LOGIN“ท่านดูสิเจ้าคะ ข้างดงามอ่อนหวาน กิริยามารยาทเรียบร้อยหรือไม่”
“อืม เจ้าก็ไม่ใช่สตรีดอกบัวขาวจริง ๆ นั่นแหละ” กล่าวจบเขาก็เอนตัวลงนอนแล้วหลับตา สตรีเช่นที่นางว่าเขาเห็นมามากมายแล้ว เหตุใดจะมองไม่ออกว่าสตรีงดงามอ่อนหวานจิตใจดีงามเช่นที่นางว่าแท้จริงมีพิษสงร้ายแรงเพียงใด
“เอ๊ะ! เหตุใดข้าถึงไม่รู้สึกดีใจกับคำชมของท่าน เดี๋ยวนะ! นี่ท่านกำลังด่าข้านี่คุณชายหาน” นางโวยวายแต่ทว่าเมื่อหันไปมองก็พบว่าเขานอนหลับไปแล้ว
“หึ! แล้วข้าจะรอดูว่าบุรุษรูปงามเช่นท่านจะหลวมตัวหลงกลสตรีดอกบัวขาวหรือไม่” นางยิ้มก่อนจะลุกไปหยิบเสื้อคลุมกันลมที่นางตั้งใจจะเอาไปให้เขาเมื่อครู่ ไปห่มให้เขา
“อ่า...ข้าลืมบอกท่านไปว่านอกจากสตรีดอกบัวขาวแล้วยังมีสตรีชาเขียวที่รู้ว่าบุรุษมีเจ้าของยังแสร้งทำหน้าตาใสซื่อเข้าหาอีก แต่ช่างเถิด ดูแล้วท่านน่าจะเฉลียวฉลาด ไม่น่าจะโง่เขลาให้ความอ่อนหวานใสซื่อลวงตา” นางห่มผ้าให้เขาพร้อมกับเอ่ยกับตนเองเสียงเบา
เมื่อเห็นเขาเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วนางก็ทรุดกายนั่งลงด้านข้างเพื่อจะได้เฝ้ามองว่ามีสิ่งใดมาทำอันตรายเขาอีกหรือไม่ นางจะได้ไม่ต้องเหนื่อยช่วยชีวิตเพราะกลัวเขาตายอีก
ตราบใดที่ยังไม่ถึงจวนอย่างปลอดภัย นางควรจะดูแลคนผู้นี้ให้ดี เพื่อที่เขาจะได้พานางกลับไปส่งที่จวนอย่างปลอดภัย
ในความมืดที่มีเพียงแสงจากกองไฟเลือนราง มุมปากของใครบางคนยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะเลือนหายไปคล้ายไม่มีมาก่อน...
อาจเพราะความอ่อนเพลียจางซีถิงไม่รู้ตัวเลยว่านางหลับไปตอนไหน ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตนกำลังนอนอยู่โดยมีเสื้อคลุมกันลมของนางห่มอยู่ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกะพริบปริบ ๆ เล็กน้อยคล้ายปรับสายตาก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ในใจนึกหาข้ออ้างมากล่าวไม่ให้ตนเสียหน้า ทั้งที่บอกจะเฝ้าทั้งคืนแต่กลับเผลอหลับไปซะได้
“ตื่นแล้วหรือถิงถิง” เสียงทักทายพร้อมกับภาพของบุรุษที่นั่งอยู่ตรงหน้าทำให้จางซีถิงชะงักก่อนที่ดวงตานางจะเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อพบว่าบุรุษที่นั่งมองมาทางตนอยู่นั้นเป็นคุณชายจางไห่เฉิงหรือพี่ใหญ่นั่นเอง และยังมีบุรุษแต่งกายคล้ายทหารกระจายตัวยืนอยู่ห่างออกไปนับสิบคน
“พะ พี่ใหญ่ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วเขา เอ่อ...คุณชายหานไปไหนแล้วหรือเจ้าคะ” นางกล่าวพลางกวาดสายตามองหาบุรุษรูปงาม
“คุณชายหานหรือ?” จางไห่เฉิงมีสีหน้างุนงง ท่านแม่ทัพมิใช่บอกว่าคนที่จะนั่งรถม้ามากับน้องสาวเขาเป็นคุณชายรองเซี่ยหรือ
“เจ้าค่ะ คุณชายหานที่พี่ใหญ่ฝากฝังให้ดูแลข้า” เขาทำหน้างุนงงเช่นนี้ คงไม่ได้หมายความว่าคนที่นั่งร่วมรถม้ากับนางเป็นใครก็ไม่รู้หรอกนะ
“เพราะบาดเจ็บหลายแห่งเขาถูกคนพาตัวกลับไปก่อนที่พี่จะมาถึง มีเพียงคนของคุณชายรองเซี่ยที่อยู่ดูแลเจ้ารอพี่เดินทางมารับ” จางกุนซือตอบกลับน้องสาว
เดิมทีคุณชายรองเซี่ยก็หาใช่บุรุษที่เขาจะสามารถไหว้วานหรือใช้งานได้ง่าย ๆ ดังนั้นการที่อีกฝ่ายจะให้สหายเช่นหานเฉิงเคอมาดูแลน้องสาวเขาตามที่พี่ชายสั่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด
“พวกท่านมาถึงนานแล้วหรือไม่ เหตุใดถึงไม่ปลุกข้าล่ะเจ้าคะ” นางเอ่ยถามพลางนึกก่นด่าคนผู้นั้น เจ้าคนรูปงามแต่นิสัยไม่ดี นึกว่าจะเป็นสหายกันได้แล้วเชียว ไปก็ไม่คิดบอกกล่าวนางสักคำ
“ราวสองเค่อแล้ว เห็นคุณชายหานบอกว่าเจ้าต้องอยู่เฝ้ากองไฟทั้งคืนแทนเขาที่บาดเจ็บ จึงสั่งไม่ให้ใครปลุกจนกว่าเจ้าจะตื่นขึ้นเอง” เอาเถิดหากมีโอกาสได้พบหน้า เขาก็คงต้องเอ่ยปากขอบคุณหานกั๋วกงซื่อจื่อที่ช่วยเหลือทำให้น้องสาวของเขาปลอดภัยอย่างไร้รอยขีดข่วน
‘ที่แท้ท่านก็พอจะมีข้อดีอยู่บ้าง’ แต่เอาเถิดอย่างไรก็คงไม่ได้สนทนากันอีก หากมีโอกาสพบเจอกันในเมืองหลวงก็คงเป็นดั่งคนแปลกหน้า
“เอาล่ะ เราเดินทางกลับจวนกันเถิดท่านพ่อรอเจ้าอยู่ แต่เจ้าคงต้องเดินสักเล็กน้อยไหวหรือไม่ เพราะรถม้าจอดรออยู่ที่ชายป่า”
“ข้าไหวเจ้าค่ะ เรารีบไปกันเถิด” นางอยากอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์จะแย่แล้ว
กล่าวถึงอาบน้ำคุณหนูจางก็พลันนึกถึงสาวใช้จึงสอบถามพี่ชายถึงความปลอดภัยของสาวใช้และคนบังคับรถม้า เมื่อได้รับคำตอบว่าพวกเขาปลอดภัยและถูกส่งกลับจวนอย่างปลอดภัยโดยบุรุษชุดดำที่น่าจะเป็นคนของคุณชายหานผู้นั้น นางก็รู้สึกโล่งใจที่เหตุการณ์นี้ผ่านไปได้ด้วยดี หลังจากนี้สิ่งที่นางต้องทำคือเตรียมตัวรับมือกับนางเอกผู้นั้นเพื่อเปลี่ยนชะตาของบิดา พี่ชายและตัวนางเพื่อรักษาความสุขสบายอันแสนมั่งคั่งนี้เอาไว้
อยากได้สิ่งใดก็ควรเพียรพยายามสร้างด้วยตัวเอง มิใช่ฉกฉวยเอาจากผู้อื่นไป
ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งเค่อก่อนหลังจากที่แยกกับพี่ชายแล้ว จางซีถิงก็กลับขึ้นรถม้า แต่ทว่าทันทีที่เปิดม่านเข้าไปในรถม้านางก็พบว่าด้านในมีบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่ “มิทราบว่าวันนี้รถม้าของคุณชายรองเซี่ยเสียอีกแล้วหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงด้านข้าง “ข้าเพียงบังเอิญผ่านมาแล้วรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจึงเข้ามานั่งพักในรถม้า ช่างบังเอิญเสียจริงที่เป็นรถม้าของคุณหนูจาง” คนบังคับรถม้าก็เป็นองครักษ์เงาของเขาที่บัดนี้กลายเป็นผู้คุ้มกันในจวนตระกูลจาง ดังนั้นทุกอย่างย่อมอยู่ในการควบคุมของเขา ‘หึ! ความบังเอิญช่างน่ากลัวเสียจริง’ นางลอบคิด “ได้ยินว่าคุณหนูจางได้เครื่องรางมา ไม่ทราบว่ามีของข้าด้วยหรือไม่”&
“ขอบคุณเจ้าค่ะ แล้วทางจิ่นโจวมีจดหมายตอบกลับมาบ้างหรือไม่เจ้าคะ” “มี พี่เพิ่งเขียนเสร็จเมื่อวันก่อน ยามนี้คงถึงมือนางแล้ว” “เนื้อความในจดหมายกล่าวว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ ยามอยู่ในจวนข้าจะได้เตรียมรับมือนางได้” “เห็นว่าให้รีบลงมือวางยาพิษเจ้าให้มากขึ้นแล้วนำจดหมายที่มีการปลอมลายมือท่านพ่อเรียบร้อยแล้วไปไว้ในห้องหนังสือเมื่อคนของกรมอาญามาตรวจค้นจะได้มีหลักฐานมัดตัวท่านพ่อ แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ นางปลอมลายมือท่านพ่อได้เหมือนมาก หากเห็นเพียงผ่าน ๆ ย่อมคิดว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง” “นางคิดทำสิ่งใดกับท่านพ่อหรือเจ้าคะ” “ยัดข้อหาทุจริตในการสอบจิ้นซื่อ โดยใช้บัณฑิตราวสิบคนยื่นหนังส
นัยน์ตาเมล็ดซิ่งที่มองตามรถม้าที่วิ่งจากไปฉายแววขบขัน หลังจากวันนั้นที่นางใช้วาจาบีบบังคับน้องสาวต่างบิดาให้กินน้ำแกงถ้วยนั้นเข้าไป อีกฝ่ายก็หายหน้าไปนานถึงสิบวันเพิ่งโผล่หน้ามารบกวนนางเมื่อวานเพื่อนัดหมายเรื่องการเดินทางไปชมงานประชันหญิงงามที่จะถูกจัดขึ้น พอรถม้าหายลับไปจากครรลองสายตา คุณหนูจางที่ท่าทางอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเดินเหินจนต้องมีสาวใช้มาประคองเมื่อครู่กลับผละออกห่างจากสาวใช้ แล้วยืนด้วยตนเอง มือเรียวรับผ้าที่ผิงฟางยื่นให้มาเช็ดใบหน้า “หากเมื่อครู่บ่าวไม่รู้ว่าคุณหนูแสร้งทำ บ่าวคงคิดว่าคุณหนูป่วยจริงแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทของนางกล่าว “หากไม่แนบเนียนจะหลอกนางได้อย่างไร รีบไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เถิด” จางซีถิงเช็ดแป้งที่นางจงใจทาเพื่อให้ใบหน้าดูซีดเซียวกล่าวก่อนจะเดินนำหน้าเพื่อก
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ น้ำแกงถ้วยนี้ข้าตั้งใจต้มมาให้ท่าน ประเดี๋ยวข้าค่อยกลับไปต้มใหม่ก็ได้เจ้าค่ะ” กู้ซินอี้ยกมือมาดันถ้วยน้ำแกงเอาไว้ “จะต้มใหม่ด้วยเหตุใดกันเล่า มิใช่ว่าต้องใช้เวลานานหรือ ข้าร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว เจ้าก็รับน้ำแกงบำรุงถ้วยนี้ไปกินเถิด” “มิเป็นไรจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมอบให้ท่านแล้วข้าไม่รับคืนเจ้าค่ะ” “แต่คนที่ควรจะกินน้ำแกงบำรุงควรเป็นเจ้ามากกว่า หรือว่าที่เจ้าไม่ยอมรับน้ำแกงถ้วยนี้ไปกินเพราะน้ำแกงถ้วยนี้มีปัญหา” “มิได้เจ้าค่ะ” คุณหนูกู้ตอบกลับ “หากไม่มีปัญหาเช่นนั้นก็รับไปกินเสียสิ” นางยื่นถ้วยน้ำแกงไปตรงหน้าอีกครั้ง&n
7 เครื่องรางกันสิ่งชั่วร้าย เมื่อรถม้าแล่นจากไปจนลับสายตาคุณชายรองเซี่ยก็หันไปมองสหายที่เพิ่งเดินมายืนด้านข้าง “เจ้ามาได้อย่างไร” แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ทว่าแววตาของเซี่ยหงหมิงกลับพราวระยับอย่างชัดเจน “ข้าก็ใช้วิชาตั
จางซีถิงขยับกายเล็กน้อยคล้ายรู้สึกอึดอัด นัยน์ตาเมล็ดซิ่งมองตอบโต้บุรุษที่จับจ้องใบหน้าตนไม่วางตา หากเขาไม่ออกมาขวางรถม้าของนางเพื่อขออาศัยเข้าเมือง นางก็คงจะแสร้งไม่เห็นและไม่สนใจรถม้าคันที่จอดเสียอยู่ “เมื่อครู่เจ้าคงไม่ได้คิดจะเมินเฉยไม่สนใจรถม้าตระกูลเซี่ยที่จอดเสียอยู่ใช่หรือไม่” “กลางป่าเช่นนี้ข้าย่อมต้องคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อน และท่านก็ไม่ควรออกมาขวางรถม้าผู้อื่นเช่นนี้มันอันตรายเจ้าค่ะ” “หากข้าไม่ออกมาขวางรถม้าเจ้า ข้าหรือจะได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า” วาจาที่แฝงการตำหนิของเขาทำให้นางยกแขนขึ้นกอดอกแล้วมองเขานิ่ง “...” “เจ้าไปที่ใดมาหรือ เหตุใดถึงออกมาเพียงลำพัง สาวใช้ก็ไม่พามาด้วย” “คุณชายรองเซี่ย เรามิใช่ว่าเคยตกลงกันแล้วหรือเจ้าคะ ว่าถึงเมืองหลวงเมื่อใด เราทั้งสองจะกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้า แล้วเหตุใดท่านถึงได้มาปรากฏตัวตรงหน้าข้าอยู่ร่ำไป” หรือแท้จริงมีแผนการใดแอบแฝงอยู่ พรึ่บ! สิ้นเสียงกล่าวของนาง เขาเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วทำให้ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้านางในระยะประชิด มือใ







