Masuk“เรียบร้อยดีหรือเปล่าป้อง ทางบ้านน่ะ ทุกคนสบายดีไหม”
เสียงห้าวทุ้มที่ดังมาทำให้คนฟังรู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก ก่อนจะรีบตอบกลับไปทันทีด้วยน้ำเสียงสดใส
“เรียบร้อยดีครับพี่เปลว ว่าแต่ว่าเมื่อไหร่ พี่เปลวจะกลับมาเสียทีล่ะครับ ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
“ถามทีละข้อก็ได้ หึๆ” ปลายสายตอบมาอย่างอารมณ์ดี
“พี่อยู่แถวๆ นี้แหละไม่ไกล้ไม่ไกล งานไม่มีปัญหาอะไรก็ดีแล้ว เห็นข่าวเศรษฐกิจแล้วก็เลยคิดถึงนาย เลยโทรมาหาผู้บริหารคนใหม่ของ สหัสวรรษกรุ๊ปเสียหน่อย”
“พี่เปลว” ป้องนทีหัวเราะ ก่อนจะทำเสียงอ่อย
“อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ ผมแค่รั้งตำแหน่งรอพี่เปลวต่างหาก ทำงานคนเดียวเหนื่อยมากเลยนะครับ รอพี่เปลวกลับมาทำให้สหัสวรรษกรุ๊ปของเรายิ่งใหญ่ เหมือนตอนที่คุณพ่อยังบริหารอยู่”
“มือดีมีกันอยู่หลายคนนี่นา” ผู้เป็นพี่ชายยังคงไถลพาสนทนาไปให้ไกลตัว
“ที่สหัสวรรษยังไม่ต้องการพี่หรอกน่า คุณแม่เล่าให้ฟังว่า ทางเราจะร่วมหุ้นกับบริษัทต่างชาติไม่ใช่หรือ เปิดตัวธุรกิจใหม่ที่สวิสเซอร์แลนด์ นั่นก็เพราะมาจากโปรเจคของนาย ใครบอกว่านายไม่เก่งกันล่ะ นายก็กำลังจะทำให้มันยิ่งใหญ่ไม่แพ้กับคุณพ่อของพวกเราหรอก”
“แหม...”
ป้องนทีหน้าแดงเรื่อด้วยความปลื้มปิติ โครงการก่อสร้างและร่วมทุนโรงแรมในสวิสเซอร์แลนด์นั้น เป็นแผนงานจากเขาจริงๆ บังเอิญเขาสนิทสนมกับ มาร์ติน นักธุรกิจชาวสวิสเซอร์แลนด์สามีของ ลภัสพร เพื่อนสนิทของเขา และได้แนะนำ ลูคัส แลงค์ ให้ได้รู้จัก ชายวัยกลางคนผู้ร่ำรวยมหาศาลและกำลังอยากหาแนวทางธุรกิจใหม่ๆ เมื่อพูดคุยกับป้องนทีถูกคอ และแผนงานที่นำเสนอไปถูกใจและมองเห็นรายได้ผลกำไรมหาศาล ลูคัสจึงตกลงทำงานร่วมกับสหัสวรรษกรุ๊ป นับได้ว่าเป็นการร่วมหุ้นข้ามประเทศงานแรกของสหัสวรรษกรุ๊ป ก้าวสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่ถึงอย่างนั้นหรอกครับพี่เปลว ผมก็แค่บังเอิญคุยกับคุณลูคัสแล้วเขาสนใจแผนงานของผมน่ะครับ ถ้าไม่เพราะเพื่อนของผม ก็คงจะไม่ได้รู้จักกับนักธุรกิจใหญ่ชาวต่างชาติคนนี้ ผมก็คงจะไม่ได้คิดโปรเจคนี้ขึ้นมาหรอกครับ”
“คุณแม่ภูมิใจในตัวนาย และแผนงานนี้มากเลยนะป้อง”
เปลวตะวันพูดต่ออย่างอารมณ์ดี มารดาโทรศัพท์มาหาเขาและต่อว่าบุตรชายคนโตเล็กน้อยที่เหลวไหลไม่ยอมกลับบ้าน แม้แต่จะยอมโทรศัพท์มาหาท่านบ้าง นั่นก็เพราะเขากลัวว่ามารดาจะตื้อให้กลับนั่นเอง
“จริงเหรอครับ”
หัวใจของป้องนทีแทบจะระเบิดด้วยความปลื้มใจ ลูกชายคนรองที่ไม่เคยทำอะไรโดดเด่น ทุกอย่างเป็นรองพี่ชายคนโตอยู่เสมอ ตอนนี้ชายหนุ่มก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเขาเองก็มีดีเหมือนกัน
“จริงสิ ปรกติจะโทรมาบ่นเรื่องพี่ไม่ยอมกลับบ้าน แต่รอบนี้โทรมาชื่นชมนาย นายเก่งมากนะนายป้อง พี่ว่าถ้านายมั่นใจอะไรๆ นายก็ทำได้”
“ขอบคุณครับพี่เปลว แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็อยากให้พี่เปลวกลับมาช่วยกันอยู่ดี เพราะบางอย่างผมเองก็ไม่คิดว่าสิ่งที่ตัดสินใจลงไปจะเป็นเรื่องที่สมควร ผมกลัวครับพี่เปลว อดกลัวไม่ได้ว่า จะทำธุรกิจของคุณพ่อย่ำแย่ ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงรับไม่ได้และรู้สึกแย่มากๆ ราวกับตกนรก ถ้าทุกอย่างที่คุณพ่อทำมา ต้องมาพังเพราะลูกชายไม่เอาไหนอย่างผม”
“เฮ้ย! ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า ใครว่านายเป็นลูกชายที่ไม่เอาไหนกัน นายเป็นลูกชายที่ยอดเยี่ยมมากต่างหาก เอาน่าพี่จะกลับไปเมื่อครบสัญญาของเราก็แล้วกัน อีกอย่างหนึ่ง นายก็มีวรปรัชญ์ คอยช่วยไม่ใช่หรือไง คนที่นายชมนักชมหนาน่ะ”
“ครับ ถ้าผมไม่ได้พี่ปรัชญ์ ก็คงจะแย่ พี่ปรัชญ์เป็นคนดีมากเลยนะครับพี่เปลว ดีจนผมคิดอยากจะตอบแทนให้มากกว่าที่เป็นอยู่”
ป้องนทีมีรอยยิ้มเมื่อคิดถึงชายหนุ่มอีกคนที่คอยช่วยเหลือเขามาตลอด จนเขารักดั่งพี่ชายแท้ๆ
“พี่ชักจะอยากเห็นพี่ปรัชญ์ของนายเสียแล้วสิ ถ้ากลับไปคงต้องทำความรู้จักกันไว้ คนดีๆ แบบนี้เป็นยิ่งกว่ามหามิตรแน่นอนถ้าเราได้คบหาด้วย ดูตั้งแต่รุ่นคุณลุงชัยทัต ท่านก็เป็นทั้งเพื่อน เป็นผู้ร่วมงาน และเกือบจะเรียกได้ว่าญาติของพวกเรา เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ”
เปลวตะวันเองก็นึกนิยมชายหนุ่มนามว่าวรปรัชญ์นัก แม้จะไม่ได้เจอตัวจริง แต่น้องชายและมารดาก็ชื่นชมให้เขาฟังอยู่บ่อยๆ คนมีความรู้ความสามารถขนาดนั้น ยังทำงานอยู่กับพวกเขา ไม่ได้ไปก่อตั้งธุรกิจเองทั้งที่น่าจะทำได้ เขายังจำคำของชัยทัต ชายวัยกลางคนแสนใจดีได้เสมอ
‘ลุงและลูกชาย รวมถึงรุ่นหลาน ในตระกูลฐานนันท์ จะอยู่คู่กับตระกูลสหัสวรรษไปตลอด ช่วยงานกันไปตลอดนี่แหละครับ คุณเปลว ค่าที่คุณภพดีกับพวกลุงเหลือเกิน คอยประคับประคองดูแลลุงเสียยิ่งกว่าญาติ ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย หุ้นในบริษัทราคาเป็นล้านๆ คุณภพก็ยังกล้ายกให้ จะมีใครที่ไหนดีเท่านี้อีกล่ะครับ ลุงก็ต้องตอบแทนกันไปจนวันตาย รวมถึงลูกหลานด้วย’
“รับรองว่าพี่เปลวจะต้องชอบพี่ปรัชญ์แน่ๆ เลยครับ”
“อืม...พี่ไม่พลาดแน่ๆ อยากเจอตัวจริงมากๆ เอ่อ...ว่าแต่ว่าน้องสะใภ้ของพี่ มีวี่แววเจ้าตัวเล็กบ้างหรือยัง อย่ามัวแต่ทำงานนะนายป้อง”
พี่ชายเอ่ยเสียงล้อเลีย ทำให้ป้องนทีหัวเราะเบาๆ แล้วแสร้งพูดเสียงอ่อย
“ก็มัวแต่ทำงานน่ะสิครับ พี่ชายหนีเที่ยวแบบนี้ ผมจะมีเวลามีเจ้าตัวเล็กได้ยังไงกัน รอพี่เปลวกลับมาก่อนดีกว่าครับ จะได้มีเวลาว่างมากหน่อย แต่กลับมาเร็วๆ นะครับ แม่ก็บ่นอยากอุ้มหลาน”
“อ้าว...ไหงมาโบ้ยให้พี่ง่ายๆ แบบนี้กันล่ะนายป้อง” เปลวตะวันหัวเราะ หึๆ
“เป็นอันว่าช่วงนี้พี่อยู่ไม่ไกลจากเมืองไทย จะแวะไปเที่ยวบ้างก็แล้วกัน แต่ยังไม่กลับไปทำงานนะ”
“ครับ จะรอนะครับ”
ป้องนทีอมยิ้ม สองพี่น้องสนทนากันอีกสักครู่ เปลวตะวันก็วางสาย การได้พูดคุยกับพี่ชายทำให้ป้องนทีอารมณ์ดี เขายังมีรอยยิ้มประดับอยู่ที่ริมฝีปาก จนแม้อุษณิษาเดินขึ้นมาในห้องนอน เห็นสามีนั่งยิ้มค้างแบบนั้นเข้า จึงล้อเลียนเสียงหวาน
“พี่ป้อง นั่งคิดถึงสาวไหนหรือเปล่าเอ่ย ถึงยิ้มหวานได้ขนาดนี้”
“เปล่านะครับ”
ป้องนทีหัวเราะ พลางดึงแขนภรรยาให้มานั่งด้วยกันบนเตียงกว้าง แล้วกอดร่างบางนั้นเบาๆ จมูกโด่งกดที่แก้มหอมแล้วสูดกลิ่นหวานละมุนเข้าไปอย่างชื่นใจ
“มีน้องษาอยู่ใกล้ ทั้งคนพี่จะไปคิดถึงคนอื่นได้ยังไงกัน ว่าแต่ว่าวันนี้กลับค่ำจังเลยที่รัก”
คำทักทายของสามีทำให้อุษณิษามีสีหน้าเปลี่ยนไปชั่ววูบ ก่อนจะยิ้มแล้วกอดร่างแกร่งนั้นตอบ พลางเอ่ยอ้อน
“แหม...ก็ษารับงานนอกนี่คะ เลยวุ่นวายไปหน่อย ไม่ค่อยได้ทานข้าวเย็นกับพี่ป้องเลยช่วงนี้ ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ น้องษาสนุกกับงานแบบนี้ก็ดีแล้ว พี่กลัวแต่ว่าคุณพ่อของน้องษาจะมาต่อว่าพี่ไหมนะ ที่ทำให้ลูกสาวคนเดียวของท่านต้องเหนื่อย แทนที่จะทำให้น้องษามีความสุขมากกว่านี้”
“คุณพ่อไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ท่านรู้ว่าษาไม่ชอบอยู่เฉย”
อุษณิษาย่นจมูก ใบหน้ารูปหัวใจหวานละมุนเงยหน้ามองสามี แล้วเอ่ยอย่างล้อเลียน
“พี่ป้องมีภรรยาเป็นคนปรกตินะคะ ไม่ใช่คนง่อย จะให้ษามานั่งกินนอนกิน ษาอึดอัดใจตายพอดี คุณพ่อเองก็จะเริ่มให้ษาไปฝึกงานที่บริษัทบ้างแล้ว ท่านก็ถามหาพี่ป้อง อยากได้พี่ป้องไปช่วยงาน แต่ษาบอกว่าพี่ป้องต้องรอพี่เปลวก่อน ถึงจะปล่อยมือทางนี้ได้บ้าง”
เธอเอ่ย อุษณิษาเป็นลูกสาวคนเดียว ของอมร เจ้าของธุรกิจเดินเรือ ฐานะของครอบครัวเธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าป้องนทีเลยแม้แต่น้อย ทั้งคู่พบกันก็เพราะงานสังคมงานหนึ่ง ที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองอยากให้พวกเขามาเกี่ยวดองกัน ให้เข้าทำนอง เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน นั่นเอง เงินต่อเงิน ธุรกิจต่อธุรกิจ ก็ยิ่งมีแต่จะเจริญก้าวหน้า
“พี่ถึงรักน้องษาไงล่ะจ๊ะ ษาเป็นคนเก่ง แล้วก็น่ารักมาก เป็นภรรยาที่ดีที่สุด พี่โชคดีจริงๆ ที่ได้รักและแต่งงานกับน้องษา”
ป้องนทีลูบไล้เรือนผมสลวยนั่นเบาๆ พร้อมกับกดจมูกลงกับหน้าผากมน นัยน์ตาเขาเป็นประกายระยับไปด้วยความสุข นางแก้วในอ้อมกอดของเขา สตรีที่ดีพร้อมในทุกๆ ด้าน แล้วแบบนี้เขาจะเฉไฉไปมองใครได้อย่างไรกัน เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้วป้องนทีก็อมยิ้ม สตรีสาวแสนเย้ายวนที่เป็นเลขานุการของเขา ณัฐณิชา เธอเป็นผู้หญิงอีกคนที่แสนจะน่ารักและน่าปรารถนา แต่เขาก็สงบใจไว้ไม่ให้หลงใหลไปกับเสน่ห์และความยั่วเย้านั่น ก็เพราะคนในอ้อมกอดแท้ๆ
“ษาอาจจะไม่ดีเหมือนที่พี่ป้องคิดก็ได้นะคะ”
อุษณิษาพึมพำเสียงแผ่ว น้ำตาคลอขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินสามีพูดแบบนั้น เธอกอดเขาแน่นขึ้น ขณะที่ป้องนทีจับอาการผิดปรกติของภรรยาสาวได้ เขาจึงเชยคางมนให้มองสบตาเขา เมื่อเห็นรอยหยาดน้ำตานั้น ชายหนุ่มก็ย่นหัวคิ้ว มือใหญ่แตะไล้ซับให้ แต่ดูเหมือนว่าเขายิ่งเช็ดน้ำตาให้เธอ อุษณิษาก็จะยิ่งร้องไห้หนักขึ้น จนสะอื้นไปหมดทั้งตัว
“เป็นอะไรไปจ๊ะน้องษา ชูว์ อย่าร้องนะคนดีของพี่ น้องษาร้องไห้แบบนี้พี่ใจจะขาด พี่ทำผิดอะไรหรือเปล่า ษาจ๋า หยุดเถอะ”
“เปล่าค่ะพี่ป้อง พี่ป้องไม่ได้ทำอะไรษาเลย”
อุษณิษาที่สงบอารมณ์ได้แล้วพยายามยิ้มให้สามีทั้งน้ำตา นัยน์ตากลมหวานมองเขาอย่างบูชาและชื่นชม
“พี่ป้องเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับษา พี่ป้องไม่เคยทำให้ษาเสียใจ และร้องไห้”
“แต่น้องษากำลังร้องไห้” มือเขาเช็ดคราบน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน พร้อมกับก้มลงประทับริมฝีปากที่นัยน์ตาหลับพริ้มทั้งสองข้างของภรรยา
“อย่าร้องไห้นะจ๊ะ มีอะไรคับข้องใจ หรือกลุ้มใจเรื่องอะไรหรือเปล่าน้องษาบอกพี่ได้นะครับ”
“เปล่าหรอกค่ะ” อุษณิษาเลื่อนตัวขึ้นหอมแก้มสากระคายของสามีเบาๆ และเอ่ยเสียงหวาน
“ษาก็แค่ตื้นตันที่พี่ป้องรักษา ก็เลยขี้แยเท่านั้นเอง พี่ป้องไม่ต้องตกใจหรอกนะคะ ษาไม่มีอะไรกลุ้มใจเลยจริงๆ”
“จริงๆ นะจ๊ะ ถ้ามีอะไรบอกพี่ได้นะน้องษา เราเป็นสามีภรรยากัน มีความสุขเราก็มีด้วยกัน แล้วเวลามีความทุกข์เราก็ควรมีด้วยกัน จริงไหม”
“ค่ะ พี่ป้องไปอาบน้ำดีกว่า ตอนนี้ดึกมากแล้ว ประชุมเช้าไม่ใช่เหรอคะ”
อุษณิษายิ้มกว้างให้กับเขา มองใบหน้าคมสันของสามี แม้จะไม่ดูร้อนแรงลึกลับเหมือนใครอีกคนหนึ่ง แต่แววตานั้นก็บอกชัดว่ารักเธอ ไม่ได้เคลือบแคลงแฝงเร้นเล่ห์ร้าย ที่เธอบังเอิญไปตกหลุมนั่นเข้าแล้วอย่างเต็มตัว
“จ้ะ แล้วยังไงคืนนี้น้องษาห้ามหลับก่อนพี่นะครับ พี่เปลวสั่งมาว่าอยากอุ้มหลาน”
“ไปได้แล้วค่ะ” อุษณิษาว่า พลางดันตัวออกจากอ้อมแขนของสามี แล้วหยิกแขนเขาแรงๆ อย่างหมั่นไส้
“แล้วอย่ามาชวนษาทำอะไรเลย บ่นว่าเหนื่อยไม่ใช่เหรอไงคะ มีแรงเหรอ”
เธอว่าเย้าๆ ทำเอาป้องนทีที่ลุกขึ้นยืนแล้วหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ เขาหลิ่วตาให้เธอพลางพูดเสียงแหบเซ็กซี่
“เดี๋ยวพี่จะพิสูจน์ให้รู้ ว่าพี่จะมีแรงหรือเปล่า”
“ไปได้แล้วค่ะพี่ป้อง”
อุษณิษาไล่เขารอบสอง เมื่อคล้อยหลังจากสามีแล้ว ใบหน้ายิ้มละไมก็แปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยไปในทันที เธอนั่งเหม่อปล่อยใจให้ลอยไปไกล
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทำให้อุษณิษาสะดุ้งสุดตัว เสียงเรียกเข้านี้ทำให้เธอต้องเดินไปที่ระเบียงห้อง แล้วปิดประตูกระจกกั้นเสียง ที่อาจจะเล็ดลอดไปให้คนในห้องน้ำได้ยิน เสียงหวานสั่นเครือเมื่อรับสาย
“ค่ะ พี่ปรัชญ์”
“เป็นไงครับที่รัก นายป้องว่าอะไรไหม? ที่วันนี้ษากลับค่ำ”
“พี่ปรัชญ์คะ” น้ำตาทำท่าจะหยาดไหลรินลงมา เมื่อได้ยินเสียงของวรปรัชญ์
“ษาคิดว่าเราไม่ควร เอ่อ...เราไม่ควรทำแบบนี้”
“ได้ยังไงกันครับที่รัก”
เสียงห้าวทุ้มนั้นหัวเราะอย่างไม่รู้ร้อน คนฟังรู้สึกเหมือนมันบาดลึกเข้าไปในหัวใจ และกรีดจิตสำนึกดีงามที่ถูกปลูกฝังมาของเธอจนแทบจะขาดวิ่น
“ปล่อยษาไปเถอะค่ะพี่ปรัชญ์”
เสียงใสอ้อนวอนขอ หากแต่ปลายสายกลับหัวเราะหึๆ พร้อมกับเอ่ยเสียงอ่อนโยน
“พี่ปล่อยษาไม่ได้หรอกจ้ะ ไม่ได้จริงๆ”
“แต่ษาอยากเลิกกับพี่ ษาทำแบบนี้กับพี่ป้องอีกต่อไปไม่ได้แล้วค่ะ”
“พี่ไม่อยากเลิกกับษา ถ้าษาเลิกกับพี่ คลิปของเราสองคน พี่รับรองว่าจะกระจายไปทั่วเน็ตแน่ๆ ลองดูไหมครับที่รัก”
“พี่ปรัชญ์!”
น้ำเสียงของเธอราวกับจะขาดใจ อุษณิษาตัวแข็งเมื่อได้ยินดังนั้น ขณะที่วรปรัชญ์ยังคงหัวเราะเบาๆ ราวกับว่ากำลังคุยเรื่องตลกกับเธออยู่
“พี่เข้าใจว่าษาเลิกกับนายป้องไม่ได้ เพราะนายป้องเป็นคนดีสำหรับษามาก แต่ถ้าษาเห็นว่านายป้องเองก็ไม่ได้ดีอย่างที่ษาคิดล่ะ ษาจะเลิกกับนายป้องได้เพื่อพี่ไหม?”
“พอเถอะค่ะพี่ปรัชญ์ เราไว้คุยกันวันหลังดีกว่า พี่ปรัชญ์โทรมาหาษาทำไม จะมาตอกย้ำเรื่องเลวๆ ที่ษากับพี่ปรัชญ์ร่วมมือกันสวมเขาพี่ป้องหรือไงกันคะ”
อุษณิษาว่าเสียงประชด ขณะที่ปลายสายอมยิ้ม นัยน์ตาเป็นประกายวาบ ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้ม
“พี่ก็แค่หมุนเงินไม่ทันนิดหน่อย อยากให้น้องษาช่วย แค่ขอยืมนะครับ พี่ไม่ใช่แมงดาอะไร เพียงแค่ว่าเราคนรักใคร่ชอบพอ นอนเตียงเดียวกัน พี่ก็เลยอยากจะขอความช่วย...”
“พี่ปรัชญ์อยากได้เท่าไหร่?”
อุษณิษารีบขัดขึ้นก่อนที่เขาจะพูดจบ หน้ากากเทพบุตรของวรปรัชญ์สำหรับเธอ มันหลุดออกแล้วตอนนี้ เห็นเนื้อในที่เน่าเฟะ จนคิดไม่ออกว่าเธอเคยหลงชื่นชมผู้ชายคนนี้ได้อย่างไรกัน
“สามล้าน”
“โอเคค่ะ ษาจะโอนให้พรุ่งนี้ แค่นี้นะคะ แล้ววันหลังอย่าโทรหาษาเวลานี้อีก ษาไม่อยากให้พี่ป้องสงสัย”
“ครับที่รัก”
มีเสียงจุ๊บดังเบาๆ ก่อนที่เขาจะตัดสายไป มันทำให้อุษณิษาขยะแขยงตัวเองยิ่งนัก ที่เอาตัวไปเกี่ยวพันกับผู้ชายอย่างวรปรัชญ์
“มายืนชมดาวหรือไงจ๊ะคนดี”
น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยน พร้อมกับอ้อมแขนที่โอบรัดเบื้องหลังทำให้อุษณิษาสะดุ้งสุดตัว ป้องนทีซุกหน้าลงกับซอกคอหอมละมุนของภรรยา แล้วเริ่มแตะไล้สัมผัสไปทั่วอย่างแสนรัก เขาโอบอุ้มร่างบางขึ้นในวงแขนแข็งแรง อุษณิษาปล่อยโทรศัพท์มือถือให้หล่นลงตรงนั้นอย่างไม่สนใจไยดี ขณะที่โอบรอบคอสามี ริมฝีปากอิ่มหวานจุมพิตเขาก่อน ทำให้ชายหนุ่มครวญอย่างชอบใจ
เขาพาร่างบางของภรรยาไปที่เตียงกว้าง ร่างแกร่งยังคงเปียกชื้นเพราะพึ่งอาบน้ำเสร็จหมาดๆ อุษณิษาช่วยเขาปลดเปลื้องเสื้อผ้า และมือเรียวก็ซุกซนไปปลดผ้าขนหนูของเขาออก พร้อมกับไล้ไปยังบริเวณส่วนแข็งกร้าว ทำเอาป้องนทีครางฮือกับความใจกล้าของภรรยา เมื่อเธอกอบกุมความแข็งแกร่งไว้ในมือบางแล้วเริ่มขยับขึ้นลง
“น้องษาจ๋า ทำไมวันนี้กล้าจังเลย”
“ษารักพี่ป้องค่ะ”
อุษณิษาตอบเสียงคราง เมื่อมือของสามีสัมผัสกับทรวงอกนุ่มหอม และก้มลงให้ความอบอุ่นกับมันด้วยริมฝีปากอุ่นร้อน หญิงสาวจิกมือกับที่หลังของเขา ลูบไล้เรือนกายแกร่ง พลางเอ่ยอ้อน
“สัมผัสษา รักษานะคะพี่ป้อง รักษาแรงๆ”
ป้องนทีตอบรับคำร้องขอนั้น ด้วยการขึ้นทาบทับร่างบาง สอดแทรกความแข็งแรงลงในความนุ่มชื้น ที่พร้อมตอบรับเขาอยู่แล้ว อุษณิษากรี๊ดอย่างสุขสม เมื่อสามีขยับกระทั้นตามจังหวะที่เธอร้องขอ เขากระแทกหนักหน่วงเร็วขึ้นตามแรงอารมณ์ จนในที่สุดร่างบางก็กระตุกตอดรัดเป็นสัญญาณว่าเธอได้ไปถึงดวงดาวแล้ว และเมื่อปรือตาขึ้นมามองใบหน้าคมสันของสามี ที่กำลังเหยเกด้วยแรงอารมณ์ที่ใกล้จะแตกดับ มือเรียวก็จับลำแขนแข็งแรงไว้ พลางเอ่ยเสียงหอบกระเส่า
“พี่ป้องขา ษาอยากสัมผัสพี่ป้อง”
ชายหนุ่มถอนตัวออกจากความนุ่มชื้นที่กำลังจะรัดตอดให้เขาตามเธอไปคว้าดาว เมื่อเธออยากจะยืดเกมรักนี้ เขาก็ยินดี
“ได้สิคนดี อืม...ษาพี่ใจจะขาด”
ป้องนทีครางฮืออย่างชอบใจ กับความเร่าร้อนผิดปรกติวันนี้ของภรรยา เมื่ออุษณิษาดันให้เขาเอนนอน และสร้างความสุขซ่านให้เขาด้วยริมฝีปากนิ่ม เธอสัมผัสเขาทั่วตัวเหมือนที่เขาเคยทำให้เธอ จนมือใหญ่ต้องจิกที่เรือนผมสลวย เมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังจะทนไม่ไหว
“น้องษา พอเถอะ อย่าทรมานพี่เลย”
“ษาทำให้นะคะพี่ป้อง”
อุษณิษาเงยหน้าขึ้นมาจากบริเวณความแข็งแกร่ง ขึ้นพาดขาเรียวขึ้นทาบทับร่างแข็งแรง และเริ่มควบขับเขาไปตามจังหวะพิศวาสที่เร่าร้อน รุนแรงตามอารมณ์ที่กำลังพุ่งทะยาน เสียงร้องครางอย่างมีความสุขของคนที่อยู่ใต้ร่างเธอมันยิ่งทำให้เธอเพิ่มจังหวะมากขึ้น จนในที่สุดก็คว้าสวรรค์มากอดไว้ทั้งสองคน หอบหายใจกับความหฤหรรษ์ในรสรักที่ได้รัก
ป้องนทีโอบร่างเปลือยของภรรยาเข้ามากอดไว้เมื่อเกมรักอันแสนเร่าร้อนจบลง ชายหนุ่มหลับไปทันทีเมื่อจบเกมเร่าร้อนนั้น หากแต่อีกฝ่ายยังลืมตาโพลง น้ำตาบางหยดไหลรินลงมา
ตอนนี้เธอก็เหมือนหญิงสองใจ นางวันทองสองผัวสินะ อุษณิษาคิดอย่างร้าวราน กลางวันอยู่กับอีกคนหนึ่ง กลางคืนอยู่กับอีกคนหนึ่ง เธอจะทำอย่างไรดีกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น แต่เธอก็รักป้องนทีมากเกินกว่าจะตัดใจบอกเลิกกับเขา รวมถึงกลัววรปรัชญ์มากเกินกว่าจะกล้าขัดคำสั่งเขา
ลูกทำผิดอะไรหนอ...อุษณิษาหลับตาลงพร้อมกับน้ำตา ถึงต้องมารับกรรมแบบนี้ สวรรค์ตอบลูกที ว่าเมื่อไหร่ อุษณิษาคนนี้ถึงจะพ้นเคราะห์กรรมนี้ไปเสียที
มือใหญ่ที่กำลังจะเปิดประตูรถคันหรูชะงัก เมื่อมีเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น ชายหนุ่มล้วงเอาโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงยีนด้านหลังมากดรับ หลังจากดูว่าเป็นใครโทรศัพท์มา พร้อมกับกรอกเสียงลงไปอย่างเป็นการเป็นงาน“ว่าไง ชวัล”“เรื่องที่นายให้ไปสืบข่าว เกี่ยวกับเรื่องของคุณณัฐณิชา ฐานนันท์ เอ่อ...เธอใช้ชื่อปลอมครับ”เสียงรายงานจากปลายสาย ทำให้เปลวตะวันย่นคิ้ว“อะไรนะ?”“ชื่อจริงของเธอคือกวิสรา ปองทิวาครับ เป็นสาวไซน์ไลน์ แล้วก็รับจ้างในการแบล็กเมล์ ค่อนข้างจะแสบมากเลยครับ คุณเปลวตะวัน ผู้หญิงคนนี้”ชวัล นักสืบมือดีที่เขาจ้างด้วยค่าเหนื่อยแพงลิบ เอ่ยรายงานฉะฉาน“หืม? คุณได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง ส่งมาให้ผมทั้งหมดเลย ชวัล ถ้าข้อมูลที่ได้มาผมดูแล้วคุ้มค่ากับรางวัลที่จะให้เพิ่ม พรุ่งนี้คุณจะมีเงินโอนเข้าธนาคารไม่ต่ำกว่าสามแสนบาท”“โอ้ว เป็นพระคุณอย่างสูงเลยครับ ผมมีอีกเรื่องที่คุณเปลวตะวันอาจจะต้องตกใจ เพราะบังเอิญได้ภาพเด็ดๆ มา น่าขอบใจลูกค้าของผมที่ให้สืบเกี่ยวกับเรื่องนอกใจ เด็กของผมที่ไปสอดแนมเลยได้ข่าวของคนที่คุณกำลังให้ตามสืบมาโดยบังเอิญ ผมว่าเรื่องนี้ก็น่าสนใจมากนะครับ คุณเปลวตะวัน”“เรื่องอะ
“ขอบคุณมาก เดวิด ฝากน้องชายของผมด้วย เจสสิก้าเป็นจิตแพทย์ชั้นเยี่ยม เธอคงจะช่วยน้องชายของผมได้”เปลวตะวันเอ่ยเป็นภาษาเยอรมันกับปลายสาย เขากำลังเจรจากับเพื่อนสนิทต่างรุ่น เพื่อจัดการส่งตัวป้องนทีให้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางจิตรักษาอาการให้กับน้องชาย นับวันป้องนทียิ่งน่าเป็นห่วง เขาซึมเศร้า และจมอยู่กับตัวเอง ตอนนี้ป้องนทีผ่ายผอมมากเพราะแทบจะไม่แตะต้องอาหาร เปลวตะวันต้องให้พวกคนทำงานบ้านผลัดเปลี่ยนกันมาคอยดูแลน้องชายไม่ยอมให้อยู่คนเดียว เขากลัวว่าป้องนทีจะคิดสั้น ตอนนี้เขานอนห้องเดียวกับป้องนทียามกลางคืน คอยชวนพูดคุย ทำกิจกรรมกันแบบพี่น้องบ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้ป้องนทีดีขึ้นเลย“ไม่มีปัญหา ทางเราจะเตรียมต้อนรับอย่างดี”“เรื่องเงินไม่ต้องห่วงนะเดวิด ผมจัดการให้ไม่อั้น ขอเพียงให้นายป้องเลิกเป็นแบบนี้เสียที”“อาการป่วยทางจิตไม่เหมือนกับป่วยทางกายหรอกนะเพื่อนรัก” ปลายสายเอ่ยเสียงทุ้ม“มันต้องใช้เวลา แล้วก็อยู่ที่ตัวของน้องชายของนายด้วย ว่าเขาจะเปิดใจรับการรักษามากแค่ไหน แต่รับรองไว้ว่าเจสสิก้าจะช่วยให้ป้องนทีผ่านพ้นและเปิดใจยอมรับความเป็นจริงได้”“ขอบคุณมากครับเดวิด”เปลวตะวันเอนหลังกับโซ
“เสียใจด้วยนะครับ คุณป้อง คุณเปลว”เปลวตะวันยกมือไหว้ลาคนทัก พร้อมกับยิ้มน้อยๆ ให้ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าหมองและฉาบทับด้วยประกายแห่งความแค้น ขณะที่ป้องนทีเหม่อลอยราวกับคนไม่มีชีวิตจิตใจ ทำทุกอย่างเหมือนกับหุ่นยนต์หลังจากที่ทราบเรื่องราวทั้งหมดจากปากของน้องชายแล้ว เปลวตะวันก็รู้สึกราวกับว่าโลกแทบจะพังทลายลงไปตรงหน้าเขา หากแล้วด้วยความที่เป็นคนที่ตั้งสติได้ดี ใช้สมองมากกว่าอารมณ์ ทำให้เปลวตะวันนิ่งเงียบ น้ำตาเขาไม่ไหลสักหยด มือกำแน่นด้วยความแค้น สมองเริ่มคิดหาทาง ทวงทุกอย่างคืน!งานศพของจิตรมณี จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย หากแต่สมฐานะ แขกมีเกียรติมากันอย่างคับคั่ง ทำให้พวกเขาต้องวุ่นวายต้อนรับ ซึ่งมันก็เป็นการดีเหมือนกัน ที่ป้องนทีจะได้มีอะไรทำบ้าง น้องชายเขาสูญเสียมากเหลือเกินเปลวตะวันเป็นห่วงน้องชาย ครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลือของเขามาก ป้องนทีเหม่อลอย ราวกับว่าไม่มีวิญญาณ ทำทุกอย่างตามที่เขาบอกราวกับหุ่นยนต์ ความสูญเสียที่ถาโถมเข้ามา และการที่น้องชายเขาพร่ำขอโทษเรื่องของบริษัท ตอนนี้สหัสวรรษ กรุ๊ป ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น มันทำให้เปลวตะวันนึกกลัวว่าป้องนทีจะคิดสั้นขึ้นมาอีกครั้ง
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ที่หน้าคฤหาสน์ สหัสวรรษ“ไม่ต้องทอนครับ”คนขับแท็กซี่ที่กำลังควานหาเงินทอนอยู่อย่างจ้าละหวั่น เพราะลูกค้ารายแรกของวัน ที่เขาไปรับมาจากสนามบิน สุวรรณภูมิ จ่ายค่าโดยสารเป็นธนบัตรใบละหนึ่งพันบาท“ขอบคุณมากพ่อหนุ่ม”ลาภลอยแต่เช้าแบบนี้ ทำให้ชายขับแท็กซี่ยิ้มกว้าง ชายร่างสูง ในชุดเสื้อเจ็กเก็ตหนังสีดำ กางเกงยีนสีเข้ม รองเท้าผ้าใบง่ายๆ เดินลากกระเป๋าเดินทางที่คนขับกุลีกุจอ ช่วยเขาเอาลงมาจากรถพร้อมกับจะอาสาลากมาให้ถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ ที่ล้อมรั้วด้วยรั้วอัลย์ลอยลายงดงาม เพราะได้ทิปจำนวนมากกว่าค่าแท็กซี่เสียอีก หากแต่เขาปฏิเสธ และเดินมาหยุดตรงหน้าบ้าน พร้อมกับยิ้มที่ริมฝีปากน้อยๆ มือหนากดกริ่งหน้าบ้าน“มาหาใครคะ”สาวใช้นางหนึ่งวิ่งออกมาต้อนรับ เครื่องแต่งกายที่เป็นชุดดำล้วนสะกิดตาของแขกผู้มาเยือนยามเช้าอย่างประหลาด เขาถอดแว่นกันแดดสีดำออก พลางยิ้มให้อย่างล้อเลียน และสาวใช้นางนั้นก็อุทานออกมาเสียงดังลั่น พลางลนลานรีบเปิดประตูรั้วบ้านให้เขาอย่างรวดเร็ว“คุณเปลว คุณเปลวกลับมาแล้ว โอย...คุณเปลวขา คุณท่าน ฮือๆ ๆ ๆ”“อะไรกันพี่แจ่ม ใจเย็นๆ ก่อนครับ คุณแม่เป็นอะไร”แจ่มใสร้องไห้พลา
เสียงเคาะประตูดังขึ้น แล้วเปิดผัวะเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้สองร่างที่อิงแอบกันอยู่บนเตียงกว้าง ในห้องสูทหรู ถึงกับสะดุ้ง ฝ่ายหญิงหันขวับมาทันที พร้อมกับหน้าซีดเผือด ริมฝีปากบางสั่นระริก เธออุทานออกมาเสียงสั่น“พี่ปรัชญ์”“เลวจริงๆ ณัฐณิชา เธอทำแบบนี้กับน้องษาได้ยังไง”วรปรัชญ์เอ่ยเสียงห้าวห้วน สตรีร่างบางที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา กำลังหน้าซีดเหมือนจะเป็นลม นัยน์ตากลมโตมองภาพบนเตียงอย่างตกใจ วรปรัชญ์หันมามองหน้าอุษณิษาพร้อมกับดึงมือเธอให้พ้นไปเสียจากภาพบาดตาตรงหน้า“ไปกันเถอะน้องษา เราอย่าอยู่ดูหญิงร้ายชายเลวคู่นี้อีกเลย”“พี่ปรัชญ์ ฟังณัฐก่อน พี่ปรัชญ์”เสียงใสตะโกนตามหลังหากแต่มีเสียงปิดประตูดังปัง! แทนคำตอบ กวิสราถอนใจเฮือก แล้วหันมองชายหนุ่มข้างๆ ที่นอนหลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว เธอพูดเสียงแผ่ว“ขอโทษนะคะพี่ป้อง”กวิสราลุกขึ้นจากเตียงนุ่ม ที่เธอจัดฉากไว้สำหรับมหกรรมการตบตาครั้งใหญ่ ซึ่งมันก็ได้ผลมาก เธอพันผ้าขนหนูเพียงผืนเดียว เพื่อความสมจริงกับบทบาทชู้รัก ดีเหมือนกันที่วรปรัชญ์ดึงภรรยาของป้องนทีไปแบบนั้น ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงจะเห็นว่าฝ่ายชายกำลังหลับแบบไม่รู้สติเลยสักนิด ความคงจะแตกว่าท
กวิสรามองซองพลาสติกขนาดเล็ก บรรจุผงสีขาวอย่างลังเล แผนการของเธอและเงินอีกล้านหนึ่งที่เหลือ กำลังมีโอกาสมาถึงแล้ว เธออยากจะจบงานนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แผนยั่วยวนสารพัดไม่ได้ผลสำหรับป้องนทีเลยจริงๆ จนอดกลุ้มใจไม่ได้ วรปรัชญ์ก็เร่งรัดมาเหลือเกิน และปรมาจารย์ด้านการเผด็จศึกผู้ชายอย่างผลิดาก็ส่งซองนี้มาให้กับเธอพร้อมกับบอกเสียงใส‘เสน่ห์ไม่ได้ผล ก็ต้องใช้คาถากันล่ะเตย คาถาของแม่มดเจ้าเสน่ห์อย่างพวกเราก็ต้องยานอนหลับ’‘จะดีเหรอไอซ์’ ’ กวิสราขมวดคิ้ว ขณะที่ผลิดารีบพยักหน้าทันที แล้วยัดเยียดซองยาลงในมือเพื่อนรัก‘ดีสิ งานจะได้จบเร็วๆ ไง เห็นเตยบอกว่าอึดอัด แค่หาโอกาสชวนหมอนั่นไปทานข้าว หยอดยานี่ใส่ปุ๊บ พาเข้าโรงแรม เรียบร้อยโรงเรียนเตย’หญิงสาวกัดริมฝีปาก ก่อนจะมองซ้ายขวา ว่ามีใครกำลังสังเกตมองเธออยู่บ้างหรือเปล่า ผงสีขาวถูกเทลงในแก้วน้ำผลไม้ปั่นของป้องนทีอย่างรวดเร็ว กวิสราเอาหลอดคนๆ ให้ละลายนิดหน่อย ก่อนจะรีบทำท่าให้เป็นปรกติ“ร้านนี้อาหารอร่อยมากเลยนะคะพี่ป้อง”หญิงสาวเอ่ยเสียงหวาน เมื่อป้องนทีที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำมา เดินกลับมายังโต๊ะ ชายหนุ่มยิ้มพลางพยักหน้า ตอนนี้เขาเอ็นดูณัฐณิชา







