“ท่านรองคะ วันนี้บ่ายโมงตรงท่านรองมีนัดกับหุ้นส่วนนะคะ เพื่อพูดคุยทำข้อตกลงโครงการใหม่ที่ทางนั้นเสนอมาให้เราร่วมลงทุนค่ะ”
ทิวากรชะงักมือที่กำลังจรดปลายปากกาบนเอกสารสำคัญ ชายหนุ่มคิดเล็กน้อยก่อนถาม “โครงการรีสอร์ตที่เชียงรายที่ทางนั้นไปเทคโอเวอร์มาใช่ไหม”
“ค่ะ”
“เข้าใจแล้ว เธอก็ไปด้วยละ แต่งตัวให้มันดี ๆ ฉันไม่อยากให้ใครมาสบประมาทฉันได้ว่าใช้งานเลขาหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง น่าเบื่อชะมัดแค่นี้ก็ต้องให้บอก” ชายหนุ่มบอกพลางบ่นอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นเลขาคนสวยผมเผ้าไม่เรียบร้อย
“ค่ะ” หญิงสาวกัดฟันตอบรับ นึกแค้นในใจ ไอ้ที่สภาพเธอเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เพราะเขาใช้งานเธอจนหัวหมุนหรือไง ยังไม่ทันเที่ยงเธอก็ใช้มือขยี้หัวตัวเองไม่รู้กี่รอบแล้ว ถ้าผมยังอยู่ทรงเหมือนตอนมาก็บ้าแล้ว!
“ออกไปได้แล้ว เอากาแฟมาให้ฉันด้วย ชงมาให้ดีละ ถ้าครั้งนี้เธอพยศใส่เกลือมาให้ฉันกินเหมือนคราวก่อนละก็ เธอเจอดีแน่” ชายหนุ่มขู่คนตัวเล็ก ที่ตอนแรกเหมือนจะยอมรับชะตากรรมให้เขาแกล้ง ที่ไหนได้ผ่านไปไม่ทันไรก็พยศขึ้นมา เธอช่างกล้าเอาเกลือใส่กาแฟให้เขากิน ยังจำรสชาติเค็มบาดจิตบาดใจไม่หายเลย นี่โรคไตไม่ถามหาก็ถือว่าเขาโชคดีสุด ๆ แล้ว
คนถูกขู่อมยิ้มในหน้าตอบรับคำแล้วออกจากห้องไปก่อนกลับมาพร้อมถ้วยกาแฟอีกครั้ง
“วางแล้วก็ใสหัวไป ชังน้ำหน้า”
เขมิกากลอกตาให้คนปากจัด แล้วออกจากห้องไปตามความต้องการของเจ้าตัว
วันเวลาผ่านไปเช่นนี้ นานวันเข้าเขมิกาก็ชินชากับการกลั่นแกล้งแบบเด็ก ๆ ของเขา แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่ชินคือถ้อยคำจิกกัดที่เขามักสรรหาคำมาพูดให้เธอเจ็บช้ำ เสเเสร้งบ้างละ สร้างภาพบ้างละ และถ้อยคำร้าย ๆ อีกหลายอย่างจนเธอไม่อยากจำ หากหญิงสาวไม่ได้ผูกใจเจ็บ
ถ้าเขาต่อว่าเธอแล้วมีความสุขก็ทำไป เธอไม่เดือดร้อน เพราะถ้อยคำที่เขาว่ากระทบเธอมันไม่ใช่เรื่องจริง เลยไม่รู้ว่าต้องถือไว้ให้หนักทำไม พอปล่อยวางได้ ชีวิตการทำงานของหญิงสาวก็ราบรื่นมากขึ้น อะไรที่เขาพูดมาเธอก็ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา เป็นเช่นนี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ถ้าเขาไม่เหนื่อยก็ให้เขาพูดไปเถอะ
เธอคร้านจะใส่ใจแล้ว!
ณ ห้องอาหารของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง
ร่างบางของเขมิกาเดินเคียงคู่มาพร้อมร่างสูงของทิวากร ทั้งสองตรงดิ่งไปยังโต๊ะอาหารที่หุ้นส่วนได้นัดหมายไว้
“เขม! ทางนี้”
เขมิกาได้ยินสียงเรียกก็มองหาจนเจอต้นตอของเสียงยืนโบกมือส่งยิ้มให้เธออยู่ หญิงสาวเดินนำชายหนุ่มเข้าไปหา โดยมีสายตาเคลือบแคลงสงสัยของทิวากรมองตามหลัง
“รอนานไหม”
“ไม่นาน ฉันก็เพิ่งมา แล้วนี่” หญิงสาวคนที่ร้องเรียกเขมิกาใช้สายตาคำถามมองชายหนุ่ม แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นใครก็ตาม เพื่อไม่ให้เสียมารยาทเพราะเพิ่งเจอกันครั้งแรก เธอจึงรอให้เพื่อนของตัวเองแนะนำให้เธอรู้จักกับเขาอย่างเป็นทางการอีกที
“ท่านรองคะ นี่ปานวาดเพื่อนฉันค่ะและเป็นหุ้นส่วนธุรกิจที่ยื่นข้อเสนอให้เราร่วมลงทุนในโครงการรีสอร์ทที่เชียงรายที่บริษัทเธอเทคโอเวอร์มาค่ะ วาด นี่คุณทิวากร ท่านรองประธานบริษัทศิวานันท์ เจ้านายฉัน” หญิงสาวแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันอย่างเป็นทางการด้วยรอยยิ้ม
ปานวาดดวงตาเป็นประกายมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาชื่นชอบอย่างไม่คิดปิดบัง ยื่นมือไปจับและทักทายชายหนุ่มก่อนอย่างเร็วรี่
“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะคะคุณทิวากร ฉันปานวาดค่ะ แหม ไม่คิดว่าตัวจริงจะหล่อเสียยิ่งกว่าในรูปอีกนะคะ” หญิงสาวพูดด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
ชายหนุ่มกลั้วหัวเราะพร้อมกับยื่นมือไปจับ “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณปานวาด ไหน ๆ เราก็เป็นหุ้นส่วนธุรกิจกันแล้ว เรียกผมทิวก็ได้ครับ”
“ได้ค่ะคุณทิว งั้นคุณเรียกฉันว่าวาดเถอะค่ะ จะได้ดูสนิทกันขึ้นมาหน่อย ดีไหมคะ”
“ดีครับ แต่เอ... ผมไม่เคยรู้เลยนะครับว่าคุณวาดจะรู้จักเลขาของผมด้วย”
“อ๋อ พอดีวาดเป็นเพื่อนสนิทอีกคนของยัยเขมน่ะค่ะ รู้จักกันมาหลายปีแล้ว ที่วาดจบจากมหา’ลัยมาได้ก็ได้ยัยเขมนี่แหละค่ะช่วย” เห็นชายหนุ่มทำหน้าฉงนจึงอธิบายต่อ
“คือตอนแรกวาดเรียนที่ต่างประเทศน่ะค่ะ แล้วก็ย้ายมาเรียนมหา’ลัยที่นี่ ตอนไปเรียนวันแรกแทบไม่มีเพื่อนเลยค่ะ ได้ยัยเขมกับยัยอินที่มาทำความรู้จัก จากนั้นเราก็เลยคบหากันเรื่อยมาจนกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างทุกวันนี้แหละค่ะ”
‘มิน่าละ’ ชายหนุ่มพยักหน้าน้อย ๆ พึมพำเบาในลำคอ คำอธิบายของปานวาดทำให้เขาคลายความสงสัยว่าทำไมหญิงสาวตรงหน้าถึงเหมือนไม่รู้เรื่องราวระหว่างเขากับเขมิกา ที่แท้เจ้าตัวก็เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศตอนที่เขาไปเรียนต่างประเทศพอดีนี่เอง
“คุณทิวคะ คุณทิวเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่าครับ ผมแค่คิดอะไรนิดหน่อย ว่าแต่คุณวาดทานอะไรมาหรือยังครับ”
“วาดทานแล้วค่ะ คุณทิวล่ะคะ”
“เรียบร้อยแล้วเหมือนกันครับ งั้นเรามาคุยข้อตกลงเรื่องงานกันเถอะครับ”
“ได้ค่ะ”
ตลอดเวลาที่ชายหนุ่มหญิงสาวทั้งสองพูดคุยกัน เขมิกาคล้ายเป็นคนนอก เห็นสายตาเป็นประกายของเพื่อนสนิทที่ใช้มองชายหนุ่มแล้วพลันรู้สึกเศร้าใจ
เพื่อนของเธอชอบเขาแน่แท้แล้ว...
ทว่านั่นไม่ทำให้เธอติดใจเท่ากับสายตาของทิวากรที่กำลังมองปานวาดราวราชสีห์มองเหยื่อ หวังว่าสิ่งที่เธอกำลังคิดมันเป็นเธอคิดไปเองฝ่ายเดียว ไม่เช่นนั้นเรื่องมันได้แย่และยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้แน่
อย่างไรก็ตาม หลังพูดคุยทำข้อตกลงกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจะพูดกับเขาให้รู้เรื่อง ว่าอย่าดึงเพื่อนของเธอมาเกี่ยวข้องกับความแค้นระหว่างเรา หวังว่าเขาจะยอมลงให้เธอสักครั้ง
“ข้อเสนอที่คุณวาดเสนอมาโอเคเลยนะครับ แต่ผมอยากให้คุณวาดกลับไปแก้ตรงจุดที่ผมบอก ถ้าเป็นไปตามนั้นผมก็ยินดีจะร่ามลงทุนกับธุรกิจนี้ครับ”
“ไม่มีปัญหาค่ะคุณทิว วาดเป็นคนดูแลโครงการนี้เอง เดี๋ยววาดจะรีบเอาข้อเสนอของคุณทิวเข้าที่ประชุม ถ้าตกลงภายในกันเรียบร้อยได้เรื่องยังไงวาดจะบอกนะคะ แต่คิดว่าคงไม่มีปัญหา คุณทิวเตรียมเซ็นสัญญาร่วมลงทุนกับวาดได้เลยค่ะ” หญิงสาวพูดอย่างมั่นใจ
“ตกลงครับ งั้นก็ยินดีล่วงหน้าสำหรับการร่วมงานกันอีกครั้งในโครงการนี้นะครับ”
“ยินดีค่ะ ขอบคุณคุณทิวนะคะที่ตกลงร่วมมือ แม้ตอนนี้จะเป็นเพียงสัญญาปากเปล่าก็ตาม”
“ฮ่าฮ่า ผมยินดีอยู่แล้วครับถ้าธุรกิจนั้นน่าสนใจ”
“ค่ะ” ปานวาดตื่นเต้นจนเกือบจะเก็บอาการไม่อยู่
วันนี้นอกจากจะได้เจอหนุ่มหล่อโปรไฟล์เริ่ดแล้ว เธอยังทำให้เขาตกลงร่วมธุรกิจได้อีกด้วย เธอจะรีบยื่นเรื่องที่เขาเสนอมาเข้าที่ประชุมทันทีที่กลับบริษัท เธอมั่นใจว่าจะต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่ และคุณพ่อจะต้องชื่นชมเธอเช่นกัน ว่าลูกสาวคนนี้ก็มีหัวธุรกิจไม่แพ้พี่น้องคนอื่น ๆ
ปานวาดคิดอย่างหมายมาดว่าอย่างไรเธอจะต้องดูแลโครงการนี้ไปตั้งแต่ต้นจนจบ หนึ่งเพื่อพิสูจน์ตัวเองกับครอบครัว สองเธอยังอยากพูดคุยกับทิวากรเอง แม้จะเป็นเรื่องงานก็ไม่เป็นไร ใกล้ชิดกันไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวสถานะก็ขยับขึ้นเอง
การได้ทำงานอยู่กับคนที่ตนเองหลงใหลได้ปลื้มนี่นอกจากจะมีความสุขแล้วยังมีอาหารตาให้มอง ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว กำไรชัด ๆ
ทิวากรเห็นสายตาของปานวาดก็รู้แล้วว่า หญิงสาวคงหลงเสน่ห์เขาไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่น ๆ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มโปรยเสน่ห์พลางว่า “ถ้าคุณวาดไม่รังเกียจ ผมขอช่องทางติดต่อด้วยได้ไหมครับ เราจะได้คุยกันสะดวก”
“ได้ค่ะ ไม่รังเกียจ ๆ วาดรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติมากค่ะ” หญิงสาวตอบรับอย่างเร็วรี่ หากไม่เกรงว่าจะเสียมารยาทเกินไปเธอคงแย่งโทรศัพท์ของเขามากดเบอร์ตัวเองและบันทึกไว้นานแล้ว
อ๊าย! คนที่เธอปลาบปลื้มขอเบอร์เธอละ แบบนี้ไม่ใช่ว่า เขาก็สนใจเธอเหมือนกันหรือไร
หญิงสาวหวีดร้องดีใจกับตัวเองโดยลืมเพื่อนที่อยู่ตรงข้ามเสียสนิท ทั้งยังมองไม่เห็นแววตาไหววูบของเพื่อนอีกด้วย
“คุณวาดครับ ยังไงผมต้องขอตัวก่อนนะครับ ยังมีงานที่บริษัทที่ผมต้องกลับไปทำ ไว้ว่าง ๆ ผมจะติดต่อไปหานะครับ”
“ค่ะคุณทิว ฉันก็ขอตัวเหมือนกันค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ บายนะแก” ปานวาดรับคำและเอ่ยลาทั้งชายหนุ่มและเขมิกา มองตามหลังหนึ่งชายหนึ่งหญิงไปจนลับตาแล้วถึงเรียกบริกรมาเช็กบิล ก่อนเธอจะกลับไปบอกข่าวดีกับคุณพ่อที่บริษัทเช่นกัน
ณ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ถูกจัดขึ้นที่ห้องบอลรูมของโรงแรมในเครือศิวานันท์กรุป โดยมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่าสองร้อยคน ไล่ตั้งแต่พนักงานระดับล่างตลอดจนพนักงานระดับสูง ทั้งยังรวมไปถึงผู้บริหารตำแหน่งต่าง ๆ และหุ้นส่วนบริษัทคนสำคัญซึ่งงานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากเป็นการจัดเลี้ยงครบรอบไตรมาสของบริษัทแล้ว ยังเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ในบริษัทอีกด้วยร่างสูงในชุดเรียบหรูสมกับตำแหน่งประธานบริษัท นั่งอยู่บริเวณโต๊ะด้านหน้าเวที ควงคู่มากับสองสาวต่างวัย ขวามือเป็นมารดาที่อยู่ในชุดหรูหราตามวัย ซ้ายมือคือร่างระหงของเขมิกาที่อยู่ในชุดเดรสยาวของแบรนด์ดังยี่ห้อหนึ่ง ขับเน้นให้เจ้าของร่างแบบบางดูสวยสง่า และน่าทะนุถนอมไปในตัว ซึ่งแขกเหรื่อคนอื่น ๆ ก็นั่งโต๊ะถัดไปตามตำแหน่งเมื่อถึงเวลาหลักของการจัดงาน พิธีกรมืออาชีพเริ่มหน้าที่ของตนเอง ตั้งแต่เชิญทิวากรไปกล่าวเปิดงาน ตลอดจนประกาศมอบรางวัลให้พนักงาน เช่น พนักงานดีเด่นประจำบริษัท ประกาศเลื่อนตำแหน่งของพนักงานบางคน ตลอดจนอื่น ๆ ก่อนจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกที่ทุกคนรอคอย นั่นคือการจับฉลากแลกของขวัญ บ้างได้ชิ้
วันเวลาเลื่อนผ่าน ทิวากรกับเขมิกาปลูกต้นรักด้วยกันมาร่วมปีแล้ว เส้นทางรักครั้งนี้ไม่ได้ฉาบฉวยหากเต็มไปด้วยความรักความเข้าใจ มีแง่งอนบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายก็เข้ากันได้ดี และทุกครั้งหลังจากที่ทะเลาะ ทั้งสองจะรักและเข้าใจกันมากกว่าเดิม ซ้ำบรรยากาศที่แผ่ออกมายังหวานชื่นไม่เปลี่ยนเสียจนคนรอบข้างยังลอบอิจฉาเรียกได้ว่าความรักของพวกเขาสุกงอมเต็มที่ หลาย ๆ คนต่างเฝ้ารอข่าวดี และเป็นที่จับตามองเนื่องจากทิวากรเป็นลูกชายเพียงคนเดียว และทายาทสายตรงของศิวานันท์ ทั้งนี้ชายหนุ่มยังเข้ารับตำแหน่ง CEO เป็นประธานบริษัทศิวานันท์แบบเต็มตัวแล้วด้วย ในวันประกาศขึ้นรับตำแหน่งจากมารดา นอกจากชายหนุ่มจะเอ่ยเกี่ยวกับการรับผิดชอบหน้าที่ของตน ให้ผู้บริหารรวมถึงหุ้นส่วนคนสำคัญต่าง ๆ มั่นใจกับการทำงานของตนเองแล้ว เขายังประกาศเปิดตัวคนรักอย่างเอิกเกริก จนเกิดแฮชแท็กทายาทศิวานันท์เปิดตัวคนรัก ดังขึ้นมาแซงข่าวการขึ้นรับตำแหน่งของตัวเองเสียอีก สาวน้อยสาวใหญ่ที่เคยจ้องเขาก่อนหน้านี้ต่างอกหักไปตาม ๆ กัน แน่นอนชายหนุ่มไม่ได้สนใจใครนอกจากแฟนสาวเขมิกากลายเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาของใครหลาย ๆ คนไปทันที เช่นเดิม มีคน
“ปกติพี่ทิวก็ดูฉลาดนะคะ ทำไมตอนนี้ถึงซื่อบื้อจังเลยล่ะ” เขมิกาไม่ตอบแต่ตั้งคำถามแทนชายหนุ่มที่ตั้งใจฟังและกำลังจะตอบทันเอะใจ เมื่อครู่เธอเรียกเขาว่าพี่และแทนตัวเองว่าเขมใช่ไหม?“เมื่อกี้เขมเรียกพี่ว่าอะไรนะครับ” เพื่อความแน่ใจจึงรัวคำถามทันที“เรียกว่าพี่ทิวค่ะ”หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงก่อนถามอีกครั้ง “แล้วแทนตัวเองว่าอะไรนะครับ”“เขมค่ะ”ได้ฟังคำตอบรอยยิ้มจึงปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา “ เขม... เขมเรียกแทนตัวเองว่าเขม และเรียกพี่ว่าพี่”“ก็ใช่ไงคะ ตกใจอะไรกัน”“ก็ ก็พี่คิดว่าเขมจะโกรธเกลียดพี่นี่ แต่ว่าเขมเรียกพี่แบบนี้แสดงว่าเขมไม่ได้โกรธเกลียดพี่จริง ๆ ใช่ไหมครับ”เขมิกาลอบกลอกตา “ก็ถ้าโกรธถ้าเกลียดเมื่อคืนจะยอมให้ทำอะไรเหรอคะ”ทิวากรชะงัก “เขม! นี่หมายความว่าเขมให้โอกาสพี่แล้วใช่ไหมครับ”“อื้อ” ตอบพลางพยักหน้า“ให้โอกาสที่หมายถึง ยินดีคบหากับพี่เป็นคนรัก เป็นแฟนกันแล้วใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามรัวเร็วไม่เก็บกิริยา จากที่นอนกอดหญิงสาวอยู่ก็ผุดลุกนั่งอย่างรวดเร็ว จับไหล่คนตัวเล็กทั้งสองข้างรั้งเธอออกจากตัวเล็กน้อย แล้วก้มหน้ามองสบตากับหญิงสาวด้วยความคาดหวังกับคำตอบเขมิกาแม้จะขวยอาย ที่ถูกถามตอ
ค่ำคืนสุดเร่าร้อนผ่านไปเช้าวันใหม่ก็มาเยือน ทิวากรนอนก่ายหน้าผาก กลัดกลุ้มกับเหตุการณ์เมื่อคืน เขาไม่ได้เสียใจที่กระทำการร่วมรักเป็นหนึ่งเดียวกันกับเธอ หากแต่กังวลกลัวว่าเขมิกาจะเกลียดตัวเอง ที่ฉวยโอกาสตอนเธอไม่ได้สติ ทว่าหากย้อนเวลากลับไปเขาก็จะทำมันเช่นเดิมเสียงครวญครางแว่วหวานใต้ร่างทำให้เขามีความสุขมาก มีความสุขมากเสียจนเคี่ยวกรำเธอทั้งคืนรังแกจนตัวเธอแดงไปหมดทั้งตัว!ไม่มีตรงไหนของร่างกายที่เขาไม่ทิ้งรอยรักเอาไว้ รอยแดงสีกุหลาบที่เห็นได้ชัดที่สุดคงจะเป็นเนินอก ส่วนลำคอระหงเขาทิ้งไว้นิดหน่อย อยากประกาศให้รู้ว่าเขมิกามีเจ้าของแล้ว หากไม่กล้าทิ้งไว้มากและชัดเกินไปนัก มันจึงกลายเป็นรอยจาง ๆ ที่หากไม่ตั้งใจมองก็คงไม่เห็นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนความสุขพลันเอ่อล้น ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้ม แววตาของเขาระยิบระยับระคนอ่อนโยนยามมองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆเขมของเขาน่ารักจริง ๆใช่เมื่อคืนเธอน่ารัก แต่ไม่รู้ตื่นมาจะยังน่ารักอยู่ไหม เขากลัวเธอกลายร่างจริง ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรับมือเธออย่างไร แล้วถ้าเกิดเธอโกรธเกลียดตัวเองขึ้นมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น เฮ้อ! ปวดหัวจริง ๆคิดดูแล้วความสุขที่มีกลับไม่เต็มร้
“อืม... ทั้งหวานทั้งหอม เขมหวานไปทั้งตัวเลยครับ” เขาครวญครางเสียงพร่า แต่หญิงสาวไม่มีสติรับรู้อะไรอีกแล้ว ความเสียวที่เธอไม่เคยสัมผัสมาทั้งชีวิต กำลังเล่นงานเธออย่างหนัก จนเกือบจะถึงฝั่งฝัน แต่กลับถูกคนตัวโตกลั่นแกล้ง หยุดการกระทำวาบหวาม จนเธอต้องเขม่นมองแรงด้วยความขัดใจ ทิวากรดึงมือออกจากร่องรูแสนคับแคบ คว้าถุงยางอนามัยขึ้นมาฉีก ก่อนสวมมันกับแก่นกายที่แข็งตัวพร้อมรบทิวากรรูดรั้งแก่นกายของตัวเองสองสามที จ่อปลายหัวบานหยักกับปากทางเล็ก ค่อย ๆ เสือกหัวใหญ่เข้าไปในช่องทางแสนคับแคบ“อื้อ! เจ็บ เขมเจ็บ” คนตัวเล็กร้องลั่นพร้อมทั้งพยายามที่จะถอยหนีหากไม่พ้น เพราะถูกชายหนุ่มจับยึดเอวคอดกิ่วไว้ เขาขบกรามแน่นกับความตอดรัดทั้ง ๆ ที่มันเพิ่งเข้าได้แค่หัว เห็นใบหน้าสวยอาบด้วยน้ำตาพลันสงสาร แต่ถ้าจะให้หยุดตอนนี้ เขาไม่ยอมแน่ทิวากรไม่ฝืนดันทุรังฝ่าเข้าไปทันที เข้าเลือกที่จะครอบโพรงปากยังยอดอกสีชมพู แล้วออกแรงดูดดึง ในขณะที่มือขวาไม่หยุดขยี้ปุ่มกระสันเรียกน้ำหวานให้อาบชโลมไปทั่วร่องรักเขมิกาซ่านเสียวจนลืมความเจ็บปวด ช่องทางรักชื้นแฉะเต็มไปด้วยน้ำหวาน ยิ่งนานยิ่งเสียวจนเธอต้องหาทางระบายออก โดยการจิ
“อ๊ะ” เขมิกาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวทาบลงมาที่ลำคอขาว ก่อนเอียงคออำนวยความสะดวกให้เขาด้วยความยินดี แขนเรียวยกคล้องต้นคอหนาของเขาในเวลาต่อมาทิวากรมีสติครบถ้วน แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปก่อนหน้าไม่อาจทำให้เขามึนเมาได้ ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังเมาเมารัก...เมาเขมิกา...ทิวากรอยากให้ครั้งแรกของเราเป็นไปอย่างอ่อนโยนทะนุถนอม อยากให้ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยความลึกซึ้งตรึงใจ หากความรู้สึกวาบหวามที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมาไม่อาจทำได้อย่างใจหวัง ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยพายุเฮอริเคนที่พร้อมโหมกระหน่ำทุกช่วงเวลา แทนที่จะเป็นสัมผัสหวานล้ำตรึงใจอย่างที่ตั้งใจทิวากรไม่ปิดบังความต้องการพอ ๆ กับเขมิกาที่พร้อมเปิดรับทุกสัมผัสจากเขามือหนาลูบไล้สัมผัสไปทั่วเรือนกายบอบบาง ก่อนที่จะถอดชุดของเธอที่แสนจะเกะกะในสายตาทิ้งไปอย่างไม่ไยดี โดยมีเจ้าของร่างให้ความร่วมมือเต็มที่ทันทีที่ชุดหลุดออกไปจากร่างระหง ลำคอของชายหนุ่มแห้งผากจนเขาต้องรีบกลืนน้ำลาย ก่อนเข้าจู่โจมที่เนินอกสล้างอย่างที่ใจต้องการสองมือกอบกุมบีบเคล้นความนุ่มเด้ง จรดริมฝีปากขบเม้มดูดดึงเนื้อขาวจนเกิดรอยแดง ก่อนที่โพรงปากอุ่นร้อนจะเข้