LOGINตั้งแต่ได้พบเจอกับน้องสาวต่างบิดา ความสงบสุขของคุณหนูจางก็หายไปทันที ในแต่ละวันคุณหนูกู้ผู้ใสซื่อบริสุทธิ์เอาแต่มานั่งสนทนากับนางเล่าเรื่องมารดาที่นางไม่อยากฟังอยู่บ่อยครั้ง
“น้ำแกงถ้วยนี้ข้าตั้งใจต้มเองเลยนะเจ้าคะ พี่สาวรีบดื่มตอนร้อน ๆ เถิดเจ้าค่ะ”
“สนทนากับเจ้าก่อน ประเดี๋ยวค่อยดื่มก็ได้”
“พี่สาวคงรังเกียจข้าสินะเจ้าคะ ถึงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมดื่มน้ำแกงที่ข้าปรุงเองกับมือเช่นนี้” ท่าทางคล้ายเด็กน้อยเอาแต่ใจชอบเอ่ยวาจาบีบบังคับผู้อื่นทำให้นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“เฮ้อ! ข้ากำลังอ่านตำราอย่างเพลิดเพลิน จึงคิดว่าประเดี๋ยวรอมันเย็นค่อยดื่ม เจ้าอย่าได้คิดตัดสินใจเอาเอง”
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าเพียงอยากให้พี่สาวได้ลิ้มรสน้ำแกงที่ข้าต้ม” กล่าวจบก็จ้องมองหน้านางพลางกะพริบตาปริบ ๆ แลดูน่าสงสาร
“เอาล่ะ ๆ ข้าจะกินเลยก็ได้” กล่าวจบนางก็ยกชามขึ้นดื่มโดยใช้แขนอาภรณ์บังอย่างมีมารยาท และนั่นคือช่องว่างที่ทำให้นางสามารถใช้ประโยชน์ได้
“พี่สาวเจ้าคะ ข้ามาอยู่ที่จวนตระกูลจางก็หลายวันแล้ว ข้าไม่ค่อยเห็นท่านออกไปนอกจวนบ้างเลย”
“ข้าไม่ชอบออกนอกจวน”
“เป็นเช่นนั้นหรือเจ้าคะ ข้าก็คิดว่าที่ท่านไม่อยากออกนอกจวนเพราะไม่อยากพาข้าไปด้วยเสียอีก ขออภัยเจ้าค่ะที่ข้าคิดมากเกินไป” แม่นางน้อยคนงามกล่าว นัยน์ตาดอกท้อมีหยาดน้ำตาคลออยู่เล็กน้อย
“หากเจ้าอยากออกไปเดินเล่นหรือไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ก็สามารถไปได้”
“พี่สาวใจดียิ่งนัก เช่นนั้นเราจะไปเมื่อใดดีเจ้าคะ”
“หลังจากข้าส่งผิงฟางไปแจ้งคนเฝ้าประตู เจ้าสามารถออกไปนอกจวนกับสาวใช้ได้เลย”
“ท่านไม่ไปกับข้าหรือเจ้าคะ” ดวงหน้าหวานเศร้าสลดลง
“ไม่ล่ะ เมื่อคืนข้าอ่านตำราดึกดื่น อยากนอนพักเสียหน่อย”
“เช่นนั้นข้าไม่ไปก็ได้เจ้าค่ะ เป็นสตรีออกไปเที่ยวเล่นลำพังนั้นไม่เหมาะสม” ใบหน้าของกู้ซินอี้โศกเศร้า
“เมืองหลวงไม่ได้เคร่งครัดมากถึงเพียงนั้น หากเจ้าอยากออกไปเดินซื้อของนอกจวนเจ้าสามารถไปได้ แค่บอกกล่าวผู้อาวุโสไว้”
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ”
“หรือว่าเจ้าไม่มีตำลึง เช่นนั้นข้า...” พอเห็นนางทำท่าเหมือนจะหยิบถุงเงินออกมา นัยน์ตาดอกท้อของสตรีตรงหน้าก็มีประกายยินดีพาดผ่านก่อนจะเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวเมื่อได้ยินประโยคถัดไปของนาง
“ลืมไปบิดาเจ้าเป็นถึงเจ้าเมืองจิ่นโจวย่อมต้องมอบตำลึงมากมายให้บุตรสาวคนเดียวเช่นเจ้าติดตัวมาด้วย”
“เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเจ้าค่ะ มิเทียบเท่าที่พี่สาวได้จากท่านลุงหรอกเจ้าค่ะ”
“อย่าได้ถ่อมตัวเลย มารดาของเจ้าหรือก็เป็นถึงคุณหนูจวนราชครู มีสินเดิมและเครื่องประดับล้ำค่ามากมาย ทั้งหมดย่อมมอบให้บุตรสาวเช่นเจ้า” มิใช่ว่าหลายวันมานี้เอาแต่กล่าวว่ามารดารักและตามใจหรือ ดังนั้นก็อย่าได้หวังว่านางจะหยิบยื่นเงินทองให้
“พี่สาวก็กล่าวเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”
“แล้วยังจะไปเดินเล่นนอกจวนอยู่หรือไม่ ข้าจะได้ให้ผิงฟางไปแจ้งคนเฝ้าประตู”
“ไม่ไปแล้วเจ้าค่ะ”
“อืม ตามใจเจ้า เอาล่ะ ข้าคงต้องขอตัวไปนอนก่อน เจ้ากลับเรือนรับรองไปก่อนเถิด”
“ข้าขอนั่งเล่นที่นี่ก่อนมิได้หรือเจ้าคะ” กล่าวจบน้ำตาก็คลอขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาดอกท้อมองนางอย่างอ้อนวอน
“ช่วงนี้ยามอู่ (11.00-12.59)ถึงยามเซิน (15.00-16.59) มักจะมีลมใต้พัดหอบอะไรบางอย่างมาด้วย วันนั้นผิงฟางสาวใช้ข้าโดนเข้า คันไปทั้งตัว ยิ่งเกาก็ยิ่งคันสุดท้ายเกาจนผิวกายถลอก ไม่รู้ว่าหากใส่ยาแล้วภายหลังแผลที่เกิดจากการเกาจะหายไปหรือไม่”
“เช่นนั้นข้าไม่รบกวนท่านดีกว่าเจ้าค่ะ” กู้ซินอี้รีบขอตัว หากผิวกายมีรอยย่อมไม่อาจเข้าร่วมงานประชันสาวงาม
‘ดูเหมือนข้าคงต้องพาน้องสาวต่างบิดาออกไปเดินเที่ยวย่านการค้าสักครั้งกระมัง ถือเป็นการป่าวประกาศไปในตัวว่าตระกูลจางดีกับคุณหนูกู้เพียงใด แม้จะเป็นบุตรสาวของอดีตจางฮูหยินและชายคนรักคนใหม่ก็ตาม
นัยน์ตาที่ทอดมองแผ่นหลังเล็กที่ห่างออกไปฉายแววล้ำลึก แม้ยามนี้จวนของนางก็มีคนคุ้มกันที่พี่ใหญ่ส่งมาให้ แต่ทว่านางก็ต้องระวังตนเองด้วย
‘อาจจะต้องทำผ้าซับน้ำให้หนาขึ้นกว่านี้’ นางคิดก่อนจะลูบไล้ผ้าซับน้ำที่นางตั้งใจเย็บซ่อนไว้ด้านในชายอาภรณ์
ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งเค่อก่อนหลังจากที่แยกกับพี่ชายแล้ว จางซีถิงก็กลับขึ้นรถม้า แต่ทว่าทันทีที่เปิดม่านเข้าไปในรถม้านางก็พบว่าด้านในมีบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่ “มิทราบว่าวันนี้รถม้าของคุณชายรองเซี่ยเสียอีกแล้วหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงด้านข้าง “ข้าเพียงบังเอิญผ่านมาแล้วรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจึงเข้ามานั่งพักในรถม้า ช่างบังเอิญเสียจริงที่เป็นรถม้าของคุณหนูจาง” คนบังคับรถม้าก็เป็นองครักษ์เงาของเขาที่บัดนี้กลายเป็นผู้คุ้มกันในจวนตระกูลจาง ดังนั้นทุกอย่างย่อมอยู่ในการควบคุมของเขา ‘หึ! ความบังเอิญช่างน่ากลัวเสียจริง’ นางลอบคิด “ได้ยินว่าคุณหนูจางได้เครื่องรางมา ไม่ทราบว่ามีของข้าด้วยหรือไม่”&
“ขอบคุณเจ้าค่ะ แล้วทางจิ่นโจวมีจดหมายตอบกลับมาบ้างหรือไม่เจ้าคะ” “มี พี่เพิ่งเขียนเสร็จเมื่อวันก่อน ยามนี้คงถึงมือนางแล้ว” “เนื้อความในจดหมายกล่าวว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ ยามอยู่ในจวนข้าจะได้เตรียมรับมือนางได้” “เห็นว่าให้รีบลงมือวางยาพิษเจ้าให้มากขึ้นแล้วนำจดหมายที่มีการปลอมลายมือท่านพ่อเรียบร้อยแล้วไปไว้ในห้องหนังสือเมื่อคนของกรมอาญามาตรวจค้นจะได้มีหลักฐานมัดตัวท่านพ่อ แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ นางปลอมลายมือท่านพ่อได้เหมือนมาก หากเห็นเพียงผ่าน ๆ ย่อมคิดว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง” “นางคิดทำสิ่งใดกับท่านพ่อหรือเจ้าคะ” “ยัดข้อหาทุจริตในการสอบจิ้นซื่อ โดยใช้บัณฑิตราวสิบคนยื่นหนังส
นัยน์ตาเมล็ดซิ่งที่มองตามรถม้าที่วิ่งจากไปฉายแววขบขัน หลังจากวันนั้นที่นางใช้วาจาบีบบังคับน้องสาวต่างบิดาให้กินน้ำแกงถ้วยนั้นเข้าไป อีกฝ่ายก็หายหน้าไปนานถึงสิบวันเพิ่งโผล่หน้ามารบกวนนางเมื่อวานเพื่อนัดหมายเรื่องการเดินทางไปชมงานประชันหญิงงามที่จะถูกจัดขึ้น พอรถม้าหายลับไปจากครรลองสายตา คุณหนูจางที่ท่าทางอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเดินเหินจนต้องมีสาวใช้มาประคองเมื่อครู่กลับผละออกห่างจากสาวใช้ แล้วยืนด้วยตนเอง มือเรียวรับผ้าที่ผิงฟางยื่นให้มาเช็ดใบหน้า “หากเมื่อครู่บ่าวไม่รู้ว่าคุณหนูแสร้งทำ บ่าวคงคิดว่าคุณหนูป่วยจริงแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทของนางกล่าว “หากไม่แนบเนียนจะหลอกนางได้อย่างไร รีบไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เถิด” จางซีถิงเช็ดแป้งที่นางจงใจทาเพื่อให้ใบหน้าดูซีดเซียวกล่าวก่อนจะเดินนำหน้าเพื่อก
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ น้ำแกงถ้วยนี้ข้าตั้งใจต้มมาให้ท่าน ประเดี๋ยวข้าค่อยกลับไปต้มใหม่ก็ได้เจ้าค่ะ” กู้ซินอี้ยกมือมาดันถ้วยน้ำแกงเอาไว้ “จะต้มใหม่ด้วยเหตุใดกันเล่า มิใช่ว่าต้องใช้เวลานานหรือ ข้าร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว เจ้าก็รับน้ำแกงบำรุงถ้วยนี้ไปกินเถิด” “มิเป็นไรจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมอบให้ท่านแล้วข้าไม่รับคืนเจ้าค่ะ” “แต่คนที่ควรจะกินน้ำแกงบำรุงควรเป็นเจ้ามากกว่า หรือว่าที่เจ้าไม่ยอมรับน้ำแกงถ้วยนี้ไปกินเพราะน้ำแกงถ้วยนี้มีปัญหา” “มิได้เจ้าค่ะ” คุณหนูกู้ตอบกลับ “หากไม่มีปัญหาเช่นนั้นก็รับไปกินเสียสิ” นางยื่นถ้วยน้ำแกงไปตรงหน้าอีกครั้ง&n
7 เครื่องรางกันสิ่งชั่วร้าย เมื่อรถม้าแล่นจากไปจนลับสายตาคุณชายรองเซี่ยก็หันไปมองสหายที่เพิ่งเดินมายืนด้านข้าง “เจ้ามาได้อย่างไร” แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ทว่าแววตาของเซี่ยหงหมิงกลับพราวระยับอย่างชัดเจน “ข้าก็ใช้วิชาตั
จางซีถิงขยับกายเล็กน้อยคล้ายรู้สึกอึดอัด นัยน์ตาเมล็ดซิ่งมองตอบโต้บุรุษที่จับจ้องใบหน้าตนไม่วางตา หากเขาไม่ออกมาขวางรถม้าของนางเพื่อขออาศัยเข้าเมือง นางก็คงจะแสร้งไม่เห็นและไม่สนใจรถม้าคันที่จอดเสียอยู่ “เมื่อครู่เจ้าคงไม่ได้คิดจะเมินเฉยไม่สนใจรถม้าตระกูลเซี่ยที่จอดเสียอยู่ใช่หรือไม่” “กลางป่าเช่นนี้ข้าย่อมต้องคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อน และท่านก็ไม่ควรออกมาขวางรถม้าผู้อื่นเช่นนี้มันอันตรายเจ้าค่ะ” “หากข้าไม่ออกมาขวางรถม้าเจ้า ข้าหรือจะได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า” วาจาที่แฝงการตำหนิของเขาทำให้นางยกแขนขึ้นกอดอกแล้วมองเขานิ่ง “...” “เจ้าไปที่ใดมาหรือ เหตุใดถึงออกมาเพียงลำพัง สาวใช้ก็ไม่พามาด้วย” “คุณชายรองเซี่ย เรามิใช่ว่าเคยตกลงกันแล้วหรือเจ้าคะ ว่าถึงเมืองหลวงเมื่อใด เราทั้งสองจะกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้า แล้วเหตุใดท่านถึงได้มาปรากฏตัวตรงหน้าข้าอยู่ร่ำไป” หรือแท้จริงมีแผนการใดแอบแฝงอยู่ พรึ่บ! สิ้นเสียงกล่าวของนาง เขาเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วทำให้ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้านางในระยะประชิด มือใ







