LOGINการเดินทางที่ล้วนเต็มไปด้วยความเงียบที่แฝงการเอื้อประโยชน์ต่อกันก็ดำเนินเข้าสู่วันสุดท้าย ซึ่งอีกครึ่งชั่วยามข้างหน้ารถม้าก็จะเคลื่อนเข้าสู่ประตูเมืองหลวง
“เจ้าเข้าใจที่ข้าบอกใช่หรือไม่” เขาถามนางหลังจากเล่าแผนการที่เขาเตรียมไว้หากเกิดเรื่องซ้ำอีกครั้ง ซึ่งคนขับรถม้าและสาวใช้คนสนิทของนางก็รับทราบถึงแนวทางการเอาตัวรอดเรียบร้อยแล้ว
“...”
“คุณหนูจาง หากเจ้าไม่อยากตายก็รีบเปิดตาเปิดหูมาฟังข้าเสีย” ท่าทางที่เคลิ้มหลับของสตรีตรงหน้าทำให้เขานึกอยากจะใช้กำปั้นทุบหัวนางไปสักทีสองที เขาอุตส่าห์ยอมพูดยาวเหยียดเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์เลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อแต่นางกลับกล้าหลับต่อหน้าเขา
“ขออภัยเจ้าค่ะ เชิญท่านพูดต่อได้” คุณหนูจางสะดุ้งตื่นก่อนจะนั่งหลังตรงอย่างตั้งใจเมื่อได้ยินเสียงก่นด่าของเขา ทว่าดวงตากลับไม่ยอมให้ความร่วมมือพาลจะปิดอยู่ร่ำไป
“หากเจ้าไม่ยอมลืมตาขึ้น ข้าจะปล่อยเจ้าไว้กลางกลุ่มโจรป่า” สิ้นเสียงกล่าวเขา นางก็พยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก
“เชิญกล่าวมาเถิดเจ้าค่ะ” นางพยายามต่อสู้กับความง่วงของตนด้วยการกำมือแน่นเพื่อจิกเล็บกลางฝ่ามือ หากไม่เพราะกลางคืนนางนอนไม่หลับ ยามนี้มีหรือจะง่วงเช่นนี้
“จิบชาให้ตาสว่างเสียก่อน” เขากล่าวก่อนจะส่งจอกชาให้นาง
“ขอบคุณ” นางรับมันมาจิบอย่างว่าง่าย พอชาหมดจอก นางจึงชะงักมือเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสองวันที่ร่วมเดินทางด้วยกัน เขาแสดงท่าทีชัดเจนว่ารำคาญนางด้วยซ้ำ เช่นนั้นชาจอกนี้คงไม่ได้มีสิ่งใดแอบแฝงอยู่หรอกนะ
“ในจอกเป็นเพียงน้ำชาที่สาวใช้เจ้าเตรียมไว้เพียงเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับโจร ข้าจำเป็นต้องปรองดองกับเจ้า เพื่อจะได้พาเจ้ากลับไปส่งให้คุณชายใหญ่จางอย่างปลอดภัย” การเดินทางครั้งนี้ต่างคนต่างได้ผลประโยชน์ นางได้คนคุ้มครอง เขาที่บาดเจ็บได้พักและหลบหลีกจากสายตาศัตรู
“เมื่อครู่ท่านกล่าวเรื่องแผนการไปถึงไหนแล้วเจ้าค่ะ เชิญกล่าวต่อได้เลย”
“ข้าจะคุ้มครองเจ้าตามที่รับปากไว้กับคุณชายใหญ่จางแต่เจ้าต้องห้ามกรีดร้อง โวยวายหรือร้องไห้น่ารำคาญ มิเช่นนั้นข้าไม่ลังเลที่จะทิ้งเจ้าไว้กลางป่า” เขาปรายตามองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้แสดงออกถึงความรำคาญหรือรังเกียจเช่นวันแรกที่เจอกัน
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” นางตอบรับก่อนจะหยิบห่อขนมใส่ช่องลับใต้อาภรณ์ซึ่งอยู่บริเวณอก โดยไม่ลืมหยิบยาโรยแผลและยาถอนพิษร้อยแปดใส่ในช่องลับบริเวณแขนอาภรณ์ด้วย
‘เจ้ากรมขุนนางจางเลี้ยงดูบุตรสาวมาเช่นไร จะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ กลับห่วงกินถึงเพียงนี้’ คุณชายหานอดไม่ได้ที่จะค่อนขอดในใจ ความคิดที่ว่านางพยายามเข้าหาเขาเพราะหลงใหลในความรูปงาม ฐานะและอำนาจแปรเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว
“ข้าเตรียมขนมไปเผื่อท่านด้วยอย่าได้กังวลเจ้าค่ะ” หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันแล้วต้องติดอยู่ในป่าด้วยกันเขาจะได้ไม่มาแย่งส่วนของนาง
“หึ! เอาชีวิตรอดให้ได้ก่อนเถิด” เขาแค่นเสียงหัวเราะในลำคอก่อนจะยกตำราขึ้นมาอ่านต่อไม่ได้สนใจนางอีก
“ข้าเชื่อในฝีมือท่านเจ้าค่ะ ว่าจะต้องปกป้องและคุ้มครองข้าให้อยู่รอดปลอดภัย” กล่าวจบนางก็ฉีกยิ้มให้กว้างที่สุดหวังแสดงความจริงใจแฝงความคาดหวังในตัวเขา
ศักดิ์ศรีอันใดเอาไว้ก่อน จะเมินเฉย ดูถูกนางอย่างไรก็ตามใจ ขอเพียงเขาพานางเดินทางเข้าเมืองหลวงอย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนก็เพียงพอแล้ว
“...” คุณชายหานไม่ได้กล่าววาจาตอบโต้อีก
ผ่านไปราวครึ่งเค่อไม่ขาดไม่เกินรถม้าที่กำลังวิ่งไปตามทางจู่ ๆ ก็หยุดลงอย่างกะทันหันพร้อมกับเสียงม้าร้องดังขึ้น
พรึ่บ! จางซีถิงที่เตรียมเก็บคองอเข่าเพื่อรับแรงกระแทกถูกคว้าตัวเข้าสู่อ้อมกอดของบุรุษรูปงามที่มองนางด้วยแววตาไม่ชอบใจตลอดสามวันที่ผ่านมา
“จงส่งของมีค่ามาให้หมด แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”
“ลูกพี่ มีสาวใช้มาด้วยเช่นนี้ ในรถม้าต้องมีคุณหนูคนงามอยู่เป็นแน่” วาจาของบุรุษกักขฬะทำให้คุณหนูจางอดหวาดกลัวไม่ได้
“ดียิ่ง ค่ายของพวกเรากำลังขาดสตรีมาปรนเปรอ ฮ่า ๆ” เสียงหัวเราะของคนที่น่าจะเป็นหัวหน้าทำให้นางรู้สึกใจคอไม่ดีเลย
นัยน์ตาเมล็ดซิ่งช้อนขึ้นมองบุรุษที่โอบกอดตนไว้คล้ายกำลังปกป้อง ทว่าสีหน้าที่เคร่งเครียดของเขาทำให้นางไม่อาจวางใจได้จริง ๆ
“คุณชายหานข้าจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังท่าน ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไว้ในรถม้า” หากเขาตายหรือบาดเจ็บหนัก นางย่อมไม่รอด
“ข้ารับปากพี่ชายเจ้าแล้ว ข้าย่อมไม่ผิดคำพูด” สิ้นเสียงกล่าวของเขา เสียงต่อสู้ด้านนอกก็เริ่มต้นขึ้น
‘โอ๊ย! เหตุใดข้าถึงซวยเช่นนี้’ เพิ่งโผล่มาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วันก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเช่นนี้
ผ่านไปหนึ่งกระบวนท่าโจรป่าพวกนั้นถูกสังหารจนหมดสิ้นเหลือเพียงตัวหัวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหนักนอนหายใจรวยริน “เหตุใดถึงนอนนิ่งเช่นนั้นเล่า มิอยากชมเชยสตรีแล้วหรือ” “มะ ไม่แล้ว ท่านจอมยุทธ์ได้โปรดไว้ชีวิตข้า ข้าสัญญาจะไม่ทำเรื่องชั่วช้าอีก” “เรื่องนี้เจ้าควรไปบอกกับท่านเหยียนหลัวหวาง[1]ในปรโลก แล้วรอพี่น้องลูกเมียของเจ้าอยู่ที่นั่น ข้าสัญญาว่าจะต้องส่งพวกเขาไปหาเจ้าครบทุกคน” “มะ ไม่!” สิ้นเสียงร้องนั้น เขากดกระบี่ที่ปักอยู่บริเวณอกทำให้หัวหน้าโจรป่าสิ้นใจไปในทันที นัยน์ตาคมที่กวาดมองร่างของเหล่าโจรป่าฉายแววเย็นชา ก่อนที่เขาจะทรุดกายคุกเข่าลงบนพื้นดินอย่างหมดแรง แม้แผนการที่วางเอาไว้จะผิดพลาดไปแต่ทว่าสุดท้ายเขาก็สามารถเอาชีวิตรอดมาได้ ‘หึ! หนีรอดสายตาของพวกนั้นมาได้ถึงเมืองหลวงแล้ว แต่กลับเกือบตายเพราะผลประโยชน์ที่รับปากเอาไว้’ คิดจบเขาก็ปรายตามองต้นไม้ใหญ่ที่ซ่อนเร้นคุณหนูผู้นั้นเอาไว้ เขาฝืนร่างกายที่บาดเจ็บลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ต้นไม้ต้นนั้น ก่อนจะส่งเสียงเรียกให้นางโผล่หน้าออกมา “คุ
เปรี๊ยะ! เสียงไม้ลั่นดังขึ้น พริบตาเดียวรถม้าคันที่นางนั่งอยู่ก็แตกกระจุยกระจายกันไปคนละทิศละทางทำให้เขาจำต้องโอบเอวนางแล้วใช้วิชาตัวเบาออกห่างจากรถม้า “ลูกพี่ มีสตรีจริง ๆ ด้วย นางงดงามยิ่งนัก” เจ้าโจรป่าที่เห็นว่านางออกมาจากรถม้าตะโกนบอกหัวหน้าของมัน “เออ...หากเจ้าอยากได้นางก็ต้องสังหารสามีนางเสียก่อน” คนเป็นหัวหน้ากล่าวก่อนจะพยายามเข้าโจมตีบุรุษชุดดำที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ใด แต่ด้วยจำนวนคนที่มากกว่าจึงไม่ได้กังวลอันใดมาก “แม่นางคนงามรอข้าสังหารสามีเจ้าก่อน ประเดี๋ยวค่อยเชยชมเจ้า” วาจากักขฬะของโจรผู้นั้นทำให้สตรีที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว “หากไม่อยากฝันร้ายจงหลับตาเสีย” สิ้นเสียงกล่าวของเขา จางซีถิงรีบหลับตาอย่างว่าง่ายทันที เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงหันไปตอบโต้กับพวกคนชั่วช้า “ดูจากหน้าตาเจ้าคงไม่ได้มีวาสนานั้น” กล่าวจบคุณชายหานโอบกอดแม่นางน้อยเอาไว้ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปต่อสู้กับเจ้าโจรปากเน่าเหม็นผู้นั้น ยังไม่ถึงครึ่งกระบวนท่าด้วยซ้ำคนที่เอ่ยวาจากักขฬะอยากเชยชมสตรีที่ไม่เต็มใจก็ถูกกระบี
การเดินทางที่ล้วนเต็มไปด้วยความเงียบที่แฝงการเอื้อประโยชน์ต่อกันก็ดำเนินเข้าสู่วันสุดท้าย ซึ่งอีกครึ่งชั่วยามข้างหน้ารถม้าก็จะเคลื่อนเข้าสู่ประตูเมืองหลวง “เจ้าเข้าใจที่ข้าบอกใช่หรือไม่” เขาถามนางหลังจากเล่าแผนการที่เขาเตรียมไว้หากเกิดเรื่องซ้ำอีกครั้ง ซึ่งคนขับรถม้าและสาวใช้คนสนิทของนางก็รับทราบถึงแนวทางการเอาตัวรอดเรียบร้อยแล้ว “...” “คุณหนูจาง หากเจ้าไม่อยากตายก็รีบเปิดตาเปิดหูมาฟังข้าเสีย” ท่าทางที่เคลิ้มหลับของสตรีตรงหน้าทำให้เขานึกอยากจะใช้กำปั้นทุบหัวนางไปสักทีสองที เขาอุตส่าห์ยอมพูดยาวเหยียดเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์เลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อแต่นางกลับกล้าหลับต่อหน้าเขา “ขออภัยเจ้าค่ะ เชิญท่านพูดต่อได้” คุณหนูจางสะดุ้งตื่นก่อนจะนั่งหลังตรงอย่างตั้งใจเมื่อได้ยินเสียงก่นด่าของเขา ทว่าดวงตากลับไม่ยอมให้ความร่วมมือพาลจะปิดอยู่ร่ำไป “หากเจ้าไม่ยอมลืมตาขึ้น ข้าจะปล่อยเจ้าไว้กลางกลุ่มโจรป่า” สิ้นเสียงกล่าวเขา นางก็พยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก “เชิญกล่าวมาเถิดเจ้าค่ะ” นางพยายามต่อสู้กับ
เมื่อรถม้าจอดพักบุรุษแซ่หานก็ลงจากรถม้าทันที ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะเบ้ปากและทำท่าทางล้อเลียนตามหลัง คนขับรถม้าและสาวใช้แผ้วถางทำที่นั่งเพื่อให้ผู้เป็นนายได้นั่งพักกินข้าว แต่ทว่าเมื่อนางทรุดกายลงนั่ง คนที่นั่งอยู่ก่อนก็รีบลุกขึ้นก่อนทำท่าจะเดินย้ายไปนั่งที่อื่น ‘โอ๊ย! พ่อบุรุษรูปงาม หวงตัวเสียด้วย’ นางนั่งห่างเกือบห้าฉื่อ[1]ยังรีบลุกหนี นี่เขาหวงตัวไม่ให้สตรีใกล้ หรือแท้จริงรักใคร่บุรุษรังเกียจสตรีกันแน่ถึงได้แสดงท่าทีมากถึงเพียงนี้ “ประเดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ” นางรีบเอ่ยปากรั้งเขาไว้ “มีอันใด” บุรุษรูปงามเอ่ยเสียงห้วน “ข้าเตรียมข้าวมาเผื่อท่านด้วย หากไม่รังเกียจก็รับไปกินเถิดเจ้าค่ะ” เดิมทีก็ตั้งใจจะผูกมิตรจึงคิดเตรียมพร้อมไว้ ไม่คิดว่าสุดท้ายบุรุษที่นางหวังจะผูกมิตรจะเย่อหยิ่งจนน่ารำคาญเช่นนี้ “ไม่จำเป็น” เขากล่าวก่อนจะเดินจากไป ไม่แม้แต่จะปรายตามองห่อข้าวที่นางยื่นไปให้ ‘เสียมารยาทยิ่งนัก ไม่กินก็ตามใจ ข้ากินเองก็ได้’ นางคิดค่อนขอดในใจก่อนจะทรุดกายนั่งลงเพื่อแกะห่อข้าวของตนและเลิกสนใจบุรุษเย่อ
1 ต่างคนต่างพึ่งพา เมื่อรถม้าเริ่มเคลื่อนตัว สตรีผู้มีดวงหน้างดงามหมดจดก็เอนกายลงนอนบนที่นั่งยาวคล้ายเหน็ดเหนื่อย แม้จะมาอยู่ที่นี่ได้สามสี่วันแล้วแต่ทว่านางก็ยังไม่คุ้นเคยจริง ๆ จากผู้สรรหาบทสู่ตัวประกอบไร้ค่าที่ช่วยทำให้บทนางเอกดูน่าสนใจยิ่งขึ้น เพราะหากไม่มีตัวประกอบและครอบครัวของตัวประกอบผู้นี้ นางเอกมีหรือจะสามารถเข้าใกล้พระเอกและพลิกสถานการณ์จากคุณหนูบุตรสาวเจ้าเมืองสู่บุตรสาวเจ้ากรมขุนนางคนใหม่โดยมีพระเอกคอยให้การช่วยเหลือได้ ‘คัดสรรนิยายมาเสนอหัวหน้าเพื่อสร้างซีรี่ส์ตั้งหลายเรื่องแต่ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งนางจะต้องกลายเป็นตัวละครเสียเอง ชีวิตมันช่างน่าเศร้าจริง ๆ’ แล้วก็จะโผล่มาในนิยายทั้งทีเหตุใดไม่โผล่ไปในเรื่องที่เป็นฮาเร็มเล่า ฮาเร็มที่มีหนุ่มหล่อมากมายคอยดูแลและปรนนิบัติสตรีเพียงคนเดียว เหตุใดต้องโผล่มาอยู่ในนิยายจีนโบราณที่มีผู้ชายเป็นใหญ่และมองว่าการมีสามภรรยาสี่อนุฯ เป็นเรื่องป
บทนำ “มิทราบว่าวันนี้รถม้าของคุณชายรองเซี่ยเสียอีกแล้วหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงด้านข้าง “ข้าเพียงบังเอิญผ่านมาแล้วรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจึงเข้ามานั่งพักในรถม้า ช่างบังเอิญเสียจริงที่เป็นรถม้าของคุณหนูจาง” คนบังคับรถม้าก็เป็นองครักษ์เงาของเขาที่บัดนี้กลายเป็นผู้คุ้มกันอยู่ในจวนตระกูลจาง ดังนั้นทุกอย่างย่อมอยู่ในการควบคุมของเขา ‘หึ! ความบังเอิญช่างน่ากลัวเสียจริง’ นางลอบคิด “ได้ยินว่าคุณหนูจางได้เครื่องรางมา ไม่ทราบว่ามีของข้าด้วยหรือไม่” “ไม่มีเจ้าค่ะ” “เหตุใดถึงไม่มี” ‘แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านจะมาขอเครื่องรางจากข้า’ “ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่รู้ว่าท่านอยากได้ จึงขอมาให้เพียงคนในครอบครัวของข้า” สิ้นเสียงกล่าวของนาง เขาเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ ร่างกายของเขาแนบชิดตัวนางแล้วดันแผ่นหลังของนางให้กดลงกับผนังของรถม้า “เช่นนั้นเจ้ายิ่งควรต้องมอบให้ข้า” เขาโน้มใบหน้าเข้าใกล้หูนางก่อนจะกระซิบเสียงเบา







