LOGIN“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ขออภัยพี่สาวที่ข้าไม่รู้ความ”
“มิเป็นไร เอาเถิดเดินทางมาไกล เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิด”
“ท่านไม่ไปกับข้าหรือเจ้าคะ ข้าอยากให้ท่านไปด้วย” กล่าวจบก็มองนางด้วยท่าทางใสซื่อแตกต่างจากวาจาที่บีบบังคับผู้คนให้ตามใจ
“หลายวันก่อนข้าทำเรื่องไม่เหมาะสม ถูกบิดาลงโทษให้คัดตำรามารยาทสตรี ข้าต้องรีบกลับไปคัดต่อ แต่หากเจ้าอยากจะช่วยข้าคัด...”
“หากข้าช่วยท่าน ท่านลุงคงต้องต่อว่าเป็นแน่ใช่ไหมเจ้าค่ะท่านลุง”
“อืม” เจ้ากรมขุนนางตอบรับด้วยสีหน้าเรียบเฉยทั้งที่ในใจรู้สึกงุนงง บิดาที่รักบุตรสาวดุจไข่มุกกลางฝ่ามือเช่นเขาน่ะหรือจะหักใจลงโทษนางได้
“เช่นนั้นก็รีบไปพักผ่อนเถิด”
“เจ้าค่ะ ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ” สิ้นเสียงกล่าวกู้ซินอี้ก็รีบจากไปทันทีทิ้งให้บิดาบุตรสาวแซ่จางทอดสายตามองด้วยความสับสน
เมื่อเห็นว่าท่านลุงพ่อบ้านพาอีกฝ่ายจากไปไกลแล้ว รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าเมื่อครู่ก็เลือนหาย ก่อนจะหันไปเอ่ยวาจากับบิดาด้วยสีหน้าจริงจัง
“ท่านพ่อไปที่ห้องหนังสือของท่านกันเถิดเจ้าค่ะ”
“อืม” เจ้ากรมขุนนางที่เฝ้าทะนุถนอมบุตรสาวมาเป็นอย่างดีตอบรับในใจพลันคิดว่าเรื่องนี้คงไม่ปกติเสียแล้ว
เมื่ออยู่ภายในห้องหนังสือที่เรือนของบิดาตามลำพังแล้ว จางซีถิงก็เริ่มเปิดปากเอ่ยวาจาถึงเรื่องการหาผู้คุ้มกันที่เชี่ยวชาญวรยุทธ์และสามารถเร้นกายได้พร้อมทั้งบอกจุดที่ต้องระวัง
“เจ้ากล่าวเช่นนี้ หมายความว่าการมาของคุณหนูกู้ไม่ใช่เรื่องดี”
“ป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไขเจ้าค่ะ อีกอย่างหากครุ่นคิดให้ดีแล้วท่านพ่อน่าจะทราบว่าการที่มารดาของนางปรารถนาให้บุตรสาวที่เกิดกับบุรุษคนรักมาค้างอ้างแรมที่จวนของอดีตสามีย่อมไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม”
“นางก็เป็นมารดาของเจ้าเช่นกัน” ในแววตาของเจ้ากรมขุนนางจางมีแววโศกเศร้าชัดเจน บ่งบอกว่าแท้จริงแล้วยังคงรักและคะนึงหาอดีตฮูหยินที่ทอดทิ้งตนไปทุกห้วงของลมหายใจ
“ท่านพ่อเจ้าคะ ท่านต้องยอมรับความจริงได้แล้วว่านอกจากนางจะไม่ได้รักท่านแล้ว นางยังคิดวางแผนการไม่ดีบางอย่างกับท่านและพวกเราตระกูลจาง”
“เหตุใดเจ้าถึงคิดเช่นนั้น มารดาเจ้าอาจจะอยากให้เจ้าได้ทำความรู้จักกับน้องสาวก็เป็นได้”
“ท่านพ่อเชื่อด้วยหรือเจ้าคะ”
“...” ท่าทางเงียบของบิดา ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“ท่านพ่อ ท่านลองไตร่ตรองดูนะเจ้าคะ นางทิ้งท่านที่รักและทะนุถนอม ละทิ้งพี่ใหญ่และข้าที่นางคลอดออกมาทันทีเมื่อได้ยินว่าฮูหยินของบุรุษที่เป็นรักแรกและรักเดียวของนางตายไป ทั้งสองครองรักอยู่ด้วยกันจนมีบุตรสาวหนึ่งคน แน่นอนว่าคุณหนูกู้ผู้นี้ย่อมเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของนาง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นท่านคิดว่านางจะส่งบุตรสาวที่รักมากของตนมาขออาศัยที่จวนอดีตสามีที่ไม่รู้ว่าหลังจากนางจากไปจะจงเกลียดจงชังอย่างไรบ้างหรือเจ้าคะ
ต่อให้จะอ้างว่าเพื่อให้พี่น้องสนิทกัน ท่านคิดว่าข้าและพี่ใหญ่จะรักใคร่น้องสาวที่มารดามีกับบุรุษอื่นหรือเจ้าคะ ดังนั้นการส่งแก้วตาดวงใจของตนมาอยู่ในดงเสือเช่นนี้มิต่างอันใดกับส่งมาตาย เว้นเสียแต่มีเหตุผลสำคัญหรือบางอย่างที่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงเจ้าค่ะ”
“ในเมื่อเจ้าระแวงนางเช่นนั้นแล้วเหตุใดถึงยังช่วยพูดกับพ่ออนุญาตให้นางอยู่ที่นี่”
“หากข้าไม่แสร้งคล้อยตาม ข้าว่าไม่เกินสองวันก็คงจะมีข่าวลือว่าข้านั้นเป็นสตรีจิตใจต่ำช้าไล่พี่น้องต่างบิดาที่เดินทางมาไกลออกจากจวนอย่างไร้คุณธรรม พี่ใหญ่ก็จะพลอยถูกต่อว่าไปด้วย ข้าไม่อยากให้เรื่องนี้ส่งผลถึงหน้าที่การงานของพี่ใหญ่เจ้าค่ะ” เพราะไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ของกู้ซินอี้กับเซี่ยหงหมิงเป็นไปถึงขั้นไหนแล้ว นางจึงอยากเก็บอีกฝ่ายไว้ใกล้ตัว หากจะจัดการศัตรูนางจะต้องขุดรากถอนโคนแผนการของเจ้าเมืองจิ่นโจวด้วย
หึ! เพื่อเปลี่ยนชะตารักษาชีวิต ต่อให้อีกฝ่ายมีคนหนุนหลังนางก็ยังต้องเสี่ยง
“เจ้าดูเปลี่ยนไปมากนะถิงถิง”
“ในช่วงที่ข้าไปเยือนจวนท่านปู่ข้าฝันร้ายอยู่หลายคืนเจ้าค่ะ เดิมทีข้าก็ไม่เชื่อหรอก จนได้พบกับกู้ซินอี้และได้อ่านจดหมายฉบับนั้นของมารดานาง”
“ฝันร้ายหรือ เจ้าฝันว่าอย่างไรบ้าง”
“ข้าฝันว่าตระกูลจางจะล่มสลาย ท่านพ่อถูกใส่ร้าย ท่านพ่อและพี่ใหญ่ถูกสั่งประหาร ข้าถูกห้าม้าแยกร่าง เจ้าเมืองจิ่นโจวใช้ความดีความชอบที่บุตรสาวเจอหลักฐานการรับสินบนในจวนตระกูลจางขึ้นเป็นเจ้ากรมขุนนางแทนท่านพ่อ”
“ชั่วช้ายิ่งนัก”
“ท่านพ่อใจเย็น ๆ ก่อนเจ้าค่ะ บางทีข้าอาจจะแค่ฝันไป แต่ข้าก็ไม่คิดว่าข้าจะได้เจอนางเช่นเดียวกับที่ฝันจริง ๆ”
“พ่อเข้าใจที่เจ้าต้องการบอกแล้ว ถิงถิง พ่อจะปกป้องเจ้าและพี่ชายของเจ้าเอง” หากสิ่งที่บุตรสาวฝันเป็นลางบอกเหตุ มิเท่ากับว่าตระกูลจางต้องล่มสลายเลยหรือ
“เราสามคนจะช่วยกันปกป้องตระกูลจางเจ้าค่ะ”
“พ่อจะเรียกพี่ชายเจ้ากลับมาสนทนาเรื่องนี้”
“มิต้องเจ้าค่ะ ข้าเคยเล่าความฝันให้พี่ใหญ่ฟังคร่าว ๆ แล้ว ท่านพ่อเพียงส่งจดหมายไปบอกกล่าวถึงการมาของนาง พี่ใหญ่ก็จะเข้าใจเองว่าต้องทำเช่นไรต่อเจ้าค่ะ” เรื่องผู้คุ้มกันนางคิดว่าจางไห่เฉิงที่เป็นถึงกุนซือของกองทัพน่าจะจัดการได้ดีกว่าบิดา
“พ่อเข้าใจแล้ว”
“ต่อจากนี้ท่านพ่อต้องระมัดระวังเรื่องงาน จะเป็นการดีหากท่านพ่อทำทุกเรื่องให้โปร่งใสและมีพยานหลายคน”
“พ่อเข้าใจแล้ว”
“ข้าอยากรบกวนท่านพ่ออีกเรื่องเจ้าค่ะ”
“กล่าวมาเถิด”
“ข้าอยากให้ท่านพ่อช่วยข้าแยกว่าบ่าวรับใช้คนใดถูกอดีตฮูหยินรับเข้ามาบ้าง”
“เจ้าไปถามเรื่องนี้จากพ่อบ้านหวู่ได้เลย เขาไว้ใจได้”
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
หลังจากนั้นพ่อลูกก็สนทนากันถึงเรื่องที่จะต้องปกป้องตระกูลจางเอาไว้ให้ได้
ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งเค่อก่อนหลังจากที่แยกกับพี่ชายแล้ว จางซีถิงก็กลับขึ้นรถม้า แต่ทว่าทันทีที่เปิดม่านเข้าไปในรถม้านางก็พบว่าด้านในมีบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่ “มิทราบว่าวันนี้รถม้าของคุณชายรองเซี่ยเสียอีกแล้วหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงด้านข้าง “ข้าเพียงบังเอิญผ่านมาแล้วรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจึงเข้ามานั่งพักในรถม้า ช่างบังเอิญเสียจริงที่เป็นรถม้าของคุณหนูจาง” คนบังคับรถม้าก็เป็นองครักษ์เงาของเขาที่บัดนี้กลายเป็นผู้คุ้มกันในจวนตระกูลจาง ดังนั้นทุกอย่างย่อมอยู่ในการควบคุมของเขา ‘หึ! ความบังเอิญช่างน่ากลัวเสียจริง’ นางลอบคิด “ได้ยินว่าคุณหนูจางได้เครื่องรางมา ไม่ทราบว่ามีของข้าด้วยหรือไม่”&
“ขอบคุณเจ้าค่ะ แล้วทางจิ่นโจวมีจดหมายตอบกลับมาบ้างหรือไม่เจ้าคะ” “มี พี่เพิ่งเขียนเสร็จเมื่อวันก่อน ยามนี้คงถึงมือนางแล้ว” “เนื้อความในจดหมายกล่าวว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ ยามอยู่ในจวนข้าจะได้เตรียมรับมือนางได้” “เห็นว่าให้รีบลงมือวางยาพิษเจ้าให้มากขึ้นแล้วนำจดหมายที่มีการปลอมลายมือท่านพ่อเรียบร้อยแล้วไปไว้ในห้องหนังสือเมื่อคนของกรมอาญามาตรวจค้นจะได้มีหลักฐานมัดตัวท่านพ่อ แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ นางปลอมลายมือท่านพ่อได้เหมือนมาก หากเห็นเพียงผ่าน ๆ ย่อมคิดว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง” “นางคิดทำสิ่งใดกับท่านพ่อหรือเจ้าคะ” “ยัดข้อหาทุจริตในการสอบจิ้นซื่อ โดยใช้บัณฑิตราวสิบคนยื่นหนังส
นัยน์ตาเมล็ดซิ่งที่มองตามรถม้าที่วิ่งจากไปฉายแววขบขัน หลังจากวันนั้นที่นางใช้วาจาบีบบังคับน้องสาวต่างบิดาให้กินน้ำแกงถ้วยนั้นเข้าไป อีกฝ่ายก็หายหน้าไปนานถึงสิบวันเพิ่งโผล่หน้ามารบกวนนางเมื่อวานเพื่อนัดหมายเรื่องการเดินทางไปชมงานประชันหญิงงามที่จะถูกจัดขึ้น พอรถม้าหายลับไปจากครรลองสายตา คุณหนูจางที่ท่าทางอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเดินเหินจนต้องมีสาวใช้มาประคองเมื่อครู่กลับผละออกห่างจากสาวใช้ แล้วยืนด้วยตนเอง มือเรียวรับผ้าที่ผิงฟางยื่นให้มาเช็ดใบหน้า “หากเมื่อครู่บ่าวไม่รู้ว่าคุณหนูแสร้งทำ บ่าวคงคิดว่าคุณหนูป่วยจริงแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทของนางกล่าว “หากไม่แนบเนียนจะหลอกนางได้อย่างไร รีบไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เถิด” จางซีถิงเช็ดแป้งที่นางจงใจทาเพื่อให้ใบหน้าดูซีดเซียวกล่าวก่อนจะเดินนำหน้าเพื่อก
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ น้ำแกงถ้วยนี้ข้าตั้งใจต้มมาให้ท่าน ประเดี๋ยวข้าค่อยกลับไปต้มใหม่ก็ได้เจ้าค่ะ” กู้ซินอี้ยกมือมาดันถ้วยน้ำแกงเอาไว้ “จะต้มใหม่ด้วยเหตุใดกันเล่า มิใช่ว่าต้องใช้เวลานานหรือ ข้าร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว เจ้าก็รับน้ำแกงบำรุงถ้วยนี้ไปกินเถิด” “มิเป็นไรจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมอบให้ท่านแล้วข้าไม่รับคืนเจ้าค่ะ” “แต่คนที่ควรจะกินน้ำแกงบำรุงควรเป็นเจ้ามากกว่า หรือว่าที่เจ้าไม่ยอมรับน้ำแกงถ้วยนี้ไปกินเพราะน้ำแกงถ้วยนี้มีปัญหา” “มิได้เจ้าค่ะ” คุณหนูกู้ตอบกลับ “หากไม่มีปัญหาเช่นนั้นก็รับไปกินเสียสิ” นางยื่นถ้วยน้ำแกงไปตรงหน้าอีกครั้ง&n
7 เครื่องรางกันสิ่งชั่วร้าย เมื่อรถม้าแล่นจากไปจนลับสายตาคุณชายรองเซี่ยก็หันไปมองสหายที่เพิ่งเดินมายืนด้านข้าง “เจ้ามาได้อย่างไร” แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ทว่าแววตาของเซี่ยหงหมิงกลับพราวระยับอย่างชัดเจน “ข้าก็ใช้วิชาตั
จางซีถิงขยับกายเล็กน้อยคล้ายรู้สึกอึดอัด นัยน์ตาเมล็ดซิ่งมองตอบโต้บุรุษที่จับจ้องใบหน้าตนไม่วางตา หากเขาไม่ออกมาขวางรถม้าของนางเพื่อขออาศัยเข้าเมือง นางก็คงจะแสร้งไม่เห็นและไม่สนใจรถม้าคันที่จอดเสียอยู่ “เมื่อครู่เจ้าคงไม่ได้คิดจะเมินเฉยไม่สนใจรถม้าตระกูลเซี่ยที่จอดเสียอยู่ใช่หรือไม่” “กลางป่าเช่นนี้ข้าย่อมต้องคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อน และท่านก็ไม่ควรออกมาขวางรถม้าผู้อื่นเช่นนี้มันอันตรายเจ้าค่ะ” “หากข้าไม่ออกมาขวางรถม้าเจ้า ข้าหรือจะได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า” วาจาที่แฝงการตำหนิของเขาทำให้นางยกแขนขึ้นกอดอกแล้วมองเขานิ่ง “...” “เจ้าไปที่ใดมาหรือ เหตุใดถึงออกมาเพียงลำพัง สาวใช้ก็ไม่พามาด้วย” “คุณชายรองเซี่ย เรามิใช่ว่าเคยตกลงกันแล้วหรือเจ้าคะ ว่าถึงเมืองหลวงเมื่อใด เราทั้งสองจะกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้า แล้วเหตุใดท่านถึงได้มาปรากฏตัวตรงหน้าข้าอยู่ร่ำไป” หรือแท้จริงมีแผนการใดแอบแฝงอยู่ พรึ่บ! สิ้นเสียงกล่าวของนาง เขาเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วทำให้ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้านางในระยะประชิด มือใ







