LOGIN“ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางกล่าวพลางมองการกระทำของเขาด้วยความแปลกใจ
“ช่วงนี้อย่าเพิ่งขยับให้มาก ประเดี๋ยวข้อมือคดงอผิดรูปแล้วจะกลายเป็นปัญหาใหญ่” วาจาแฝงการข่มขู่ทำให้นางลอบโต้เถียงในใจ
‘คิดว่านางจะกลัวหรือ แค่ข้อมือเคล็ด ไหนเลยจะร้ายแรงเช่นที่เขากล่าว’
หลังจากนั้นนางก็ไม่ได้เอ่ยอันใดอีก มือเรียวข้างที่ไม่เจ็บหยิบแผ่นแป้งย่างออกมาปิ้งเพื่ออุ่นแล้วแบ่งให้เขากินด้วย ซึ่งบุรุษรูปงามก็รับไปกินอย่างว่าง่าย
จางซีถิงนั่งกินแผ่นแป้งย่างอย่างเงียบ ๆ จนหมดก่อนจะหันไปมองเขา “ท่านนอนพักก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะอยู่เติมฟืนเอง”
“ข้าเป็นบุรุษ จะให้สตรีเช่นเจ้า...”
“ยามนี้เราต่างมีหนึ่งชีวิตเท่าเทียมกันเจ้าค่ะ และแม้ข้าจะเป็นสตรีอ่อนแอ แต่ทว่าร่างกายข้าก็ยังแข็งแรงกว่าท่าน ดังนั้นบุรุษที่บาดเจ็บเช่นท่านควรพักรักษาตัว หากอาการดีขึ้น ไม่แน่พรุ่งนี้เราอาจจะสามารถหาทางออกจากป่าได้ก่อนที่จะมีคนมาช่วยเจ้าค่ะ” อย่างไรนางก็ยังเชื่อว่าการช่วยเหลือตนเองดีกว่าการรอคนมาช่วยเหลือ มิเช่นนั้นนางจะยัดเจ้าของพวกนั้นใส่ช่องลับในอาภรณ์เอาไว้ด้วยเหตุใด
“อืม” คุณชายหานตอบรับสั้น ๆ อย่างไร้ข้อโต้แย้ง คุณหนูจางผู้นี้ช่างแตกต่างจากสตรีที่เขาเคยพบเห็น
“เช่นนั้นก็หลับเถิดเจ้าค่ะ” นางกล่าวกับเขาก่อนจะลุกไปนั่งใกล้กองไฟเพื่อจะได้สะดวกในการเติมฟืน
นัยน์ตาคมมองแผ่นหลังเล็กอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหลับตาลงอย่างว่าง่าย เพราะอย่างไรหากเขาอาการดีขึ้นก็จะสามารถพานางออกจากป่าได้โดยไม่ต้องรอใครมาช่วยเช่นที่นางบอกจริง
ผ่านไปดึกดื่นค่อนคืน เสียงแมลงที่ส่งเสียงร้องในป่าและอากาศที่เย็นขึ้นทำให้สตรีที่นั่งอยู่หน้ากองไฟเริ่มเคลิ้มหลับ ก่อนจะสัปหงกอย่างแรงแล้วตกใจตื่นขึ้น
กรอด! เสียงกัดฟันของใครบางคนดังขึ้นทำให้นางหันไปมองจึงพบว่ายามนี้บุรุษรูปงามที่สวมอาภรณ์ท่านบนเอาไว้อย่างลวก ๆ เนื่องจากต้องทำแผลก่อนหน้านี้กำลังนอนหนาวตัวสั่น อาภรณ์เปิดอ้าออกโดนลม
“เฮ้อ! ท่านช่วยข้า ข้าช่วยท่านถือว่าเราไม่ติดหนี้บุญคุณกันแล้วนะ” นางคิดก่อนจะถอดเสื้อคลุมกันลมที่นางตั้งใจสวมใส่เอาไว้ติดตัว
แต่ทว่าในขณะที่นางเดินเข้าไปเพื่อจะใช้เสื้อคลุมของตนห่มให้เขานั้น นางก็เห็นงูตัวหนึ่งกำลังเลื้อยเข้าไปใกล้ก่อนจะฉกบริเวณอกของเขาที่ไม่มีอาภรณ์ปกปิด
“เฮ้ย! งู” นางส่งเสียงร้องดัง ก่อนจะรีบพุ่งตัวเข้าใกล้เพื่อไล่งู
“เกิดอันใดขึ้น” คนสะดุ้งตื่นเพราะเสียงร้องของนางเอ่ยถามด้วยท่าทางงัวเงีย
“งูเจ้าค่ะ งูฉกที่อกท่าน ไม่ได้การแล้วต้องดูดพิษออก” สิ้นเสียงกล่าวนางก็รีบพุ่งตัวเข้าไปใกล้ก่อนจะกดริมฝีปากลงบนรอยงูกัดแล้วตั้งใจดูดพิษออกมา แล้วหันไปบ้วนทิ้ง
จางซีถิงทำเช่นนั้นซ้ำ ๆ อยู่หลายครั้งจนคิดว่าพิษงูในร่างกายเขาเจือจางแล้ว แต่ทว่าพอเงยหน้าขึ้นกลับพบว่าเขาหน้าแดงก่ำคล้ายคนเลือดลมไม่ปกติ
“คุณชายหาน ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง แน่นหน้าอก หายใจไม่ออกหรือไม่” หากเขาตายเพราะพิษงู ใครจะพานางออกจากป่ากันเล่า
“อะ อืม” สิ้นเสียงตอบรับของเขา คุณหนูจางที่ยังคงกังวลเรื่องพิษงู รีบกดริมฝีปากตรงแผลแล้วดูดมันอีกครั้ง
นางทำเช่นนั้นซ้ำ ๆ สามสี่ครั้งก่อนจะผละออกห่างแล้วสอบถามอาการของเขาอีกครั้ง
“ดีขึ้นแล้วหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นไรแล้ว”
“ไม่เป็นไรแต่เหตุใดสีหน้าท่านถึงดูแปลก”
“ข้า...” เขากำลังจะตอบแต่ทว่านางก็พูดแทรกขึ้นก่อน
“อ่า...ข้าคิดออกแล้วข้าเอายาถอนพิษร้อยแปดมาด้วย ท่านว่ามันใช้กับพิษงูได้หรือไม่” จางซีถิงกล่าวพลางก้มหน้าหาขวดยาในช่องลับที่แขนอาภรณ์จึงไม่ได้เห็นใบหน้าที่แดงก่ำและแววตาที่สั่นระริกของอีกฝ่าย
“ข้าไม่เป็นไรแล้ว เจ้าไปนอนพักเถิด เดี๋ยวข้าอยู่เติมฟืนให้เอง”
“ข้าไม่ง่วงเจ้าค่ะ เช่นนั้นท่านนั่งสนทนากับข้าชั่วครู่ดีหรือไม่ ข้าจะได้ช่วยดูว่าท่านผิดปกติหรือไม่” เมื่อครู่ได้งีบหลับบ้างแล้ว ยามนี้นางจึงไม่ง่วงแล้ว
“อืม” เขาตอบรับสั้น ๆ เพราะยามนี้เขาหรือจะสามารถข่มตาหลับได้
“ข้าถามท่านได้หรือไม่ ว่าครั้งแรกที่เจอหน้าข้า เหตุใดท่านถึงได้ดูรังเกียจข้า”
“จากที่เห็นเจ้าก็น่าจะทราบว่าข้าเป็นบุรุษรูปงาม และเพราะความรูปงามนี้ก็มักจะดึงดูดสตรีเข้าหาข้า ขึ้นชื่อว่าสตรีล้วนมีมารยามากมายที่พวกนางสรรหามาใช้เพื่อเข้าหาข้า”
“ใครบางไม่ชอบคนรูปงาม ข้ายอมรับว่าข้าก็ชอบมองบุรุษหรือสตรีรูปงาม แต่ก็แค่มองเพราะชื่นชอบและชื่นชม หาได้อยากครอบครองไม่ แล้วท่านก็อย่าได้กังวล ที่ข้าหยิบยื่นไมตรีให้ท่านตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอนั้นข้าเพียงคิดเอาเองว่าหากเราสนิทสนมกันเมื่อเกิดเรื่องคับขันเช่นในตอนนี้ ท่านจะนึกถึงไมตรีที่เรามีต่อกันแล้วยื่นมือช่วยเหลือข้า”
“...”
“แต่ข้าก็คิดว่ายามนี้เราต่างฝ่ายต่างไม่เสียผลประโยชน์เพราะข้าเข้าใจแล้วว่าที่ท่านจำใจต้องมานั่งรถม้าร่วมกับข้าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บของท่าน ส่วนข้าก็เพียงอยากพึ่งพาให้ท่านคุ้มครองข้าเดินทางกลับถึงจวนอย่างปลอดภัย เราต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์จากกัน หากภายหน้าพบเจอกันในเมืองหลวงแล้วท่านจะแสร้งไม่รู้จักข้า ข้าก็หาได้โกรธเคืองไม่”
“เจ้าคิดเช่นนั้นจริง ๆ หรือ”
“เจ้าค่ะ ข้าไม่ถือสา” ไม่รู้นางหูฝาดไปหรือไม่ เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนเขากำลังกัดฟันพูด
“...”
“ท่านจะว่าข้าสอนก็ได้นะเจ้าคะคุณชายหาน สตรีทุกคนไม่ได้เป็นเช่นที่ท่านคิด บางทีพวกนางอาจจะมองท่านเพียงแค่เพราะท่านรูปงาม มองแล้วสบายตาเพียงเท่านั้น สตรีที่ท่านควรต้องระวังคือสตรีงดงามอ่อนหวาน อ่อนโยน กิริยามารยาทเรียบร้อย จิตใจดีงาม ท่าทางใสซื่อบริสุทธิ์ดุจน้ำค้างในสวนดอกโบตั๋นของท่านเซียนผู้หนึ่ง สตรีเช่นที่ข้ากล่าวมาส่วนใหญ่จะเป็นสตรีดอกบัวขาวที่ภายนอกจะเป็นเช่นที่ข้าบอกมา แต่ภายในใจกลับอิจฉาริษยาและพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตนได้ในสิ่งที่ปรารถนาแม้จะต้องเหยียบย่ำผู้คนมากมายก็ตาม”
“แล้วเจ้าล่ะ เป็นสตรีดอกบัวขาวหรือไม่”
ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งเค่อก่อนหลังจากที่แยกกับพี่ชายแล้ว จางซีถิงก็กลับขึ้นรถม้า แต่ทว่าทันทีที่เปิดม่านเข้าไปในรถม้านางก็พบว่าด้านในมีบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่ “มิทราบว่าวันนี้รถม้าของคุณชายรองเซี่ยเสียอีกแล้วหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงด้านข้าง “ข้าเพียงบังเอิญผ่านมาแล้วรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจึงเข้ามานั่งพักในรถม้า ช่างบังเอิญเสียจริงที่เป็นรถม้าของคุณหนูจาง” คนบังคับรถม้าก็เป็นองครักษ์เงาของเขาที่บัดนี้กลายเป็นผู้คุ้มกันในจวนตระกูลจาง ดังนั้นทุกอย่างย่อมอยู่ในการควบคุมของเขา ‘หึ! ความบังเอิญช่างน่ากลัวเสียจริง’ นางลอบคิด “ได้ยินว่าคุณหนูจางได้เครื่องรางมา ไม่ทราบว่ามีของข้าด้วยหรือไม่”&
“ขอบคุณเจ้าค่ะ แล้วทางจิ่นโจวมีจดหมายตอบกลับมาบ้างหรือไม่เจ้าคะ” “มี พี่เพิ่งเขียนเสร็จเมื่อวันก่อน ยามนี้คงถึงมือนางแล้ว” “เนื้อความในจดหมายกล่าวว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ ยามอยู่ในจวนข้าจะได้เตรียมรับมือนางได้” “เห็นว่าให้รีบลงมือวางยาพิษเจ้าให้มากขึ้นแล้วนำจดหมายที่มีการปลอมลายมือท่านพ่อเรียบร้อยแล้วไปไว้ในห้องหนังสือเมื่อคนของกรมอาญามาตรวจค้นจะได้มีหลักฐานมัดตัวท่านพ่อ แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ นางปลอมลายมือท่านพ่อได้เหมือนมาก หากเห็นเพียงผ่าน ๆ ย่อมคิดว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง” “นางคิดทำสิ่งใดกับท่านพ่อหรือเจ้าคะ” “ยัดข้อหาทุจริตในการสอบจิ้นซื่อ โดยใช้บัณฑิตราวสิบคนยื่นหนังส
นัยน์ตาเมล็ดซิ่งที่มองตามรถม้าที่วิ่งจากไปฉายแววขบขัน หลังจากวันนั้นที่นางใช้วาจาบีบบังคับน้องสาวต่างบิดาให้กินน้ำแกงถ้วยนั้นเข้าไป อีกฝ่ายก็หายหน้าไปนานถึงสิบวันเพิ่งโผล่หน้ามารบกวนนางเมื่อวานเพื่อนัดหมายเรื่องการเดินทางไปชมงานประชันหญิงงามที่จะถูกจัดขึ้น พอรถม้าหายลับไปจากครรลองสายตา คุณหนูจางที่ท่าทางอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเดินเหินจนต้องมีสาวใช้มาประคองเมื่อครู่กลับผละออกห่างจากสาวใช้ แล้วยืนด้วยตนเอง มือเรียวรับผ้าที่ผิงฟางยื่นให้มาเช็ดใบหน้า “หากเมื่อครู่บ่าวไม่รู้ว่าคุณหนูแสร้งทำ บ่าวคงคิดว่าคุณหนูป่วยจริงแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทของนางกล่าว “หากไม่แนบเนียนจะหลอกนางได้อย่างไร รีบไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เถิด” จางซีถิงเช็ดแป้งที่นางจงใจทาเพื่อให้ใบหน้าดูซีดเซียวกล่าวก่อนจะเดินนำหน้าเพื่อก
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ น้ำแกงถ้วยนี้ข้าตั้งใจต้มมาให้ท่าน ประเดี๋ยวข้าค่อยกลับไปต้มใหม่ก็ได้เจ้าค่ะ” กู้ซินอี้ยกมือมาดันถ้วยน้ำแกงเอาไว้ “จะต้มใหม่ด้วยเหตุใดกันเล่า มิใช่ว่าต้องใช้เวลานานหรือ ข้าร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว เจ้าก็รับน้ำแกงบำรุงถ้วยนี้ไปกินเถิด” “มิเป็นไรจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมอบให้ท่านแล้วข้าไม่รับคืนเจ้าค่ะ” “แต่คนที่ควรจะกินน้ำแกงบำรุงควรเป็นเจ้ามากกว่า หรือว่าที่เจ้าไม่ยอมรับน้ำแกงถ้วยนี้ไปกินเพราะน้ำแกงถ้วยนี้มีปัญหา” “มิได้เจ้าค่ะ” คุณหนูกู้ตอบกลับ “หากไม่มีปัญหาเช่นนั้นก็รับไปกินเสียสิ” นางยื่นถ้วยน้ำแกงไปตรงหน้าอีกครั้ง&n
7 เครื่องรางกันสิ่งชั่วร้าย เมื่อรถม้าแล่นจากไปจนลับสายตาคุณชายรองเซี่ยก็หันไปมองสหายที่เพิ่งเดินมายืนด้านข้าง “เจ้ามาได้อย่างไร” แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ทว่าแววตาของเซี่ยหงหมิงกลับพราวระยับอย่างชัดเจน “ข้าก็ใช้วิชาตั
จางซีถิงขยับกายเล็กน้อยคล้ายรู้สึกอึดอัด นัยน์ตาเมล็ดซิ่งมองตอบโต้บุรุษที่จับจ้องใบหน้าตนไม่วางตา หากเขาไม่ออกมาขวางรถม้าของนางเพื่อขออาศัยเข้าเมือง นางก็คงจะแสร้งไม่เห็นและไม่สนใจรถม้าคันที่จอดเสียอยู่ “เมื่อครู่เจ้าคงไม่ได้คิดจะเมินเฉยไม่สนใจรถม้าตระกูลเซี่ยที่จอดเสียอยู่ใช่หรือไม่” “กลางป่าเช่นนี้ข้าย่อมต้องคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อน และท่านก็ไม่ควรออกมาขวางรถม้าผู้อื่นเช่นนี้มันอันตรายเจ้าค่ะ” “หากข้าไม่ออกมาขวางรถม้าเจ้า ข้าหรือจะได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า” วาจาที่แฝงการตำหนิของเขาทำให้นางยกแขนขึ้นกอดอกแล้วมองเขานิ่ง “...” “เจ้าไปที่ใดมาหรือ เหตุใดถึงออกมาเพียงลำพัง สาวใช้ก็ไม่พามาด้วย” “คุณชายรองเซี่ย เรามิใช่ว่าเคยตกลงกันแล้วหรือเจ้าคะ ว่าถึงเมืองหลวงเมื่อใด เราทั้งสองจะกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้า แล้วเหตุใดท่านถึงได้มาปรากฏตัวตรงหน้าข้าอยู่ร่ำไป” หรือแท้จริงมีแผนการใดแอบแฝงอยู่ พรึ่บ! สิ้นเสียงกล่าวของนาง เขาเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วทำให้ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้านางในระยะประชิด มือใ







