LOGIN4
พบเจอกันอีกครั้ง
เพราะจางไห่เฉิงเป็นกุนซือข้างกายของแม่ทัพเซี่ย ตระกูลจางจึงได้รับเทียบเชิญเข้าร่วมงานภายในของตำหนักของเซี่ยชินอ๋องซึ่งมีแต่ครอบครัวของเหล่าทหารและขุนนางระดับสูงเข้าร่วมเพียงเท่านั้นและแน่นอนว่าคนที่ไม่จำเป็นต้องรอใครเชิญเช่นกู้ซินอี้ ย่อมต้องขอติดสอยห้อยตามไป
“พี่สาวอาภรณ์ชุดนี้ของท่านงดงามยิ่งนัก ตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยเห็นอาภรณ์ใดงดงามและล้ำค่าเช่นนี้” ท่าทางใสซื่อบริสุทธิ์ของแม่นางน้อยผู้งดงามทำให้คุณชายหลายท่านที่มาเลือกซื้ออาภรณ์อดมองไม่ได้
“เจ้าก็กล่าวเกินไปแล้ว”
“ข้าพูดจริง ๆ นะเจ้าคะ หากข้ามีโอกาสได้ใส่อาภรณ์งดงามเช่นนั้นบ้างคงดีไม่น้อย แต่ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะขอเพียงได้เห็นท่านที่เป็นพี่สาวร่วมสายเลือดของข้าได้สวมใส่อาภรณ์งดงามข้าก็ดีใจแล้ว” ท่าทางฝืนยิ้มทั้งที่ในใจโศกเศร้าของหญิงงามทำให้เหล่าคุณชายอดไม่ได้ที่จะหันมามองอยู่บ่อยครั้ง
‘คุณหนูผู้นั้นเป็นใครกัน เจ้ากรมขุนนางจางมิใช่มีบุตรสาวเพียงคนเดียวหรือ’ เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นจากด้านหลัง
“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว”
“ชุดนี้ใช่ชุดที่พี่สาวจะใส่ไปร่วมงานเลี้ยงที่ตำหนักเซี่ยชินอ๋องหรือไม่”
“ย่อมใช่ มีอันใดหรือ”
“พี่สาวได้โปรดให้อภัยข้าด้วยเจ้าค่ะ” กล่าวจบก็ก้มหน้าลงคล้ายพยายามซุกซ่อนความเสียใจ
“มีอันใดก็กล่าวมาเถิด” จางซีผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นัยน์ตาที่ทอดมองน้องสาวต่างบิดาฉายชัดถึงความเมตตาเต็มเปี่ยม
“ข้าไม่ไปร่วมงานเลี้ยงที่ตำหนักเซี่ยชินอ๋องแล้วได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าละอายใจยิ่งนักที่ไม่มีอาภรณ์งดงามที่พอจะใส่เข้าร่วมงาน หากจะใส่อาภรณ์เก่าไปก็อาจจะทำให้พี่สาวและตระกูลจางอับอายขายหน้า” ท่าทางของแม่นางทำให้คุณชายหลายคนนึกอยากจะเสนอตัวออกเงินซื้ออาภรณ์ให้
“เจ้าอย่าได้กังวลเลยคุณหนูกู้ หากเจ้าปรารถนาข้าจะช่วยเลือกอาภรณ์ที่เหมาะสมกับเจ้าให้”
“จะดีหรือเจ้าคะ”
“ย่อมดี เจ้ามิใช่บอกด้วยตนเองหรือว่าเป็นน้องสาวของข้า แม้จะคนละบิดากันแต่อย่างไรก็ถือว่ามีสายเลือดร่วมกัน”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ พี่สาวดีกับข้ายิ่งนัก ท่านใจดีมีเมตตาเช่นที่ท่านแม่เคยเล่าให้ข้าฟัง”
“เจ้ามาขออาศัยที่จวนของข้า ข้าจะไม่ดูแลเจ้าได้อย่างไร ไปเถิด ไปวัดตัวก่อนประเดี๋ยวข้าจะเลือกผ้ารอเจ้า”
“ขอบคุณเจ้าค่ะพี่สาว” กล่าวจบนางก็รีบเดินเข้าไปหลังฉากกั้นอย่างกระตือรือร้น
‘ที่แท้ก็เป็นน้องสาวต่างบิดา ที่มาจากต่างเมืองผู้นั้น’
‘เป็นน้องสาวต่างบิดา แล้วเหตุใดถึงได้ไปอยู่ที่จวนตระกูลจางได้เล่า นั่นไม่ใช่ตระกูลเดิมของมารดานางเสียหน่อย’
‘ตระกูลเดิมของมารดามีที่ใดกัน ตั้งแต่อดีตฮูหยินจางขอหย่า ทิ้งเจ้ากรมขุนนาง บุตรชายบุตรสาวไปอยู่กับอดีตคนรัก จวนราชครูก็ประกาศตัดขาดไม่ยุ่งเกี่ยวชั่วชีวิต’ และทุกวันนี้ตระกูลหลวนของราชครูยังไม่กล้าสู้หน้าตระกูลจางเลย
‘ทิ้งอดีตสามีไป แต่เหตุใดถึงกล้าให้บุตรสาวที่เกิดกับบุรุษคนรักมาอาศัยอยู่ที่จวนตระกูลจางเล่า ต่อให้ไม่โกรธเคือง แต่มันก็ไม่เหมาะสม’ เสียงซุบซิบยังคงดังขึ้นด้านหลัง เรียกรอยยิ้มบางเบาของคุณหนูจางได้เป็นอย่างดี
แม้แต่คนนอกยังมองเรื่องราวนี้ออก แล้วเหตุใดอดีตมารดาผู้นั้นถึงได้คิดว่าคนตระกูลจางจะโง่เขลาจนมองเรื่องนี้ไม่ออกกัน
“พี่สาวเลือกผ้าให้ข้าได้หรือยังเจ้าคะ” กู้ซินอี้เดินออกมา รอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าเรียกสายตาบุรุษได้ไม่ยาก
“ผ้าผืนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
“มันดูจืดชืดไปเจ้าค่ะ”
“ผืนนี้เล่า”
“สีเข้มไปเจ้าค่ะ”
“แล้วนี่เล่า” รอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าคุณหนูจางยังคงอ่อนโยนมีเมตตา
“เนื้อผ้าหยาบไปเจ้าค่ะ”
“ขออภัยคุณหนูผู้นี้ท่านกล่าววาจาเกินไปแล้วเจ้าค่ะ นี่เป็นถึงผ้าทอของซินเจียงที่ราคาสูงถึงพับละหนึ่งตำลึงทอง และไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมีโอกาสได้สัมผัส แต่ที่ข้าน้อยนำออกมาให้คุณหนูจางเลือกเป็นเพราะนางเป็นลูกค้าประจำของร้านเรา” เป็นเถ้าแก่เนี้ยที่ไม่พอใจวาจาของคุณหนูไร้ที่มาผู้นี้รีบเดินเข้ามาใกล้
“พี่สาวข้าขอโทษ ข้าไม่รู้ความ”
“ท่านผู้ดูแลอย่าได้ถือสานางเลย นางเพิ่งเคยมาเที่ยวที่เมืองหลวงครั้งแรกอาจจะไม่คุ้นเคยธรรมเนียมของเมืองหลวงนัก”
ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งเค่อก่อนหลังจากที่แยกกับพี่ชายแล้ว จางซีถิงก็กลับขึ้นรถม้า แต่ทว่าทันทีที่เปิดม่านเข้าไปในรถม้านางก็พบว่าด้านในมีบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่ “มิทราบว่าวันนี้รถม้าของคุณชายรองเซี่ยเสียอีกแล้วหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงด้านข้าง “ข้าเพียงบังเอิญผ่านมาแล้วรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจึงเข้ามานั่งพักในรถม้า ช่างบังเอิญเสียจริงที่เป็นรถม้าของคุณหนูจาง” คนบังคับรถม้าก็เป็นองครักษ์เงาของเขาที่บัดนี้กลายเป็นผู้คุ้มกันในจวนตระกูลจาง ดังนั้นทุกอย่างย่อมอยู่ในการควบคุมของเขา ‘หึ! ความบังเอิญช่างน่ากลัวเสียจริง’ นางลอบคิด “ได้ยินว่าคุณหนูจางได้เครื่องรางมา ไม่ทราบว่ามีของข้าด้วยหรือไม่”&
“ขอบคุณเจ้าค่ะ แล้วทางจิ่นโจวมีจดหมายตอบกลับมาบ้างหรือไม่เจ้าคะ” “มี พี่เพิ่งเขียนเสร็จเมื่อวันก่อน ยามนี้คงถึงมือนางแล้ว” “เนื้อความในจดหมายกล่าวว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ ยามอยู่ในจวนข้าจะได้เตรียมรับมือนางได้” “เห็นว่าให้รีบลงมือวางยาพิษเจ้าให้มากขึ้นแล้วนำจดหมายที่มีการปลอมลายมือท่านพ่อเรียบร้อยแล้วไปไว้ในห้องหนังสือเมื่อคนของกรมอาญามาตรวจค้นจะได้มีหลักฐานมัดตัวท่านพ่อ แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ นางปลอมลายมือท่านพ่อได้เหมือนมาก หากเห็นเพียงผ่าน ๆ ย่อมคิดว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง” “นางคิดทำสิ่งใดกับท่านพ่อหรือเจ้าคะ” “ยัดข้อหาทุจริตในการสอบจิ้นซื่อ โดยใช้บัณฑิตราวสิบคนยื่นหนังส
นัยน์ตาเมล็ดซิ่งที่มองตามรถม้าที่วิ่งจากไปฉายแววขบขัน หลังจากวันนั้นที่นางใช้วาจาบีบบังคับน้องสาวต่างบิดาให้กินน้ำแกงถ้วยนั้นเข้าไป อีกฝ่ายก็หายหน้าไปนานถึงสิบวันเพิ่งโผล่หน้ามารบกวนนางเมื่อวานเพื่อนัดหมายเรื่องการเดินทางไปชมงานประชันหญิงงามที่จะถูกจัดขึ้น พอรถม้าหายลับไปจากครรลองสายตา คุณหนูจางที่ท่าทางอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเดินเหินจนต้องมีสาวใช้มาประคองเมื่อครู่กลับผละออกห่างจากสาวใช้ แล้วยืนด้วยตนเอง มือเรียวรับผ้าที่ผิงฟางยื่นให้มาเช็ดใบหน้า “หากเมื่อครู่บ่าวไม่รู้ว่าคุณหนูแสร้งทำ บ่าวคงคิดว่าคุณหนูป่วยจริงแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทของนางกล่าว “หากไม่แนบเนียนจะหลอกนางได้อย่างไร รีบไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เถิด” จางซีถิงเช็ดแป้งที่นางจงใจทาเพื่อให้ใบหน้าดูซีดเซียวกล่าวก่อนจะเดินนำหน้าเพื่อก
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ น้ำแกงถ้วยนี้ข้าตั้งใจต้มมาให้ท่าน ประเดี๋ยวข้าค่อยกลับไปต้มใหม่ก็ได้เจ้าค่ะ” กู้ซินอี้ยกมือมาดันถ้วยน้ำแกงเอาไว้ “จะต้มใหม่ด้วยเหตุใดกันเล่า มิใช่ว่าต้องใช้เวลานานหรือ ข้าร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว เจ้าก็รับน้ำแกงบำรุงถ้วยนี้ไปกินเถิด” “มิเป็นไรจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมอบให้ท่านแล้วข้าไม่รับคืนเจ้าค่ะ” “แต่คนที่ควรจะกินน้ำแกงบำรุงควรเป็นเจ้ามากกว่า หรือว่าที่เจ้าไม่ยอมรับน้ำแกงถ้วยนี้ไปกินเพราะน้ำแกงถ้วยนี้มีปัญหา” “มิได้เจ้าค่ะ” คุณหนูกู้ตอบกลับ “หากไม่มีปัญหาเช่นนั้นก็รับไปกินเสียสิ” นางยื่นถ้วยน้ำแกงไปตรงหน้าอีกครั้ง&n
7 เครื่องรางกันสิ่งชั่วร้าย เมื่อรถม้าแล่นจากไปจนลับสายตาคุณชายรองเซี่ยก็หันไปมองสหายที่เพิ่งเดินมายืนด้านข้าง “เจ้ามาได้อย่างไร” แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ทว่าแววตาของเซี่ยหงหมิงกลับพราวระยับอย่างชัดเจน “ข้าก็ใช้วิชาตั
จางซีถิงขยับกายเล็กน้อยคล้ายรู้สึกอึดอัด นัยน์ตาเมล็ดซิ่งมองตอบโต้บุรุษที่จับจ้องใบหน้าตนไม่วางตา หากเขาไม่ออกมาขวางรถม้าของนางเพื่อขออาศัยเข้าเมือง นางก็คงจะแสร้งไม่เห็นและไม่สนใจรถม้าคันที่จอดเสียอยู่ “เมื่อครู่เจ้าคงไม่ได้คิดจะเมินเฉยไม่สนใจรถม้าตระกูลเซี่ยที่จอดเสียอยู่ใช่หรือไม่” “กลางป่าเช่นนี้ข้าย่อมต้องคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อน และท่านก็ไม่ควรออกมาขวางรถม้าผู้อื่นเช่นนี้มันอันตรายเจ้าค่ะ” “หากข้าไม่ออกมาขวางรถม้าเจ้า ข้าหรือจะได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า” วาจาที่แฝงการตำหนิของเขาทำให้นางยกแขนขึ้นกอดอกแล้วมองเขานิ่ง “...” “เจ้าไปที่ใดมาหรือ เหตุใดถึงออกมาเพียงลำพัง สาวใช้ก็ไม่พามาด้วย” “คุณชายรองเซี่ย เรามิใช่ว่าเคยตกลงกันแล้วหรือเจ้าคะ ว่าถึงเมืองหลวงเมื่อใด เราทั้งสองจะกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้า แล้วเหตุใดท่านถึงได้มาปรากฏตัวตรงหน้าข้าอยู่ร่ำไป” หรือแท้จริงมีแผนการใดแอบแฝงอยู่ พรึ่บ! สิ้นเสียงกล่าวของนาง เขาเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วทำให้ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้านางในระยะประชิด มือใ







