“เขม... แกไม่สบายหรือเปล่า ฉันเห็นอาการแกไม่ค่อยดีมาหลายวันแล้วนะ” อินทุอรเอ่ยถามเพื่อนสนิทระหว่างรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันอย่างนึกเป็นห่วง หลายวันมาแล้วที่เขมิกามีท่าทีเคร่งเครียด คล้ายมีอะไรในใจและมีเรื่องให้ต้องขบคิดอยู่ตลอดเวลา
คนถูกถามส่ายหน้าตอบ “เปล่า”
“เปล่าอะไร แกไม่เคยเป็นแบบนี้มานานแล้วนะเขม แล้วข้าวน่ะจะเขี่ยอีกนานไหม แกต้องกินเยอะ ๆ นะ อย่าลืมสิว่าแกต้องไปสู้รบกับท่านรองประธานอีก ท่านรองก็ช่างกระไร แกล้งแกอยู่ทุกวัน ไม่เห็นใจกันบ้างเลยหรือไง อย่างน้อยก็น่าจะนึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่เคยมีร่วมกันบ้าง แกก็เหลือทน ยอมให้เขาโขกสับอยู่ได้”
อินทุอรแหวออกมาอย่างคนไม่สบอารมณ์ หญิงสาวไม่พอใจกับการที่ทิวากรกลั่นแกล้งเพื่อนของเธอ และไม่ชอบที่เพื่อนของเธอยอมให้เขากระทำ ขัดใจสายปะฉะดะอย่างเธอจริง ๆ เหนือสิ่งอื่นใดก็เป็นห่วงเพื่อนสนิทของตัวเองนั่นแหละ
เขมิกาได้ยินคำพูดเพื่อนสนิทแล้วหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจมอยู่กับความคิดของตัวเองอีกครั้ง
‘ไม่ปกติแล้วละ’ อินทุอรคิดพลางหันไปมองหน้าดนุภพที่นั่งอยู่ข้างกัน ซึ่งชายหนุ่มก็ส่ายหน้าไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเช่นกัน สายตามีความห่วงใยให้คนที่เขาเอ็นดูเหมือนน้องสาวไม่เสื่อมคลาย
“เขม... แกไม่เป็นอะไรแน่นะ มีอะไรบอกฉันได้นะเว้ย อย่าลืมนะว่ายังมีฉันอยู่ข้าง ๆ เสมอ”
“ขอบคุณนะอิน แต่ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ถ้าฉันไม่ไหว ฉันจะบอกแกนะ”
“แกพูดแล้วนะ”
“อื้ม กินข้าวเถอะ เดี๋ยวหมดเวลาพัก” ด้วยไม่อยากให้เพื่อนเป็นกังวลกับเรื่องของตัวเอง เขมิกาจึงตัดบทแล้วตั้งหน้าตั้งรับประทานอาหารตรงหน้าทั้งยังพยายามฉีกยิ้มสดใสเสมือนว่าไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงให้อินทุอรดูอีกด้วย แต่เธอไม่รู้เลยว่าท่าทางแบบนั้นกลับทำให้เพื่อนสนิทและดนุภพเป็นห่วงมากกว่าเดิม จวบจนรับประทานมื้อกลางวันเสร็จทั้งสามก็แยกย้ายกันไปทำงาน
เขมิกากลับขึ้นมานั่งทำงานที่ทำค้างไว้จนเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ตั้งใจจะเอาเข้าไปให้ทิวากรเซ็นอนุมัติ แต่นึกได้ว่าชายหนุ่มไม่อยู่ในห้อง พูดให้ถูกก็คือวันนี้ชายหนุ่มไม่เข้าบริษัทและออกไปคุยงานข้างนอกตั้งแต่เช้า
หญิงสาวก้มหน้าหลุบตาลงต่ำ ภายในใจรู้สึกกังวล หากเขาไปคุยงานกับคนอื่นเธอคงไม่รู้สึกอะไร แต่นี่เขาไปกับปานวาด ยิ่งเขาเอ่ยปากออกมาแล้วว่าจะใช้เพื่อนเธอเป็นหมากในการทำให้เธอเจ็บ หญิงสาวก็อดห่วงใยและเป็นกังวลเกี่ยวกับปานวาดไม่ได้
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เตือนเพื่อน ไม่ใช่ว่าไม่บอกเรื่องราวระหว่างเธอและเขาให้ปานวาดรับรู้ เธอพูดไปหมดแล้ว แต่เพื่อนของเธอนอกจากจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอเตือนแล้ว ยังมองเธอด้วยสายตาเคลือบแคลง เธอไม่รู้ว่าปานวาดคิดอะไรอยู่ แต่หลังจากที่เธอบอกทุกอย่างไป ปานวาดก็ไม่ยอมตอบข้อความหรือรับโทรศัพท์เธออีกเลย มันเลยทำให้เธอกังวลใจและเครียดสะสมมาหลายวันจนทำให้วันนี้อินทุอรจับอาการผิดสังเกตุได้
ขณะที่เขมิกากำลังคิดมากและกระวนกระวายใจอยู่นั้น ปานวาดที่ถูกเป็นห่วงกลับยิ้มหน้าระรื่นมีความสุขอย่างถึงที่สุด ที่วันนี้เธอได้คุยงานกับทิวากรเพียงสองคน ความจริงรายละเอียดของงานวันนี้ไม่มีอะไรมากนัก แค่เซ็นสัญญาร่วมลงทุนทำธุรกิจรีสอร์ตที่บริษัทครอบครัวเธอไปเทคโอเวอร์มาเท่านั้นเอง ตอนแรกตั้งใจจะนำสัญญาไปให้เขาเซ็นที่บริษัท แต่ชายหนุ่มกลับนัดเธอมาข้างนอกด้วยตัวเอง ทั้งยังเป็นร้านอาหารหรูหรา บรรยากาศยังดีอีกด้วย
นี่ไม่ได้หมายความเขาอยากคุยกับเธองั้นหรือ?
หัวใจของปานวาดเต้นรัวแรงใบหน้าสวยเฉี่ยวฉายความมั่นใจเห่อร้อนเป็นระยะ ๆ ทุกครั้งที่ถูกดวงตาคู่คมมองมา ถูกผู้ชายให้ความสนใจและเข้าหามาก็มาก แต่ไม่เคยมีใครทำให้เธอรู้สึกใจเต้นแรงเลือดลมสูบฉีดแบบนี้ได้เลย
ทว่าความยินดีก็อยู่กับปานวาดไม่นาน เมื่อถ้อยประโยคที่เขมิกาเคยพูดกับเธอผุดเข้ามาในห้วงความคิด
‘คุณทิวเขาต้องการใช้แกเป็นหมากในการแก้แค้นฉัน เชื่อฉันเถอะนะวาด คุณทิวเขาไม่ได้จริงจังอะไรกับแกหรอก ที่เขาทำดีและให้ความสนใจกับแกตอนนี้เพราะอยากทำให้ฉันเสียใจเท่านั้น’
หญิงสาวนิ่วหน้า ไม่ใช่ว่าไม่อยากเชื่อคำพูดที่เพื่อนเอ่ยเตือน แต่เธอมองไม่ออกเลยว่าคนอย่างทิวากรจะทำเรื่องแบบนี้ไปเพื่ออะไร เพื่อความสะใจงั้นเหรอ? คนฐานะชาติตระกูลดีคงไม่ทำแบบนั้นกระมัง
อีกอย่างเธออยากเห็นแก่ตัวสักครั้ง เธอชอบเขาจริง ๆ ต่อให้ทิวากรเป็นไฟเธอก็พร้อมเป็นแมงเม่าเข้าไปเล่นกับไฟกองนี้ด้วยตัวเอง เธอไม่เชื่อหรอก ว่าผู้หญิงสวยเซ็กซี่และมีความมั่นใจสูงอย่างเธอจะสยบผู้ชายอย่างเขาไม่ได้
มาลองดูกันสักตั้งจะเป็นไรไป ไม่มีอะไรเสียหายนี่ ดีกว่าไม่ได้ลองแล้วมานึกเสียดายทีหลัง
“คุณวาดเป็นอะไรหรือเปล่าครับ หน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว” ทิวากรกลับมาจากเข้าห้องน้ำพอดีถามอย่างสงสัย แม้ในใจจะพอคาดเดาอาการของหญิงสาวได้แล้วก็ตาม
ปานวาดยิ้มเจื่อนเธอก้มหน้าหลบตา ริมฝีปากได้รูปเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง บ้างใช้ฟันขบไว้ อาการแบบนี้ไม่ต้องเดาทิวากรก็รู้ว่าหญิงสาวกำลังตบตีกับตัวเอง
“คุณวาดมีอะไรจะถามผมหรือเปล่าครับ ถ้าเรื่องไหนผมตอบได้ผมจะตอบ”
“จริงเหรอคะ! วาดถามได้จริง ๆ เหรอคะ อะ เอ่อ ขอโทษค่ะ” พอได้ยินคำอนุญาตหญิงสาวก็โพล่งถามย้ำก่อนรู้ตัวว่าเสียมารยาทแล้วเอ่ยขอโทษด้วยสีหน้าสำนึกผิด ใบหน้าขาวซับสีเลือดจาง ๆ ด้วยความเก้อกระดาก ก้มหน้าหลบสายตาที่มองเธออย่างขบขันด้วยความอับอายเล็กน้อย
“หึหึ ไม่เป็นไรครับ ถามมาเถอะ ถ้าเป็นคุณวาดถามผมยินดีตอบนะ” นอกจากทิวากรจะไม่ถือสา เขายังกลั้วหัวเราะขณะที่พูดอีกด้วย สายตาที่ใช้มองเธอยังเต็มไปด้วยความเอ็นดู
ปานวาดรู้สึกใจละลายจนน้วยไปหมด หญิงสาวไม่กล้าสบตาชายหนุ่ม เธอขวยเขินกับสายตาคู่คมของเขา
ณ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ถูกจัดขึ้นที่ห้องบอลรูมของโรงแรมในเครือศิวานันท์กรุป โดยมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่าสองร้อยคน ไล่ตั้งแต่พนักงานระดับล่างตลอดจนพนักงานระดับสูง ทั้งยังรวมไปถึงผู้บริหารตำแหน่งต่าง ๆ และหุ้นส่วนบริษัทคนสำคัญซึ่งงานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากเป็นการจัดเลี้ยงครบรอบไตรมาสของบริษัทแล้ว ยังเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ในบริษัทอีกด้วยร่างสูงในชุดเรียบหรูสมกับตำแหน่งประธานบริษัท นั่งอยู่บริเวณโต๊ะด้านหน้าเวที ควงคู่มากับสองสาวต่างวัย ขวามือเป็นมารดาที่อยู่ในชุดหรูหราตามวัย ซ้ายมือคือร่างระหงของเขมิกาที่อยู่ในชุดเดรสยาวของแบรนด์ดังยี่ห้อหนึ่ง ขับเน้นให้เจ้าของร่างแบบบางดูสวยสง่า และน่าทะนุถนอมไปในตัว ซึ่งแขกเหรื่อคนอื่น ๆ ก็นั่งโต๊ะถัดไปตามตำแหน่งเมื่อถึงเวลาหลักของการจัดงาน พิธีกรมืออาชีพเริ่มหน้าที่ของตนเอง ตั้งแต่เชิญทิวากรไปกล่าวเปิดงาน ตลอดจนประกาศมอบรางวัลให้พนักงาน เช่น พนักงานดีเด่นประจำบริษัท ประกาศเลื่อนตำแหน่งของพนักงานบางคน ตลอดจนอื่น ๆ ก่อนจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกที่ทุกคนรอคอย นั่นคือการจับฉลากแลกของขวัญ บ้างได้ชิ้
วันเวลาเลื่อนผ่าน ทิวากรกับเขมิกาปลูกต้นรักด้วยกันมาร่วมปีแล้ว เส้นทางรักครั้งนี้ไม่ได้ฉาบฉวยหากเต็มไปด้วยความรักความเข้าใจ มีแง่งอนบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายก็เข้ากันได้ดี และทุกครั้งหลังจากที่ทะเลาะ ทั้งสองจะรักและเข้าใจกันมากกว่าเดิม ซ้ำบรรยากาศที่แผ่ออกมายังหวานชื่นไม่เปลี่ยนเสียจนคนรอบข้างยังลอบอิจฉาเรียกได้ว่าความรักของพวกเขาสุกงอมเต็มที่ หลาย ๆ คนต่างเฝ้ารอข่าวดี และเป็นที่จับตามองเนื่องจากทิวากรเป็นลูกชายเพียงคนเดียว และทายาทสายตรงของศิวานันท์ ทั้งนี้ชายหนุ่มยังเข้ารับตำแหน่ง CEO เป็นประธานบริษัทศิวานันท์แบบเต็มตัวแล้วด้วย ในวันประกาศขึ้นรับตำแหน่งจากมารดา นอกจากชายหนุ่มจะเอ่ยเกี่ยวกับการรับผิดชอบหน้าที่ของตน ให้ผู้บริหารรวมถึงหุ้นส่วนคนสำคัญต่าง ๆ มั่นใจกับการทำงานของตนเองแล้ว เขายังประกาศเปิดตัวคนรักอย่างเอิกเกริก จนเกิดแฮชแท็กทายาทศิวานันท์เปิดตัวคนรัก ดังขึ้นมาแซงข่าวการขึ้นรับตำแหน่งของตัวเองเสียอีก สาวน้อยสาวใหญ่ที่เคยจ้องเขาก่อนหน้านี้ต่างอกหักไปตาม ๆ กัน แน่นอนชายหนุ่มไม่ได้สนใจใครนอกจากแฟนสาวเขมิกากลายเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาของใครหลาย ๆ คนไปทันที เช่นเดิม มีคน
“ปกติพี่ทิวก็ดูฉลาดนะคะ ทำไมตอนนี้ถึงซื่อบื้อจังเลยล่ะ” เขมิกาไม่ตอบแต่ตั้งคำถามแทนชายหนุ่มที่ตั้งใจฟังและกำลังจะตอบทันเอะใจ เมื่อครู่เธอเรียกเขาว่าพี่และแทนตัวเองว่าเขมใช่ไหม?“เมื่อกี้เขมเรียกพี่ว่าอะไรนะครับ” เพื่อความแน่ใจจึงรัวคำถามทันที“เรียกว่าพี่ทิวค่ะ”หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงก่อนถามอีกครั้ง “แล้วแทนตัวเองว่าอะไรนะครับ”“เขมค่ะ”ได้ฟังคำตอบรอยยิ้มจึงปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา “ เขม... เขมเรียกแทนตัวเองว่าเขม และเรียกพี่ว่าพี่”“ก็ใช่ไงคะ ตกใจอะไรกัน”“ก็ ก็พี่คิดว่าเขมจะโกรธเกลียดพี่นี่ แต่ว่าเขมเรียกพี่แบบนี้แสดงว่าเขมไม่ได้โกรธเกลียดพี่จริง ๆ ใช่ไหมครับ”เขมิกาลอบกลอกตา “ก็ถ้าโกรธถ้าเกลียดเมื่อคืนจะยอมให้ทำอะไรเหรอคะ”ทิวากรชะงัก “เขม! นี่หมายความว่าเขมให้โอกาสพี่แล้วใช่ไหมครับ”“อื้อ” ตอบพลางพยักหน้า“ให้โอกาสที่หมายถึง ยินดีคบหากับพี่เป็นคนรัก เป็นแฟนกันแล้วใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามรัวเร็วไม่เก็บกิริยา จากที่นอนกอดหญิงสาวอยู่ก็ผุดลุกนั่งอย่างรวดเร็ว จับไหล่คนตัวเล็กทั้งสองข้างรั้งเธอออกจากตัวเล็กน้อย แล้วก้มหน้ามองสบตากับหญิงสาวด้วยความคาดหวังกับคำตอบเขมิกาแม้จะขวยอาย ที่ถูกถามตอ
ค่ำคืนสุดเร่าร้อนผ่านไปเช้าวันใหม่ก็มาเยือน ทิวากรนอนก่ายหน้าผาก กลัดกลุ้มกับเหตุการณ์เมื่อคืน เขาไม่ได้เสียใจที่กระทำการร่วมรักเป็นหนึ่งเดียวกันกับเธอ หากแต่กังวลกลัวว่าเขมิกาจะเกลียดตัวเอง ที่ฉวยโอกาสตอนเธอไม่ได้สติ ทว่าหากย้อนเวลากลับไปเขาก็จะทำมันเช่นเดิมเสียงครวญครางแว่วหวานใต้ร่างทำให้เขามีความสุขมาก มีความสุขมากเสียจนเคี่ยวกรำเธอทั้งคืนรังแกจนตัวเธอแดงไปหมดทั้งตัว!ไม่มีตรงไหนของร่างกายที่เขาไม่ทิ้งรอยรักเอาไว้ รอยแดงสีกุหลาบที่เห็นได้ชัดที่สุดคงจะเป็นเนินอก ส่วนลำคอระหงเขาทิ้งไว้นิดหน่อย อยากประกาศให้รู้ว่าเขมิกามีเจ้าของแล้ว หากไม่กล้าทิ้งไว้มากและชัดเกินไปนัก มันจึงกลายเป็นรอยจาง ๆ ที่หากไม่ตั้งใจมองก็คงไม่เห็นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนความสุขพลันเอ่อล้น ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้ม แววตาของเขาระยิบระยับระคนอ่อนโยนยามมองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆเขมของเขาน่ารักจริง ๆใช่เมื่อคืนเธอน่ารัก แต่ไม่รู้ตื่นมาจะยังน่ารักอยู่ไหม เขากลัวเธอกลายร่างจริง ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรับมือเธออย่างไร แล้วถ้าเกิดเธอโกรธเกลียดตัวเองขึ้นมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น เฮ้อ! ปวดหัวจริง ๆคิดดูแล้วความสุขที่มีกลับไม่เต็มร้
“อืม... ทั้งหวานทั้งหอม เขมหวานไปทั้งตัวเลยครับ” เขาครวญครางเสียงพร่า แต่หญิงสาวไม่มีสติรับรู้อะไรอีกแล้ว ความเสียวที่เธอไม่เคยสัมผัสมาทั้งชีวิต กำลังเล่นงานเธออย่างหนัก จนเกือบจะถึงฝั่งฝัน แต่กลับถูกคนตัวโตกลั่นแกล้ง หยุดการกระทำวาบหวาม จนเธอต้องเขม่นมองแรงด้วยความขัดใจ ทิวากรดึงมือออกจากร่องรูแสนคับแคบ คว้าถุงยางอนามัยขึ้นมาฉีก ก่อนสวมมันกับแก่นกายที่แข็งตัวพร้อมรบทิวากรรูดรั้งแก่นกายของตัวเองสองสามที จ่อปลายหัวบานหยักกับปากทางเล็ก ค่อย ๆ เสือกหัวใหญ่เข้าไปในช่องทางแสนคับแคบ“อื้อ! เจ็บ เขมเจ็บ” คนตัวเล็กร้องลั่นพร้อมทั้งพยายามที่จะถอยหนีหากไม่พ้น เพราะถูกชายหนุ่มจับยึดเอวคอดกิ่วไว้ เขาขบกรามแน่นกับความตอดรัดทั้ง ๆ ที่มันเพิ่งเข้าได้แค่หัว เห็นใบหน้าสวยอาบด้วยน้ำตาพลันสงสาร แต่ถ้าจะให้หยุดตอนนี้ เขาไม่ยอมแน่ทิวากรไม่ฝืนดันทุรังฝ่าเข้าไปทันที เข้าเลือกที่จะครอบโพรงปากยังยอดอกสีชมพู แล้วออกแรงดูดดึง ในขณะที่มือขวาไม่หยุดขยี้ปุ่มกระสันเรียกน้ำหวานให้อาบชโลมไปทั่วร่องรักเขมิกาซ่านเสียวจนลืมความเจ็บปวด ช่องทางรักชื้นแฉะเต็มไปด้วยน้ำหวาน ยิ่งนานยิ่งเสียวจนเธอต้องหาทางระบายออก โดยการจิ
“อ๊ะ” เขมิกาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวทาบลงมาที่ลำคอขาว ก่อนเอียงคออำนวยความสะดวกให้เขาด้วยความยินดี แขนเรียวยกคล้องต้นคอหนาของเขาในเวลาต่อมาทิวากรมีสติครบถ้วน แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปก่อนหน้าไม่อาจทำให้เขามึนเมาได้ ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังเมาเมารัก...เมาเขมิกา...ทิวากรอยากให้ครั้งแรกของเราเป็นไปอย่างอ่อนโยนทะนุถนอม อยากให้ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยความลึกซึ้งตรึงใจ หากความรู้สึกวาบหวามที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมาไม่อาจทำได้อย่างใจหวัง ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยพายุเฮอริเคนที่พร้อมโหมกระหน่ำทุกช่วงเวลา แทนที่จะเป็นสัมผัสหวานล้ำตรึงใจอย่างที่ตั้งใจทิวากรไม่ปิดบังความต้องการพอ ๆ กับเขมิกาที่พร้อมเปิดรับทุกสัมผัสจากเขามือหนาลูบไล้สัมผัสไปทั่วเรือนกายบอบบาง ก่อนที่จะถอดชุดของเธอที่แสนจะเกะกะในสายตาทิ้งไปอย่างไม่ไยดี โดยมีเจ้าของร่างให้ความร่วมมือเต็มที่ทันทีที่ชุดหลุดออกไปจากร่างระหง ลำคอของชายหนุ่มแห้งผากจนเขาต้องรีบกลืนน้ำลาย ก่อนเข้าจู่โจมที่เนินอกสล้างอย่างที่ใจต้องการสองมือกอบกุมบีบเคล้นความนุ่มเด้ง จรดริมฝีปากขบเม้มดูดดึงเนื้อขาวจนเกิดรอยแดง ก่อนที่โพรงปากอุ่นร้อนจะเข้