“ว่าไงครับ จะถามหรือเปล่า ถ้าไม่ถามตอนนี้มาถามทีหลังผมไม่ตอบแล้วนะ” เสียงนุ่มทุ้มละมุนของเขาดังขึ้นอีกครั้ง ปานวาดสูดลมหายใจเข้าลึกเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาก่อนมองหน้าและถามเขาตรง ๆ ว่า
“ขอโทษนะคะคุณทิว คือ เอ่อ” พอจะถามเข้าจริง ๆ กลับหาเสียงตัวเองไม่เจอ หญิงสาวรู้สึกเก้อกระดาก จะว่าไปสิ่งที่เธอกำลังจะถามมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา หากถามไป ชายหนุ่มจะหาว่าเธอละลาบละล้วงเกินไปหรือเปล่า ถึงเขาจะอนุญาตแล้วก็เถอะ ยิ่งคิดคิ้วเรียวของเธอยิ่งกดเข้าหากัน
ทิวากรเห็นหญิงสาวไม่กล้าถามจึงเอ่ยสิ่งที่ปานวาดจะถามขึ้นมาเอง “คุณวาดจะถามผมเรื่องผมกับเขมิกาหรือเปล่าครับ”
“ชะ ใช่ค่ะ คุณทิว คือว่าวาด” หญิงสาวไม่พูดต่อ ช้อนดวงตากลมโตมองเขาอย่างไม่มั่นใจ ครั้นเห็นเขาไม่มีกิริยาผิดแปลก ทั้งยังมีท่าทีสบาย ราวกับเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพื่อคลายข้อสงสัยของตัวเอง หญิงสาวจึงตัดสินใจถามขึ้น
“ยัยเขมบอกวาดว่าคุณทิวกับยัยเขมเคยคบหากัน แล้วมีเหตุให้ต้องเลิกกันโดยที่ยัยเขมเป็นคนบอกเลิก สุดท้ายก็ไม่ได้เจอกันนานหลายปี คุณทิวรู้สึกเจ็บแค้นพอกลับมาเจอกันครั้งนี้ เลยคิดหาทางเอาคืนเขม ประจวบกับเห็นว่าวาดเป็นเพื่อนสนิทของยัยเขมพอดี เลยหวังจะใช้วาดเป็นหมากในกระดานแก้แค้นยัยเขม ทำให้ยัยเขมเจ็บจริงหรือเปล่าคะ เรื่องนี้เป็นมายังไงกันแน่คะคุณทิว ที่ยัยเขมพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า คุณทิวช่วยอธิบายให้ชัดเจนให้วาดเข้าใจหน่อยได้ไหมคะ แล้ว เอ่อ คือ... คุณทิวเห็นวาดเป็นแค่หมากอย่างที่ยัยเขมพูดหรือเปล่า”
“จริงครับ” ปานวาดหน้าเสียเมื่อชายหนุ่มยอมรับตรง ๆ นี่หมายความว่าเป็นเธอคิดเพ้อฝันไปเองฝ่ายเดียวว่าเขาสนใจว่าเขาชอบเธออย่างนั้นเหรอ แต่ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นเสียงนุ่มทุ้มของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง และมันก็ช่วยทำให้เธอโล่งอก
“เรื่องที่ผมเคยคบกับเขมิกาเป็นเรื่องจริงครับ แต่มันก็นานมาแล้ว นานจนผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่ ส่วนเรื่องแค้นที่ถูกบอกเลิก ผมยอมรับว่าแค้นครับ เป็นใครจะไม่แค้นละครับ อยู่ดี ๆ ก็ถูกบอกเลิกเฉยเลยคำอธิบายก็ไม่มีให้ หึ ถ้าเป็นคุณวาดจะไม่แค้นเหรอครับ”
“เอ่อ ก็แค้นค่ะ”
“นั่นไงครับ แต่แค้นก็แค่แค้น ผมอายุเกือบจะสามสิบแล้วนะครับไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ผมไม่มาคิดเเผนเเก้แค้นบ้าบออะไรนั่นหรอกครับ เอาเวลาไปพัฒนาธุรกิจของตัวเองให้ดีขึ้นดีกว่า คุณวาดว่าจริงไหม” ชายหนุ่มหยุดถามหากไม่รอคำตอบเขายังพูดต่อ
“ส่วนเรื่องเห็นคุณวาดเป็นหมากไหม ผมยอมรับว่าพูดกับเขมิกาอย่างนั้นจริง แต่ก็แค่พูดนั่นแหละครับ เห็นเธอกระวนกระวายบ้างก็ทำให้รู้สึกดีเหมือนกัน”
“คุณทิวเห็นวาดเป็นหมากเพื่อทำให้ยัยเขมกระวนกระวายเท่านั้นเหรอคะ” ปานวาดถามอย่างคนประหม่า ทิวากรระบายยิ้มอบอุ่น สายตาอ่อนโยนทอดมองไปยังคนที่นั่งตรงข้ามกัน
“เปล่าครับ ผมแค่พูดให้เขมิกาดิ้นเล่น ๆ เท่านั้น สำหรับผม คุณคือผู้หญิงที่สวย มั่นใจ และฉลาด เป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมสนใจน่ะครับ เรื่องหมากเหมิกอะไรนั่น ผมไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ผมสนแค่ว่าคุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ จะถือหรือเปล่าที่ผมเคยคบหากับเพื่อนของคุณ แล้วถ้าเรื่องที่ผมพูดว่าคุณเป็นหมากกับเขมิกาทำให้คุณวาดไม่สบายใจ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ”
ทิวากรเลือกอธิบายความจริงบางส่วนเท่านั้น ส่วนไหนพูดได้ก็พูด ส่วนไหนพูดไม่ได้เขาก็เก็บเอาไว้ ชายหนุ่มมองคนตรงหน้ายิ้ม ๆ
ปานวาดที่ได้ยินเขาถามแบบนั้นทั้งสายตาที่ใช้มองเธอก็อ่อนโยนเสียยิ่งกว่าอรุณรุ่งยามเช้า หัวใจดวงน้อยเต้นรัวแรงราวกับเพิ่งมีรักแรก มุมปากทั้งสองข้างยกขึ้น ดวงตาทอประกาย ทิวากรเห็นแล้วพลันกระตุกยิ้มทรงเสน่ห์
หึ ก็แค่นี้ ฉลาดแค่ไหนอยู่ต่อหน้าคนที่ชอบก็กลายเป็นคนซื่ออยู่ดี
“ว่าไงครับ คุณวาดจะรังเกียจหรือเปล่าที่ผมเคยคบเพื่อนสนิทของคุณ”
“มะ ไม่ค่ะ ไม่รังเกียจ จริง ๆ มันก็เป็นแค่เรื่องของอดีต วาดไม่ถือหรอกค่ะ” หญิงสาวละล่ำละลักตอบคำ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงรุกคืบ
“ถ้าอย่างงั้นคุณวาดคงจะไม่ว่าอะไรหากผมจะส่งข้อความหรือโทรไปกวนบ่อย ๆ”
ฉ่า! ปานวาดรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนทอด น้ำเสียงทุ้มละมุน สายตาทอประกายอ่อนโยนจากคนหล่อเหลาตรงหน้า ดาเมจนี้รุนแรงเกินไปแล้ว ไม่ไหว หญิงสาวรับไม่ไหว
“คะ ค่ะ”
เธอตอบได้แค่นั้นก็ก้มหน้าหนีสายตาหยอกล้อของเขา เรียกเสียงหัวเราะของชายหนุ่มได้อีกระลอก โดยที่หญิงสาวไม่รู้เลยว่า ชายหนุ่มเปลี่ยนสายตาอ่อนโยนเป็นล้ำลึกมองเธอไปแล้ว ทั้งมุมปากของเขายังกระตุกยิ้มอย่างชั่วร้ายอีกด้วย
ทิวากรไม่รู้สึกผิดสักนิด ในเมื่อเหยื่อตกลงในหลุมพรางของนายพรานเองมันก็ช่วยไม่ได้ ยอมรับว่าปานวาดเป็นคนน่าสนใจ แต่ก็เท่านั้น สำหรับเขาอะไรก็ไม่สำคัญไปกว่าการได้แก้แค้นเขมิกาและทำให้หญิงสาวเจ็บแล้ว ดังนั้นหลุมพรางนี้ ในเมื่อปานวาดก้าวขาลงมาเอง ดังนั้นจะมาโทษเขาไม่ได้
เขาไม่ยอมรับ!
‘เอาล่ะค่ะคุณผู้ช๊มมม ข่าวบันเทิงก็อดซิปก็อดใจวันนี้ขอเสนอข่าวไฮโซหนุ่มหน้าคมและสาวหน้าสวย ฝ่ายชายอักษรย่อทอทหาร ฝ่ายหญิงอักษรย่อวอแหวน สายข่าวของเรารายงานมาว่าเห็นทั้งคู่นั่งกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง บรรยากาศระหว่างทั้งคู่เต็มไปด้วยความสดใสเป็นประกายวิบวับสีชมพู ออร่าความรักฟุ้งกระจายจริง ๆ ค่ะ เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวหัวเราะ งานนี้ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้รับข่าวดีของทายาทอสังหาริมทรัพย์เร็ว ๆ นี้หรือเปล่านะคะ เอาเป็นว่าดิฉันศุภกานต์จะติดตามข่าวนี้ต่อไป หากมีอะไรคืบหน้า ดิฉันจะรีบมารายงานให้คุณผู้ชมฟังอีกครั้งค่ะ ขอปิดรายการข่าวก็อดซิปก็อดใจด้วยภาพของชายหนุ่มและหญิงสาวปริศนาแล้วกันนะคะ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่า’
จบรายงานพิธีกรรายการภาพชายหนุ่มหล่อเหลาก็โชว์หราอยู่บนหน้าจอสี่เหลี่ยม ใจของเขมิกากระตุกวูบ ก่อนชาหนึบไปทั้งร่าง ชายคนนั้นคือทิวากร ส่วนผู้หญิงที่ถูกเบลอหน้าไม่บอกก็รู้ว่าคือปานวาดเพื่อนสนิทของเธอ
หญิงสาวจับจ้องภาพที่อยู่บนจอโทรทัศน์ไม่กะพริบตา สายตาอ่อนโยนและรอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยได้รับอยามนี้เขามอบมันให้ผู้หญิงคนอื่น ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนสนิทของเธอเอง หญิงสาวจะไม่คิดมากเลย ถ้าเขาบริสุทธิ์ใจในการเข้าหาเพื่อนของเธอ แต่นี่...
ร่างบางกัดริมฝีปากก่อนเม้มเเน่นดวงตากลมโตไหวระริก “ไม่ ๆ จะเป็นอย่างนี้ไม่ได้ ให้เป็นแบบนี้ไม่ได้” หญิงสาวผุดลุกจากโซฟาเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือในห้องนอน แล้วออกมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง นิ้วเรียวกดค้นหาข่าวก็อดซิปของวงการบันเทิงและเซเลปไฮโซ เมื่อเจอแล้วจัดการแคปหน้าจอเข้าแอปพลิเคชันสื่อสารที่นิยมของยุคสมัยทันที
ติ๊ง
เขมิกา : แนบรูปภาพ
นิ้วเรียวที่รัวตัวอักษรยังไม่ทันจะกดส่งประโยคที่พิมพ์ด้วยความร้อนใจเสียงแจ้งเตือนจากคู่สนทนาก็ดังขึ้นรัว ๆ
ติ๊ง ๆ ๆ
ปานวาด : เห็นแล้วเหรอ
ปานวาด : ขอบคุณที่เตือนนะเขม แต่ฉันถามคุณทิวแล้วละ เขาบอกว่าไม่มีอะไรแค่พลั้งปากประชดเธอเท่านั้น ฉันไม่ถือที่เธอกับเขาจะเคยคบกัน ส่วนสถานะตอนนี้ระหว่างฉันกับคุณทิวก็คือกำลังศึกษากันอยู่
ปานวาด : แค่นี้ก่อนนะ ฉันต้องไปแล้ว คุณทิวนัดฉันไปดูหนังน่ะ
เขมิกาวนอ่านข้อความของปานวาดซ้ำไปซ้ำมาพร้อมส่ายหน้าอย่างไม่อยากยอมรับ หญิงสาวทรุดนั่งลงบนโซฟาอย่างคนหมดแรง หยดน้ำตาร่วงเผาะ
ไม่ได้หวงที่ชายหนุ่มจะมีใคร ที่ร้องไห้เพราะเขาไม่คิดจะหยุดแผนการทำร้ายเธอโดยการดึงเพื่อนเธอมาเกี่ยวข้อง สายตาของหญิงสาวทั้งสับสนและว้าวุ่น ก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับเพราะรู้สึกปวดหัว
ณ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ถูกจัดขึ้นที่ห้องบอลรูมของโรงแรมในเครือศิวานันท์กรุป โดยมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่าสองร้อยคน ไล่ตั้งแต่พนักงานระดับล่างตลอดจนพนักงานระดับสูง ทั้งยังรวมไปถึงผู้บริหารตำแหน่งต่าง ๆ และหุ้นส่วนบริษัทคนสำคัญซึ่งงานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากเป็นการจัดเลี้ยงครบรอบไตรมาสของบริษัทแล้ว ยังเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ในบริษัทอีกด้วยร่างสูงในชุดเรียบหรูสมกับตำแหน่งประธานบริษัท นั่งอยู่บริเวณโต๊ะด้านหน้าเวที ควงคู่มากับสองสาวต่างวัย ขวามือเป็นมารดาที่อยู่ในชุดหรูหราตามวัย ซ้ายมือคือร่างระหงของเขมิกาที่อยู่ในชุดเดรสยาวของแบรนด์ดังยี่ห้อหนึ่ง ขับเน้นให้เจ้าของร่างแบบบางดูสวยสง่า และน่าทะนุถนอมไปในตัว ซึ่งแขกเหรื่อคนอื่น ๆ ก็นั่งโต๊ะถัดไปตามตำแหน่งเมื่อถึงเวลาหลักของการจัดงาน พิธีกรมืออาชีพเริ่มหน้าที่ของตนเอง ตั้งแต่เชิญทิวากรไปกล่าวเปิดงาน ตลอดจนประกาศมอบรางวัลให้พนักงาน เช่น พนักงานดีเด่นประจำบริษัท ประกาศเลื่อนตำแหน่งของพนักงานบางคน ตลอดจนอื่น ๆ ก่อนจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกที่ทุกคนรอคอย นั่นคือการจับฉลากแลกของขวัญ บ้างได้ชิ้
วันเวลาเลื่อนผ่าน ทิวากรกับเขมิกาปลูกต้นรักด้วยกันมาร่วมปีแล้ว เส้นทางรักครั้งนี้ไม่ได้ฉาบฉวยหากเต็มไปด้วยความรักความเข้าใจ มีแง่งอนบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายก็เข้ากันได้ดี และทุกครั้งหลังจากที่ทะเลาะ ทั้งสองจะรักและเข้าใจกันมากกว่าเดิม ซ้ำบรรยากาศที่แผ่ออกมายังหวานชื่นไม่เปลี่ยนเสียจนคนรอบข้างยังลอบอิจฉาเรียกได้ว่าความรักของพวกเขาสุกงอมเต็มที่ หลาย ๆ คนต่างเฝ้ารอข่าวดี และเป็นที่จับตามองเนื่องจากทิวากรเป็นลูกชายเพียงคนเดียว และทายาทสายตรงของศิวานันท์ ทั้งนี้ชายหนุ่มยังเข้ารับตำแหน่ง CEO เป็นประธานบริษัทศิวานันท์แบบเต็มตัวแล้วด้วย ในวันประกาศขึ้นรับตำแหน่งจากมารดา นอกจากชายหนุ่มจะเอ่ยเกี่ยวกับการรับผิดชอบหน้าที่ของตน ให้ผู้บริหารรวมถึงหุ้นส่วนคนสำคัญต่าง ๆ มั่นใจกับการทำงานของตนเองแล้ว เขายังประกาศเปิดตัวคนรักอย่างเอิกเกริก จนเกิดแฮชแท็กทายาทศิวานันท์เปิดตัวคนรัก ดังขึ้นมาแซงข่าวการขึ้นรับตำแหน่งของตัวเองเสียอีก สาวน้อยสาวใหญ่ที่เคยจ้องเขาก่อนหน้านี้ต่างอกหักไปตาม ๆ กัน แน่นอนชายหนุ่มไม่ได้สนใจใครนอกจากแฟนสาวเขมิกากลายเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาของใครหลาย ๆ คนไปทันที เช่นเดิม มีคน
“ปกติพี่ทิวก็ดูฉลาดนะคะ ทำไมตอนนี้ถึงซื่อบื้อจังเลยล่ะ” เขมิกาไม่ตอบแต่ตั้งคำถามแทนชายหนุ่มที่ตั้งใจฟังและกำลังจะตอบทันเอะใจ เมื่อครู่เธอเรียกเขาว่าพี่และแทนตัวเองว่าเขมใช่ไหม?“เมื่อกี้เขมเรียกพี่ว่าอะไรนะครับ” เพื่อความแน่ใจจึงรัวคำถามทันที“เรียกว่าพี่ทิวค่ะ”หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงก่อนถามอีกครั้ง “แล้วแทนตัวเองว่าอะไรนะครับ”“เขมค่ะ”ได้ฟังคำตอบรอยยิ้มจึงปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา “ เขม... เขมเรียกแทนตัวเองว่าเขม และเรียกพี่ว่าพี่”“ก็ใช่ไงคะ ตกใจอะไรกัน”“ก็ ก็พี่คิดว่าเขมจะโกรธเกลียดพี่นี่ แต่ว่าเขมเรียกพี่แบบนี้แสดงว่าเขมไม่ได้โกรธเกลียดพี่จริง ๆ ใช่ไหมครับ”เขมิกาลอบกลอกตา “ก็ถ้าโกรธถ้าเกลียดเมื่อคืนจะยอมให้ทำอะไรเหรอคะ”ทิวากรชะงัก “เขม! นี่หมายความว่าเขมให้โอกาสพี่แล้วใช่ไหมครับ”“อื้อ” ตอบพลางพยักหน้า“ให้โอกาสที่หมายถึง ยินดีคบหากับพี่เป็นคนรัก เป็นแฟนกันแล้วใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามรัวเร็วไม่เก็บกิริยา จากที่นอนกอดหญิงสาวอยู่ก็ผุดลุกนั่งอย่างรวดเร็ว จับไหล่คนตัวเล็กทั้งสองข้างรั้งเธอออกจากตัวเล็กน้อย แล้วก้มหน้ามองสบตากับหญิงสาวด้วยความคาดหวังกับคำตอบเขมิกาแม้จะขวยอาย ที่ถูกถามตอ
ค่ำคืนสุดเร่าร้อนผ่านไปเช้าวันใหม่ก็มาเยือน ทิวากรนอนก่ายหน้าผาก กลัดกลุ้มกับเหตุการณ์เมื่อคืน เขาไม่ได้เสียใจที่กระทำการร่วมรักเป็นหนึ่งเดียวกันกับเธอ หากแต่กังวลกลัวว่าเขมิกาจะเกลียดตัวเอง ที่ฉวยโอกาสตอนเธอไม่ได้สติ ทว่าหากย้อนเวลากลับไปเขาก็จะทำมันเช่นเดิมเสียงครวญครางแว่วหวานใต้ร่างทำให้เขามีความสุขมาก มีความสุขมากเสียจนเคี่ยวกรำเธอทั้งคืนรังแกจนตัวเธอแดงไปหมดทั้งตัว!ไม่มีตรงไหนของร่างกายที่เขาไม่ทิ้งรอยรักเอาไว้ รอยแดงสีกุหลาบที่เห็นได้ชัดที่สุดคงจะเป็นเนินอก ส่วนลำคอระหงเขาทิ้งไว้นิดหน่อย อยากประกาศให้รู้ว่าเขมิกามีเจ้าของแล้ว หากไม่กล้าทิ้งไว้มากและชัดเกินไปนัก มันจึงกลายเป็นรอยจาง ๆ ที่หากไม่ตั้งใจมองก็คงไม่เห็นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนความสุขพลันเอ่อล้น ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้ม แววตาของเขาระยิบระยับระคนอ่อนโยนยามมองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆเขมของเขาน่ารักจริง ๆใช่เมื่อคืนเธอน่ารัก แต่ไม่รู้ตื่นมาจะยังน่ารักอยู่ไหม เขากลัวเธอกลายร่างจริง ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรับมือเธออย่างไร แล้วถ้าเกิดเธอโกรธเกลียดตัวเองขึ้นมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น เฮ้อ! ปวดหัวจริง ๆคิดดูแล้วความสุขที่มีกลับไม่เต็มร้
“อืม... ทั้งหวานทั้งหอม เขมหวานไปทั้งตัวเลยครับ” เขาครวญครางเสียงพร่า แต่หญิงสาวไม่มีสติรับรู้อะไรอีกแล้ว ความเสียวที่เธอไม่เคยสัมผัสมาทั้งชีวิต กำลังเล่นงานเธออย่างหนัก จนเกือบจะถึงฝั่งฝัน แต่กลับถูกคนตัวโตกลั่นแกล้ง หยุดการกระทำวาบหวาม จนเธอต้องเขม่นมองแรงด้วยความขัดใจ ทิวากรดึงมือออกจากร่องรูแสนคับแคบ คว้าถุงยางอนามัยขึ้นมาฉีก ก่อนสวมมันกับแก่นกายที่แข็งตัวพร้อมรบทิวากรรูดรั้งแก่นกายของตัวเองสองสามที จ่อปลายหัวบานหยักกับปากทางเล็ก ค่อย ๆ เสือกหัวใหญ่เข้าไปในช่องทางแสนคับแคบ“อื้อ! เจ็บ เขมเจ็บ” คนตัวเล็กร้องลั่นพร้อมทั้งพยายามที่จะถอยหนีหากไม่พ้น เพราะถูกชายหนุ่มจับยึดเอวคอดกิ่วไว้ เขาขบกรามแน่นกับความตอดรัดทั้ง ๆ ที่มันเพิ่งเข้าได้แค่หัว เห็นใบหน้าสวยอาบด้วยน้ำตาพลันสงสาร แต่ถ้าจะให้หยุดตอนนี้ เขาไม่ยอมแน่ทิวากรไม่ฝืนดันทุรังฝ่าเข้าไปทันที เข้าเลือกที่จะครอบโพรงปากยังยอดอกสีชมพู แล้วออกแรงดูดดึง ในขณะที่มือขวาไม่หยุดขยี้ปุ่มกระสันเรียกน้ำหวานให้อาบชโลมไปทั่วร่องรักเขมิกาซ่านเสียวจนลืมความเจ็บปวด ช่องทางรักชื้นแฉะเต็มไปด้วยน้ำหวาน ยิ่งนานยิ่งเสียวจนเธอต้องหาทางระบายออก โดยการจิ
“อ๊ะ” เขมิกาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวทาบลงมาที่ลำคอขาว ก่อนเอียงคออำนวยความสะดวกให้เขาด้วยความยินดี แขนเรียวยกคล้องต้นคอหนาของเขาในเวลาต่อมาทิวากรมีสติครบถ้วน แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปก่อนหน้าไม่อาจทำให้เขามึนเมาได้ ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังเมาเมารัก...เมาเขมิกา...ทิวากรอยากให้ครั้งแรกของเราเป็นไปอย่างอ่อนโยนทะนุถนอม อยากให้ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยความลึกซึ้งตรึงใจ หากความรู้สึกวาบหวามที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมาไม่อาจทำได้อย่างใจหวัง ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยพายุเฮอริเคนที่พร้อมโหมกระหน่ำทุกช่วงเวลา แทนที่จะเป็นสัมผัสหวานล้ำตรึงใจอย่างที่ตั้งใจทิวากรไม่ปิดบังความต้องการพอ ๆ กับเขมิกาที่พร้อมเปิดรับทุกสัมผัสจากเขามือหนาลูบไล้สัมผัสไปทั่วเรือนกายบอบบาง ก่อนที่จะถอดชุดของเธอที่แสนจะเกะกะในสายตาทิ้งไปอย่างไม่ไยดี โดยมีเจ้าของร่างให้ความร่วมมือเต็มที่ทันทีที่ชุดหลุดออกไปจากร่างระหง ลำคอของชายหนุ่มแห้งผากจนเขาต้องรีบกลืนน้ำลาย ก่อนเข้าจู่โจมที่เนินอกสล้างอย่างที่ใจต้องการสองมือกอบกุมบีบเคล้นความนุ่มเด้ง จรดริมฝีปากขบเม้มดูดดึงเนื้อขาวจนเกิดรอยแดง ก่อนที่โพรงปากอุ่นร้อนจะเข้