LOGIN1
ต่างคนต่างพึ่งพา
เมื่อรถม้าเริ่มเคลื่อนตัว สตรีผู้มีดวงหน้างดงามหมดจดก็เอนกายลงนอนบนที่นั่งยาวคล้ายเหน็ดเหนื่อย แม้จะมาอยู่ที่นี่ได้สามสี่วันแล้วแต่ทว่านางก็ยังไม่คุ้นเคยจริง ๆ
จากผู้สรรหาบทสู่ตัวประกอบไร้ค่าที่ช่วยทำให้บทนางเอกดูน่าสนใจยิ่งขึ้น เพราะหากไม่มีตัวประกอบและครอบครัวของตัวประกอบผู้นี้ นางเอกมีหรือจะสามารถเข้าใกล้พระเอกและพลิกสถานการณ์จากคุณหนูบุตรสาวเจ้าเมืองสู่บุตรสาวเจ้ากรมขุนนางคนใหม่โดยมีพระเอกคอยให้การช่วยเหลือได้
‘คัดสรรนิยายมาเสนอหัวหน้าเพื่อสร้างซีรี่ส์ตั้งหลายเรื่องแต่ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งนางจะต้องกลายเป็นตัวละครเสียเอง ชีวิตมันช่างน่าเศร้าจริง ๆ’ แล้วก็จะโผล่มาในนิยายทั้งทีเหตุใดไม่โผล่ไปในเรื่องที่เป็นฮาเร็มเล่า ฮาเร็มที่มีหนุ่มหล่อมากมายคอยดูแลและปรนนิบัติสตรีเพียงคนเดียว เหตุใดต้องโผล่มาอยู่ในนิยายจีนโบราณที่มีผู้ชายเป็นใหญ่และมองว่าการมีสามภรรยาสี่อนุฯ เป็นเรื่องปกติกัน
หรือว่านางควรจะลองสร้างฮาเร็มชายงามดี เพราะอย่างไรการพยายามเปลี่ยนชะตาของนางก็ต้องกระทบกับเนื้อเรื่องแน่นอน ใครกันจะยอมสังเวยชีวิตและความมั่งคั่งเพื่อเป็นบันไดให้นางเอกผู้นั้นได้ปีนป่ายกัน ในเมื่อนางมีโอกาสได้เป็นคุณหนูที่มีชีวิตสุขสบาย ไม่ต้องทำงานหนักเช่นในโลกก่อน นางก็จะขอเสพสุขให้เต็มที่และไม่ยอมตายเพราะห้าม้าแยกร่างเด็ดขาด
‘คุณหนูเจ้าคะ คนที่เรานัดหมายมาถึงแล้วเจ้าค่ะ’ เสียงเตือนจากสาวใช้คนสนิททำให้นางเพิ่งรู้ตัวว่ารถม้าได้หยุดวิ่ง นางจึงรีบลุกขึ้นนั่งและจัดอาภรณ์ให้เรียบร้อย
“เชิญเขาขึ้นมาเถิด” นางเอ่ยวาจาตอบกลับ
แต่พอนางเงยหน้าขึ้นมองบุรุษที่เดินแหวกผ้าบังตาเข้ามาด้านในรถม้า นัยน์ตาเมล็ดซิ่งก็ต้องเบิกกว้างอย่างตกตะลึงเมื่อพบว่าบุรุษที่พี่ใหญ่กล่าวถึงในจดหมายรูปงามราวกับพระเอกซีรี่ย์ที่รับบทเทพเซียนจำแลงกาย
“หึหึ!” เสียงแค่นหัวเราะในลำคอทำให้คุณหนูจางคล้ายจะดึงความคิดของตนกลับมาได้
“เชิญคุณชายเจ้าค่ะ”
“อืม” เขาตอบรับสั้น ๆ ก่อนจะนั่งลงใกล้กับประตูรถม้า ซึ่งอยู่ห่างจากนางมาก
“ข้าจางซีถิง ต่อจากนี้ต้องรบกวนคุณชายแล้ว” นางรีบแนะนำตัว
แหม...ใครบ้างจะไม่ชอบบุรุษรูปงามและเก่งกาจ
หากจะถามว่าทราบได้อย่างไร ก็เพราะพี่ใหญ่บอกมาในจดหมายว่ายามนี้มีพ่อค้าและรถม้าของเหล่าขุนนางถูกปล้นก่อนจะเดินทางถึงประตูเมืองหลวงเป็นจำนวนมาก แต่เพราะไม่สามารถลามารับนางได้ จึงฝากฝังคนรู้จักกันที่มีวรยุทธ์เก่งกาจซึ่งบังเอิญมาทำธุระที่เมืองรั่วซีให้ออกเดินทางมาด้วยกันเพื่อความปลอดภัยของตัวนางเอง
“อืม” เขาตอบรับสั้น ๆ โดยไม่คิดปรายตามองสตรีที่มีสีหน้าระรื่น น่ารำคาญเลยแม้แต่น้อย หากยามนี้เขาไม่บาดเจ็บจากการลอบเข้าไปสืบข่าวศัตรู เขามีหรือต้องอาศัยรถม้าของสตรีผู้นี้เพื่อเดินทางกลับเมืองหลวงอย่างลับ ๆ
“คุณชาย อย่างไรเราก็ต้องนั่งรถม้าร่วมกันไปอีกสองสามวัน ท่านไม่คิดจะแนะนำตัวให้ข้ารู้จักหรือเจ้าคะ” สิ้นเสียงกล่าวของนาง เขาหันมามองหน้านางด้วยสีหน้ารำคาญชัดเจนก่อนจะเอ่ยปากตอบกลับคล้ายไม่อาจหลบเลี่ยงได้
“เรียกข้าคุณชายหานก็พอ” สตรีที่แค่เห็นเขารูปงามก็พยายามเข้าหา มีค่าอันใดให้ใส่ใจกัน
“จนกว่ารถม้าจะเคลื่อนเข้าสู่ประตูเมืองหลวง ข้าต้องรบกวนท่านแล้ว” ท่าทางไร้ไมตรีของบุรุษรูปงามทำให้ความตั้งใจอยากผูกมิตรมลายหายไปทันที แต่ทว่านางก็ต้องแสร้งยิ้มประจบอีกฝ่ายหวังให้เขาช่วยเหลือหากเกิดเรื่องไม่ดีเช่นที่พี่ชายกังวล
“...” แม้เขาจะไม่เอ่ยตอบแต่สายตาที่มองนางบ่งบอกถึงความเย้ยหยันชัดเจน
‘รูปงาม แต่นิสัยเช่นนี้ เข้าเมืองหลวงเมื่อใดก็ต่างคนต่างไปเถิด’ ในโลกของนาง บุรุษหน้าตาดีนั้นมีอยู่มาก แม้จะเอื้อมไม่ถึง ขอเพียงได้มองก็ชื่นใจแล้ว นับประสาอะไรกับบุรุษเย่อหยิ่งผู้นี้ หากไม่เป็นเพราะต้องพึ่งพาให้เขาช่วยเหลือ นางคงเลือกที่จะมองผ่านไม่สนใจแม้แต่จะทักทายแล้ว
‘เหอะ! คิดว่าหน้าตาดีแล้วจะทำนิสัยเช่นใดก็ได้อย่างนั้นหรือ’ สตรีในยุคนี้อาจจะทนได้ แต่หญิงสาวยุคใหม่หรือจะสนใจ เข้าประตูเมืองหลวงเมื่อใด ก็ถือว่าไม่เคยรู้จักกัน
‘หึ! กำลังแสร้งถอยเพื่อรุกสินะ สตรีก็น่ารำคาญเหมือนกันหมด’ บุรุษรูปงามค่อนขอดในใจเมื่อเห็นท่าทางคล้ายจะเลิกสนใจเขาของนาง
หลังจากนั้นในรถม้าก็ไร้บทสนทนา คุณหนูจางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้า ส่วนบุรุษรูปงามแซ่หานก็เอาตำราขึ้นมาอ่านจวบจนถึงยามที่หยุดพักเพื่อให้ม้าได้กินหญ้า
ผ่านไปหนึ่งกระบวนท่าโจรป่าพวกนั้นถูกสังหารจนหมดสิ้นเหลือเพียงตัวหัวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหนักนอนหายใจรวยริน “เหตุใดถึงนอนนิ่งเช่นนั้นเล่า มิอยากชมเชยสตรีแล้วหรือ” “มะ ไม่แล้ว ท่านจอมยุทธ์ได้โปรดไว้ชีวิตข้า ข้าสัญญาจะไม่ทำเรื่องชั่วช้าอีก” “เรื่องนี้เจ้าควรไปบอกกับท่านเหยียนหลัวหวาง[1]ในปรโลก แล้วรอพี่น้องลูกเมียของเจ้าอยู่ที่นั่น ข้าสัญญาว่าจะต้องส่งพวกเขาไปหาเจ้าครบทุกคน” “มะ ไม่!” สิ้นเสียงร้องนั้น เขากดกระบี่ที่ปักอยู่บริเวณอกทำให้หัวหน้าโจรป่าสิ้นใจไปในทันที นัยน์ตาคมที่กวาดมองร่างของเหล่าโจรป่าฉายแววเย็นชา ก่อนที่เขาจะทรุดกายคุกเข่าลงบนพื้นดินอย่างหมดแรง แม้แผนการที่วางเอาไว้จะผิดพลาดไปแต่ทว่าสุดท้ายเขาก็สามารถเอาชีวิตรอดมาได้ ‘หึ! หนีรอดสายตาของพวกนั้นมาได้ถึงเมืองหลวงแล้ว แต่กลับเกือบตายเพราะผลประโยชน์ที่รับปากเอาไว้’ คิดจบเขาก็ปรายตามองต้นไม้ใหญ่ที่ซ่อนเร้นคุณหนูผู้นั้นเอาไว้ เขาฝืนร่างกายที่บาดเจ็บลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ต้นไม้ต้นนั้น ก่อนจะส่งเสียงเรียกให้นางโผล่หน้าออกมา “คุ
เปรี๊ยะ! เสียงไม้ลั่นดังขึ้น พริบตาเดียวรถม้าคันที่นางนั่งอยู่ก็แตกกระจุยกระจายกันไปคนละทิศละทางทำให้เขาจำต้องโอบเอวนางแล้วใช้วิชาตัวเบาออกห่างจากรถม้า “ลูกพี่ มีสตรีจริง ๆ ด้วย นางงดงามยิ่งนัก” เจ้าโจรป่าที่เห็นว่านางออกมาจากรถม้าตะโกนบอกหัวหน้าของมัน “เออ...หากเจ้าอยากได้นางก็ต้องสังหารสามีนางเสียก่อน” คนเป็นหัวหน้ากล่าวก่อนจะพยายามเข้าโจมตีบุรุษชุดดำที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ใด แต่ด้วยจำนวนคนที่มากกว่าจึงไม่ได้กังวลอันใดมาก “แม่นางคนงามรอข้าสังหารสามีเจ้าก่อน ประเดี๋ยวค่อยเชยชมเจ้า” วาจากักขฬะของโจรผู้นั้นทำให้สตรีที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว “หากไม่อยากฝันร้ายจงหลับตาเสีย” สิ้นเสียงกล่าวของเขา จางซีถิงรีบหลับตาอย่างว่าง่ายทันที เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงหันไปตอบโต้กับพวกคนชั่วช้า “ดูจากหน้าตาเจ้าคงไม่ได้มีวาสนานั้น” กล่าวจบคุณชายหานโอบกอดแม่นางน้อยเอาไว้ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปต่อสู้กับเจ้าโจรปากเน่าเหม็นผู้นั้น ยังไม่ถึงครึ่งกระบวนท่าด้วยซ้ำคนที่เอ่ยวาจากักขฬะอยากเชยชมสตรีที่ไม่เต็มใจก็ถูกกระบี
การเดินทางที่ล้วนเต็มไปด้วยความเงียบที่แฝงการเอื้อประโยชน์ต่อกันก็ดำเนินเข้าสู่วันสุดท้าย ซึ่งอีกครึ่งชั่วยามข้างหน้ารถม้าก็จะเคลื่อนเข้าสู่ประตูเมืองหลวง “เจ้าเข้าใจที่ข้าบอกใช่หรือไม่” เขาถามนางหลังจากเล่าแผนการที่เขาเตรียมไว้หากเกิดเรื่องซ้ำอีกครั้ง ซึ่งคนขับรถม้าและสาวใช้คนสนิทของนางก็รับทราบถึงแนวทางการเอาตัวรอดเรียบร้อยแล้ว “...” “คุณหนูจาง หากเจ้าไม่อยากตายก็รีบเปิดตาเปิดหูมาฟังข้าเสีย” ท่าทางที่เคลิ้มหลับของสตรีตรงหน้าทำให้เขานึกอยากจะใช้กำปั้นทุบหัวนางไปสักทีสองที เขาอุตส่าห์ยอมพูดยาวเหยียดเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์เลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อแต่นางกลับกล้าหลับต่อหน้าเขา “ขออภัยเจ้าค่ะ เชิญท่านพูดต่อได้” คุณหนูจางสะดุ้งตื่นก่อนจะนั่งหลังตรงอย่างตั้งใจเมื่อได้ยินเสียงก่นด่าของเขา ทว่าดวงตากลับไม่ยอมให้ความร่วมมือพาลจะปิดอยู่ร่ำไป “หากเจ้าไม่ยอมลืมตาขึ้น ข้าจะปล่อยเจ้าไว้กลางกลุ่มโจรป่า” สิ้นเสียงกล่าวเขา นางก็พยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก “เชิญกล่าวมาเถิดเจ้าค่ะ” นางพยายามต่อสู้กับ
เมื่อรถม้าจอดพักบุรุษแซ่หานก็ลงจากรถม้าทันที ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะเบ้ปากและทำท่าทางล้อเลียนตามหลัง คนขับรถม้าและสาวใช้แผ้วถางทำที่นั่งเพื่อให้ผู้เป็นนายได้นั่งพักกินข้าว แต่ทว่าเมื่อนางทรุดกายลงนั่ง คนที่นั่งอยู่ก่อนก็รีบลุกขึ้นก่อนทำท่าจะเดินย้ายไปนั่งที่อื่น ‘โอ๊ย! พ่อบุรุษรูปงาม หวงตัวเสียด้วย’ นางนั่งห่างเกือบห้าฉื่อ[1]ยังรีบลุกหนี นี่เขาหวงตัวไม่ให้สตรีใกล้ หรือแท้จริงรักใคร่บุรุษรังเกียจสตรีกันแน่ถึงได้แสดงท่าทีมากถึงเพียงนี้ “ประเดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ” นางรีบเอ่ยปากรั้งเขาไว้ “มีอันใด” บุรุษรูปงามเอ่ยเสียงห้วน “ข้าเตรียมข้าวมาเผื่อท่านด้วย หากไม่รังเกียจก็รับไปกินเถิดเจ้าค่ะ” เดิมทีก็ตั้งใจจะผูกมิตรจึงคิดเตรียมพร้อมไว้ ไม่คิดว่าสุดท้ายบุรุษที่นางหวังจะผูกมิตรจะเย่อหยิ่งจนน่ารำคาญเช่นนี้ “ไม่จำเป็น” เขากล่าวก่อนจะเดินจากไป ไม่แม้แต่จะปรายตามองห่อข้าวที่นางยื่นไปให้ ‘เสียมารยาทยิ่งนัก ไม่กินก็ตามใจ ข้ากินเองก็ได้’ นางคิดค่อนขอดในใจก่อนจะทรุดกายนั่งลงเพื่อแกะห่อข้าวของตนและเลิกสนใจบุรุษเย่อ
1 ต่างคนต่างพึ่งพา เมื่อรถม้าเริ่มเคลื่อนตัว สตรีผู้มีดวงหน้างดงามหมดจดก็เอนกายลงนอนบนที่นั่งยาวคล้ายเหน็ดเหนื่อย แม้จะมาอยู่ที่นี่ได้สามสี่วันแล้วแต่ทว่านางก็ยังไม่คุ้นเคยจริง ๆ จากผู้สรรหาบทสู่ตัวประกอบไร้ค่าที่ช่วยทำให้บทนางเอกดูน่าสนใจยิ่งขึ้น เพราะหากไม่มีตัวประกอบและครอบครัวของตัวประกอบผู้นี้ นางเอกมีหรือจะสามารถเข้าใกล้พระเอกและพลิกสถานการณ์จากคุณหนูบุตรสาวเจ้าเมืองสู่บุตรสาวเจ้ากรมขุนนางคนใหม่โดยมีพระเอกคอยให้การช่วยเหลือได้ ‘คัดสรรนิยายมาเสนอหัวหน้าเพื่อสร้างซีรี่ส์ตั้งหลายเรื่องแต่ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งนางจะต้องกลายเป็นตัวละครเสียเอง ชีวิตมันช่างน่าเศร้าจริง ๆ’ แล้วก็จะโผล่มาในนิยายทั้งทีเหตุใดไม่โผล่ไปในเรื่องที่เป็นฮาเร็มเล่า ฮาเร็มที่มีหนุ่มหล่อมากมายคอยดูแลและปรนนิบัติสตรีเพียงคนเดียว เหตุใดต้องโผล่มาอยู่ในนิยายจีนโบราณที่มีผู้ชายเป็นใหญ่และมองว่าการมีสามภรรยาสี่อนุฯ เป็นเรื่องป
บทนำ “มิทราบว่าวันนี้รถม้าของคุณชายรองเซี่ยเสียอีกแล้วหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงด้านข้าง “ข้าเพียงบังเอิญผ่านมาแล้วรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจึงเข้ามานั่งพักในรถม้า ช่างบังเอิญเสียจริงที่เป็นรถม้าของคุณหนูจาง” คนบังคับรถม้าก็เป็นองครักษ์เงาของเขาที่บัดนี้กลายเป็นผู้คุ้มกันอยู่ในจวนตระกูลจาง ดังนั้นทุกอย่างย่อมอยู่ในการควบคุมของเขา ‘หึ! ความบังเอิญช่างน่ากลัวเสียจริง’ นางลอบคิด “ได้ยินว่าคุณหนูจางได้เครื่องรางมา ไม่ทราบว่ามีของข้าด้วยหรือไม่” “ไม่มีเจ้าค่ะ” “เหตุใดถึงไม่มี” ‘แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านจะมาขอเครื่องรางจากข้า’ “ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่รู้ว่าท่านอยากได้ จึงขอมาให้เพียงคนในครอบครัวของข้า” สิ้นเสียงกล่าวของนาง เขาเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ ร่างกายของเขาแนบชิดตัวนางแล้วดันแผ่นหลังของนางให้กดลงกับผนังของรถม้า “เช่นนั้นเจ้ายิ่งควรต้องมอบให้ข้า” เขาโน้มใบหน้าเข้าใกล้หูนางก่อนจะกระซิบเสียงเบา







