แชร์

บทที่2

ผู้เขียน: moonlight -mini
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-01 17:44:32

บทที่ 2

เสียงแส้กระทบผิวหนังดังสนั่น เสียงกรีดร้องของสตรีดังออกมาจากจวนสกุลหมิ่ง ชาวบ้านแถวนั้นพากันมาชะเง้อมอง แต่ก็ต้องพากันเร่งเดินผ่าน เมื่อเห็นว่าหน้าประตูทางเข้าจวนมีทหารจากวังหลวงมายืนรักษาการอยู่ แม้จะอยากรู้แต่ก็ทำได้แค่คาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ

ตาหงส์ปรายตาลงต่ำ มือขาวนวลยกชาขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์ มินึกเลยว่าคุณหนูในห้องหอเยี่ยงหมิ่งหุ้ยจะทนทายาดได้ถึงเพียงนี้ นางทนการเฆี่ยนจากชายคนรักของตนได้มานับชั่วยาม มีแต่เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแต่กลับมิยอมรับผิด

“เปิ่นไท่จื่อเฟยว่านางคงไม่ยอมรับผิดแล้วล่ะ” ไท่จื่อเฟยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

“นางต้องรับ นางรับแน่ ๆ กระหม่อมทำให้นางรับสารภาพได้”

หยงอิ่งจงตอบด้วยความร้อนใจ รีบยกตวัดปลายแส้ด้วยความแรงมากกว่าครั้งก่อน หวังให้หมิ่งหุ้ยรีบรับสารภาพ ก่อนที่ไท่จื่อเฟยจะหมดความอดทน

“หยุด!” หลังจากปลายแส้กระทบแผ่นหลังนักโทษ พระนางก็สั่งให้หยงอิ่งจงหยุดมือ พระนางเบื่อที่จะรอแล้ว

“แต่”

พระนางไม่สนใจสิ่งที่องครักษ์จะเอ่ย ร่างระหงลุกจากเก้าอี้เดินไปนั่งเบื้องหน้าร่างบางสะบักสะบอมโซกไปด้วยเลือด

“เปิ่นไท่จื่อเฟยถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้ายอมรับหรือไม่ว่าลงมือวางยาเพื่อลอบสังหารเปิ่นไท่จื่อเฟย”

“ไม่!” หมิ่งหุ้ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้จะถูกเฆี่ยนด้วยแส้จนหลังแตกยับ ในคราแรกหมิ่งหุ้ยรู้สึกเจ็บ ปวด แสบ จนแทบทนไม่ได้ แต่ไม่มีสักเสี้ยวที่คิดจะรับผิด แต่พอหลังจากปลายแส้ครั้งที่ยี่สิบฟาดลงมา นางก็ไม่รู้สึกสิ่งใดที่แผ่นหลังบอบช้ำอีกเลย

“ต่อให้ทรมานข้า ตัดแขนตัดขาข้าแบบที่ทำกับคนอื่นในครอบครัวข้า ข้าก็ไม่มีวันยอมรับผิด”

ร่างสตรีสูงศักดิ์โน้มลงใกล้นักโทษ ใบหน้างดงามราวกับเทพธิดาแสยะยิ้มร้าย ก่อนที่จะแนบริมฝีปากแดงชาดลงใกล้ใบหูของหมิ่งหุ้ย

“ตัดแขนขาเจ้า…เจ้าก็จะตายไวขึ้น เปิ่นไท่จื่อเฟยมิคิดทำเยี่ยงนั้นหรอก เปิ่นไท่จื่อเฟยอยากให้เจ้าทรมานจนลมหายใจสุดท้าย เฝ้าคิดว่าเหตุใดถึงเกิดเรื่องราวเช่นนี้กับตนเองและครอบครัว ก็แหม่…ใครใช้ให้เจ้าแย่งของรักของเปิ่น เปิ่นไท่จื่อเฟยมิคิดจะใช้บุรุษร่วมกับผู้ใดหรอก”

แย่งของรัก? ไม่ใช้บุรุษร่วมผู้ใด?

ไท่จื่อที่อายุเพียงแปดชันษา ไม่มีสนมหรือชายาใดอื่นนอกจากไท่จื่อเฟย แล้วนางจะไปใช้บุรุษร่วมกับพระนางเมื่อใด หมิ่งหุ้ยฟังคำของไท่จื่อเฟยแล้วคิดตามก็ต้องตาเบิกโพลง นางหันไปมองเพชฌฆาตที่ถือแส้ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยสายตาตกใจ หรือว่าทั้งสองคน

ไท่จื่อเฟยมองตามสายตาของหมิ่งหุ้ยแล้วก็หัวเราะออกมาแผ่วเบา

“เป็นอย่างที่เจ้าคิด และวันนี้ต่อให้เจ้ารับสารภาพเปิ่นไท่จื่อเฟยก็ไม่คิดจะปล่อยเจ้าไป” ร่างระหงลุกขึ้นเต็มความสูง “เด็ก ๆ โยนนางลงหลุมนั้นซะ”

“ไท่จื่อเฟย กระหม่อมขอโอกาสให้นาง” หยงอิ่งจงรีบวิ่งมาคุกเข่าตรงหน้าโขกศีรษะลงกับพื้นเสียงดัง

“เปิ่นไท่จื่อเฟยให้โอกาสนางมามากพอแล้วเจ้าก็เห็น เป็นนางมิคิดจะรับน้ำใจจากเปิ่นไท่จื่อเฟย”

หยงอิ่งจงนิ่งเงียบ เขาเหล่สายตามองขันทีลากก้อนเลือดสีแดงไปตามพื้น ก่อนจะยกขึ้นและโยนลงไปในหลุมที่ก่อนหน้านี้เขาโยนศพคนในจวนสกุลหมิ่งลงไป

จริงอย่างที่พระนางว่า พระนางให้โอกาสหมิ่งหุ้ยแล้ว แต่เป็นนางที่ไม่คิดจะรับเอาไว้เอง ตัวเขาเองก็พยายามอย่างสุดกำลังแล้ว หากยื่นมือเข้าไปช่วยมากกว่านี้ มิแคล้วตัวเขาและตระกูลหยงต้องถูกดึงลงหลุมนั้นไปด้วย

ตุ้บ!

เสียงสิ่งของบางอย่างตกกระทบลงไปในหลุม หยงอิ่งจงหลับตาลง

เขาและหมิ่งหุ้ยสิ้นวาสนาต่อกันเสียแล้ว

แขนบอบบางไหวระริกเอื้อมไปโอบกอดเอวร่างของมารดาเอาไว้แน่น แม้ร่างนี้จะไร้ซึ่งไออุ่น เต็มไปด้วยความเย็นจนเหน็บหนาว หมิ่งหุ้ยก็ยังโอบกอดเอาไว้แน่น

“ท่านแม่ ข้าจะแก้แค้นให้พวกท่าน ต่อให้ต้องแล่เนื้อเถือหนังของตนแลกกับการได้ล้างแค้นให้กับสิ่งที่พวกท่านไม่ได้ก่อ ข้าขอสาบาน ต่อให้ต้องหมดลมหายใจ ข้าก็จะล้างแค้นให้พวกท่านให้ได้”

น่าเสียดายสิ่งที่นางตั้งใจและตั้งปณิธานเอาไว้นั้นคงไม่อาจสำเร็จดั่งใจหวัง สภาพร่างกายของหมิ่งหุ้ยในตอนนี้ไม่ต่างจากซากศพอื่น ๆ  ที่ไร้ลมหายใจอยู่ภายในหลุมนี้เท่าใดนัก หลังจากที่ไท่จื่อเฟยเดินทางมาถึงนางก็ยังมิยอมรับผิดในสิ่งที่ตนไม่ได้ก่อ จึงถูกสั่งเฆี่ยนอย่างหนัก คนที่ลงมือก็มิใช้ใคร คนรักของนางเอง นางถูกโยนลงมาในหลุมเดียวกับร่างที่เหลือในครอบครัว หมิ่งหุ้ยเหลือเพียงแต่แค่รอเวลาว่าลมหายใจเฮือกสุดท้ายของนางจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่ก็คงไม่ต้องรอนาน อีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้นางก็จะตามทุกคนในตระกูลหมิ่งที่ล่วงหน้าไปรอที่ประตูทางเข้ายมโลกแล้ว

“ท่านแม่ ท่านพ่อ ท่านพี่ พวกเราคนตระกูลหมิ่งมิเคยมักใหญ่ใฝ่สูง ทำการค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ เลี้ยงดูคนในจวน ไม่เคยก้าวล่วงผู้ใดให้แค้นเคือง แต่ไยสวรรค์ถึงไม่คุ้มครองคนดี ชายโฉดหญิงชั่วสองคนนั้นป่านนี้คงเสวยสุขที่ตัดเสี้ยนหนามอย่างข้าทิ้งได้แล้ว”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่33

    บทที่ 33ตำหนักบูรพาในวันนี้ไม่เหมือนวันเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของตำหนักก็ยิ่งไม่เหมือนเดิม“ไท่จื่อ ฮองเฮาส่งเทียบของคุณหนูตระกูลต่าง ๆ มาให้อีกแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ” ไท่จื่อที่เคยถูกหลอกเมื่อก่อน ตอนนี้โตเป็นชายหนุ่มร่างกำยำ เขาฝึกยุทธ์เหมือนเสด็จอาของเขา และยังคิดทำอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนเสด็จอาของตนด้วยที่เห็นกันชัด ๆ ก็คงเป็นเรื่องพระชายา เพราะครั้งหนึ่งเคยได้แต่งไปกับคนที่มีนิสัยเช่นซ่งอี้หลิน จึงทำให้มีปัญหาเรื่องความไว้ใจสตรีหากพูดคุยแล้วพึงใจแต่ดันไปทำอะไรให้พระองค์ตะขิดตะขวงใจแม้เพียงนิด ความพึงพอใจที่ผ่านมาอาจจะกลายเป็นศูนย์ไปเลยก็เป็นได้“แต่ว่า...”“เจ้าไม่ต้องมาพูดม

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่32

    บทที่ 32ในทุก ๆ ปี ท่านอ๋องหยางซวี่เหวินและพระชายาร่วมถึงบรรดาพระโอรสและพระธิดาจะเสด็จมาเมืองหลวงเป็นประจำทุกปีนั่นก็เพราะพระชายาจะพาหลาน ๆ มาเคารพสุสานบรรพชนและก็ไม่ลืมที่จะแวะเข้าไปเยี่ยมเยียนฮ่องเต้และฮองเฮา รวมถึงองค์รัชทายาทที่ยามนี้โตเป็นชายหนุ่มแล้ว“ทำไมที่นี่ถึงไม่มีคนอยู่หรือเสด็จแม่” พระโอรสคนที่สี่ซึ่งเป็นเด็กอยากรู้อยากเห็นเอ่ยถามขึ้นเมื่อเขาได้มาที่นี่เป็นปีที่สองแล้ว ตอนนี้เจ้าตัวอายุได้ สี่ชันษาจึงกำลังพูดมากพอสมควร“เสด็จแม่ลูกอธิบายน้องเองพ่ะย่ะค่ะ” ทั้ง ๆ ที่หมิ่งหุ้ยอยากจะเลี้ยงพระโอรสและพระธิดาทุกคนอย่างคนธรรมดาสามัญแต่เพราะศักดินาที่มี อย่างไรหนึ่งในทั้งหมดนี่ก็ต้องดูแลที่ดินและชาวบ้านแถว ๆ นั้น จึงทำให้สุดท้ายทุกคนจึงเป็นท่านหญิงและท่านชายที่น่าเคาร

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่31

    บทที่ 31“เป็นข่าวดีพ่ะย่ะค่ะ พระชายาของท่านอ๋องทรงพระครรภ์แล้ว” หลังจากเงียบเชียบนานนับปี ในที่สุดก็มีข่าวดีจากทั้งสอง“ท่านอ๋องเป็นอะไรเพคะ” หยางซวี่เหวินได้ฟังก็ตื้นตันจนร้องไห้ เรื่องนี้ทำให้มู่เฉิงที่เป็นราชองครักษ์ข้างกายตกใจมากจนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเย้า “กระหม่อมคงต้องนำเรื่องนี้ไปบอกกับทุกคนแล้ว”หยางซวี่เหวินคิดว่ามู่เฉิงหมายถึงเรื่องข่าวการตั้งครรภ์ แต่เปล่า เจ้าตัวกลับส่งข่าวให้ทุกคนว่าเขาร้องไห้เพราะรู้ว่าพระชายาของตนตั้งครรภ์ “มู่เฉิงหากไม่ใช่เจ้าข้าจะสั่งโบยให้ดู” แม้จะโดนขู่เช่นนั้นแต่มู่เฉิงก็มิได้สะทกสะท้าน นั่นก็เพราะยามนี้ท่านอ๋องทรงประชวร“ทรงรักษาพระวรกายเถอะพ่ะย่ะค่ะ หายแล้วค่อยม

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่30

    บทที่ 30หลังจากงานมงคลหมิ่งหุ้ยก็ได้เข้าไปยกน้ำชาให้กับฮ่องเต้ ในวังเพราะเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของทั้งสองจากไปแล้ว พี่ชายอย่างฮ่องเต้จึงถือเป็นผู้อาวุโสของตระกูลหมิ่งหุ้ยแต่งเข้าตระกูลหยางก็ต้องเคารพบรรพบุรุษ“อภัยให้กับอี้หลินด้วยนะหุ้ยเอ๋อร์” เสียงของฮองเฮาเอ่ยกับน้องสะใภ้ของตน“ข้าเองก็อโหสิกรรมให้นางแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องราวถึงได้” ฮ่องเต้หันไปประคองฮองเฮาเอาไว้“เรื่องมันแล้วไปแล้ว จะรื้อฟื้นก็คงจะทำไม่ได้ เจ้าอย่าได้เสียใจไปเลย แม้จะมีความสูญเสียแต่ก็มีเรื่องดี ๆ อย่างการที่เจ้าทั้งสองได้มาเจอกัน คนเป็นพี่อย่างข้าเห็นแล้วก็รู้สึกสบายใจที่ซวี่เหวินจะมีคนรักสักที เจ้ารู้ไหมหุ้ยเอ๋อร์ เขาไม่เคยมีคนรักมาก่อน&rd

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่29

    บทที่ 29“ในเมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” หยางซวี่เหวินเอ่ยเช่นนั้นออกไปเพราะเขารู้ว่านางไม่ได้มีใจให้เขาจึงอยากให้นางเป็นอิสระ แม้ภายในใจต้องเจ็บปวดที่วันข้างหน้าจะไร้หมิ่งหุ้ยเคียงข้าง แต่ก็อยากให้นางเป็นผู้เลือก“อย่างที่หม่อมฉันบอกคงกลับไปหาท่านพ่อและเมาเมา อยู่กับพวกเขาทำให้หม่อมฉันสงบใจไม่คิดเรื่องครอบครัวที่จากไปได้บ้าง” หยางซวี่เหวินอยากเอ่ยถามว่าเช่นนั้นไปอยู่กับข้าดีหรือไม่แต่ก็ไม่กล้า แม้จะอยากปล่อยนางไปแต่อีกใจก็อยากเก็บนางเอาไว้ข้างกายทางด้านหมิ่งหุ้ยที่เห็นบุรุษตรงหน้าไม่ได้พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ใด ๆ ก็คิดว่าเขาคงมองเรื่องระหว่างเขากับนางว่าเป็นไปไม่ได้ “บางทีนี่อาจจะเป็นบาปกรรมของหม่อมฉันด้วยที่ทำให้ต้องเดียวดายตลอดไป” นา

  • ไม่ว่าอย่างไร ก็มิอาจปล่อยวาง   บทที่28

    บทที่ 28กริ๊ก!เสียงตลับยาสีเงินใบเล็กเปิดออก นางพกมันซ่อนเอาไว้ในถุงหอม ตลับยาหล่นลงบนพื้นเมื่อนางเทของที่อยู่ในถุงหอมออกมา หมิ่งหุ้ยยกยิ้มเย็น นางบรรจงเปิดตลับยานั่น ภายในมีผงสีขาว นอกจากจะเก็บสมุนไพรมารักษาบาดแผลและหากเหลือจะให้ท่านพ่อจางหลงนำไปขายแล้ว สิ่งที่นางตามหาอีกอย่างคือ หญ้าเถา เดิมชาวบ้านจะนำมาบดหยาบแล้วจุ่มลงแม่น้ำเพื่อเบื่อปลา ทำให้ปลาในแม่น้ำหายใจไม่ออกและว่ายขึ้นเหนือน้ำ และแน่นอนว่าหากนำไปบดเป็นผงก็ยังสามารถใช้เบื่อหนูและสัตว์อื่น ๆ ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์ นางผสมตลับหนึ่งไว้ช่วยชีวิตคน อีกตลับเอาไว้… วันนี้นางค่อย ๆ บรรจงเทผงสีขาวลงในปากของซ่งอี้หลินอย่างใจเย็น ทำราวกับกำลังดื่มด่ำชาเลิศรส ชานั่นมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ มันมีชื่อเรียกว่า การแก้แค้นอันหอมหวาน“นี่ใ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status