เดือนสองเดือนทุกคนก็ลืมเขมแล้วหรอคะ มันน่าน้อยใจจริงๆ " เขม
🔥 ไฟราคะ 🔥บทที่ 23หลังจากที่ประชุมเสร็จในเวลาสองชั่วโมงเต็ม ร่างสูงสมชายชาตรีก็เดินกลับห้องรองประธาน เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ พลางหลับตาลงอย่างเมื่อยล้า "เสร็จแล้วหรอคะ" เสียงหวานใสเอ่ยทักขึ้น"เฮ้ย! เหมย.. เหมยมาตั้งแต่เมื่อไหร่" ชาตรีหันไปมองหญิงสาวอย่างตกใจ ไม่คิดว่าเธอจะรออยู่ที่นี่ "เหมยโทรถามเลขาคุณค่ะ พอใกล้ประชุมเสร็จ เหมยก็รีบมาเลย อย่าลืมนัดของเราสิคะ" กิ่งเหมยเดินนวยนาดเข้ามาหาชายหนุ่ม ก่อนจะขึ้นคร่อมชาตรีไว้ มือเรียวยกโอบรอบลำคอแกร่ง ก่อนจะซบใบหน้าลงที่แผงอกล่ำสันของชาตรี"เอ่อ เหมย ลุกก่อนนะ มันที่ทำงาน ใครมาเห็นจะดูไม่ดี" ชาตรีพยายามดันเธอออกห่าง แต่หญิงสาวยังคงเกาะแน่น"ชาตรีคะ... คุณรู้มั้ยว่าคุณเปลี่ยนไปมากเลยนะคะ คุณไม่ใส่ใจเหมยเหมือนเมื่อก่อน..คะ..คุณห่างเหินกับเหมย ฮึก~ " น้ำตาเธอไหลรินอาบใบหน้า มันไม่ใช่การเสแสร้ง หากแต่มันกลั่นออกมาจากความรู้สึกของเธอจริงๆ "มะ..เหมย" ชาตรีเอ่ยเรียกเธอเสียงแผ่ว น้อยนักที่กิ่งเหมยจะร้องไห้ ความผิดมาจากเขาเองที่ละเลยเธอ มือหนาโอบกอดเธอไว้ ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่หน้าผากเธออย่างแผ่วเบา"..ฮืออ~~ " เธอซบใบหน้าลงกับอกแกร่งก่อนจะร้องไห้อ
🔥 ไฟราคะ 🔥บทที่ 22ร่างบางตื่นนอนในช่วงสายของวันใหม่ เธอเหลือบมองมือหนาที่พาดเอวบางของเธอไว้ เขมิกาจ้องใบหน้าเนียนใสของชายหนุ่มที่เริ่มรกรุงรังจากไรหนวดเนื่องจากเขาไม่มีเวลาดูแลตัวเอง เธอยกมือขึ้นลูบใบหน้าเขาอย่างแผ่วเบา"คุณคิดถึงฉันจริงๆหรอคะ" เป็นคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ เธอเพียงพึมพำราวกับไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง เขามาหาเธอในรอบหลายวันที่ผ่านมา "คิดถึงสิ.." จู่ๆ ชาตรีก็ลืมตาขึ้นมาก่อนจะเห็นใบหน้าหวานใสเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะตื่น มือหนากระชับกอดเธอแน่น"อะ..เอ่อ..คะ..คุณตื่นนานแล้วหรอคะ" เขมิกาถามเขาออกไป ใบหน้าเธอแดงเรื่อราวกับลูกตำลึงสุข เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน เธอก้มหน้าหลบตาเขาอย่างเอียงอาย"หึหึ ก็พอจะได้ยินใครบางคนพูดแหละ" ชาตรียิ้มที่มุมปากเบาๆ เวลาเธอเขินช่างน่ารักเสียจริง "เอ่อ.. ฉะ..ฉันมีงานค้างไว้ ฉันขอตัวก่อนนะคะ" เขมิกาลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะถูกรวบกอดจากด้านหลัง"นี่เขม.. เธอเรียกฉันว่าพี่ได้มั้ย แล้วแทนตัวเองว่าเขม มันดูน่ารักกว่าแทนตัวเองว่าฉันเยอะเลยนะ" ชาตรีหอมแก้มหญิงสาวฟ่อดใหญ่อย่างอดใจไม่ไหว"จะดีหรอคะ..คุณ.." นิ้วเรียวแตะปากหญิงสาวเป
🔥 ไฟราคะ 🔥บทที่ 21 ร่างบางนั่งจัดดอกไม้อยู่ที่ร้าน Flower Love ในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอไม่ได้เข้ามาที่ร้านเลย วันนี้เธอจึงเข้ามาดูความเรียบร้อยเนื่องจากมีออเดอร์เข้ามา นับตั้งแต่วันนั้นชาตรีก็ไม่กลับบ้านเลย ผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้ว เธอไม่รู้ว่าเขาไปไหน..กรุ๊งกริ๊งๆ เสียงโมบายหน้าร้านดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยใบหน้าหวานใสของหญิงสาวที่วิ่งมากอดผู้เป็นพี่อย่างแนบแน่นด้วยความคิดถึง"คิดถึงพี่เขมจังเลย ไม่เห็นกลับบ้านบ้างเลยนะคะ" เธอกอดเอวพี่สาวไว้แน่นพลางเงยหน้าขึ้นถาม"ขอโทษที พี่ยุ่งๆน่ะ เลยไม่ได้แวะไปหาเลย" เขมิกาเอ่ยตอบน้องสาว เธอก็คิดถึงคนที่บ้านเหมือนกัน เพียงแต่ยังไม่มีเวลาแวะไปหาเท่านั้น"พี่เขมพาแขไปกินบิงซูไถ่โทษเลยนะคะ" หญิงสาววัยทะเล้นเอ่ยบอกพี่สาว"พี่ขอติดไว้ก่อนได้มั้ย พี่กำลังยุ่งอ่ะ ไว้พี่จะเลี้ยงวันหลังนะ" เขมิกรทำหน้ายู่ แต่เธอก็เข้าใจพี่สาวดี เธอไม่ได้แง่งอนอะไร"แล้วนี่พี่ชาตรีไปไหนคะ" เขมิกรเอ่ยถามหาพี่เขย ตั้งแต่แต่งงานไปเธอก็ไม่เคยเจอพี่เขยอีกเลย เจอแค่วันแต่งงานวันเดียว เขมิกาอึกอักก่อนจะตอบออกไป"เอ่อ คุณชาตรีเขางานยุ่งอ่ะ ไม่ค่อยว่าง" เธอหันไปจัดดอกไม้ต่อ."
🔥 ไฟราคะ 🔥บทที่ 20[ Khemika ] ฉันตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของอีกวัน รู้สึกปวดหัวนิดๆ เมื่อวานฉันจำได้ว่าพี่เคนมาส่งฉันกลับจากโรงพยาบาล แล้วคุณชาตรีก็เข้ามาชกต่อย เขาทำร้ายฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ทำไมฉันถึงต้องทน อาจจะเป็นเพราะฉันไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจละมั้ง ฉันลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง คุณชาตรีไม่อยู่ รถก็ไม่เห็น ชั่งเถอะจะไปไหนก็เรื่องของเขา"จะทำอะไรก่อนดีเนี่ย" ฉันตัดสินใจเริ่มปั่นผ้าก่อน ฉันใช้ไม่เป็นหรอก ก็ทำตามลูกศรที่เขาชี้บอกเอา ปั่นทิ้งไว้แล้วก็มาเก็บกวาดบ้าน มันเหนื่อยนะ แต่ก็ต้องทำ ฉันยกมือขึ้นปาดเหงื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำไมทำงานบ้านมันเหนื่อยแบบนี้นะ "เฮ้ออ~" ฉันนั่งพิงบันไดบ้านอย่างเหนื่อยหอบ เมื่อพึ่งถูบ้านเสร็จ จ๊อก~ จ๊อก~ เสียงท้องร้องของฉันเองแหละ เริ่มจะหิวแล้วสิ ฉันเดินเข้าไปในครัวก่อนจะเปิดดูตู้เย็นว่าพอมีอะไรกินบ้าง "ไข่?" ฉันมองไข่กับผักสามสี่อย่างในตู้เย็น บอกตรงๆ แม้แต่ทอดไข่ฉันยังทำไม่เป็นเลย ก็ที่บ้านฉันมีแม่บ้านทำให้ทุกอย่าง ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ฉันก็ต้องทำเองทั้งหมดมันทำยังไงอ่ะ ฉันเริ่มจากตอกไข่ใส่ถ้วยก่อนจะปรุงเครื่องเล็กน้อย ฉ







