LOGINหญิงสาวร่างเล็กบาง ผิวขาวลออตา ใบหน้าของเธอจิ้มลิ้มน่ารักราวกับตุ๊กตามีชีวิต นัยน์ตากลมโต จมูกโด่งปลายรั้นน้อยๆ ริมฝีปากแดงเรื่อรูปกระจับ เรือนผมหยักศกลอนใหญ่ยาวเกือบกลางหลังมีสีน้ำตาลเข้ม ดูนุ่มละมุนยามต้องแสงแดด เธอสวมชุดเสื้อยืดสีขาวลายน่ารักตัวยาว กางเกงยีนขายาว รองเท้าแตะคีบ ในมือถือตะกร้าบรรจุของสดที่กำลังเดินซื้ออยู่ในตลาดแห่งนี้
ข้างๆ มีหญิงสาวอีกคนยืนอยู่เคียงกัน มีรูปร่างสูงกว่า ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียน ใบหน้าสวยคม โดยเฉพาะนัยน์ตาหวานระยับนั่น จมูกโด่งสวยจนเหมือนผิดธรรมชาติ ริมฝีปากอวบอิ่ม เธอซอยผมแบบทันสมัยยาวเคลียบ่า แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชีฟองเนื้อบางสีดำ ข้างในสวมเสื้อเกาะอกครึ่งตัวสีดำ กางเกงยีนสั้นจู๋สีซีด อวดรูปร่างอรชร อวบอิ่มของวัยสาว
“แหม...ลดให้หน่อยสิจ๊ะป้าจ๋า มาซื้อกันเกือบทุกวันน่ะจ้ะ”
เสียงใสเอ่ยเจรจาอย่างอ้อนๆ เมื่อส่งถาดบรรจุกุ้งที่คนตัวเล็กกว่าเลือกไว้ ส่งให้แม่ค้า แม่ค้าวัยกลางคนยิ้มตอบพร้อมกับหยิบกุ้งตัวเล็กแถมใส่ลงไปในถุงตัวหนึ่งแล้ว ก่อนจะยื่นถุงพลาสติกที่บรรจุกุ้งส่งให้
“แถมก็แล้วกันนะแม่แยม สมัยนี้ข้าวของมันแพง ต้นทุนมันแพงเหลือเกินน่ะลูก”
“เอ้าๆ แถมก็ยังดี นี่ถ้าลุงณัฐไม่อยากกินล่ะก็ หนูไม่ซื้อนะเนี่ย แพงมาก”
วรัทยาบ่นเบาๆ ก่อนจะหันมาออกคำสั่งกับหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนอยู่ข้างๆ
“จ่ายเงินสิ บุษ แล้วก็อย่ามัวงุ่มง่ามชักช้า เดี๋ยวเราต้องไปดูของอีกหลายอย่าง จะทำกับข้าวไม่ทันเอา”
ราวกับว่าทำตามอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย เพชรน้ำบุษย์ล้วงเอากระเป๋าเงินออกมา พร้อมกับควักธนบัตรจ่ายค่าสินค้า ก่อนจะเดินตามวรัทยาไปต้อยๆ แม่ค้ากุ้งมองดูหญิงสาวทั้งสองตามหลัง ก่อนจะแอบเบ้ปาก พลางบ่นพึมพำเบาๆ
“ทำไมลูกสาวของ นายกณัฐ ต้องเดินตามแม่แยมนี่ต้อยๆ เหมือนกับคนใช้ด้วยก็ไม่รู้”
“แหม...”
เสียงแหลมๆ ของแม่ค้าปลาที่นั่งอยู่ข้างๆ กันเอ่ยขึ้นมาร่วมสนทนาด้วยในทันที ที่ได้ยินเพื่อนข้างแผงพูดแบบนั้น นางเองก็มองดูสองสาวด้วยความหมั่นไส้อยู่แล้วพักหนึ่งเหมือนกัน
“ก็คางคกขึ้นวอยังไงล่ะ แม่ต้อย แม่แยมนี่ก็แค่ลูกของแม่แวว คนใช้ในบ้านของนายกณัฐ ยังกล้าเรียกท่านว่าลุงเล้ย คงจะอยากเป็นอย่างอื่นมากกว่าเด็กในบ้าน เหอะ! ดูแต่งเนื้อแต่งตัวก็รู้แล้ว ว่าคงอยากจะเป็นเมียของนายกณัฐจนเนื้อตัวสั่น”
“นั่นสินะ”
แม่ค้ากุ้งเอ่ยเออออ ก่อนจะนินทากับแม่ค้าปลาต่ออีกอย่างสนุกปาก เกี่ยวกับเรื่องของหญิงสาวสวยนามวรัทยา ที่พฤติกรรมของเจ้าหล่อนเป็นที่โจษจันกันอย่างสนุกปากในสังคมเล็กๆ ในเมืองชนบทแบบนี้
อาจจะเพราะความโด่งดังและความมีอิทธิพลของณัฐ ดิลกธรรมชัย หรือนายกณัฐตามที่ชาวบ้านเรียกขาน มีตำแหน่งเป็นนายยกอบต. บริหารงานของเทศบาลของตำบลรวงทอง แม้จะเป็นตำบลไม่ใหญ่นัก แต่ก็เจริญเพราะอยู่ใกล้กับตัวจังหวัด
และนอกจากจะมีอิทธิพลในการเมืองท้องถิ่นแล้ว ณัฐยังเป็นพ่อเลี้ยงที่มีกิจการมากมาย มีโรงสีอยู่หลายแห่ง กระจายอยู่ในหลายตำบล สวนส้ม ไร่ชา รวมถึงไร่สตอบอรี่ รวมถึงรีสอร์ตบนยอดดอยสวย เขาร่ำรวยติดอันดับของเศรษฐีเมืองเชียงใหม่ น้อยคนนักจะไม่รู้จักพ่อเลี้ยงณัฐ ซึ่งตอนนี้กำลังคิดจะวาดฝัน วางโครงการไต่เต้าเข้าสู่การเมืองระดับจังหวัด
แม้จะอายุห้าสิบปลายๆ แล้ว แต่หน้าตาของพ่อเลี้ยงวัยกลางคนยังคงหล่อเหลา คมเข้มแกว่งหัวใจของทั้งสาวน้อย สาวใหญ่ ให้สั่นไหว และความที่มีทั้งอิทธิพลและเงินทอง ณัฐจึงกลายเป็นหนุ่มโสดเนื้อหอมแม้จะเคยผ่านงานแต่งงานมาหลายครั้งแล้วก็ตามที แต่ตอนนี้เขาก็ขึ้นชื่อว่าโสด จึงมีแต่สาวๆ รุมตอมมากมาย แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าณัฐมีลูกสาวคนสวยอย่าง เพชรน้ำบุษ สาวๆ ที่จะฝ่าด่านหัวใจของเขา อาจจะต้องเอาชนะหัวใจของเธอไปได้ด้วยพร้อมๆ กัน
“เดี๋ยวไปรอที่รถก่อนนะ บุษ พี่จะแวะซื้อของที่ร้านยาสักหน่อย”
วรัทยาว่า ท่าทางมีลับลมคมในพิกล หญิงสาวที่กำลังถือข้าวของเต็มอ้อมแขน เงยหน้าขึ้นมามองเธออย่างเป็นห่วง นัยน์ตากลมหวานส่งประกายห่วงใยอย่างจริงใจทันที เมื่อมองสำรวจไปทั่วร่างอวบอิ่มงดงามนั่น
“พี่แยมจะแวะซื้อยาอะไรหรือจ๊ะ ไม่สบายหรือเปล่า? อย่าซื้อยากินเองเลย บุษว่าพี่แยมไปหาหมอ...”
“ฉันจะเป็นอะไรก็อย่ามายุ่งน่า!”
เสียงใสตวาดเอาแว้ดทันที เล่นเอาเพชรน้ำบุษถึงกับสะดุ้ง ก่อนที่วรัทยาจะถอนใจ พลางเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นหวานนุ่มนวลลง มือเรียวรุนหลังหญิงสาวรุ่นน้องให้เดินนำไปทางอื่น
“ไม่มีอะไรหรอกน่ายายบุษ พี่ก็แค่ซื้อยาแก้ปวดวันเบาๆ น่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ไปรอที่รถก่อน เดี๋ยวพี่ตามไป”
“ค่ะ”
หญิงสาวรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินเลี่ยงจากไปแต่โดยดี เมื่อลับร่างบอบบางนั้นแล้ว วรัทยาก็กอดอก พลางพ่นลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายอีกฝ่าย ที่ชอบมาทำแสนดี เจ้ากี้เจ้าการห่วงใยเธอนัก ทำราวกับว่าเป็นหญิงสาวผู้บอบบางน่ารัก แสนจะเป็นนางเอก นิสัยหรือก็อ่อนหวาน เป็นที่รักของคนทั้งบ้าน ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรเอาเสียเลย ทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองเจ้าเล่ห์ และเป็นเหมือนนางอิจฉาอยู่ตลอดเวลา
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”
เธอทำปากเบ้ แล้วเดินเข้าไปในร้านขายยา มองซ้ายมองขวาเล็กน้อยว่าปลอดลูกค้าไหม เมื่อเห็นว่ามีเพียงเภสัชกรชายวัยกลางคนอยู่คนเดียว เธอก็เอ่ยสั่งยาที่ต้องการเสียงเบา
“เอายาคุมยี่ห้อ...สองแผง”
“ครับ”
เมื่อเขาหันหลังไปหายาให้เธอ วรัทยาก็แกล้งเอ่ยขึ้นลอยๆ ว่า
“แม่นะแม่ ให้เรามาซื้อยาให้แบบนี้คนอื่นเค้าเข้าใจกันหมด เฮ้อ...”
“ได้แล้วครับ”
เขายื่นแผงยาส่งให้เธอ ก่อนจะบอกราคาของยาคุม วรัทยารีบคว้าเอาถุงยาแล้วเดินเร็วๆ ออกไปจากร้านทันที เธอไม่อยากจะให้ใครเห็นมากนัก ว่ามาเข้าร้านยา ยิ่งถ้าคนเห็นเธอมาซื้อยาคุมแล้วล่ะก็ คงจะเอาเธอไปนินทากันสนุกแน่ๆ
แต่ถ้าไม่ซื้อหาไว้ใช้...วรัทยาเม้มปาก มันก็ไม่ได้เสียน่ะสิ เธอยังไม่อยากให้มีอะไรๆ ที่ผิดพลาดเกิดขึ้นมานี่นา เธอรักที่จะสนุก ก็ต้องหาทางป้องกันไว้ให้เรียบร้อย คนอย่างวรัทยาไม่เคยพลาด
................................................................................................................................................................
“แบบนี้ใช้ได้หรือยังจ๊ะป้าแวว”
เสียงหวานเอ่ยถาม พร้อมกับส่งผลงานในมือให้ดู แววรับเสื้อกันหนาวที่เป็นรูปเป็นร่างหลังจากที่เจ้าตัวเฝ้านั่งทำมานานนับเดือนเรียบร้อยแล้วนั้นไป ก่อนจะพินิจเพื่อหาร่องรอยของตำหนิ นางยิ้มพอใจเมื่อเห็นว่ามันไม่มีแม้แต่จุดเดียว ก่อนจะสะบัดคลี่ผืนเสื้อออกดูให้ชัดๆ อีกครั้ง เสื้อกันหนาวตัวโต สีแดงเลือดหมู ตัวนี้เป็นผลงานชิ้นแรกที่เพชรน้ำบุษเพียรทำมานาน เพื่อตั้งใจเก็บไว้เป็นของขวัญวันเกิดให้บิดา ในเดือนหน้า
“สวยมากๆ เลยค่ะคุณหนูบุษ ท่านคงจะชอบ เข้าหน้าหนาวพอดี ได้ทันใช้เลย”
“ไว้รอบหน้า บุษจะถักให้ป้าแววบ้างนะคะ ค่าครู ขอบคุณมากๆ ค่ะที่สอนให้บุษทำงานชิ้นนี้จนสำเร็จ”
หญิงสาวก้มลงกราบหญิงวัยกลางคนตรงอก เธอไม่ได้ถือตัวว่าเป็นถึงทายาทของเจ้านายของนาง เพชรน้ำบุษอ่อนหวานน่ารักนัก จนคนรักใคร่กันทั้งบ้าน ไม่เหมือนกับใครบางคน ที่เป็นคล้ายกับกา แต่อยากจะเผยอตัวเองเป็นหงส์ แววคิดอย่างเหนื่อยใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ป้าดีใจที่คุณหนูอยากจะเรียนรู้วิชาแบบนี้ไว้ หายากแล้วที่สาวๆ จะมานั่งทำอะไรแบบนี้ สมัยนี้อะไรๆ ก็ซื้อกันไปหมด จนจะทำไม่เป็นกันอยู่แล้ว”
“ซื้อมันก็ไม่เหมือนทำเองหรอกค่ะป้าแวว”
เพชรน้ำบุษยิ้มหวาน เธอรับเสื้อคืนมาจากแวว แล้วมองมันอย่างปลาบปลื้ม บิดาของเธอจะชอบมันไหมหนอ เธอเลือกสีโปรดของท่าน อยากให้ของขวัญวันเกิดชิ้นนี้เป็นของที่บิดาชอบและมีความสุขที่ได้รับ
“บุษขอตัวเอาเสื้อไปเก็บก่อนนะคะป้าแวว เดี๋ยวจะมาช่วยทำกับข้าว วันนี้จะทำกุ้งหวานของโปรดของคุณพ่อ เห็นท่านบ่นอยากจะกินตั้งแต่เมื่อวาน ได้กุ้งตัวสวยๆ มาเยอะเลยค่ะวันนี้”
“จริงสิคะคุณหนู ป้าเกือบจะลืมไป วันนี้เห็นคุณท่านบอกว่าจะกลับค่ำสักหน่อย คงไม่ต้องรอกินข้าวเย็นน่ะค่ะ”
แววบอก เพชรน้ำบุษย่นจมูก แล้วเอ่ยเสียงใส
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ทำไว้เผื่อท่านหิวตอนดึกๆ แล้วอีกอย่างนี่ก็เป็นของโปรดของป้าแววด้วย เดี๋ยวบุษจะแบ่งไว้ให้เป็นพิเศษนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณหนู”
แววว่า แต่อีกฝ่ายไม่ฟังเสียแล้วเพราะรีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นสอง เพื่อเอาของขวัญชิ้นพิเศษไปเก็บซ่อนไว้ รอจนกว่าจะถึงวันสำคัญที่จะมอบให้กับบิดา
ร่างบางเดินเข้ามาในห้องนอนของเธอ มองหาที่เก็บของขวัญของบิดาไปรอบๆ ห้อง ห้องนอนของเพชรน้ำบุษสวยงามราวกับห้องนอนของเจ้าหญิง ห้องของเธอมีหน้าต่างบานสูง แขวนผ้าม่านลายปักเถาดอกไม้งดงามกันแดดส่อง ชุดเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดทำเป็นสีขาว และบุด้วยผ้าลายดอกไม้สีหวานสวย ชุดผ้าปูเตียงก็เป็นสีหวาน ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ตัวโปรดของเธอวางไว้บนหัวเตียง เตียงนอนแบบเจ้าหญิงในเทพนิยาย ทุกอย่างสำหรับเพชรน้ำบุษ ณัฐเป็นคนเลือกให้ทุกสิ่ง มันต้องหรูหรา มีระดับและมีราคา สมค่ากับลูกสาวของพ่อเลี้ยงผู้ร่ำรวยแห่งเมืองเหนือ
การได้รับการตามใจในเรื่องวัตถุ และเงินทองจากบิดา กลับไม่ทำให้หญิงสาวเสียคน หรือว่ามีปมปัญหาอะไร ตรงกันข้ามเธอกลับนึกว่าบางสิ่งก็ฟุ่มเฟือยจนเกินไป หญิงสาวเป็นตัวของตัวเอง โรงเรียนประจำในวัยเยาว์ให้อะไรกับเธอมากมายนอกจากการศึกษา แม้จะกำพร้าแม่ แต่เธอก็มีคุณครูที่รักเธอและคอยอบรมสั่งสอนเธอราวกับลูกแท้ๆ จนทำให้เพชน้ำบุษเป็นตัวเองในแบบทุกวันนี้ เป็นหญิงสาวจิตใจดี อ่อนโยน และมองโลกอย่างสดใส สวยงาม
เพชรน้ำบุษไม่ใคร่จะชอบใจนักเวลาที่บิดาซื้อเสื้อผ้าหรือของใช้แบรนเนมมาให้เธอ เนื่องจากเธอเห็นว่ามันแพงเกินความจำเป็น แต่ก็ต้องฝืนใช้ เมื่ออกงานเคียงคู่กันกับท่าน สิ่งเดียวที่เธอปรารถนาจากบิดาก็คือการเล่าเรียนที่สูงมากกว่านี้ หากแต่ณัฐกลับส่งเสียเธอเรียนจบแค่ระดับปริญญาตรี เขาไม่ยอมให้เธอเรียนต่อ และให้เพชรน้ำบุษทำงานใกล้หูใกล้ตา ไม่ยอมให้ไปไกลที่ไหน มีคนเล่าลือกันว่าพ่อเลี้ยงหวงบุตรสาวมาก ไม่ยอมให้หนุ่มๆ ที่ไหนมากล้ำกรายได้ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องจริง ณัฐให้บอดีการ์ดตามเฝ้าเธอ และคอยกันบรรดามดแดงทั้งหลายที่จ้องจะมาไต่ตอมมะม่วงผลงามอย่างเพชรน้ำบุษ มันทำให้หญิงสาวไม่เคยมีคนรักแม้แต่คนเดียว จนอายุย่างเข้า 24 ปี และดูทีท่าแล้วคงอีกนาน กว่าจะมีคนกล้าฝ่าด่านอิทธิพลของณัฐเข้ามาถึงตัวของเธอ
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจได้ว่า จะเอามันเก็บซ่อนไว้ที่ไหน บิดามักจะมีของขวัญให้เธอทิ้งไว้ในตู้เสื้อผ้าให้เธอเสมอ หรือบางคราวก็แอบซ่อนไว้ตามที่ต่างๆ อย่างลิ้นชัก หรือว่าโต๊ะเครื่องแป้ง มีเพียงกล่องที่เธอใช้เก็บของเท่านั้นที่ท่านไม่เคยแตะต้อง หญิงสาวลากมันออกมาจากใต้เตียง ปัดฝุ่นเล็กน้อยก่อนจะเปิดมันขึ้น เพื่อจะบรรจุเสื้อกันหนาวลงไปในนั้น มือบางชะงักเมื่อสายตาเห็นบางอย่างที่สะดุดตาเข้า เพชรน้ำบุษ ดึงเอาอัลบั้มภาพออกมา แล้วเปิดมันไล่ดูเหมือนกับจะรำลึกถึงอดีตเบื้องหลัง
ภาพของเด็กหญิงผูกผมเปีย นัยน์ตาค่อนข้างเศร้าที่มองมายังกล้อง วัยไม่เกินแปดขวบในอิริยาบถต่างๆ กัน ก่อนที่จะเป็นภาพของเด็กหญิงคนเดียวกัน ในวัยที่โตขึ้น และยิ้มแย้มมากขึ้น นัยน์ตาเศร้าหมองนั้นหายไป หลายภาพมีชายหน้าตาคมสัน ถ่ายรูปร่วมกับเธอ นิ้วเรียวไล้ภาพนั้นอย่างรักใคร่ ก่อนที่น้ำตาหนึ่งหยดจะไหลริน ต้องลงภาพนั้น เธอรีบเช็ดมันออกอย่างรวดเร็ว เพราะความชื้นเป็นศัตรูร้ายกาจของภาพถ่าย และเพชรน้ำบุษก็ไม่ต้องการให้มันทำให้ภาพแห่งความหลังต้องมีรอยเปื้อน
“หนูรักคุณพ่อเหลือเกินค่ะ ถ้าไม่มีพ่อณัฐ ป่านนี้หนูจะเป็นยังไงก็ไม่รู้”
หญิงสาวมองคนในภาพด้วยสายตาบูชาสุดหัวใจ ก่อนจะปิดภาพแห่งความหลังเหล่านั้นแล้วเก็บมันไว้ที่เดิมอย่างเรียบร้อย
ถ้ามีมีณัฐ ดิลกธรรมชัย ก็คงจะไม่มี เพชรน้ำบุษ ดิลกธรรมชัยในทุกวันนี้ เธอมีหน้าที่จะต้องตอบแทนบุคคลที่ให้ชีวิตใหม่แก่เธออย่างณัฐ หญิงสาวพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ชายที่มีบุญคุณเสียยิ่งกว่าบุพการีคนนี้ได้มีความสุข
ใช่แล้ว...ณัฐไม่ใช่บิดาแท้ๆ ของเธอ ท่านเป็นเพียงบิดาเลี้ยง ที่รับเธอเข้ามาเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่แปดขวบ เขาส่งเธอเข้าโรงเรียนประจำ ก่อนที่จะรับเธอออกมาอยู่ด้วยกัน เขาเอ็นดูเธอมาก และยิ่งตอนหลังทั้งห่วงและหวงเธอมากขึ้นทุกวัน แต่เธอก็ไม่ได้รำคาญหรืออึดอัด กลับรู้สึกภูมิใจที่ท่านทั้งรักและเอ็นดูเธอแบบนี้ แม้บางอย่างจะดูเกินไป ก้าวล่วงเสรีภาพกันมากไปอยู่สักหน่อย แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ขัดขืนหรือรู้สึกแย่อะไร เพียงนึกว่าท่านเป็นห่วงเธอตามประสาพ่อที่หวงลูกสาวที่กำลังโตเป็นสาวสะพรั่งเท่านั้น
เพชรน้ำบุษมองดูที่ซ่อนของเธอให้เรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มกริ่ม เมื่อนึกถึงสีหน้าของบิดายามที่ได้ของขวัญจากเธอ ร่างบางเดินเร็วๆ ไปยังชั้นล่าง เพื่อตรงไปยังห้องครัว ตั้งใจจะไปทำอาหารเย็นไว้เตรียมรอรับบิดา แต่เท้าของเธอก็ชะงักเมื่อเดินผ่านเปียโนสีดำหลังใหญ่ ที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้องรับแขก มันอยู่ตรงนั้นมานานมากแล้ว และไม่มีใครแตะต้องหรือเล่นมันให้ได้ยินแม้แต่คนเดียว อะไรบางอย่างทำให้เธอเดินเข้าไปใกล้ แล้วเปิดฝาครอบคีย์ออก นิ้วเรียวลองกดดูเบาๆ เสียงใสไพเราะดังขึ้นทันทีเมื่อปลายนิ้วสัมผัส
“คุณหนู!”
เสียงอุทานอย่างตกใจของแววดังขึ้น ทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้งสุดตัว แล้วหันขวับไปมองทางต้นเสียง เธอเอียงคอเมื่อเห็นว่าแววมีหน้าซีดเผือดเมื่อมองดูเปียโนหลังนั้นและเธอสลับกัน เธอปิดให้เรียบร้อยตามเดิม ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาแวว ที่ยังคงมองที่เปียโนหลังนั้นนิ่ง
“ป้าแวว มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“เอ่อ...คุณหนูจะเล่นเปียโนหรือคะ”
แววกลืนน้ำลาย ความหลังบางอย่างเกี่ยวกับเจ้าของเปียโนแล่นเข้ามาในห้วงความทรงจำ มันมีความทรงจำที่เลวร้ายยิ่งนัก ตอนนั้นนางพึ่งจะสมัยรุ่นสาว ยังคงทำงานอยู่ที่บ้านอีกหลังหนึ่ง และตอนนี้มันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในอาณาเขต ของครอบครัวดิลกธรรมชัยเรียบร้อยแล้ว
“เปล่าหรอกจ้ะ บุษเล่นไม่เป็นหรอกป้าแวว เอ...มันมาจากไหนกันคะ เปียโนตัวนี้ บ้านเราไม่มีใครเล่นเป็นนี่คะ”
“ป้าก็ไม่ทราบหรอกค่ะ เราไปทำกับข้าวกันดีกว่าค่ะคุณหนู วันนี้ไอ้ทัยมันได้สายบัวมาเยอะเชียว ป้าจะทำต้มสายบัวให้ เห็นคุณหนูบอกว่าอยากกิน”
“จ้ะ”
เพชรน้ำบุษละความสนใจจากสิ่งใหม่ในห้องรับแขกชั่วคราว ขณะที่แววมองมันด้วยสายตาเจ็บปวด เปียโนตัวนี้ทำให้นางระลึกถึงเรื่องบางเรื่อง ที่อยากจะลืมให้หมดขึ้นมาได้
ป่านนี้คุณหนูตัวน้อยของนางจะเป็นอย่างไรบ้างนะ พ่อคุณเอ๋ย...พลัดพ่อ พลัดแม่ พลัดบ้านไปไกลขนาดนั้น จะยังเล่นเปียโนอยู่ไหมหนอ…
หูของแววเหมือนจะยังได้ยินเสียงเพลงไพเราะที่บรรเลงแผ่วพลิ้วมาจากเปียโนตัวนี้ จากฝีมือของเด็กชายร่างผอม หน้าตาคมสัน ที่มีชื่อว่ากันต์ระวี
สายตาคมกริบกำลังจับจ้องมองตามร่างเล็กบางของหญิงสาวที่กลายเป็นดาวเด่นของงานในคืนนี้อย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา ก้องหล้าจิบแชมเปญในมือ พร้อมกับมองตามร่างบางระหงที่อยู่ในชุดสีชมพูหวานไปด้วยสายตามุ่งมั่น เขามองกวาดไล่ไปทั้งเรือนร่างงดงามนั้น เปลวไฟบางอย่างถูกจุดขึ้นมาแล้วกำลังระอุร้อน เมื่อได้มองพินิจเธอแบบนั้น คนอย่างก้องหล้า อยากได้อะไร ต้องได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นลูกสาวของศัตรูของบิดาก็ตามทีเขากล่อมชัชชัยได้เรียบร้อยแล้ว เกี่ยวกับเรื่องของเพชรน้ำบุษ หญิงสาวที่เขานึกชอบตั้งแต่แรกเห็นหน้า ยิ่งเธอเป็นดอกฟ้าที่มีแต่คนหมายตาอยากจะคว้า เขาก็ยิ่งทวีความ ‘อยากได้’ อีกฝ่ายมากขึ้น การได้เป็นลูกเขยของณัฐ ดิลกธรรมชัยนั้น มันแสดงถึงศักยภาพของผู้ชายคนนั้น ว่าต้องไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ถึงผ่านด่านหินของชายผู้มีอิทธพลอย่างณัฐมาได้ แล้วผลประโยชน์ต่อไปในอนาคตกับการร่วมชีวิตกับเพชรน้ำบุษด้วยนั้น ยิ่งเหมือนกับบ่อเพชรบ่อพลอย ที่ชวนให้ลงทุนลงแรงชิงเธอมาเป็นที่สุดวันนี้ไม่มีเงาของบอดีการ์ดหนุ่มร่างยักษ์ ที่เป็นเหมือนก้างชิ้นโต สำหรับบรรดาเหล่าภมรที่อยากจะไปบินโฉบชมดอกฟ้าแสนสวยอย่างเพชรน้ำบุษ มีเพียงหญิงสาวอีกคนที
“เย็นนี้แวะไปหาหมอไหมครับคุณหนู”น้ำเสียงอาทรถามขึ้นจากคนตัวโต เมื่อเอาเอกสารมายื่นให้เธอด้วยตนเอง ไอยราซึ่งปรกติแล้วมักจะอยู่ในห้องส่วนตัวของเขาเงียบๆ รอจนเวลาเธอเลิกงาน หรือจะไปไหนมาไหนจึงมาปรากฏตัว แต่วันนี้เขานึกเป็นห่วงเธอจนแย่งหน้าที่ของเลขานุการส่วนตัวของเพชรน้ำบุษ เอางานมาให้เธอด้วยตัวเอง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ช้าง ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้วล่ะค่ะ”“ไม่ไปจริงๆ น่ะเหรอครับ อย่าฝืนนะครับคุณหนู”ไอยรายังคงมองใบหน้าหวานซึ้งของเธออย่างเป็นห่วง เพชรน้ำบุษหัวเราะเบาๆ เธอทรงตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะตั้งท่าหมุนตัวอวดเขา ทำเอาไอยราต้องรีบกระแอม แล้วรีบเอ่ยขัดขึ้นทันที“ไม่ต้องก็ได้ครับคุณหนู ผมเชื่อแล้วครับ”“บุษ พี่เอาเสื้อผ้ามาให้ เดี๋ยวเราไปที่ร้านกันเลยไหม พี่จัดการเตรียมทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”เสียงที่ดังมาก่อตัว พร้อมกับประตูห้องทำงานของหญิงสาวที่ถูกเปิดผั๊วะเข้ามาอย่างไร้มารยาท บอกได้เลยทันทีว่าเป็นใคร ไอยราและเพชรน้ำบุษมองสบตากันทันที ก่อนที่นายสาวจะพยักหน้าให้กับบอดีการ์ดหนุ่ม ไอยราค้อมศรีษะให้กับวรัทยาเล็กน้อย แล้วเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้หญิงสาวอยู่ด้วยกันตามลำพัง“นี่ชุดของบุษ ลุง
เสียงนกร้องดังเจื้อยแจ้ว แดดยามเช้าส่องรำไรลอดใบไม้มาต้องผิวให้ความอบอุ่น ลมเย็นๆ พัดมาเรื่อยเฉื่อย เอาอากาศบริสุทธิ์มาต้องใบหน้าใสหวาน เพชรน้ำบุษสูดอากาศเข้าปอดอย่างสดชื่น พลางมองไปรอบๆ ตัว นานครั้งที่เธอจะได้มาสัมผัสบรรยากาศนอกบ้านบ้างแบบนี้ แม้จะสดชื่นไม่ต่างกัน แต่ความรู้สึกของอิสรภาพนั้นต่างกันมากมายนัก“ผมจะรอที่นี่นะครับคุณหนู”บอดีการ์ดประจำตัวเธอพูดด้วยน้ำเสียงขรึมๆ เมื่อมองความเรียบร้อยของสวนสาธารณะแห่งนั้นแล้ว เขาคอยติดตามเพชรน้ำบุษมานาน และนึกสงสารนายสาวนัก เพราะหญิงสาวเป็นคนน่ารัก และไม่มีทีท่าว่าจะมีศัตรูที่ไหนเลยแม้แต่คนเดียว คำสั่งของณัฐเกี่ยวกับเพชรน้ำบุษนั้น ทำให้ไอยรายิ่งนึกสงสารเธอ และแอบให้อิสระแก่นายสาวบ้าง ซึ่งถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเพชรน้ำบุษในเวลาที่เขายอมปล่อยเธอแล้ว ไอยราก็พร้อมจะรับผิดชอบความผิดพลาดนั้นทั้งหมด แม้จะเป็นชีวิตเขาก็ยอม เพียงแค่ให้เพชรน้ำบุษมีเวลาเป็นของตัวเอง ได้ยิ้ม ได้หัวเราะบ้าง“ไม่นานหรอกค่ะพี่ช้าง รับรองว่าเราสองคนจะไม่ไปทำงานสายแน่ๆ”เพชรน้ำบุษหลิ่วตา เธอและไอยราออกมาจากที่บ้านแต่เช้า เพื่อมาแวะที่สวนสาธารณะก่อนจะไปทำงานที่ออฟฟิศต่อ วันนี้วร
“พ่อจะไปนิวยอร์คสองอาทิตย์นะลูก ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะหนูบุษ”ประมุขของบ้านดิลกธรรมชัยเอ่ยขึ้น ขณะที่ทานอาหารเช้ากันอย่างสบายๆ ในสวน เพื่อรับแดดและเสพบรรยากาศยามเช้า ของฤดูปลายฝนต้นหนาว เพชรน้ำบุษตักข้าวต้มส่งกลิ่นหอมฉุยหน้าทานให้กับเขาแล้วยิ้ม ขณะที่ณัฐเอื้อมมือไปจับมือนุ่มของหญิงสาวมาบีบเบาๆ นัยน์ตาคมนั้นฉายแววห่วงใยอาทรนัก เขากำลังจะสร้างธุรกิจให้ก้าวไกลยิ่งกว่าเดิม ด้วยการติดต่อกับต่างประเทศ ธุรกิจลับๆ อย่างที่จะสร้างเงินให้เขาอย่างมหาศาล“ค่ะ คุณพ่อไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ บุษดูแลตัวเองได้”เพชรน้ำบุษแทบจะร้องไชโยออกมาเลยทันที แต่ก็ต้องระงับอาการดีใจของตนเองไว้ เพราะไม่อยากให้มีพิรุธ ท่านคงจะไม่ชอบใจนักที่เห็นเธอดีใจเมื่อเขาไม่อยู่บ้าน เพราะเมื่อณัฐไม่อยู่บ้านเวลาอิสระของเธอก็มาถึง ตอนนี้ไอยราบอดีการ์ดส่วนตัวของเธอ ก็ไม่ได้ตามเฝ้าเธอแจเข้มงวดอะไรนัก แม้จะเป็นคนดูดุ นิ่งขรึม แต่ไอยราก็เป็นคนใจดี ยอมปล่อยให้เพชรน้ำบุษได้เป็นอิสระบ้าง เพราะดูแล้วคงจะไม่มีอันตรายใดๆ ที่จะมา กล้ำกรายเธอได้ เขาสงสารหญิงสาวที่ถูกเลี้ยงดูราวกับนกน้อยในกรงทอง“ถ้าไม่ติดว่าทำธุระ พ่ออยากจะพาหนูไปด้วยกัน”เขาว่า พลางถ
“เอ๋? ว่าอะไรนะยายหนูนา”เพชรน้ำบุษทวนคำของเพื่อนสนิทก่อนจะอมยิ้ม เธอเช็ดเรือนผมที่เปียกหมาดไปด้วยพร้อมๆ กัน เพราะพึ่งออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ชำระล้างร่างกายเรียบร้อยแล้ว“เราเจอกับสุดหล่อ ที่ชนกับบุษไง วันนี้เขามาเป็นลูกค้าที่ร้านของพี่ไนซ์ เค้าชื่อวี เลี้ยงหมาด้วยนะ ชื่อเจ้ายุ่ง หมาเค้าเป็นหมาพันธุ์เล็กอย่างมินิเจอร์ ไม่ยักกะใช่หมาพันธุ์ใหญ่ๆ อย่างพวกเซนต์เบอร์นาด หรือโกลเด้นรีทีฟเวอร์ แต่แบบผู้ชายตัวโต หล่อชวนฝัน เลี้ยงหมาตัวเล็กๆ โอย...น่ารัก”“ฟังจากเสียงนี่คงจะปลื้มเอามากๆ เลยนะเนี่ย”เธอหัวเราะเบาๆ กับสุ้มเสียงของเพื่อนรัก ปรกติแล้วเพื่อนรักของเธอไม่เคยชื่นชมใครมากขนาดนี้มาก่อนก็น่าจะปลื้มอยู่หรอก เพชรน้ำบุษคิดในใจ ภาพของชายหนุ่มที่รัดเธอไว้ในอ้อมแขนเพื่อช่วยไม่ให้เธอล้มลงกับพื้น ปรากฏขึ้นมาในห้วงนึก ใบหน้าของเธอเริ่มเป็นสีเรื่อ หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ราวกับว่าสัมผัสของเขาและกลิ่นหอมอ่อนๆ ราวกับแดดยามสายของชายหนุ่มยังคงกรุ่นอยู่ตามเนื้อตัวเราเป็นอะไรไปกันเนี่ย?เพชรน้ำบุษถามตัวเอง ก่อนจะสะบัดหน้าเบาๆ เพื่อไล่ภาพจำของชายหนุ่มออกไปจากห้วงนึก น้ำใสหวานใสของเพื่อนรัก
ลัทธพลคว้ากล่องอุปกรณ์สำหรับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น อีกมือถือกระเป๋าคู่ใจ แล้วหันรีหันขวางมองไปรอบๆ ท่าทางเขาลุกลี้ลุกลนนัก จนน้องสาวที่มาช่วยดูแลร้านในตอนเย็นถึงกับกอดอก พลางส่ายหน้าช้าๆ กับท่าทางของพี่ชาย เสียงใสเอ่ยลอยๆ ขึ้น เมื่อเห็นว่าลัทธพลกำลังยืนบ่นทบทวนถึงเครื่องมือเครื่องไม้ในการรักษาอยู่ไปมา“ลืมอะไรเหรอพี่ไนซ์”“กล่องเครื่องมือ สงสัยพี่จะลืมกล่องเครื่องมือ อ้อ...ยาด้วย ยาสลบ บางทีอาจจะต้องวางยา เครื่องมือจะพอไหมนะ เคลื่อนย้ายมาที่นี่ก็กลัวจะเป็นอันตราย ต้องไปดูก่อนเสียด้วย”“ที่ถือไว้ไม่ใช่หรือยังไงกัน กล่องเครื่องมือน่ะพี่ไนซ์”“เอ่อ...จริงสิ พี่คงจะตกใจไปหน่อย ถ้าคนไข้เป็นตัวอื่น พี่จะไม่กลัวเลย แต่นี่เป็นเจ้าปีโป้ มันถูกรถชนอาการหนักมากเลย ป้าจิตกำลังสติแตก ไม่กล้าขับรถมาที่นี่”“พี่ไนซ์ก็กำลังสติแตกเหมือนกันน่ะแหละ แล้วนี่พี่โยยังไม่มารับอีกหรือไงกัน”เธอชะเง้อมองไปนอกคลีนิก ซึ่งไม่ทันขาดคำ ชายหนุ่มร่างผอมโปร่ง ผิวขาวละเมียดแบบที่ผู้หญิงยังอาย เครื่องหน้าสวยเกินชายก็โผล่มาราวกับนัด ลัทธพลแทบจะกระโดดกอดคอเพื่อนสนิทเมื่อเห็นเขามาได้รวดเร็วทันใจมาก หลังจากที่โทรศัพท์ไปขอควา







