LOGIN“เยินยอข้าเกินไปแล้ว เจ้างดงามยิ่งกว่าข้าเสียอีก ไม่อยากลองสมัครลงแข่งขันชิงตำแหน่งหญิงงามอันดับหนึ่งหรือ”
“ยามนี้ข้าอายุเพียงสิบสี่หนาวเจ้าค่ะ และที่เดินทางมาเยือนเมืองหลวงในครั้งนี้ก็เพื่อจะมาดูการชิงตำแหน่งหญิงงามอันดับหนึ่งจะได้เตรียมพร้อม”
“เช่นนั้นมาเมืองหลวงครั้งนี้คงอยู่นานใช่หรือไม่” กว่างานประกวดจะเสร็จสิ้นก็อีกสองเดือนข้างหน้า
“เจ้าค่ะ”
“เจ้าไปที่ตระกูลหลวนมาหรือยัง หากท่านตาท่านยายได้พบเจ้าคงดีใจ” ตั้งแต่บุตรสาวทิ้งสามีและลูกไป ตระกูลหลวนก็รู้สึกอับอายและไม่กล้าสู้หน้าตระกูลจางเป็นเหตุให้ห่างเหินกันไป
“ยังเจ้าค่ะ ข้ามาถึงก็มาที่นี่ก่อน”
“คงไปไม่ถูกสินะ ประเดี๋ยวข้าจะให้ท่านลุงพ่อบ้านไปส่งเจ้าที่ตระกูลหลวน”
“พี่สาวเจ้าคะ จนกว่างานประชันหญิงงามจะเสร็จสิ้น ข้าขออาศัยอยู่ที่นี่กับท่านได้หรือไม่เจ้าคะ” แม่นางน้อยวัยสิบสี่หนาวกล่าวด้วยท่าทางใสซื่อ นัยน์ตาหลุบลงมองต่ำเล็กน้อยก่อนจะช้อนตาขึ้นมองอย่างอ้อนวอน
“จะเหมาะสมหรือ มารดาเจ้าจะไม่ต่อว่าเอาหรือ”
“เป็นมารดาของนางที่ส่งจดหมายมาขอร้องให้นางพักอาศัยที่นี่” เจ้ากรมขุนนางจางกล่าวก่อนจะส่งจดหมายฉบับนั้นให้บุตรสาว
นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกวาดมองจดหมายที่กล่าวขอโทษขอโพยบิดาพร้อมทั้งขอร้องให้บุตรสาวพักอาศัยอยู่ที่จวนตระกูลจางหวังให้กู้ซินอี้สนิทสนมกับพี่น้องต่างบิดา ซึ่งหากนางได้อ่านจดหมายฉบับนี้โดยไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง นางก็คงรู้สึกซาบซึ้งได้ไม่ยากที่มารดายังคงระลึกถึง
หึ! แต่ขอโทษ ภาพในความทรงจำของจางซีถิงนั้นน่าสงสารกว่ามาก สามพ่อลูกตระกูลจางต้องคอยประคับประคองความรู้สึกกันมาโดยตลอด นานหลายปีกว่าจะหลุดพ้นจากความโศกเศร้าและเสียงติฉินนินทาของผู้คนได้
“แต่ว่า...” นางแสร้งหลุบตาลงมองพื้นคล้ายลังเล
“พี่สาว ได้โปรดให้ข้าอยู่ที่นี่เถิดเจ้าค่ะ เป็นข้าเองที่รบเร้าท่านแม่อยากมาอยู่ใกล้ชิดสนิทสนมกับท่านและพี่ใหญ่” กู้ซินอี้ลุกขึ้นก่อนจะย้ายตัวเองมานั่งด้านข้างของนาง มือเรียวเล็กที่ไม่ได้เนียนนุ่มเท่าคุณหนูในเมืองหลวงจับมือนางเอาไว้พลางเอ่ยวาจาอ้อนวอน
“คุณหนูกู้ อย่างไรก็ไม่เหมาะสมหากเจ้าจะมาพักที่นี่” เจ้ากรมขุนนางจางกล่าว
“พี่สาว ท่านแม่มักเล่าเรื่องของท่านให้ข้าฟังอยู่เสมอ ทำให้ข้าอยากพบหน้าท่านมาก หวังว่าพี่สาวจะเอ็นดูและรักข้าเหมือนที่ข้ารักท่าน” คุณหนูกู้ทรุดกายลงคุกเข่าก่อนจะเอ่ยปากอ้อนวอน
“เอาล่ะ ท่านพ่อเจ้าค่ะ ให้น้องสาวได้พักที่นี่เถิดเจ้าค่ะ” นางหันไปกล่าวกับบิดา
“แต่ว่า...” จางเจี้ยนหานตั้งใจจะโต้แย้งอีกครั้ง
“ในจดหมายมารดาของนางก็บอกแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ ว่าจะรบกวนตระกูลจางแค่สองเดือน ท่านพ่อให้คุณหนูกู้อยู่ที่นี่เถิดเจ้าค่ะ”
“หากเจ้าปรารถนาเช่นนั้นพ่อย่อมตามใจเจ้า”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางกล่าวกับบิดา
“ขอบคุณเจ้าค่ะพี่สาว ขอบคุณเจ้าค่ะท่านลุง” กู้ซินอี้ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
‘อืม...ท่าทางเช่นนี้เองสินะ ที่สามารถทำให้ผู้อื่นตายใจจนนำไปสู่ความตายได้ ส่วนบุรุษก็ยินดีทำตามที่นางปรารถนาทุกอย่างโดยไม่สนว่าเรื่องนั้นมันจะผิดหรือถูก’ จางซีผิงคิด
“ท่านพ่อบ้านเจ้าคะ พาคุณหนูกู้ไปพักที่เรือนรับรองปีกตะวันตกนะเจ้าคะ”
“ขอรับคุณหนู” แม้จะสงสัยว่าเรือนรับรองปีกตะวันตกเป็นฝั่งที่อยู่ห่างไกลที่สุด แต่ทว่าท่านลุงพ่อบ้านก็ได้แต่ตอบรับและรีบทำตามคำสั่งผู้เป็นนายแต่โดยดี
“พี่สาว ข้าอยู่ร่วมเรือนกับท่านไม่ได้หรือเจ้าคะ”
“เรือนข้าไม่มีห้องว่างแล้ว เจ้าไปอยู่ที่เรือนรับรองเถิด” ได้คืบจะเอาศอก สตรีเช่นนี้น่ะหรือลูกรักของนักเขียน
“ไม่มีห้องว่างหรือแท้จริงท่านรังเกียจที่ข้ามาจากต่างเมือง” กู้ซินอี้โต้แย้งด้วยท่าทางแฝงความเอาแต่ใจ
“หากข้ารังเกียจเจ้า เจ้าหรือจะได้เข้าพักที่เรือนรับรอง ต้องขออภัยจริง ๆ ที่เรือนข้ามีห้องว่างเพียงห้องเก็บฟืน หากจะให้เจ้าพักก็คงจะไม่เหมาะสมกับฐานะเท่าใด หวังว่าเจ้าจะเข้าใจในความลำบากของข้า”
ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งเค่อก่อนหลังจากที่แยกกับพี่ชายแล้ว จางซีถิงก็กลับขึ้นรถม้า แต่ทว่าทันทีที่เปิดม่านเข้าไปในรถม้านางก็พบว่าด้านในมีบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่ “มิทราบว่าวันนี้รถม้าของคุณชายรองเซี่ยเสียอีกแล้วหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงด้านข้าง “ข้าเพียงบังเอิญผ่านมาแล้วรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจึงเข้ามานั่งพักในรถม้า ช่างบังเอิญเสียจริงที่เป็นรถม้าของคุณหนูจาง” คนบังคับรถม้าก็เป็นองครักษ์เงาของเขาที่บัดนี้กลายเป็นผู้คุ้มกันในจวนตระกูลจาง ดังนั้นทุกอย่างย่อมอยู่ในการควบคุมของเขา ‘หึ! ความบังเอิญช่างน่ากลัวเสียจริง’ นางลอบคิด “ได้ยินว่าคุณหนูจางได้เครื่องรางมา ไม่ทราบว่ามีของข้าด้วยหรือไม่”&
“ขอบคุณเจ้าค่ะ แล้วทางจิ่นโจวมีจดหมายตอบกลับมาบ้างหรือไม่เจ้าคะ” “มี พี่เพิ่งเขียนเสร็จเมื่อวันก่อน ยามนี้คงถึงมือนางแล้ว” “เนื้อความในจดหมายกล่าวว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ ยามอยู่ในจวนข้าจะได้เตรียมรับมือนางได้” “เห็นว่าให้รีบลงมือวางยาพิษเจ้าให้มากขึ้นแล้วนำจดหมายที่มีการปลอมลายมือท่านพ่อเรียบร้อยแล้วไปไว้ในห้องหนังสือเมื่อคนของกรมอาญามาตรวจค้นจะได้มีหลักฐานมัดตัวท่านพ่อ แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ นางปลอมลายมือท่านพ่อได้เหมือนมาก หากเห็นเพียงผ่าน ๆ ย่อมคิดว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง” “นางคิดทำสิ่งใดกับท่านพ่อหรือเจ้าคะ” “ยัดข้อหาทุจริตในการสอบจิ้นซื่อ โดยใช้บัณฑิตราวสิบคนยื่นหนังส
นัยน์ตาเมล็ดซิ่งที่มองตามรถม้าที่วิ่งจากไปฉายแววขบขัน หลังจากวันนั้นที่นางใช้วาจาบีบบังคับน้องสาวต่างบิดาให้กินน้ำแกงถ้วยนั้นเข้าไป อีกฝ่ายก็หายหน้าไปนานถึงสิบวันเพิ่งโผล่หน้ามารบกวนนางเมื่อวานเพื่อนัดหมายเรื่องการเดินทางไปชมงานประชันหญิงงามที่จะถูกจัดขึ้น พอรถม้าหายลับไปจากครรลองสายตา คุณหนูจางที่ท่าทางอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเดินเหินจนต้องมีสาวใช้มาประคองเมื่อครู่กลับผละออกห่างจากสาวใช้ แล้วยืนด้วยตนเอง มือเรียวรับผ้าที่ผิงฟางยื่นให้มาเช็ดใบหน้า “หากเมื่อครู่บ่าวไม่รู้ว่าคุณหนูแสร้งทำ บ่าวคงคิดว่าคุณหนูป่วยจริงแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทของนางกล่าว “หากไม่แนบเนียนจะหลอกนางได้อย่างไร รีบไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เถิด” จางซีถิงเช็ดแป้งที่นางจงใจทาเพื่อให้ใบหน้าดูซีดเซียวกล่าวก่อนจะเดินนำหน้าเพื่อก
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ น้ำแกงถ้วยนี้ข้าตั้งใจต้มมาให้ท่าน ประเดี๋ยวข้าค่อยกลับไปต้มใหม่ก็ได้เจ้าค่ะ” กู้ซินอี้ยกมือมาดันถ้วยน้ำแกงเอาไว้ “จะต้มใหม่ด้วยเหตุใดกันเล่า มิใช่ว่าต้องใช้เวลานานหรือ ข้าร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว เจ้าก็รับน้ำแกงบำรุงถ้วยนี้ไปกินเถิด” “มิเป็นไรจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมอบให้ท่านแล้วข้าไม่รับคืนเจ้าค่ะ” “แต่คนที่ควรจะกินน้ำแกงบำรุงควรเป็นเจ้ามากกว่า หรือว่าที่เจ้าไม่ยอมรับน้ำแกงถ้วยนี้ไปกินเพราะน้ำแกงถ้วยนี้มีปัญหา” “มิได้เจ้าค่ะ” คุณหนูกู้ตอบกลับ “หากไม่มีปัญหาเช่นนั้นก็รับไปกินเสียสิ” นางยื่นถ้วยน้ำแกงไปตรงหน้าอีกครั้ง&n
7 เครื่องรางกันสิ่งชั่วร้าย เมื่อรถม้าแล่นจากไปจนลับสายตาคุณชายรองเซี่ยก็หันไปมองสหายที่เพิ่งเดินมายืนด้านข้าง “เจ้ามาได้อย่างไร” แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ทว่าแววตาของเซี่ยหงหมิงกลับพราวระยับอย่างชัดเจน “ข้าก็ใช้วิชาตั
จางซีถิงขยับกายเล็กน้อยคล้ายรู้สึกอึดอัด นัยน์ตาเมล็ดซิ่งมองตอบโต้บุรุษที่จับจ้องใบหน้าตนไม่วางตา หากเขาไม่ออกมาขวางรถม้าของนางเพื่อขออาศัยเข้าเมือง นางก็คงจะแสร้งไม่เห็นและไม่สนใจรถม้าคันที่จอดเสียอยู่ “เมื่อครู่เจ้าคงไม่ได้คิดจะเมินเฉยไม่สนใจรถม้าตระกูลเซี่ยที่จอดเสียอยู่ใช่หรือไม่” “กลางป่าเช่นนี้ข้าย่อมต้องคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อน และท่านก็ไม่ควรออกมาขวางรถม้าผู้อื่นเช่นนี้มันอันตรายเจ้าค่ะ” “หากข้าไม่ออกมาขวางรถม้าเจ้า ข้าหรือจะได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า” วาจาที่แฝงการตำหนิของเขาทำให้นางยกแขนขึ้นกอดอกแล้วมองเขานิ่ง “...” “เจ้าไปที่ใดมาหรือ เหตุใดถึงออกมาเพียงลำพัง สาวใช้ก็ไม่พามาด้วย” “คุณชายรองเซี่ย เรามิใช่ว่าเคยตกลงกันแล้วหรือเจ้าคะ ว่าถึงเมืองหลวงเมื่อใด เราทั้งสองจะกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้า แล้วเหตุใดท่านถึงได้มาปรากฏตัวตรงหน้าข้าอยู่ร่ำไป” หรือแท้จริงมีแผนการใดแอบแฝงอยู่ พรึ่บ! สิ้นเสียงกล่าวของนาง เขาเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วทำให้ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้านางในระยะประชิด มือใ







